เอกสารงบการเงินแสดงให้เห็นว่าภรรยาของนายดาอิมได้ก่อตั้งกองทุนทรัสต์ ZA Star Trust ในช่วงปี 2553 และทรัสต์กองนี้ได้เข้าไปลงทุนในบริษัทในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินสามแห่ง โดยบริษัทสองแห่งพบว่าเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำนวนสองแห่งในกรุงลอนดอน ซึ่งรวมไปถึงอาคารสํานักงานแปดชั้น ใกล้กับมหาวิหารเซนต์พอล โดยอาคารแห่งนี้ถูกซื้อมาในปี 2557 ด้วยมูลค่า 50.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ขอนำเสนอกรณีที่เอกสารแพนโดร่าหรือแพนโดร่าเปเปอร์สได้เปิดโปงว่าอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่กำลังถูกสอบสวนอยู่ ณ เวลานี้ ซุกซ่อนความมั่งคั่งไว้ในต่างแดนในรูปแบบอสังหาริมทรัพย์และหุ้นต่างๆเป็นมูลค่ามหาศาล
โดยเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ที่ผ่านมา สมาคมผู้สื่อข่าวสืบสวนสอบสวนนานาชาติ (ICIJ) ได้นำเสนอข่าวกรณีที่สมาชิกครอบครัวของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซียซึ่งก็คือนายดาอิม ไซนุดดิน (Daim Zainuddin) ถูกพบว่าเป็นผู้รับผลประโยชน์มูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกองทุนทรัสต์ในอสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักรและในสหรัฐอเมริกา โดยข้อมูลดังกล่าวมาจากการรวบรวมของผู้สื่อข่าว ICIJ
ข้อมูลใหม่ที่ถูกค้นพบนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตของมาเลเซียหรือ MACC กำลังดำเนินการสืบสวน ในกรณีที่เอกสารแพนโดร่าฯ เปิดโปงว่านายดาอิมและบุคคลใกล้ชิดกับเขามีนิติบุคคลนอกชายฝั่งหรือออฟชอร์คิดเป็นมูลค่าอย่างน้อย 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,100,810,000 บาท)
MACC ได้ประกาศเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาว่ากำลังดำเนินการสอบสวนอดีตรัฐมนตรีวัย 85 ปีนี้ภายใต้ข้อหาว่ามีการใช้อำนาจในทางที่ผิดและทำผิดกฎหมายฟอกเงินของประเทศ
บันทึกทางการเงินที่รั่วไหลจากบริษัทผู้ให้บริการทางการเงินที่หมู่เกาะเคย์แมน เปิดเผยว่าลูกชายคนสุดท้องและภรรยาของนายดาอิมจำนวนสองคน ซึ่งก็คือนายอามินและอาเมียร์ (Amin and Amir) และนางไนมาห์ คาลิด (Naimah Khalid) ทั้งหมดนี้เป็นผู้รับผลประโยชน์จากทรัสต์และถือครองทรัพย์สินมีมูลค่าอย่างน้อย 52.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,864,275,000 บาท)
เอกสารงบการเงินแสดงให้เห็นว่าภรรยาของนายดาอิมได้ก่อตั้งกองทุนทรัสต์ ZA Star Trust ในช่วงปี 2553 และทรัสต์กองนี้ได้เข้าไปลงทุนในบริษัทในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินสามแห่ง โดยบริษัทสองแห่งพบว่าเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำนวนสองแห่งในกรุงลอนดอน ซึ่งรวมไปถึงอาคารสํานักงานแปดชั้น ใกล้กับมหาวิหารเซนต์พอล โดยอาคารแห่งนี้ถูกซื้อมาในปี 2557 ด้วยมูลค่า 50.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,803,908,000 บาท)
ครอบครัวของนายดาอิม ไซนุดดินร้องทุกข์ต่อศาล อ้างว่าการกระทำของ MACC ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (อ้างอิงวิดีโอจาก The Star)
