"...ละเอียดยิบ! เปิดคำพิพากษาองค์คณะชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ในที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ยืนจำคุก 2 เดือน ‘เกษม นิมมลรัตน์’ อดีต ส.ส.เชียงใหญ่ คดีปกปิดทรัพย์สิน ป.ป.ช.กรณีพ้นตำแหน่งเลขานุการนายก อบจ.เชียงใหม่ ชี้ชัดอำพรางถ่ายโอนที่ดิน รถยนต์ ให้คนใกล้ชิด ขณะที่เจ้าตัวอ้างทำคุณความดี ขอให้รอการลงโทษ ติดกำไลฯ..."
วันที่ 13 มี.ค.2566 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา มีคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ การเมืองลงโทษจําคุก 2 เดือน โดยไม่รอการกําหนดโทษหรือรอการลงโทษ นายเกษม นิมมลรัตน์ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย และอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จปกปิดข้อเท็จจริงที่ต้องแจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายก อบจ.เชียงใหม่ (คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.4 /2566) ตามที่สำนักข่าวอิศรา (www.isanews.org) รายงานแล้ว (ข่าวเกี่ยวข้อง:ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน‘เกษม นิมลรัตน์’ยื่นบัญชีฯเท็จ จำคุก 2 เดือนไม่รอลงโทษ)
มาดูคำพิพากษาอย่างละเอียด
ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง
นายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องและผู้ถูกกล่าวหา อุทธรณ์คัดค้าน คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงวันที่ 30 เดือน พฤษภาคม พุทธศักราช 2565 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ รับอุทธรณ์วันที่ 6 และ 27 เดือน ตุลาคม พุทธศักราช 2565
@เปิดที่มาของคดี-ปกปิดทรัพย์สิน 5 กรณี
ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 และพันจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559 ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้อง แต่ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กล่าวคือ
กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ไม่แสดงรายการเงินลงทุนในบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 20,612,770 หุ้น มูลค่ารวม 74,205,972 บาท ของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรสที่อยู่ในชื่อของนางบุญทอง สุภารังษี มารดาของผู้ถูกกล่าวหา
ส่วนกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่มาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ไม่แสดงรายการทรัพย์สินเป็นที่ดิน 7 แปลงของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 54128 และ 59129 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง เลขที่ 129/171 บนที่ดินโฉนดเลขที่ 59129 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 65984 ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ และรถยนต์ 2 คัน ซึ่งอยู่ในชื่อของนายวิชัย นิมมลรัตน์ น้องชายของผู้ถูกกล่าวหา ที่ดินโฉนดเลขที่ 61245 ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ดินโฉนดเลขที่ 79245 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ 6715 ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารถี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมบ้านไม้ชั้นเดียวไม่มีเลขที่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ซึ่งอยู่ในชื่อของนางมาลี แสนกลาง มารดาของนางดวงสุดา คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา และไม่แสดงรายการทรัพย์สินของนางดวงสุดา คู่สมรส ได้แก่ รายการเงินลงทุนในบริษัทแอสคอนคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 20,612,770 หุ้น ดังกล่าวข้างต้น ที่ดิน 3 แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 88670 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ในชื่อนายเกรียงศักดิ์ แสนกลาง ที่ดินโฉนดเลขที่ 88671 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ในชื่อนายวรพล วาสนาธาดากุล และที่ดินโฉนดเลขที่ 88673 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ในชื่อนายพันธมิตร แสนกลาง
กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่มาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ไม่แสดงรายการทรัพย์สินในส่วนที่เป็นที่ดิน 10 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และรถยนต์2 คันของผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวดวงสุดา คู่สมรสที่ไม่แสดงไว้ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินสองครั้งก่อน
@ ผ่องถ่ายให้เครือญาติ หนียึดทรัพย์คดีรวยผิดปกติ
จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกกล่าวหา และนางดวงสุดา คู่สมรส ทำนิติกรรมโอนทรัพย์สินดังกล่าวไปอยู่ในชื่อของญาติพี่น้องและบุคคลอื่นจึงสอบปากคำพยานบุคคลและมีหนังสือขอทราบข้อเท็จจริงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาขี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ร้องเห็นว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2559 หมายเลขแดงที่ อม.43/2560 วินิจฉัยว่าการที่ผู้ถูกกล่าวไม่แสดงหุ้นบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 20,612,770 หุ้น ของนางดวงสุดาดังกล่าวเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ ดังนั้น การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้แสดงรายการหุ้นดังกล่าวในคดีนี้จึงเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ส่วนรายการทรัพย์สินอื่นๆ ฟังไม่ได้ว่าขายให้นายวิชัย นางมาลี นางสาวกมลวรรณ นายเกรียงไกร และนายพันธมิตร แต่เป็นการแสดงเจตนาลวงเพื่ออำพรางทรัพย์สินโดยมีเจตนาให้บุคคลอื่นถือครองไว้แทน ผู้รับโอนทรัพย์สินต่างมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในฐานะเครือญาติกับผู้ถูกกล่าวและคู่สมรส ไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวมีรายการเคลื่อนไหวหรือเงินฝากคงเหลือในบัญชีธนาคารระหว่างทำการซื้อโอนกรรมสิทธิ์ ทั้งไม่ได้ประกอบอาชีพมั่นคงหรือมีรายได้เพียงพอที่จะซื้อทรัพย์สิน ไม่ปรากฏว่าได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2558 และ 2559 และการโอนทรัพย์สินทุกรายการเกิดขึ้นในระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของผู้ถูกกล่าวหาตกเป็นของแผ่นดิน เป็นพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาหลีกเลี่ยงมิให้บังคับคดีหากศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินแต่ไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นนั้นได้
ขอให้วินิจฉัยว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบพ้นกรณีจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วหนึ่งปีในตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งเวลาหนึ่งปีในตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ห้ามมีให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตามพระราชบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 และขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
@พิพากษาผิดกรณีเดียว ห้ามดำรงตำแหน่งการเมือง 5 ปี คุก 2 เดือน
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว พิพากษาว่านายเกษม นิมมลรัตน์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 114 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 แต่ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากมีมติให้จำคุก 2 เดือน คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
ผู้ร้องและผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
@ 16 มี.ค.2560 ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 12 เดือน – ยึดทรัพย์รวยผิดปกติ 168.4 ล.
