ต่อเนื่อง! คำพิพากษาศาลฎีกาฯฟัน 4 คดีนักการเมืองท้องถิ่น ยื่นบัญชีฯเท็จ 2 นายก อบต. จ.นครพนม อุบลฯ รองนายก อบต. ปัตตานี รองเทศมนตรี จ.สระบุรี ห้ามดำรงตำแหน่ง 5 ปี 3 รายจำคุกคนละ 1-2 เดือน ปรับเงิน 4,000-8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปีรวด
คดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมืองท้องถิ่นเกิดขึ้นต่อเนื่อง
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 26 มี.ค. 2563 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง จำนวน 4 คดี เป็นกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ 2 ราย
1.นายสุวิบูลย์ เตโชจิรพัฒน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โพนทอง อ.เรณูนคร จ.นครพนม ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 กันยายน 2556 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
2.นายสมประสงค์ จันทครอบ รองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี และ
จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ราย
1.นางสาว สารีป๊ะ สูหลง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 กันยายน 2556 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือนและปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษ 1 ปี
2.นายสุรศักดิ์ นันทะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 กันยายน 2556
รายละเอียดดังนี้
จงใจยื่นบัญชีเท็จฯ
1.นายสุวิบูลย์ เตโชจิรพัฒน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โพนทอง อ.เรณูนคร จ.นครพนม จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.โพนทอง เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2552 โดยแถลงนโยบายเพื่อเข้ารับหน้าที่เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 โดยไม่แสดงรายการหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ 515,333 บาท ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2556 โดยไม่แสดงรายการ เงินลงทุน 10,000 บาท รถยนต์ 2 คัน มูลค่า 1,400,000 บาท หนี้เงินกู้ธนาคารบัญชีละ 950,000 บาท รวม 2 บัญชี หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ 3 สัญญา จำนวน 252,408 บาท 1,129,089 บาท และ 849,360 บาท ตามลำดับ และเงินฝากธนาคารของบุตร 113.49 บาท และยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2558 ซึ่งเกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายโดยไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคาร 1,419.73 บาท เงินลงทุน 10,000 บาท รถยนต์ 3 คัน มูลค่า 2,000,000 บาท หนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ จำนวน 126,204 บาท 863,421 บาท และ 644,300 บาทตามลำดับและเงินฝากธนาคารของบุตร 66.46 บาท ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงทำนองว่าเปิดบัญชีไว้เพื่อรับเงินจากการทำธุรกิจขายปุ๋ยตั้งแต่ก่อนและระหว่างดำรงตำแหน่งแต่ไม่มีการทำธุรกรรมในบัญชีผู้ถูกกล่าวหายินยอมให้บุคคลอื่นยืมรถแต่บุคคลดังกล่าวนำไปขายและไม่นำเงินมาคืน ไม่ทราบว่าบุคคลใดพาบุตรไปเปิดบัญชีและผู้ถูกกล่าวหาทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ให้ลูกน้องไปผ่อนชำระเอง ส่วนรายการหนี้สินมีลูกน้องทำบัญชีให้จึงมิได้แจงรายละเอียด
พิพากษาว่า นายสุวิบูลย์ เตโชจิรพัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.โพนทอง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 และห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตำแหน่งนายก อบต.โพนทอง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.130/2562 วันที่ 23 พ.ค.2562)
2.นายสมประสงค์ จันทครอบ รองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านหมอ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านหมอ เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2556 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง
และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2556 วันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 และวันที่ 9 ตุลาคม 2560 ตามลำดับ โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ได้แก่ เงินฝากธนาคารออมสินและรายการเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรของคู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา
พิพากษาว่า นายสมประสงค์ จันทครอบ ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลบ้านหมอ ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.(คดีหมายเลขแดงที่ อม.131/2562 วันที่ 23 พ.ค.2562)
จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
1.นางสาวสารีป๊ะ สูหลง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.แหลมโพธิ์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่งกรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉย
พิพากษาว่า นางสาวสารีป๊ะ สูหลง ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.แหลมโพธิ์ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำ แหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือนและปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 1 ปี คำขอและข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.121/2562 วันที่ 16 พ.ค.2562)
2.นายสุรศักดิ์ นันทะบุตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.บุ่งไหม เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2552 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2556 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งโดยไม่แนบเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วน ได้แก่ สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส รายการเงินลงทุนของผู้ถูกกล่าวหาเอกสารประกอบรายการเงินกู้ธนาคารของคู่สมรส แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี 2555 ของคู่สมรส หนังสือรับรองยอดเงินฝากทุนเรือนหุ้นและเงินกู้สหกรณ์ของคู่สมรส และลงลายมือชื่อในเอกสารประกอบไม่ครบถ้วนและผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำ หนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบให้ถูกต้องครบถ้วนต่อผู้ร้องแล้ว แต่ผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉย
พิพากษาว่า นายสุรศักดิ์ นันทะบุตร ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.บุ่งไหม ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 6 กันยายน 2556 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสองข้อหาและคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.134/2562 วันที่ 23 พ.ค.2562)
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง
ปกปิดทรัพย์สิน! ศาลฎีกาฯฟันอีก 4 นักการเมืองท้องถิ่น สตูล นครนายก ร้อยเอ็ด นครปฐม
4 คดีนายก อบต.-รองฯ สกลนคร ราชบุรี พิษณุโลก ร้อยเอ็ด ยื่นเท็จ -ไม่ยื่นบัญชีฯ
คุก 4 เดือน! นายกเทศฯสระโบสถ์ จ.ลพบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ1 ปี-เคยถูก จนท.ค้นบ้าน
ศาลฎีกาฯฟัน 3 รายคดีบัญชีทรัพย์สิน! ให้รองนายกเทศฯ ในอยุธยา พ้นตำแหน่ง ซุกเพียบ
ส.จ.สระบุรีรอด! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง ไม่ยื่นฯป.ป.ช. รถกระบะเก่า 1 คัน เงินฝาก 5,099.27 บาท
ศาลฎีกาฯ‘จำคุก-รอลงโทษ’รองนายกเทศฯ จ.พัทลุง - นายก อบต. สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ
2 นายกเทศฯสมุทรสงคราม - บางริ้น จ.ระนอง ยื่นบัญชีเท็จ ศาลจำคุก 1-2 เดือน รอฯ 1 ปี
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ปลัดเทศบาล จ.สมุทรสาคร ยื่นเท็จ-คุก 2 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
คดีขาดอายุความ! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบต. แสนทอง จ.น่าน ยื่นบัญชีฯเท็จ
คุก 1 เดือน นายก อบต. ใน จ.สิงห์บุรี ปัตตานี คดีบัญชีทรัพย์สิน -รอลงโทษ 1 ปี
ยื่นบัญชีฯเท็จ! ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน นายก อบต.บางพรม จ.สมุทรสงคราม รอลงโทษ 1 ปี
ให้พ้นตำแหน่ง! ศาลฎีกาฯฟันรองนายกเทศมนตรี จ.สุรินทร์ ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช. 4 ครั้ง
ศาลฎีกาฯยกคำร้อง ‘เล็ก เมืองนนท์’ยื่นบัญชีฯเท็จ เหตุขาดอายุความ-เคยถูก ตร.ยุคบิ๊กโจ๊กสอบ
ศาลฎีกาฯคุก 1 ด.-รอลงโทษ รองนายกอบต. จ.สตูล -รองเทศมนตรี จ.สุราษฎร์ฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ
ลอตใหม่ปี 63 !ศาลฎีกาฯฟัน 6 คดีบัญชีทรัพย์สิน-ให้นายก อบต.บางขนุน นนทบุรี พ้นทันที
รายชื่อ 117 นักการเมือง ถูกศาลฎีกาฯฟันคดียื่นบัญชีทรัพย์สิน-ท้องถิ่น 110 คน
INFO: 28 นักการเมือง หลุดคดีบัญชีทรัพย์สิน ปี 62
รายชื่อ 28 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง คดีบัญชีทรัพย์สินปี 62
INFO: 117 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ฟัน จงใจยื่น‘บัญชีฯเท็จ-ไม่ยื่น’ป.ป.ช. ปี 2562
ปี 62 นักการเมือง 117 คนถูกศาลฎีกาฯฟันคดีบัญชีทรัพย์สิน-รองนายก อบต.มากสุด 51 ราย