ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน นายกอบต.ประชาพัฒนา จ.มหาสารคาม ไม่แจ้งทรัพย์สินอื้อ-รอลงโทษ 1 ปี

news 1601 main t

ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘สวัสดิ์ คํามาตย์’นายก อบต.ประชาพัฒนา อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จงใจยื่นบัญชีฯเท็จป.ป.ช. กรณีพ้นจากตําแหน่ง ไม่แสดง เงินฝากตัวเองเมีย 6 บัญชี ที่ดิน 5 แปลง รถยนต์ รถพ่วง รถกระบะ รถบรรทุก รถกึ่งพ่วง รถลากจูง รวม 10 คัน หนี้ 4 บัญชี ห้ามดํารงตําแหน่งทางการเมือง 5 ปีจําคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท รอลงโทษจําคุก 1 ปี

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายางานว่าเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่า นายสวัสดิ์ หรือชูกิจ คํามาตย์ หรือ คํามาตย์ภูวเดช ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบล (อบต.) ประชาพัฒนา อําเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ไม่แสดงรายการทรัพย์สิน เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี ที่ดิน 3 แปลง รถยนต์ 1 คัน รถพ่วง 2 คัน รถกระบะ 2 คัน รถบรรทุก 2 คัน รถกึ่งพ่วง 1 คัน รถ ลากจูง 1 คัน ทรัพย์สินและหนี้สินของนางนงนาฏ คํามาตย์ คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี ที่ดิน 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน หนี้บัญชีกระแสรายวัน 1 บัญชี และหนี้เงินกู้ยืม ธนาคาร 3 บัญชี ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2559 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่ การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้

คดีหมายเลขแดงที่ อม.15 /2564 วันที่ 22 ธ.ค.2564 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายสวัสดิ์ หรือชูกิจ คํามาตย์ หรือ คํามาตย์ภูวเดช ผู้ถูกกล่าวหา

ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนา อําเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 และ 167

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

พิเคราะห์คําร้อง ประกอบเอกสารท้ายคําร้อง และคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนา อําเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2556 และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2559 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี ที่ดิน 3 แปลง รถยนต์ 1 คัน รถพ่วง 2 คัน รถกระบะ 2 คัน รถบรรทุก 2 คัน รถกึ่งพ่วง 1 คัน รถ ลากจูง 1 คัน ไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนางนงนาฏ คํามาตย์ คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี ที่ดิน 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน หนี้บัญชีกระแสรายวัน 1 บัญชี และหนี้เงินกู้ยืม ธนาคาร 3 บัญชี

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนาหรือไม่

เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทําความผิด ยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคําร้องเป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเท่าเดิมจึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําผิดบังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ส่วนมาตรการจํากัดสิทธิทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบ การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่เป็นคุณ จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 บังคับแก่คดี เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนาจึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วัน เข้ารับตําแหน่ง และวันพ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 แต่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชา พัฒนา เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี ที่ดิน 3 แปลง รถยนต์ 1 คัน รถพ่วง 2 คน รถกระบะ 2 คัน รถบรรทุก 2 คัน รถกึ่งพ่วง 1 คัน รถลากจูง 1 คัน ไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนางนงนาฏ คํามาตย์ คู่สมรส ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 4 บัญชี ที่ดิน 2 แปลง รถยนต์ 1 คัน หนี้บัญชีกระแสรายวัน 1 บัญชี และหนี้เงินกู้ยืมธนาคาร 3 บัญชี ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สําคัญของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ เพื่อให้การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของบุคคลดังกล่าวบรรลุผล เมื่อรับฟังประกอบกับคําให้การรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหา พฤติการณ์ มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้นจึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนามีผลห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นจากตําแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง และการกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐาน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ด้วย

พิพากษาว่า นายสวัสดิ์หรือชูกิจ คํามาตย์ หรือ คํามาตย์ภูวเดช ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตําบลประชาพัฒนา อําเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่ วันที่ 8 สิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตําแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่ การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.15 /2564 วันที่ 22 ธ.ค.2564)

news 1601 t