พิเคราะห์อุทธรณ์ของผู้ร้อง อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหา คำแก้อุทธรณ์ของผู้ร้องประกอบพยานหลักฐานตามทางไต่สวนแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2556 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 และพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559
ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 20,612,770 หุ้น มูลค่ารวม 74,205,972 บาท ของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส ที่อยู่ในชื่อของนางบุญทอง สุภารังสี มารดาของผู้ถูกกล่าวหา
และผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่มาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินเป็นที่ดิน 7 แปลงของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 59128 และ 59129 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง 2 หลัง เลขที่ 129/171 บนที่ดินโฉนดเลขที่ 54129 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 65984 ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ และรถยนต์ 2 คัน ซึ่งอยู่ในชื่อของนายวิชัย นิมมลรัตน์ น้องชายของผู้ถูกกล่าวหา ที่ดินโฉนดเลขที่ 61245 ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ที่ดินโฉนดเลขที่ 79245 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ 6715 ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมบ้านไม้ชั้นเดียวไม่มีเลขที่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ซึ่งอยู่ในชื่อของนางมาลี แสนกลาง มารดาของนางดวงสุดา คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา และไม่แสดงรายการทรัพย์สินของนางดวงสุดา คู่สมรส ได้แก่ รายการเงินลงทุนในบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 20,612,770 หุ้น ดังกล่าวข้างต้น ที่ดิน 3 แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 88670 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ในชื่อนายเกรียงศักดิ์ แสนกลาง ที่ดินโฉนดเลขที่ 88671 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ในชื่อนายวรพล วาสนาธาดากุล และที่ดินโฉนดเลขที่ 88673 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ในชื่อนายพันธมิตร แสนกลาง กับกรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่มาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินในส่วนที่เป็นที่ดิน 10 แปลง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และรถยนต์ 2 คัน ซึ่งอยู่ในชื่อของนายวิชัย นางมาลี นายเกียรติศักดิ์ นายวรพล และนายพันธมิตร ที่ไม่แสดงไว้ในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินสองครั้งก่อน
ต่อมาวันที่ 16 มีนาคม 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2559 หมายเลขแดงที่ อม.43/2560 ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทรัพย์สินหลายรายการซึ่งรวมรายการเงินลงทุนในบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) 20,612,770 หุ้น มูลค่ารวม 74,205,972 บาท ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2558 อันเป็นวันที่พ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กับลงโทษจำคุก 12 เดือน
นอกจากนี้ในวันเดียวกันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อม.97/2559 หมายเลขแดงที่ อม.44/2560 ว่า ให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของผู้ถูกกล่าวหารวมมูลค่า 168,453,245.70 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน หากไม่อาจบังคับคดีเอากับทรัพย์สินตามคำพิพากษาข้างต้นได้ทั้งหมดหรือได้แต่บางส่วน ให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในอายุความ 10 ปี แต่ต้องไม่เกินมูลค่าของทรัพย์สินที่ศาลสั่งให้ตกเป็นของแผ่นดิน ให้คืนรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน กก 111 เชียงใหม่ มูลค่า 700,000 บาท และหุ้น NFC จำนวน 9,870 หุ้น แก่เจ้าของ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก สำหรับความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่นั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกคำร้อง ผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ ความผิดทั้งสองข้อหาดังกล่าวจึงเป็นอันยุติไป
@ตั้งประเด็นวินิจฉัยยื่นเท็จกรณีพ้นรองนายก อบจ.เชียงใหม่ กับกรณีรับเลขานายก อบจ.หรือไม่
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ หรือไม่
ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 105 วรรคสาม และวรรคสี่ ประกอบมาตรา 188 วรรคสอง ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่มีผลเป็นคุณเฉพาะผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินตามกฎหมายเดิมแต่ไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการแสดงทรัพย์และหนี้สิน หาได้มีผลเป็นคุณถึงผู้ถูกกล่าวหาซึ่งจงใจยื่นบัญชีดังกล่าวด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามกฎหมายเดิมอันเป็นความผิดสำเร็จแล้วจะกลายไม่เป็นความผิดไม่การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นั้น
เห็นว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 105 วรรคสี่ ได้บัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วว่า หากบุคคลผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 105 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม พ้นจากตำแหน่งและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ภายในหนึ่งเดือน ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งเดิมและกรณีเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ จากบทบัญญัติดังกล่าวย่อมมีผลทำให้ผู้ที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่พ้นจากตำแหน่งเดิมและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ภายในหนึ่งเดือนนั้นไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีเข้าดำรงตำแหน่งใหม่อีกต่อไป เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 แล้วได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ในวันเดียวกัน ดังนั้นแม้จะฟังข้อเท็จจริงได้ดังที่ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำที่ถูกกล่าวหาไม่ได้กำหนดให้ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องอีกต่อไป ผู้ถูกกล่าวหาย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดในความผิดทั้งสองฐานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง และมาตรา 17 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
@ลักษณะกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระ ไม่ถือร้องซ้ำ
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาประการแรกมีว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2559 หมายเลขแดงที่ อม.43/2560 หรือไม่
