ส่องคดีทุจริตโลก:บ.แมคคินเซย์จ่ายเงิน 4.1 พันล. แลกยุติคดีสินบน-พัวพันทุจริตในแอฟริกาใต้

mckinsey

นายซาการ์ได้ไปรับข้อมูลเอกสารลับเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ จนนำไปสู่การที่แมคคินเซย์ได้งานในสัญญาให้คำปรึกษามูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในทางกลับกันพบว่ามีเงินบางส่วนที่แมคคินเซย์และหุ้นส่วนท้องถิ่น สามารถหามาได้ ถูกส่งตรงไปยังเจ้าหน้าที่รัฐสองคนในฐานะสินบน

ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอประเด็นความไม่โปร่งใสของบริษัทให้คำปรึกษาธุรกิจระดับโลกอย่างแมคคินเซย์ ที่เข้าไปมีส่วนพัวพันกรณีการทุจริตที่แอฟริกา

โดยนิวยอร์กไทมส์รายงานว่าบริษัท McKinsey & Co หรือว่าแมคคินเซย์ได้ตกลงที่จะจ่ายเงินกว่า 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4,156,539,365 บาท) เพื่อยุติการสอบสวนในการดำเนินคดีสินบนที่เกิดจากการกระทำผิดทางอาญา ในระหว่างการดำเนินงานของบริษัทในประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งอัยการในนิวยอร์กได้กล่าวในขั้นตอนการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา

สำหรับกรณีการจ่ายเงินยุติคดีดังกล่าวนั้นเป็นอีกหนึ่งบทลงโทษที่บริษัทต้องเผชิญ หลังจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แมคคินเซย์ต้องจ่ายเงินค่ายุติคดีเป็นจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (34,069,994,800 บาท) เนื่องจากพบว่ามีกรณีที่แมคคินเซย์ได้ไปทำงานกับบริษัทผู้ผลิตสารโอปิออยด์ ซึ่งมาจากต้นฝิ่น

กรณีการจ่ายค่าปรับที่ถูกประกาศเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการยกเลิกคดีที่ระบุว่าจะมีการเลื่อนการดำเนินคดีออกไป และจะยกฟ้องข้อหาติดสินบนกับทางบริษัทแมคคินเซย์ เมื่อเวลาผ่านไปสามปีแล้ว และตอนนั้นบริษัทแมคคินเซย์มีคุณสมบัติตามข้อตกลง โดยอัยการได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่านายวิคัส ซาการ์ (Vikas Sagar) อดีตหุ้นส่วนอาวุโสของแมคคินเซย์และอดีตหัวหน้าสำนักงานแมคคินเซย์ในนครโจฮันเนสเบิร์กได้ออกมาสารภาพแล้วว่าตัวเขาสมรู้ร่วมคิดละเมิดกฎหมายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ตามข้อมูลจากทางอัยการ

อัยการกล่าวว่าการสืบสวนคดีติดสินบนเกิดจากการที่สำนักงานแมคคินเซย์สาขาแอฟริกาใต้ได้ดำเนินการเริ่มตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน โดยมีบริษัทได้ทำงานให้กับรัฐวิสาหกิจสองแห่ง แห่งแรกเป็นรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการกำกับดูแลระบบผลิตไฟฟ้าที่มีปัญหาของแอฟริกาใต้ ส่วนอีกแห่งดำเนินการจัดการระบบรถไฟขนส่งสินค้าและท่าเรือ

โดยนายซาการ์ได้ไปรับข้อมูลเอกสารลับเกี่ยวกับบริษัทต่างๆ จนนำไปสู่การที่แมคคินเซย์ได้งานในสัญญาให้คำปรึกษามูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และในทางกลับกันพบว่ามีเงินบางส่วนที่แมคคินเซย์และหุ้นส่วนท้องถิ่น สามารถหามาได้ ถูกส่งตรงไปยังเจ้าหน้าที่รัฐสองคนในฐานะสินบน

“แมคคินเซย์ แอฟริกา เข้าร่วมในแผนการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐในแอฟริกาใต้เป็นเวลานานหลายปี และได้รับข้อเสนอให้คำปรึกษาที่มีมูลค่าสูงอย่างผิดกฎหมาย ทำให้บริษัทได้กำไร 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2,897,137,968 บาท)” นายเดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐฯ ประจําเขตทางใต้ของนิวยอร์กกล่าวในแถลงการณ์

ข่าวการจ่ายเงินเพื่อยุติคดี (อ้างอิงวิดีโอจาก National Security News)

ย้อนไปเมื่อปี 2561 ในช่วงเวลาที่นิวยอร์กไทม์สได้ตีพิมพ์ผลการสอบสวนสัญญาของแมคคินเซย์ในแอฟริกาใต้ ซึ่งปรากฏว่ามีการดำเนินการที่น่าสงสัย กรณีนี้ถูกระบุว่าเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดในรอบเกือบร้อยปีในการดำเนินงานของแมคคินเซย์

