ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบต.จ.สกลนคร ปกปิดทรัพย์สิน ป.ป.ช.อื้อ-ขาดอายุความ

รายใหม่! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบต. สว่างแดนดิน จ.สกลนคร จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ป.ป.ช. ไม่แสดงเงินฝาก ตนเอง ลูก เมีย 13 บัญชี ที่ดิน 1 แปลง บ้าน 1 หลัง ยานพาหนะ 14 คัน เบิกเกิน 2 บัญชี แม้รับสารภาพ เหตุขาดอายุความ 5 ปี ขณะที่กรณีพ้นตำหน่งแล้ว 1 ปี กม.ใหม่ไม่กำหนดให้ยื่น

news0706 main

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2563 ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องราย นายเรืองยศ อินทรธรรม นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ พิพากษายกคำร้อง สาระสำคัญของคำพิพากษาดังนี้

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ โดยมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.สว่างแดนดินครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งนายก อบต.สว่างแดนดิน ครั้งที่ 2 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายก อบต.สว่างแดนดิน ครั้งที่ 2 ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 34 กับลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายก อบต.สว่างแดนดิน ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต. สว่างแดนดิน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2551 และพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2555 ต่อมาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบต.สว่างแดนดิน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2555 โดยแถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสว่างแดนดิน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ นับแต่วันที่ 28 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งให้รับคำร้องไว้พิจารณา ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายกอบต.สว่างแดนดิน ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2556 โดยไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ได้แก่ เงินฝากธนาคารของตนเอง 2 บัญชี ของคู่สมรส 10 บัญชี และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1 บัญชี ที่ดิน 1 แปลง โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 1 หลัง ยานพาหนะ 14 คัน และรายการเงินเบิกเกินบัญชี 2 บัญชี ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสว่างแดนดิน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2555 โดยไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ได้แก่ เงินฝากธนาคารของตนเอง 2 บัญชี ของคู่สมรส 9 บัญชี และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 1 บัญชี ที่ดิน 1 แปลง ยานพาหนะ 14 คัน รายการเงินเบิกเกินบัญชี 1 บัญชี และเงินกู้จากธนาคาร และสถาบันการเงินอื่น 1 บัญชี

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสว่างแดนดิน ครั้งที่ 2 หรือไม่

เห็นว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 โดยยกเลิกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แต่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้ภายหลังการกระทำความผิดยังคงบัญญัติให้การกระทำตามคำร้องเป็นความผิดอยู่ โดยมีระวางโทษเท่าเดิม จึงต้องใช้กฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำผิดบังคับแก่คดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยไม่ได้บัญญัติอายุความไว้เป็นการเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (4) ที่กำหนดว่า ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนดอายุความห้าปีนับแต่วันที่กระทำความผิดเป็นอันขาดอายุความ ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสว่างแดนดิน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2555 เมื่อนับถึงวันที่ผู้ร้องยื่นคำร้องเป็นระยะเวลาเกินกว่า 5 ปี ซึ่งขาดอายุความทางอาญาแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมเป็นอันระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม ที่ผู้ร้องมีคำขอให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสว่างแดนดินครั้งที่ 2 และห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยนั้น ถือเป็นมาตรการบังคับทางการเมืองอันเป็นการจำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลซึ่งสืบเนื่องมาจากการกระทำความผิดทางอาญาดังกล่าว เมื่อสิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับแล้วจึงไม่อาจนำมาตรการบังคับทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 มาบังคับแก่ผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ได้

ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสว่างแดนดินครั้งที่ 1 หรือไม่

เห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ลงโทษผู้ถูกกล่าวหาภายหลังพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ใช้บังคับแล้วจึงไม่ต้องด้วยบทเฉพาะกาลตามมาตรา 192 ซึ่งกำหนดให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ยังมีผลต่อไปแต่เฉพาะกับคดีที่ได้ยื่นฟ้องไว้ก่อนกฎหมายที่แก้ไขใหม่ใช้บังคับ ดังนั้น เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ที่แก้ไขใหม่ ไม่ได้กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นรองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่น มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จึงเป็นกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังบัญญัติว่าการกระทำเช่นนั้นไม่เป็นความผิดต่อไป ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นผู้กระทำการนั้นย่อมพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง และเมื่อการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่เป็นความผิดแล้ว จึงไม่อาจใช้มาตรการบังคับทางการเมืองกับผู้ถูกกล่าวหากรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปีในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสว่างแดนดิน ครั้งที่ 1 ได้

พิพากษายกคำร้อง (คดีหมายเลขแดงที่ อม.248/2562 วันที่ 9 ต.ค.2562)

news0706