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงทรัพย์สินรายการเงินลงทุนบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส นั้น เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาถึงที่สุด และผู้ถูกกล่าวหาได้รับโทษตามคำพิพากษาแล้วตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2559 หมายเลขแดงที่ อม.43/2560 โดยวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจปกปิดเงินลงทุนบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวนเดียวกับที่ผู้ร้องกล่าวหาในคดีนี้ ประเด็นในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่ต้องรับโทษอีกนั้น
เห็นว่า การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบเป็นมาตรการสำคัญประการหนึ่งในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการป้องกันการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐไปแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้ อันเป็นมาตรการในการควบคุมและกำกับการใช้อำนาจของรัฐ เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผล กฎหมายจึงกำหนดตำแหน่งและระยะเวลาที่บุคคลจะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบไว้ โดยมีบทลงโทษทั้งมาตรการจำกัดสิทธิทางการเมืองและทางอาญา โดยคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2559 หมายเลขแดงที่ อม 43/2560 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริการส่วนจังหวัดเชียงใหม่
ส่วนคดีนี้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ของคู่สมรส กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ แม้รายการเงินลงทุนบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ของคู่สมรสผู้ถูกกล่าวหา เป็นทรัพย์สินรายเดียวกันกับที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เคยวินิจฉัยแล้ว แต่ลักษณะการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่จงใจไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของการเข้ารับตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งแต่ละครั้งเป็นการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินในตำแหน่งต่างกันและเป็นการดำรงตำแหน่งต่างวาระกัน ทั้งวาระการดำรงตำแหน่งตามคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2559 หมายเลขแดงที่ อม.43/2560 และวาระการดำรงตำแหน่งคดีนี้เป็นความผิดสำเร็จและสิ้นสุดในแต่ละครั้ง อันเป็นความผิดธรรมดาที่เกิดจากการกระทำในแต่ละครั้ง สามารถแยกเจตนาและการกระทำในแต่ละวาระออกต่างหากจากกันได้ มิใช่ความผิดเดียวกันหรือความผิดต่อเนื่องกันแต่เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ดังนั้น แม้ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2558 หมายเลขแดงที่ อม.43/2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้วินิจฉัยถึงการไม่แสดงรายการเงินลงทุนบริษัทแอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และมีคำพิพากษาถึงที่สุดโดยผู้ถูกกล่าวหาได้รับโทษแล้วก็ตาม แต่เมื่อประเด็นแห่งคดีนี้แตกต่างจากประเด็นในคดีดังกล่าว กรณีถือไม่ได้ว่าเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดีหรือประเด็นที่ได้วินิจฉัยขี้ขาดแล้ว ผู้ร้องย่อมยื่นคำร้องคดีนี้ได้โดยไม่เป็นการยื่นดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำหรือยื่นคำร้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม และสิทธิในการยื่นคำร้องของผู้ร้องในส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ของคู่สมรส กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ในคดีนี้ไม่เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
@ชี้ชัดอำพราง ขายบ้าน โฉนด 3 แปลง รถยนต์ 2 คันให้น้องชาย
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาประการต่อไปมีว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่หรือไม่
สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 58128, 59129 ตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างเลขที่ 129/171 และที่ดินโฉนดเลขที่ 65984 ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เอกสารหมาย ร.11 ถึง ร.13 กับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ หมายเลขทะเบียน กธ 7000 เชียงใหม่ และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า เลกซัส หมายเลขทะเบียน กบ 8888 เชียงใหม่ เอกสารหมาย ร.20 และ ร.21 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าโอนขายให้นายวิชัย นิมมลรัตน์ น้องชายของผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ในทำนองว่า การซื้อทรัพย์สินดังกล่าวเป็นสิทธิอันชอบธรรมและชอบด้วยกฎหมายของนายวิชัย นายวิชัยเป็นวิศวกรที่สหรัฐอเมริกามีเงินและรายได้มากพอ สัญญาซื้อขายไม่ได้เป็นการเร่งรีบหรือเป็นพิรุธแต่จักต้องทำให้แล้วเสร็จในช่วงที่นายวิชัยมาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาลวงโดยสมรู้กันหรือครอบครองแทน และในการทำสัญญานายวิชัยในฐานะผู้มอบอำนาจ ไม่จำต้องรู้จักกับนางสาวจันทร์จิรา สุวรรณเสน ในฐานะผู้รับมอบอำนาจนั้น
เห็นว่า การทำสัญญาซื้อขายอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่มีราคามากกว่าสองหมื่นบาทขึ้นไปที่จะมีผลเป็นการบังคับได้ตามกฎหมาย นอกจากจะต้องพิจารณาว่าได้ทำตามแบบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 456 แล้ว สิ่งสำคัญยิ่งคือจักต้องพิจารณาด้วยว่านิติกรรมนั้นกระทำลงโดยชอบด้วยกฎหมายและด้วยใจสมัคร มุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ขึ้นระหว่างบุคคล เพื่อจะก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 149 อีกทั้งต้องนำพฤติการณ์แวดล้อมอื่นในขณะทำนิติกรรมมาพิจารณาประกอบเพื่อค้นหาเจตนาของคู่สัญญาด้วย แม้สัญญาซื้อขายที่ดินและรถยนต์ข้างต้นระหว่างผู้ถูกกล่าวหากับนายวิชัยได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ได้ความจากการไต่สวนพยานหลักฐานว่า นิติกรรมดังกล่าวกระทำขึ้นในช่วงเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกอัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ในคดีหมายเลขดำที่ อม.97/2559 ส่วนหลักฐานการชำระเงินเป็นแคชเชียร์เช็คที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าได้รับมาจากนายวิชัยในฐานะผู้ซื้อ ตามเอกสารหมาย ค.1 ถึง ค.3 นั้น จำนวนเงินตามแคชเชียร์เช็คดังกล่าวก็ไม่เท่ากับราคาที่ผู้ถูกกล่าวหาควรจะได้รับตามสัญญาซื้อขายทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งไม่ปรากฎหลักฐานทางการเงินของนายวิชัยว่าเป็นผู้ชำระเงินซื้อแคชเชียร์เช็คดังกล่าว ส่อให้เห็นความเป็นพิรุธถึงเจตนาการทำนิติกรรม ประกอบกับเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดที่นายวิชัยเป็นน้องชายร่วมบิดา มารดาเดียวกันกับผู้ถูกกล่าวหาอันเป็นการง่ายต่อการให้ความช่วยเหลือด้วยการใช้ชื่อเพียงเพื่ออ้างอิง อีกทั้งนายวิชัยได้ย้ายไปทำงานและพักอาศัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานแล้ว จะเดินทางกลับประเทศไทยเพียงปีละ 1 ถึง 2 ครั้งเท่านั้น ไม่มีมูลเหตุจูงใจหรือความจำเป็นที่นายวิชัยจะต้องการซื้อทรัพย์สินดังกล่าวไว้ในครอบครอง นอกจากนี้ทางไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาเบิกความยืนยันว่าหลังจากได้ทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินดังกล่าวข้างต้นแล้ว นายวิชัยยังมิได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าวแต่อย่างใด พฤติการณ์ทั้งหมดทำให้เชื่อได้ว่านิติกรรมซื้อขายทรัพย์สินระหว่างผู้ถูกกล่าวหากับนายวิชัยกระทำลงโดยมิได้มีเจตนามุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ที่จะรับโอนกรรมสิทธิ์กันจริง เป็นการนำชื่อนายวิชัยมาใช้ในการถือครองทรัพย์สินแทนผู้ถูกกล่าวหาเพื่อเป็นการหลบเลี่ยงการถูกตรวจสอบหรือยึดทรัพย์สินดังกล่าวจากทางราชการเท่านั้น แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะเบิกความว่าที่นายวิชัยเข้ามาซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ เหล่านี้ก็เพียงเพื่อจะช่วยเหลือผู้ถูกกล่าวหาก็ตามก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ส่วนเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาและนายวิชัยได้มอบอำนาจให้นางสาวจันทร์จิรา สุวรรณเสน โอนและรับโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ทั้งสองคัน แต่ทางไต่สวนได้ความว่านางสาวจันทร์จิราไม่เคยรู้จักนายวิชัยมาก่อน และไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องการชำระราคาด้วยนั้น แม้ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่าเป็นการดำเนินการซื้อขายตามปกติ ไม่เป็นข้อสนับสนุนให้ข้อโต้แย้งของผู้ถูกกล่าวหามีน้ำหนัก ขึ้นมาแต่อย่างใด พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาโอนที่ดินและรถยนต์ดังกล่าวเพื่อยักย้ายหรือชุกซ่อนทรัพย์สิน หรือให้มีการถือครองทรัพย์สินแทน ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น
@ ที่ดิน 4 แปลงโอนให้แม่ยายแล้วขายต่อ ‘เจตนาลวง สมรู้กัน’
สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 61245 ตำบลแม่ยาว อำเภอเมืองเชียงราย เชียงราย ที่ดินโฉนดเลขที่ 79245 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่ดินโฉนดเลขที่ 6715 ตำบลเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และที่ดินโฉนดเลขที่ 1797 ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จซึ่งผู้ถูกกล่าวโอนให้แก่นางมาลี แสนกลาง มารดาของนางดวงสุดา คู่สมรส นั้น ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่ามีการซื้อขายกันจริง และชำระราคากันจริง เป็นทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาก่อนดำรงตำแหน่งทางการเมือง แม้ว่านางมาลีจะมีอายุมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเงิน หรือฐานะไม่ดี เพราะคนแก่ชราหลงลืมก็ยังมีฐานะดีสามารถซื้อทรัพย์สินได้ จึงมิใช่การแสดงเจตนาลวง
เห็นว่า การที่บุคคลใดมีฐานะร่ำรวยนั้น ย่อมต้องสามารถชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ได้ชัดเจน ทั้งสามารถอ้างอิงพยานหลักฐานได้ ได้ความจากคำเบิกความของนางดวงสุดา บุตรนางมาลี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 ซึ่งเบิกความถึงลักษณะการประกอบธุรกิจและนิสัยของนางมาลีในอดีตโดยมิได้มีพยานหลักฐานใดมายืนยันว่าทรัพย์สินในอดีตเหล่านั้นยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันอย่างไร หรือในปัจจุบันนางมาลีประกอบธุรกิจใดที่ยังคงมีรายได้ แต่กลับได้ความจากรายงานผลการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาเกี่ยวกับรายได้ของนางมาลีว่า นางมาลียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในปี 2555 ถึง 2557 ระบุว่ามีรายได้ปีละ 600, 000 บาท ส่วนปี 2558 และ 2559 ไม่พบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ส่วนบัญชีเงินฝากธนาคารนางมาลีมีบัญชีเงินฝากธนาคาร 8 บัญชี โดยมียอดเงินฝาก ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 รวม 8 บัญชี เป็นเงิน 359,505.87 บาท และ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2559 เป็นเงิน 351,105.87 บาทเท่านั้น
นอกจากนี้ยังได้ความตามถ้อยคำของนางสาวกมลวรรณ แสนกลาง ที่ให้ไว้ต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งสรุปความได้ว่านางสาวกมลวรรณเป็นหลานของนางมาลี นางมาลีป่วยมานานแล้ว เมื่อสามีของนางมาลีเสียชีวิต นางมาลีก็ป่วยหนักขึ้น มีอาการหลงลืม ชอบพูดซ้ำ ๆ นางสาวกมลวรรณนำเงินที่เก็บสะสมไว้มาซื้อโฉนดเลขที่ 88671 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จากนางดวงสุดาในราคา 100,000 บาท ปัจจุบันนางสาวกมลวรรณ์ได้ขายที่ดินแปลงนี้ให้แก่นายวรพล วาสนาธาดากุล ไปแล้วในราคา 110,000 บาท ส่วนเงินที่ได้นำมาใช้จ่ายในการรักษานางมาลีซึ่งต้องเสียค่าห้องในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และยังได้ความจากนายเกริกเกียรติ แสนกลาง ให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 สรุปความได้ว่านายเกริกเกียรติเป็นบุตรนางมาลี นางมาลีมีปัญหาเรื่องสุขภาพ มีอาการหลง ๆ ลืมๆ เป็นโรคอัลไซเมอร์ 2 ถึง 3 ปีแล้ว และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเซ็นทรัลจังหวัดเชียงใหม่ด้วยโรคชราอยู่เป็นประจำ จากถ้อยคำของนางสาวกมลวรรณและนายเกริกเกียรติ แสดงให้เห็นว่านางมาลีป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ทำให้มีอาการหลงลืม อีกทั้งเมื่อนางสาวกมลวรรณขายที่ดินได้เงินมาแล้ว ยังต้องนำเงินมาจ่ายค่าห้องในการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลของนางมาลี หากนางมาลีมีฐานะร่ำรวยและมีเงินสดเก็บไว้ที่บ้านจริง นางสาวกมลวรรณคงไม่ต้องนำเงินจากการขายที่ดินมาจ่ายค่าห้องในการพักรักษาตัวให้นางมาลี ประกอบกับเป็นการทำนิติกรรมโอนกันในช่วงเวลาหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกอัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินแล้ว พฤติการณ์จึงมีเหตุผลให้เชื่อว่าการโอนที่ดินทั้งสี่แปลงนี้เป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กันไม่มีเจตนาผูกพันกันจริงที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยในข้อนี้มานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
@พบพิรุธที่ดินเมีย 3 แปลงรีบขายให้หลานแค่ 100,000 บ.
ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 88670 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่นางดวงสุดา คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหาขายให้นายเกรียงศักดิ์ แสนกลาง ที่ดินโฉนดเลขที่ 88671 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่นางดวงสุดาขายให้นางสาวกมลวรรณ แสนกลาง และที่ดินโฉนดเลขที่ 88673 ตำบลเวียงยอง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ที่นางดวงสุดาขายให้นายพันธมิตร แสนกลาง นั้น ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่าที่ดินทั้งสามแปลงนั้นเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของนางดวงสุดาที่นำเงินมาจากการทำมาหาได้ และเงินส่วนที่บิดามารดาให้นำมาซื้อ ก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาจะมีตำแหน่งทางการเมือง โดยผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เมื่อผู้ถูกกล่าวหาประสบปัญหาต้องถูกดำเนินคดี เงินในบัญชีถูกอายัด ทำให้ไม่มีรายได้ นางดวงสุดาจึงโอนขายที่ดินทั้งสามแปลง โดยมีเจตนาผูกพันตามสัญญาซื้อขายจริงนั้น