ส่วนบริษัทที่สามที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จินนั้นเป็นเจ้าของหุ้นทางอ้อมในนิติบุคคลเก้าแห่งที่จดทะเบียนที่รัฐเดลาแวร์และที่รัฐแมสซาชูเซตส์ โดยนิติบุคคลเหล่านี้พบว่าเคยลงทุนในกิจการโรงแรม,ลานจอดรถและทรัพย์สินเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยอื่น ๆ
เอกสารงบการเงินของทรัสต์แสดงให้เห็นว่าทรัสต์กองนี้ได้รับเงินกู้ 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,668,970,000 บาท) จากนิติบุคคลอีกแห่งซื่อเป็นกองทรัสต์ชื่อว่า Adam Zeta Trust แต่ข้อมูลเอกสารไม่ได้ระบุว่าใครเป็นเจ้าของทรัสต์ Adam Zeta Trust และไม่ได้บอกว่าการให้เงินกู้ยืมนี้เกิดขึ้นเมื่อไร
ส่วนทนายความของครอบครัวนายดาอิมก็ไม่ยอมตอบรับคำขอให้แสดงความคิดเห็นจาก ICIJ และสำนักข่าว Malaysiakini
ในเอกสารระเบียบการที่รั่วไหลออกมา ระบุว่าเจ้าหน้าที่ที่บริษัท Genesis Trust & Corporate Services Ltd ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการและจัดการกองทรัสต์ในเคย์แมน ได้ลงรายละเอียดลูกค้าผู้ใช้บริการเอาไว้ว่า “มีความเสี่ยงสูง” เนื่องจากว่าลูกค้าคนนี้ที่มาเปิดทรัสต์มีความเชื่อมโยงกับนายดาอิม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซียที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ช่วงปี 2527-2534 และในช่วงปี 2542-2544
ต่อมาในปี 2565 บริษัท Genesis ก็ได้ถูกซื้อโดยบริษัท Highvern ซึ่งเป็นบริษัทในเขตปกครองตนเองเจอร์ซีย์ สหราชอาณาจักร โดยบริษัท Genesis เป็นหนึ่งใน 135 บริษัททรัสต์ที่ยังคงมีสถานะดำรงธุรกิจอยู่บนหมู่เกาะเคย์แมน จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้บริษัทเหล่านี้ต้องเผชิญกับกระบวนการตรวจสอบเพราะอาจจะมีข้อบกพร่องในเรื่องของระบบการต่อต้านการฟอกเงิน
บริษัท Highvern ก็ไม่ได้ตอบข้อซักถามของ ICIJ เช่นกัน
สำหรับนายดาอิม ไซนุดดินนั้น สื่อในมาเลเซียขนานนามให้เขาเป็นเหมือนกับเจ้าพ่อสำหรับบริษัทในมาเลเซีย โดยนายดาอิมเป็นทั้งนักธุรกิจและนักการเมืองที่สามารถหาความมั่งคั่งได้จากธุรกิจการพัฒนาธนาคารและอสังหาริมทรัพย์
ข้อมูลใหม่ที่เพิ่งถูกเปิดโปงเกี่ยวกับกองทรัสต์ ZA Star Trust มาจากการรายงานของสื่อมาเลเซียชื่อว่า Malaysiakini โดยการรายงานข่าวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการทำข่าวสืบสวนของ ICIJ ที่เกี่ยวกับเอกสารแพนโดร่าในช่วงปี 2564 ซึ่งเปิดโปงนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 330 คนทั่วโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนอกอาณาเขต
บันทึกทางธุรกิจที่รั่วไหล ซึ่งปรากฏในเอกสารแพนโดร่าได้เชื่อมโยงนายดาอิม,ลูกชายสองคนของเขา,ภรรยา และผู้ร่วมธุรกิจกับเขา เข้ากับกองทรัสต์อีกสามกองและบริษัทนอกอาณาเขตอีกหลายแห่ง รวมไปถึงบริษัทที่เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์อันหรูหราในกรุงลอนดอน
สำนักข่าว Malaysiakini ได้เคยสัมภาษณ์นายดาอิมเมื่อปี 2564 ปรากฏว่าตอนนั้นเขายืนยันว่าไม่ได้ทำผิดอะไร และกล่าวต่อไปว่าเขามักจ่ายภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนและเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ของเขาเสมอ
