ศาลฎีกาฯยกคำร้องรองนายก อบต. ท่าพล จ.เพชรบูรณ์ ยื่นเท็จ ป.ป.ช.3 ครั้ง ขาดอายุความ

รายล่าสุด! คำพิพากษา ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง คดีรองนายก อบต. ท่าพล จ.เพชรบูรณ์ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ป.ป.ช.3 ครั้ง เหตุขาดอายุความ 5 ปี ส่วนกรณีพ้นตำแหน่งหนึ่งไป กม.ใหม่ไม่กำหนดให้ต้องยื่น

news2706 2edit

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา วันที่ 19 มิ.ย.2563 เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องราย นายบรรเจิด กองสังข์ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ท่าพล อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ. เพชรบูรณ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ให้ยกคำร้อง เรียบเรียงรายละเอียดดังนี้

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.ท่าพล อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2555 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. ท่าพล ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 และยังดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบันตามคำสั่งหัวหน้าคณะรกั ษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2557 ลงวันที่ 25 ธันวาคม 2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 12 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา

ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต. ท่าพล ครั้งที่ 1 กรณีเข้ารับตำแหน่งโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 1 บัญชี กรณีพ้นจากตำแหน่ง ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 1 บัญชี ไม่แสดงรายการหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ รายการเงินกู้ 1 รายการ และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ เงินฝากธนาคาร 2 บัญชี ไม่แสดง รายการหนี้สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ รายการเงินกู้ 1 รายการ และไม่แสดงรายการทรัพย์สินของ นางนารีรัตน์ กองสังข์ คู่สมรส ได้แก่ ที่ดิน 1 แปลง

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าพล ครั้งที่ 1 หรือไม่

องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมาก เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทำตามคำร้องเป็นความผิดอยู่และมีระวางโทษเท่าเดิมจึงต้องใช้พระราชบัญญตั ปิ ระกอบรัฐธรรมนญู ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดบังคับแก่คดีนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 มิได้บัญญัติอายุความไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องนำบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายอาญาว่าด้วยอายุความมาใช้แก่ความผิดในคดีนี้ ดังนั้น ถ้าผู้ร้องมิได้ยื่นคำร้องและมิได้ตัวผู้ถูกกล่าวหามายังศาลภายในกำหนด 5 ปี ย่อมเป็นการขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (4) คดีนี้ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 และวันที่ 30 พฤษภาคม 2555 ตามลำดับ ผู้ร้องยื่นคำร้องโดยไม่มีตัวผู้ถูกกล่าวหามาศาลเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561 เกินกำหนด 5 ปี นับแต่วันที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน คดีส่วนอาญาจึงขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6), 185 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม ส่วนมาตรการบังคับทางการเมืองเป็นการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลและไม่อาจแยกออกจากโทษทางอาญาได้เมื่อคดีส่วนอาญาขาดอายุความแล้ว จึงไม่อาจนำมาตรการทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 มาบังคับแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้

ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าพล ครั้งที่ 1 หรือไม่องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมาก เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ไม่ได้กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดอีกต่อไป ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้กระทำการนั้นย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง และไม่อาจใช้มาตรการบังคับทางการเมืองแก่ผู้ถูกกล่าวหากรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีได้ จึงให้ยกคำร้อง (คดีหมายเลขแดงที่ อม.231/2562 วันที่ 11 ก.ย.2562)

news2706