เห็นว่าผู้ซื้อที่ดินทั้งสามแปลง ได้แก่ นายเกรียงศักดิ์ นางสาวกมลวรรณ และนายพันธมิตรต่างมีศักดิ์เป็นหลานของนางดวงสุดา การขายที่ดินให้แก่หลานทั้งสามคนในราคาแปลงละ 100,000 บาท เท่ากันทั้งที่ที่ดินแต่ละแปลงมีทำเลที่ตั้งและเนื้อที่แตกต่างกันตามเอกสารหมาย ร.22 ถึง ร.24 นับว่าเป็นพิรุธ อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาไม่นำบุคคลทั้งสามมาเบิกความยืนยันว่าผู้รับโอนทั้งสามคนมีเจตนาซื้อและครอบครองใช้ประโยชน์จากตัวทรัพย์สินตามความเป็นจริง ข้อเท็จจริงปรากฎในสำนวนการไต่สวนของผู้ร้องว่านางสาวกมลวรรณมีบัญชีธนาคาร 8 บัญชี มียอดเงินฝากรวม 149,882.13 บาท นายพันธมิตรมีเงินฝากธนาคาร 5 บัญชี มียอดเงินฝากรวม 21,792.40 บาท แต่ก็ไม่ปรากฎว่ามีการเบิกถอนเงินในช่วงเวลาที่อ้างว่ามีการซื้อแคชเชียร์เช็คเพื่อชำระเป็นค่าที่ดิน ส่วนที่นายเกริกเกียรติอ้างว่าชำระค่าที่ดินให้แก่นางดวงสุดาเป็นเงินสด โดยแบ่งชำระเป็นสองงวด งวดที่ 1 จำนวน 40,000 บาท และงวดที่ 2 จำนวน 60,000 บาท ก็ไม่ปรากฏว่ามีการถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากธนาคารของนายเกริกเกียรติตามจำนวนดังกล่าวในช่วงเวลาที่กล่าวอ้าง ประกอบกับนิติกรรมซื้อขายที่ดินทั้งสามแปลงเกิดขึ้นในวันเดียวกันมีลักษณะเร่งรีบขายหลังจากวันที่ผู้ถูกกล่าวหาถูกอัยการสูงสุดยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินไม่นาน เชื่อว่าคู่สัญญามีเจตนาลวงในการทำนิติกรรมโดยมุ่งหมายเพื่อจะหลีกเลี่ยงการบังคับคดีโดยให้ญาติมีชื่อถือครองแทน เนื่องจากสามารถจัดการโอนคืนให้แก่ตนเองได้ง่ายกว่าการขายแก่บุคคลภายนอก พฤติการณ์จึงมีเหตุผลให้เชื่อว่าการจำหน่ายจ่ายโอนที่ดินทั้งสามแปลงนี้ เป็นการแสดงเจตนาลวงโดยสมรู้กัน เพื่อปกปิดซ่อนเร้นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ไม่ได้มีเจตนาที่จะผูกพันกันจริง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
@ ศาลฎีกาชี้พฤติการณ์กระทำผิดซ้ำ คุก 2 เดือน ไม่รอลงโทษ เหมาะสมแล้ว
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาประการสุดท้ายมีว่า มีเหตุสมควรรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาหรือไม่
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนเป็นพลเมืองดีและช่วยเหลือสังคมมาตลอด หากผู้ถูกกล่าวต้องถูกจำคุกเมื่อพ้นโทษออกมายากที่สังคมจะยอมรับ ส่งผลกระทบต่อการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต หากศาลใช้ดุลพินิจรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษ โดยกำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติหรือติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำความผิดแก่ผู้ถูกกล่าวหาย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีมากกว่านั้น
เห็นว่า ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อม.64/2559 หมายเลขแดงที่ อม.43/2560 ผู้ถูกกล่าวหาถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่ามีความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วย ข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยเป็นการกระทำความผิดหลายกรรม ต่างกันรวมทั้งสิ้น 6 กระทง ให้จำคุกรวม 12 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ แสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายครั้ง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองลงโทษจำคุก 2 เดือน โดยไม่รอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษนั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน.
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรายอื่น
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน‘เกษม นิมลรัตน์’ยื่นบัญชีฯเท็จ จำคุก 2 เดือนไม่รอลงโทษ
- ศาลฎีกาจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ-ถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เลขานายกอบจ.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชีฯ
- ซุกที่ดิน 131 แปลง! ศาลฎีกาฯถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตนายก อบต.บ้านกล้วย
- โดนคดีที่สอง! ส.อบจ.อุทัยฯไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน คุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บ. รอลงโทษ 1 ปี
- จําคุก 1 เดือนรอลงโทษ 1 ปี ปรับ 4,000 บ.! นายก อบต.ห้วยแห้ง สระบุรี ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาพิพากษายืนคดีรองนายกเทศฯเมืองพัทลุงยื่นบัญชีฯเท็จ ขาดอายุความ-สั่งลงโทษไม่ได้
- หลบหนี-ขาดอายุความ!ศาลฎีกายืน‘ยกคําร้อง’รองนายก อบต.สิงห์โคก ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
- อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น!ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน รองนายกเทศฯต.เชียงใหม่ซุกทรัพย์สินศาลฎีกาฯถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รองนายก อบต.เขื่องคํา ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
คดี ปี 2565 -ก่อนหน้า
- 17 ราย นักการเมืองท้องถิ่น ศาลฎีกาฯพิพากษามีความผิด คดีบัญชีทรัพย์สินปี 2565
- ศาลฎีกาฯถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต สท.นครสกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ11 รายการ
- ไม่ยื่นบัญชีฯ! คุก1 เดือน รองนายก อบต.เขื่องคํา จ.ยโสธร ศาลให้โอกาสกลับตัว รอลงโทษ
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ! ศาลฎีกาถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รองนายกอบจ.นนทบุรี
- ใช้‘ลูกน้อง’เป็น‘นอมินี’! คำพิพากษาฉบับเต็มคดีรองนายกเทศฯ ต.ต้นธง ลำพูน ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ศาลฎีกาฯจำคุก2 เดือน รองนายกเทศฯ ต.ต้นธง จ.ลำพูน ยื่นบัญชีฯเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รองนายก อบต.หนองไฮ ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
- ศาลฎีกาจำคุก1 เดือน นายกเทศฯเมืองสุโขทัยธานี ปกปิดที่ดิน 3 แปลงป.ป.ช. รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯสั่งคุก1 เดือน‘วิชัย รอดเปีย’สมาชิกสภาเมืองพัทยา ยื่นบัญชีฯเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต! เลขาฯนายก อบจ.แปดริ้ว ไม่ยื่นบัญชีฯ
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ!ศาลฎีกาฯ คุก1 เดือน ‘พงษ์สวรรค์’นายก อบต.หล่อยูง รอลงโทษ 1 ปี
- เปิด บ.รับเหมา นายกเทศมนตรี ต.บางเสร่ ไม่แจ้ง ป.ป.ช. ก่อนศาลฎีกาฯให้พ้นตำแหน่ง
- คำพิพากษาฉบับเต็ม คดีนายกเทศฯ ต.บางเสร่ จ.ชลบุรี จงใจซุกทรัพย์สิน อย่างไร?
- ให้พ้นตำแหน่ง! นายกเทศมนตรี ต.บางเสร่ ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก4 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
- คำพิพากษาฉบับเต็ม! คดีที่4 ‘เกษม’อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ซุกทรัพย์สิน คุกจริง 2 เดือน
- โดนคดีที่4! ศาลฎีกาฯ คุกจริง 2 เดือน ‘เกษม’อดีต ส.ส.เชียงใหม่ ยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช.
- ถือหุ้น1 ล้าน! ห้างฯรับเหมา รองนายก อบต.สิงห์โคก ร้อยเอ็ด คดีปกปิด ป.ป.ช.
