ศาลฎีกาฯพิพากษาจําคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ‘จิรายุทธ รุ่งศรีทอง’ ยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ป.ป.ช. กรณีพ้นตำแหน่ง ที่ปรึกษารมช.คมนาคม ไม่แสดงเงินลงทุนหุ้น 2 บริษัท มูลค่า 40.9 ล้าน ห้ามดํารงตําแหน่งทางการเมือง 5 ปี โทษจำคุกรอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายางานว่าเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาว่า นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ไม่แสดงรายการเงินลงทุนหุ้นสามัญในบริษัท 2 รายการ รวมมูลค่า 40,999,800 บาท กรณีพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2558 กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มี เหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และ ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการ ลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี รายละเอียดดังนี้
คดีระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายจิรายุทธ ศรีทองรุ่ง ผู้ถูกกล่าวหา เรื่องการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง ทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167, 188
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ
พิเคราะห์คําร้องประกอบเอกสารท้ายคําร้องและคําให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2558 และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา กล่าวคือ รายการเงินลงทุนหุ้นสามัญในบริษัท 2 รายการ รวมมูลค่า 40,999,800 บาท
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินกรณีพ้นจากตําแหน่ง หรือไม่
เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ซึ่งเป็นกฎหมาย ที่ใช้ภายหลังการกระทําความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทําตามคําร้องเป็นความผิดอยู่และ มีระวางโทษเท่าเดิม จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทําผิดบังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคแรก
ส่วนมาตรการบังคับทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ไม่เป็นคุณแก่ผู้ถูกกล่าวหา จึงต้องใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 บังคับแก่คดีนี้
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองและเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติ ภาวะต่อผู้ร้องภายในสามสิบวันนับแต่วันเข้ารับตําแหน่ง และวันพ้นจากตําแหน่ง ตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตําแหน่งโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ รายการเงินลงทุนหุ้นสามัญในบริษัทดีโวทเต็ดทูแพสชั่น จํากัด มูลค่า 999,800 บาท และรายการเงินลงทุน หุ้นสามัญในบริษัทแลม วอเตอร์ โซลูชั่น จํากัด มูลค่า 40,000,000 บาท รวมมูลค่า 40,999,800 บาท ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาทราบดีถึงความมีอยู่ของทรัพย์สินดังกล่าว และเป็นทรัพย์สิน ของผู้ถูกกล่าวหาที่มีมาก่อนแล้ว
พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหา มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นหน้าที่สําคัญของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองที่ต้องปฏิบัติ จึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชี แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตําแหน่ง มีผลห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่ง ทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง นอกจากนี้ การกระทําของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วย
พิพากษาว่า นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งทางการเมืองหรือดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่พ้นจากตําแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มี เหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 1 เดือน และ ปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการ ลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30. (คดีหมายเลขแดงที่ อม.9 /2564 วันที่ 26 ตุลาคม 2564)
สำนักข่าวอิศรารายงานว่าจากการตรวจสอบพบ นายจิรายุทธได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม(นายออมสิน ชีวะพฤกษ์) และได้ลาออกเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2558 (ดูเอกสาร)