ทว่าในปีถัดมาสหรัฐฯ เจอการแพร่ระบาดของการขายยาที่มีสารโอปิออยด์ซึ่งมีฤทธิ์เสพติดทั่วประเทศ ก็มีรายงานว่าทางแมคคินเซย์นั้นมีส่วนช่วยเหลือบริษัทยา เพอร์ดิว ฟาร์มา (Purdue Pharma) ให้มียอดขายที่พุ่งขึ้นสูง จนส่งผลทำให้ยาแก้ปวดอย่างออกซีคอนติน (OxyContin) เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ซึ่งในกรณีการทำงานร่วมกันระหว่างบริษัทผู้ผลิตโอปิออยด์และแมคคินเซย์ เรื่องนี้กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนทางอาญา

กรณีที่แมคคินเซย์ทำงานให้กับรัฐวิสาหกิจแอฟริกาใต้สองแห่งได้แก่ Eskom รัฐวิสาหกิจพลังงาน และ Transnet รัฐวิสาหกิจรถไฟขนส่งสินค้า พบว่า ณ จุดหนึ่งของงานนี้สามารถทำรายได้ไปถึงเกือบครึ่งของรายได้ทั้งหมดที่สำนักงานในนครโจฮันเนสเบิร์กได้รับมา

อย่างไรก็ตามแม้แมคคินเซย์จะให้คำปรึกษาที่กว้างขวางสำหรับรัฐวิสาหกิจ Eskom แต่ปรากฏว่าทั้งประเทศก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาไฟดับอยู่บ่อยครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

สำหรับกฎหมายของแอฟริกาใต้กำหนดให้แมคคินเซย์ต้องดำเนินการจ้างผู้รับเหมาช่วงในระดับท้องถิ่นอีกทีหนึ่ง ซึ่งการจ้างผู้รับเหมาช่วงก็กำลังเป็นประเด็นสืบสวนทางอาญาในแอฟริกาใต้เช่นกัน

ในปี 2561 บริษัทหุ้นส่วนของแมคคินเซย์ได้ออกมาขอโทษต่อกรณีที่บริษัทได้เข้าไปจัดการงานที่เป็นข้อครหาในแอฟริกาใต้ ซึ่งปรากฏว่ามีกรณีการทุจริตจนทำให้ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ (นายจาคอบ ซูมา) ต้องลาออกจากตำแหน่ง ส่วนบริษัทแมคคินเซย์ก็ได้แสดงความสมัครใจคืนเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (3,408,397,610 บาท) พร้อมทั้งไล่นายซาการ์ออก

ในช่วงเวลาที่แมคคินเซย์ทำงานให้กับ Transnet ทางอดีตพนักงานของ Transnet กล่าวว่าแมคคินเซย์ได้ดำเนินการช่วยเหลือผู้บริหารระดับสูงของ Transnet รายหนึ่ง ด้วยการเขียนวิทยานิพนธ์ในระดับการศึกษาปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ (M.B.A.) ให้กับผู้บริหารระดับสูงรายนั้น

“แมคคินเซย์รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่พนักงานของเรามีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่ทุจริต” แมคคินเซย์ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.และระบุต่อไปว่าบริษัทจะดำเนินการให้ความร่วมมือกับทั้งทางการแอฟริกาใต้และสหรัฐฯ ในการสอบสวนที่กำลังดำเนินการอยู่

ข่าวว่าทางการแอฟริกาใต้ดำเนินการสอบสวนกรณีแมคคินเซย์ฟอกเงิน (อ้างอิงวิดีโอจาก ENCA)

สำหรับประวัติของนายซาการ์ พบว่าเขาเกิดที่ประเทศอินเดีย จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และจบจากวิทยาลัยวาร์ตัน ซึ่งเป็นวิทยาลัยด้านการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย (ที่เดียวกับนายโดนัลด์ ทรัมป์) นายซาการ์ยังมีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานให้แมคคินเซย์ชนะสัญญาที่ใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้

ตามเอกสารที่เปิดผนึกเมื่อวันพฤหัสบดี นายซาการ์ วัย 56 ปี สารภาพว่ามีความผิดในเดือน ธ.ค.2565 ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดที่จะละเมิดพระราชบัญญัติการทุจริตในต่างประเทศ แต่ไม่มีการระบุในประกาศว่าเขาถูกตัดสินคดีหรือไม่

เรียบเรียงจาก:https://www.nytimes.com/2024/12/05/world/africa/mckinsey-bribery-case-south-africa.html

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage

ศูนย์ข่าวสืบสวน

ส่องคดีทุจริตโลก:บ.แมคคินเซย์จ่ายเงิน 4.1 พันล. แลกยุติคดีสินบน-พัวพันทุจริตในแอฟริกาใต้