- เปิดทรัพย์สิน รองนายก อบต.สิงห์โคก จ.ร้อยเอ็ด ปกปิด ป.ป.ช. คดีขาดอายุความ
- ขาดอายุความอีกราย! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง รองนายก อบต.สิงห์โคก จ.ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ศาลฎีกาฯยกคำร้อง รองนายกเทศฯเมืองพัทลุง ยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช. คดีขาดอายุความ
- เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต!รองนายก อบต.หน้าพระธาตุ ชลบุรี ยื่นบัญชีเท็จ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รองนายกอบต.มวกเหล็ก ยื่นบัญชีเท็จ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯคุก1 เดือน รองนายกเทศฯต.เชียงใหม่ ไม่แจ้งห้องแถว 8 ล. ป.ป.ช. รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯคุก2 เดือน รอง อบต.กู่ทอง จ.มหาสารคาม ยื่นไม่ครบ-ยื่นบัญชีฯเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน อดีตนายก อบจ.ลำปาง ซุกที่ดิน-มอเตอร์ไซค์-รถยนต์ ป.ป.ช. รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายกเทศฯบ้านโฮ่ง จ.ลําพูน ซุกเงินลงทุน7 ล. ป.ป.ช. คดีขาดอายุความ
- ศาลฎีกาฯปรับ5,000 บาท ยกโทษจําคุก ส.อบจ.พังงา จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ เหตุสถานการณ์โควิด
- ศาลฎีกาฯ จําคุก1 เดือน นายกเทศฯต.เมืองบัว จ.ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯ เท็จ ป.ป.ช.รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน รองนายก อบต.ทับใต้ อ.หัวหิน ซุกเงินฝาก 17 บัญชี รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯสั่งจําคุก1 เดือน นายก อบต.กู่สันตรัตน์ จ.มหาสารคาม ยื่นบัญชีฯเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯคุก1 เดือน นายกอบต.ประชาพัฒนา จ.มหาสารคาม ไม่แจ้งทรัพย์สินอื้อ-รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯให้โอกาสกลับตัว!นายก อบต.ดงครั่งน้อย ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯห้ามดำรงตำแหน่งการเมืองตลอดชีวิต นายก อบต.หนองปลิง ยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก1 เดือน นายกเทศฯ จ.กาญจนบุรี ซุกทรัพย์สิน 5 ล. -รอลงโทษ 1 ปี
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืน ยกคำร้อง ส.อบจ.สระบุรี ไม่แจ้งเงินฝาก5,099.27 บ.-รถเก่า 1 คัน5,099.27 บ.-รถเก่า 1 คัน
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืนยกคำร้องอดีตนายก อบจ.มุกดาหารยื่นบัญชีฯเท็จ คดีขาดอายุความ
- ศาลฎีกาฯสั่งจําคุก1 เดือนอดีตที่ปรึกษารมช.คมนาคม ซุกหุ้น 9 ล. ป.ป.ช. รอลงโทษ 1 ปี
- ให้โอกาสอีกสักครั้ง!ศาลฎีกาฯสั่งจําคุก1 เดือน ส.อบจ.อุทัยธานี ยื่นบัญชีเท็จอื้อ รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก1 เดือน รองนายกเทศฯต.บางเมือง จ.สมุทรปราการ ไม่ยื่นทรัพย์สิน 50 ล.
- ศาลฎีกาฯสั่งคุก2 เดือน นายกฯคำเขื่อนแก้ว ยโสธร ซุกหุ้น เงินฝาก ป.ป.ช. - รอลงโทษ 1 ปี
- ห้ามเป็นนักการเมืองตลอดชีวิต! คำพิพากษาศาลฎีกาฯ นายกเมืองแกนพัฒนา ยื่นฯเท็จ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯสั่งคุก1 เดือน รองนายกเทศฯต.ชลบถวิบูลย์ จ.ขอนแก่น ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก1 เดือน รองนายกเทศฯต.น้ำน้อย หาดใหญ่ ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ 1 ปี
- INFO : 90 นักการเมืองท้องถิ่น คดีบัญชีทรัพย์สินปี 2563 – อบต.มากสุด 61 คน
- ไม่จงใจ-ขาดอายุความ!22 นักการเมืองท้องถิ่น ศาลฎีกาฯยกคำร้องคดียื่นเท็จ-ไม่ยื่นบัญชีฯ
- รายชื่อ90 นักการเมืองท้องถิ่น ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘ยื่นเท็จ-ไม่ยื่นบัญชีฯ’ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาคุก1 เดือน ปรับ 4,000 บ. รองนายก อบต.บางขาม ลพบุรี ยื่นบัญชีเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษาแก้คดีนายกเทศมนตรีเมืองบางริ้น จ.ระนอง ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืน นายก อบต.กังแอน จ.สุรินทร์ ยื่นบัญชีฯเท็จ ให้พ้นตําแหน่ง
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืนยกคำร้อง‘สมคิด’ส.อบจ.นนทบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ คดีขาดอายุความ
- คุก1 เดือน นายกเทศฯ ต.หนองตองพัฒนา จ.เชียงใหม่ ยื่นบัญชีฯเท็จ - รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯ จําคุก1 เดือน ให้พ้นตำแห่ง ส.อบจ.นครสวรรค์ ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช. รอลงโทษ 1 ปี
- พิพากษายืน ยกคำร้อง นายก อบต.พยุหะ จ.นครสวรรค์ ยื่นบัญชีฯเท็จ คดีขาดอายุความ
- คุก1 เดือน ปรับ 4,000 บ. รองนายก อบต.ควนสุบรรณ จ.สุราษฎร์ฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ รอลงโทษ
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืนขาดอายุความ รองนายก อบต.คูเมือง อุบลฯไม่ยื่นบัญชีฯ
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืนยกคำร้อง‘สมบัติ อุทัยสาง’รวยผิดปกติ 5 ล.
