ขาดอายุความอีกราย! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง รองนายก อบต.สิงห์โคก จ.ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ

picppcsubb00236 22 65

อีกราย! ศาลฎีกาฯพิพากษายกคำร้อง ป.ป.ช. คดี ‘บุญมา คำนิล’ รองนายก อบต.สิงห์โคก จ.ร้อยเอ็ด จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ไม่แจ้งของตนเองกับเมีย แม้ยื่นฟ้องภายในเวลา 5 ปี แต่ไม่ได้ตัวมา ถือคดีขาดอายุความ สั่งลงโทษเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ได้

สำนักข่าวอิศรา (www.isanews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2565 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายกคำร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ขอให้วินิจฉัยว่า นายบุญมา คำนิล ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลสิงห์โคก อําเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114, 167 ศาลวินิจฉัยยกคำร้อง เนื่องจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ร้องไม่ได้ตัวผู้ถูกกล่าวหามาศาลภายในกําหนดอายุความห้าปีนับแต่วันกระทําความผิด คดีส่วนอาญาจึงขาดอายุความ สิทธินําคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) และมาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม สําหรับมาตรการบังคับทางการเมืองเป็นการจํากัดสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลซึ่งสืบเนื่องมาจากโทษทางอาญาและไม่อาจแยกออกจากโทษทางอาญาได้ เมื่อคดีส่วนอาญาขาดอายุความแล้วจึงไม่อาจนํามาตรการบังคับทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 มาบังคับแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้ รายละเอียดดังนี้

ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายบุญมา คำนิล ผู้ถูกกล่าวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน

พิเคราะห์คําร้องและเอกสารประกอบคําร้องแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับการแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลสิงห์โคก และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2559 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2559 ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 และในวันเดียวกันศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหา

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลสิงห์โคกหรือไม่

องค์คณะผู้พิพากษาโดยมติเสียงข้างมากเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและ หนี้สินต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตําบลสิงห์โคกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2559 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหาและไม่แสดงรายการทรัพย์สินของคู่สมรส จึงถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันกระทําความผิด ผู้ร้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 อันเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําผิด แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 อันเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทํา ความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคําร้องเป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเท่าเดิม จึงต้องใช้ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําผิดบังคับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคหนึ่ง ส่วนมาตรการบังคับทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่เป็นคุณ จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 บังคับแก่คดี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

แต่เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องนําบทบัญญัติเรื่องอายุความตามประมวลกฎหมายอาญามาใช้บังคับ และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 มีระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ จึงมีอายุความห้าปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (4)

เมื่อ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2559 แม้ผู้ร้องจะยื่นคําร้องเมื่อ วันที่ 29 ตุลาคม 2564 ซึ่งอยู่ภายในอายุความห้าปีนับแต่วันกระทําความผิด และขอให้ศาลออกหมายจับ ผู้ถูกกล่าวหาในวันเดียวกันอันเป็นวันก่อนครบกําหนดอายุความและถือว่าผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีไปใน ระหว่างถูกดําเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 74/1 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 7 แต่มาตรา 74/1 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 บัญญัติไว้ในหมวด 6 ว่าด้วยการดําเนินคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองตามมาตรา 275 ของรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 275 เป็นการดําเนินคดีในกรณีที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทน ราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือข้าราชการการเมืองอื่น ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น ไม่รวมถึงการดําเนินคดีกรณีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินซึ่งถูกบัญญัติแยกไว้อยู่ในหมวด 3 ว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจึงไม่อาจนํามาตรา 74/1 ดังกล่าวมาบังคับใช้ในคดีนี้ได้ สําหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 7 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการนับอายุความทางอาญาแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําความผิดของผู้ถูกกล่าวหา แม้มิใช่บทบัญญัติว่าด้วยการลงโทษแต่มีผลให้ระยะเวลาบังคับโทษขยายออกไป ทั้งเป็นกฎหมายที่บัญญัติขึ้นภายหลังที่ผู้ถูกกล่าวหากระทําความผิดอันเป็นโทษแก่ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่อาจนํามาใช้บังคับแก่การกระทําความผิดของผู้ถูกกล่าวหาได้

แม้ศาลรับคําร้องไว้พิจารณาเนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาไม่มาศาลตามนัดโดยไม่มีเหตุแก้ตัวอันควร แต่เมื่อผู้ร้องไม่ได้ตัวผู้ถูกกล่าวหามาศาลภายในกําหนดอายุความห้าปีนับแต่วันกระทําความผิด คดีส่วนอาญาจึงขาดอายุความ สิทธินําคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) และมาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม สําหรับมาตรการบังคับทางการเมืองเป็นการจํากัดสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลซึ่งสืบเนื่องมาจากโทษทางอาญาและไม่อาจแยกออกจากโทษทางอาญาได้ เมื่อคดีส่วนอาญาขาดอายุความแล้วจึงไม่อาจนํามาตรการบังคับทางการเมืองตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 มาบังคับแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้
พิพากษายกคําร้อง (คดีหมายเลขแดงที่ 11 /2565 วันที่ 8 มิ.ย.2565)

picppcsubb006 22 65

picppcsubb6 22 65

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้มีคดีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองขาดอายุความในลักษณะเดียวกันหลายคดี

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินอื่น

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage