ให้โอกาสอีกสักครั้ง!ศาลฎีกาฯสั่งจําคุก 1 เดือน ส.อบจ.อุทัยธานี ยื่นบัญชีเท็จอื้อ รอลงโทษ 1 ปี

news a 2310 main

ศาลฎีกาฯพิพากษาจําคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ห้ามดํารงตําแหน่งทางการเมือง 5 ปี ‘เอ ถนอมมิตรวัฒนา’ ส.อบจ.อุทัยธานี จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ป.ป.ช. กรณีพ้นตำแหน่งตามคำพิพากษาคดีแรก 20 ต.ค. 2560 แสดงที่ดิน 48 แปลง ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 66.8 ล. แสดงหนี้สินเท็จ 22 สัญญา 42 ล. ไม่แสดงโรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง บนที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 4 แปลง 72.3 ล. ไม่แสดงหนี้เงินกู้ 8 ล. เมตตาให้โอกาสอีกครั้ง โทษจำจุกให้รอการลงโทษ 1 ปี

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายางานว่าเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2564 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่า นายเอ ถนอมมิตรวัฒนา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่ง ตามคําพิพากษาดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2560 โดยแสดงและไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสหลายรายการ ดังนี้ แสดงรายการ ทรัพย์สินที่ดินจํานวน 48 แปลง ที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาในระหว่างดํารงตําแหน่งต่ำกว่ามูลค่าที่ได้มา ที่แท้จริง รวมเป็นเงิน 66,841,300 บาท แสดงรายการหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสืออันเป็นเท็จ จํานวน 22 สัญญา รวมเป็นเงิน 42,060,000 บาท ไม่แสดงรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บนที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จํานวน 4 แปลง มูลค่ารวม 72,300,000 บาท และไม่แสดง รายการหนี้สินเงินกู้ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น จํานวน 1 รายการ เป็นเงิน 8,000,000 บาท ห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตําแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน ประกอบกับเป็นโทษจําคุกระยะสั้นเห็นสมควรให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาอีกสักครั้ง โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้

คดีระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง

นายเอ ถนอมมิตรวัฒนา ผู้ถูกกล่าวา

ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง ทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ก่อนคดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาเคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุก 2 เดือน และปรับ 4,000 บาท แต่โทษจําคุกให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อม.202/2560 ของศาลนี้ และผู้ถูกกล่าวหากลับมากระทําความผิดคดีนี้อีกภายในระยะเวลาที่รอการลงโทษ ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167, 188 และนําโทษจําคุกที่รอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษจําคุกในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับผู้คัดค้านในคดีที่ ผู้ร้องขอให้บวกโทษ

พิเคราะห์คําร้องประกอบเอกสารท้ายคําร้องและคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ครั้งที่ 1 โดยปฏิญาณตนเข้ารับหน้าที่ต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2555 แต่ต่อมาวันที่ 21 กันยายน 2560 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษาให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ตามคําพิพากษาดังกล่าวเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2560 โดยแสดงและไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสหลายรายการ ดังนี้ แสดงรายการ ทรัพย์สินที่ดินจํานวน 48 แปลง ที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาในระหว่างดํารงตําแหน่งต่ำกว่ามูลค่าที่ได้มา ที่แท้จริง รวมเป็นเงิน 66,841,300 บาท แสดงรายการหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสืออันเป็นเท็จ จํานวน 22 สัญญา รวมเป็นเงิน 42,060,000 บาท ไม่แสดงรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง บนที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ จํานวน 4 แปลง มูลค่ารวม 72,300,000 บาท และไม่แสดง รายการหนี้สินเงินกู้ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น จํานวน 1 รายการ เป็นเงิน 8,000,000 บาท

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทําความผิด ยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคําร้องเป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเท่าเดิม จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ ในขณะกระทําผิดบังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ส่วนมาตรการ บังคับทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่เป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 บังคับแก่คดีนี้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี จึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของ ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีนับแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันพ้นจากตําแหน่งดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ซึ่งกฎหมายมิได้ กําหนดว่าต้องเป็นการพ้นจากตําแหน่งในกรณีใดบ้าง ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นการยื่นภายใน ระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด แต่ผู้ร้องตรวจสอบตามรายงานผลการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาแสดงและไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินหลายรายการ กล่าวคือ แสดงรายการทรัพย์สินที่ดินจํานวน 48 แปลง ที่ผู้ถูกกล่าวหาได้มาในระหว่างดํารงตําแหน่งต่ํากว่ามูลค่าที่ได้มาที่แท้จริง รวมเป็นเงิน 66,841,300 บาท แสดงรายการ หนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสืออันเป็นเท็จจํานวน 22 สัญญา รวมเป็นเงิน 42,060,000 บาท ไม่แสดงรายการโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้เช่า ที่ดินทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ปลูกสร้างโรงเรือนและอาคารที่พักอาศัย จํานวน 4 แปลง มูลค่ารวม 72,300,000 บาท และไม่แสดงรายการหนี้สินเงินกู้ธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น จํานวน 1 รายการ เป็นเงิน 8,000,000 บาท ทั้งนี้การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องเป็นหน้าที่สําคัญของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการใน การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองเพื่อให้เกิดการตรวจสอบผู้ใช้อํานาจรัฐ ทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสที่ได้ยื่นและไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องข้างต้นมีมูลค่าและจํานวนเงินที่สูงมาก และพฤติการณ์ส่อให้เห็นถึงเจตนาว่าต้องการให้มีการหักกลบจํานวนหนี้สินให้ใกล้เคียงกับมูลค่าของทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างที่ ผู้ถูกกล่าวหาดํารงอยู่ในตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง ทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี มีผลต้องห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมือง หรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่งตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย

พิพากษาว่า นายเอ ถนอมมิตรวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารง ตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 21 กันยายน 2560 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจาก ตําแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน ประกอบกับเป็นโทษจําคุกระยะสั้นเห็นสมควรให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาอีกสักครั้ง โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ส่วนที่ผู้ร้องขอให้นําโทษจําคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อม. 202/2560 ของศาลนี้มาบวกเข้ากับโทษคดีนี้ เนื่องจากคดีนี้ศาลรอการลงโทษจําคุกให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา กรณีจึงไม่อาจบวกโทษจําคุกตามที่ขอได้ คําขอส่วนนี้และคําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก.(คดีหมายเลขแดงที่ อม. 8/2564 วันที่ 13 กันยายน 2564 )

news a 1 2310