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืนยกคำร้อง นายก อบต.เขาทอง จ.กระบี่ ยื่นเท็จ คดีขาดอายุความแล้ว
- คดีขาดอายุความแล้ว! ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืน ยกคำร้อง ส.ท.พระนครศรีอยุธยายื่นเท็จ
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกายืน ยกคำร้อง ส.อบจ.มุกดาหาร ยื่นบัญชีฯเท็จ–คดีขาดอายุความแล้ว
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน รองนายก อบต.นาหัวบ่อ สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ-ขาดอายุความ
- คุก1 เดือน ปรับ 4,000 บ. รองนายกเทศฯ ต.ขวาว ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ -รอลงโทษ 1 ปี
- อีกคดี!ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืนยกคำร้อง รองนายกเทศฯบางริ้น ยื่นเท็จ-ขาดอายุความ
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ยกคำร้องคดีรองนายก อบต.ท่าพล ยื่นเท็จ -ขาดอายุความแล้ว
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษาแก้เพิ่มหนึ่งกระทง รองนายกเทศฯห้วยกระบอก ราชบุรี ยื่นเท็จ
- คุก1 เดือนปรับ 4,000 บ. รองนายก อบต.บ้านพร้าว หนองบัวลำภู ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
- โดนครั้งที่3 ! ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน นายก อบต.บางพระ ฉะเชิงเทรา ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- ยกคำร้อง คดีรองนายก อบจ.ตราด ยื่นบัญชีฯเท็จตอนพ้น1 ปี กม.ใหม่ไม่กำหนดเป็นความผิด
- ศาลฎีกาฯ ห้ามนายกเทศฯ ต.นาซอ สกลนคร ดำรงตำแหน่งการเมือง5 ปี ยื่นบัญชีฯ ไม่ครบ
- ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน รองนายก อบต.ป่าไร่ จ.มุกดาหาร ซุกหนี้-ที่ดิน ส.ป.ก.-รอลงโทษ 1 ปี
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ยกคำร้อง ส.จ.นครปฐม ซุกทรัพย์สิน คดีขาดอายุความ
- ศาลฎีกาฯคุก2 เดือน รองนายก อบต.ท่าเคย จ.ราชบุรี ซุกหนี้แบงก์ ป.ป.ช. - รอลงโทษ 1 ปี
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืนยกคำร้อง ส.อบจ.นนทบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ คดีขาดอายุความ
- ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน นายก อบต.บางยอ จ.สมุทรปราการ ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาจำคุก2 เดือน ‘ศักดาพินิจ’ที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงราย ยื่นเท็จ-ซุกหนี้ห้องชุด ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน รองนายก อบต.เรือง จ.น่าน จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.-รอลงโทษ
- คุก6 เดือน ปรับ 10,000 บาท รองนายก อบต.ป่ามะม่วง จ.ตาก ยื่นบัญชีฯเท็จ – รอลงโทษ
- คุก1 เดือน นายก อบต.ถ้ำเจริญ จ.บึงกาฬ ไม่ยื่นเอกสารเงินฝาก-แบบภาษีเงินได้ –รอลงโทษ
- คุก1 เดือน นายก อบต.ลำทับ จ.กระบี่ ซุก ป.ป.ช. เงินฝาก 7 บัญชี ที่ดิน 7 แปลง รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน รองนายก อบต.โป่งผา จ.เชียงราย ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช.-รอลงโทษ
- ขาดอายุความ5 ปี!ศาลฎีกาฯยกคำร้องคดีรองนายก อบต. จ.สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน นายกเทศฯ ต.หนองหญ้าลาด จ.ศรีสะเกษ ยื่นเท็จ ป.ป.ช.
- ซุกเงินฝาก3 บัญชี!ศาลฎีกาฯคุก 2 เดือน รองนายก อบต.ชลคราม จ.สุราษฎร์ฯ รอลงโทษ 1 ปี
- ซุกเงินฝาก4 บัญชี!ศาลฎีกาฯ คุก 1 เดือนรองนายกเทศมนตรี ต.สวนผึ้ง ราชบุรี -รอลงโทษ 1 ปี
- ซุกเงินฝาก1 บัญชี ป.ป.ช.!ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน รองนายก อบต.ท่าไม้ นครสวรรค์ -รอลงโทษ
- ไม่แจ้งที่ดินเมีย1 แปลง ป.ป.ช.!ศาลจำคุก 1 เดือน นายก อบต.วังหมัน จ.ตาก-รอลงโทษ 1 ปี
- ไม่แสดงทรัพย์สินเมีย!ศาลให้นายก อบต.บากเรือ ยโสธร พ้นตำแหน่ง คุก1 ด. -รอลงโทษ
- เปิดบช.รับค่านายหน้า1 ล. ทิ้งหลงลืม! ศาลยกคำร้อง นายกเทศฯ จ.ชัยนาท ไม่แจ้ง ป.ป.ช.
- คุก1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี รองนายก อบต.บางตะเคียน จ.สุพรรณฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
- ขาดอายุความ5 ปี! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบจ. มุกดาหาร ยื่นบัญชีฯเท็จ 2 ครั้ง
- คุก1 เดือน-รอลงโทษ! รองนายก อบต. ถ้ำพรรณรา จ.นครศรีฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
- กม.ใหม่ไม่กำหนด! ศาลยกคำร้อง นายก อบต.ลาดพัฒนา จ.มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีพ้น1 ปี
- คุก1 เดือน-ให้พ้นตำแหน่ง นายก อบต.สำโรง จ.ศรีสะเกษ ซุกเงินฝาก 12 บัญชี-รอลงโทษ
- คุก1 เดือน รองนายก อบต.หนองหญ้าไทร จ.พิจิตร ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช. -รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯคุก2 เดือน รองนายก อบต.หนองกบ จ.ราชบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ 2 ครั้ง-รอลงโทษ
- ซุกหนี้ล้าน! ศาลคุก1 เดือนรองนายก อบต.แม่ลา อยุธยา ยื่นเท็จ ป.ป.ช.- รอลงโทษ
- คำพิพากษาศาลฎีกาฯ จำคุก1 เดือน รองนายก อบต. จ.อุบลฯไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- คำพิพากษาศาลฎีกาฯคุก1 เดือน รองนายก อบจ.มุกดาหาร ปกปิดทรัพย์สิน-รอลงโทษ 1 ปี
- ให้พ้นตำแหน่ง-จำคุก1 เดือนรองนายก อบต.จะรัง ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ 3 ครั้ง-รอลงโทษ
- ซุกเงินฝาก-หุ้นสหกรณ์! ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือนรองนายก อบต.วัดเพลง จ.ราชบุรี-รอลงโทษ
- คุก1 เดือน! ศาลฎีกาฯฟันรองนายก อบต. เต่างอย สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง-รอลงโทษ
- ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.4 ครั้ง! ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือนรองนายก อบต. จ.นครสวรรค์-รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง-คุก1 เดือน รองนายก อบต.ศรีประจันต์ สุพรรณฯ ยื่นเท็จ 3 ครั้ง-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯยกคำร้องรองนายก อบต. ท่าพล จ.เพชรบูรณ์ ยื่นเท็จ ป.ป.ช.3 ครั้ง ขาดอายุความ
- ขาดอายุความ ! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง รองนายกเทศฯ จ.กาญจนบุรี ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.3 ครั้ง
- ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.2 ครั้ง! ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน รองนายก อบต. จ.พิษณุโลก - รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง ส.อบจ. นนทบุรี เขตบางบัวทอง ยื่นบัญชีเท็จ ป.ป.ช. ขาดอายุความ
- ซุกเงินหนี้2 บัญชี 8 ล.! ศาลฎีกาฯ จำคุก 1 เดือน รอง อบต. จ.พิจิตร - ให้รอลงโทษ
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.! จำคุก1 เดือน รองนายกเทศฯ จ.สกลนคร รอลงโทษ
- ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช.! ศาลฎีกาฯคุก1 เดือน นายกเทศฯ จ.มุกดาหาร รอลงโทษ 1 ปี
- ให้พ้นตำแหน่ง!ศาลฎีกาฯคุก1 เดือน นายก อบต. จ.อุบลฯ ซุกหุ้นรับเหมา 1 ล.-รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง!ศาลฎีกาฯคุก1 เดือน รองนายก อบต. จ.สุโขทัย ยื่นเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
- ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบต.จ.สกลนคร ปกปิดทรัพย์สิน ป.ป.ช.อื้อ-ขาดอายุความ
- ให้พ้นตำแหน่งทันที จำคุก1 เดือน รอลงโทษ รองนายก อบต.จ.ลพบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช.