“ผมเกษียณจากแวดวงธุรกิจมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และกองทรัสต์เหล่านี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนอสังหาริมทรัพย์” นายดาอิมกล่าว
ต่อมาเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา MACC ได้ดำเนินการตรวจสอบความมั่งคั่งของนายดาอิมในต่างแดน โดยอ้างว่ามีข้อสงสัยว่าความมั่งคั่งนี้อาจจะเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาการยักยอกเงินรัฐกว่า 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (17,044,800,000 บาท) ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 90 ซึ่งนายดาอิมได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
Malaysiakini ได้รายงานต่อไปว่า MACC ได้ดำเนินการอายัดเงินกว่า 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (284,080,000 บาท) ในบัญชีธนาคารของนายดาอิมและผู้ร่วมงานของเขาบางคน
ในแถลงการณ์เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา MACC กล่าวว่าได้สั่งให้นายดาอิมเปิดเผยทรัพย์สินทั้งหมดของเขาที่ถือครองในมาเลเซียและต่างประเทศ หลังจากที่เขาไม่ปฏิบัติตามคําขอ เจ้าหน้าที่ MACC ได้อายัดตึก Ilham Tower ซึ่งเป็นตึกระฟ้าสูง 60 ชั้นที่ตระกูลของนายดาอิมเป็นเจ้าของอยู่ โดยตึกนี้ตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางทางการเงินในกรุงกัวลาลัมเปอร์
ข่าวการอายัดตึก Ilham (อ้างอิงวิดีโอจาก CNA)
MACC ชี้แจงอีกว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการออกแถลงการณ์ว่านายดาอิมได้กระทำความผิดใดๆ ขณะที่นายดาอิมได้ตอบโต้ว่าการพุ่งเป้าไปที่ทรัพย์สินของครอบครัวเขานั้นถือว่าเป็น “การล่าแม่มดทางการเมือง” และเป็นสิ่งที่ท้าทายกระบวนการตรวจสอบที่ถูกต้องชอบธรรมในศาลสูงของมาเลเซีย
ส่วนศาลมาเลเซียระบุว่าในวันที่ 4 มี.ค.จะมีการอ่านคำวินิจฉัยคำร้องของนายดาอิมที่อ้างว่าการกระทำของ MACC นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ม.ค.นางไนมาห์ คาลิด ภรรยาของนายดาอิมได้ออกแถลงการณ์ผ่านทนายความของเธอ วิจารณ์การรายงานข่าวเหล่านี้ว่าเท่ากับการลอบสังหารใครสักคนที่กระทำภายใต้หน้ากากของการรายงานข่าว
“เราไม่ได้ปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ว่าเราเป็นเจ้าของทรัพย์สินในต่างประเทศ” นางคาลิดกล่าวในแถลงการณ์และกล่าวอีกว่าสิ่งเหล่านี้เป็นผลมาจากผลประกอบการทางธุรกิจและการลงทุนที่ถูกต้องตามกฎหมายในช่วงเวลาก่อนที่นายดาอิมจะเข้ามาเล่นการเมืองในปี 2527
เรียบเรียงจาก: https://www.icij.org/investigations/pandora-papers/malaysian-politician-under-pandora-papers-probe-linked-to-52-million-offshore-trust-and-uk-us-property-investments/
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าในกระบวนการนำเสนอข่าวเชิงสืบสวนเกี่ยวกับนายดาอิม ไซนุดดิน มีผู้รวบรวมข้อมูลข่าวได้แก่ น.ส.ปรางทิพย์ ดาวเรือง ผู้สื่อข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศราซึ่งเป็นสมาชิกเครือข่าย ICIJ ในประเทศไทย
อ่านประกอบ:
- ส่องคดีทุจริตโลก:เอกชนเยอรมันจ่ายเงิน 7.7พันล. ยุติคดีสินบนในต่างแดน
- ส่องคดีทุจริตโลก: สว.สหรัฐฯฉาวอีก ถูกครหารับสินบนนักลงทุน แลกออกแถลงการณ์สนับสนุนกาตาร์