- ขาดอายุความ! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง รองนายก อบต.ในจ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯจำคุกคนละ1-2 เดือน 3 นักการเมืองท้องถิ่น จ.นครศรีฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯคุก1 เดือนรอลงโทษ นายก อบต.- รอง ฯ จ.ร้อยเอ็ด คดีบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง คดีรองนายก อบต. จ.สิงห์บุรี ไม่แสดงเงินฝาก10,055.69 บาท
- โดนคดีที่สอง!รองนายกเทศฯ จ.สุราษฎร์ฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก2 เดือน-รอลงโทษ 2 ปี
- ขาดอายุความ! ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง อดีต ส.ว.นครปฐม ยื่นบัญชีฯเท็จ ยุคเป็น ส.จ.
- มีเมียแล้วแต่แจ้งโสด! ศาลฎีกาฯฟัน รองนายกเทศฯ จ.ราชบุรี ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช.
- ยกคำร้องอีกราย! นายก อบต.ใน จ.น่าน ยื่นบัญชีฯเท็จ ขาดอายุความ5 ปี
- ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน ผู้สมัคร ส.ส.มุกดาหาร ยุคนั่ง นายก อบต.ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- อีกราย! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง รองนายกเทศฯ จ.พิษณุโลก ยื่นบัญชีฯเท็จ ขาดอายุความ5 ปี
- ขาดอายุความ5 ปี! ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง นายก อบต.โกรกพระ นครสวรรค์ ซุกทรัพย์สิน
- ให้พ้นตำแหน่งทันที! ศาลฎีกาฯฟันรองนายกเทศฯนครสกลนคร ไม่แจ้งถือหุ้น6 ล.
- ศาลฎีกาคุก1 เดือน นายก อบต. จ.สุโขทัย-รองนายกเทศฯมุกดาหารยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
- ขาดอายุความ! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง คดี ส.จ.ลพบุรี-รองนายกเทศฯ จ.ระนอง ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ยื่นบัญชีฯเท็จ! ศาลฎีกาฯคุก1 เดือน อดีต ส.ส.นนทบุรีช่วงนั่งรองนายกฯท.-รอลงโทษ 1 ปี
- นายก อบต.ปากท่อ ราชบุรี ยื่นเท็จ! ศาลฎีกาฯฟัน3 รายคดีบัญชีทรัพย์สิน-รอลงโทษจำคุกรวด
- ศาลฎีกาฟันอีก4 นักการเมืองท้องถิ่น นครพนม สระบุรี ปัตตานี อุบลฯ คดีบัญชีทรัพย์สิน
- ปกปิดทรัพย์สิน! ศาลฎีกาฯฟันอีก4 นักการเมืองท้องถิ่น สตูล นครนายก ร้อยเอ็ด นครปฐม
- 4 คดีนายก อบต.-รองฯ สกลนคร ราชบุรี พิษณุโลก ร้อยเอ็ด ยื่นเท็จ -ไม่ยื่นบัญชีฯ
- คุก4 เดือน! นายกเทศฯสระโบสถ์ จ.ลพบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ1 ปี-เคยถูก จนท.ค้นบ้าน
- ศาลฎีกาฯฟัน3 รายคดีบัญชีทรัพย์สิน! ให้รองนายกเทศฯ ในอยุธยา พ้นตำแหน่ง ซุกเพียบ
- ส.จ.สระบุรีรอด! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง ไม่ยื่นฯป.ป.ช. รถกระบะเก่า1 คัน เงินฝาก 5,099.27 บาท
- ศาลฎีกาฯ‘จำคุก-รอลงโทษ’รองนายกเทศฯ จ.พัทลุง - นายก อบต. สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ
- 2 นายกเทศฯสมุทรสงคราม - บางริ้น จ.ระนอง ยื่นบัญชีเท็จ ศาลจำคุก 1-2 เดือน รอฯ 1 ปี
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ปลัดเทศบาล จ.สมุทรสาคร ยื่นเท็จ-คุก2 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
- คดีขาดอายุความ! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบต. แสนทอง จ.น่าน ยื่นบัญชีฯเท็จ
- คุก1 เดือน นายก อบต. ใน จ.สิงห์บุรี ปัตตานี คดีบัญชีทรัพย์สิน -รอลงโทษ 1 ปี
- ยื่นบัญชีฯเท็จ! ศาลฎีกาฯคุก1 เดือน นายก อบต.บางพรม จ.สมุทรสงคราม รอลงโทษ 1 ปี
- ให้พ้นตำแหน่ง! ศาลฎีกาฯฟันรองนายกเทศมนตรี จ.สุรินทร์ ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช.4 ครั้ง
- ศาลฎีกาฯยกคำร้อง‘เล็ก เมืองนนท์’ยื่นบัญชีฯเท็จ เหตุขาดอายุความ-เคยถูก ตร.ยุคบิ๊กโจ๊กสอบ
- ศาลฎีกาฯคุก1 ด.-รอลงโทษ รองนายกอบต. จ.สตูล -รองเทศมนตรี จ.สุราษฎร์ฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ
- ลอตใหม่ปี63 !ศาลฎีกาฯฟัน 6 คดีบัญชีทรัพย์สิน-ให้นายก อบต.บางขนุน นนทบุรี พ้นทันที
- รายชื่อ117 นักการเมือง ถูกศาลฎีกาฯฟันคดียื่นบัญชีทรัพย์สิน-ท้องถิ่น 110 คน
- INFO: 28 นักการเมือง หลุดคดีบัญชีทรัพย์สิน ปี 62
- รายชื่อ28 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง คดีบัญชีทรัพย์สินปี 62
- INFO: 117 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ฟัน จงใจยื่น‘บัญชีฯเท็จ-ไม่ยื่น’ป.ป.ช. ปี 2562
- ปี62 นักการเมือง 117 คนถูกศาลฎีกาฯฟันคดีบัญชีทรัพย์สิน-รองนายก อบต.มากสุด 51 ราย