ในระหว่างการพูดคุยหารือเกี่ยวกับการเข้าถึงวัสดุนิวเคลียร์ นายเอบิซาวะยังได้มีส่วนร่วมติดต่อกับ UC-1 เนื่องจากเขาต้องการที่จะจัดซื้ออาวุธที่ใช้งานในระดับกองทัพ ต่อมาในเดือน พ.ค. 2564 นายเอบิซาวะได้มีการส่งลิสต์อาวุธที่เขาอยากได้ให้กับ UC-1 ซึ่งในลิสต์นั้นพบว่ามีอาวุธรวมถึงจรวดต่อต้านอากาศยานแบบพื้นสู่อากาศ โดยนายเอบิซาวะต้องการซื้ออาวุธเหล่านี้จาก UC-1 ในนามของผู้นำกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ในเมียนมา
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอเสนอกรณีความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มยากูซ่า อาชญากรชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น กับกลุ่มกองทัพชาติพันธุ์ในประเทศเมียนมา
สืบเนื่องจากที่นายทาเคชิ เอบิซาวะ หนึ่งในผู้นำกลุ่มยากูซ่า องค์กรอาชญากรข้ามชาติชื่อดังของญี่ปุ่น ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการแอบลักลอบขนชิ้นส่วนนิวเคลียร์ รวมไปถึงพลูโตเนียมเกรดสำหรับใช้ผลิตอาวุธ ตามข้อกล่าวหาของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา
สหรัฐฯได้ตั้งข้อหานายเอบิซาวะว่าพยายามเป็นนายหน้าดำเนินการจัดซื้อวัตถุนิวเคลียร์จากเมียนมาในนามของประเทศอิหร่าน แต่ก็ไม่มีการเปิดโปงว่ากลุ่มชาติพันธุ์ใดของเมียนมา ซึ่งได้รับการติดต่อจากยากูซ่า
ทว่าแหล่งข่าวระดับสูงกลับให้ข้อมูลแก่ผู้สื่อข่าวว่าแท้จริงแล้วกลุ่มที่ได้รับการติดต่อก็คือกองทัพชาติพันธุ์อาระกันที่มีความเชื่อมโยงไปถึงยากูซ่า และมีการกล่าวว่าในช่วงไม่กี่ปีมานี้ บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในรัฐบาลทหารเมียนมานั้นมีส่วนร่วมในการลักลอบขนแร่หายากเช่นอัญมณีได้แก่ทับทิมเมียนมา ซึ่งทับทิมเหล่านี้จะถูกนำไปขายต่อให้กับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมในอิหร่าน และมันยังถูกขายให้กับกลุ่มดีคอมพานี (D-Company) ซึ่งเป็นองค์กรมาเฟียของนาย ดาวู๊ด อิบราฮิม เศรษฐีใหญ่อสังหาริมทรัพย์ ผู้ซึ่งเป็นผู้ต้องหาการก่อการร้ายข้ามชาติในหลายประเทศ
เปิดโปงกลุ่มดี-คอมพานี (อ้างอิงวิดีโอจาก Luxury Drop)
แหล่งข่าวอ้างว่าดีคอมพานีได้ดำเนินการซื้อยาบ้าจากเมียนมา ซึ่งส่วนใหญ่มาจากกลุ่มกองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน (Arakan Rohingya Salvation Army - ARSA)
การเปิดโปงเอกสารคำฟ้องที่เกาะแมนฮัตตันเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการตั้งข้อหาชาวญี่ปุ่นว่าสมรู้ร่วมคิดกับเครือข่ายเพื่อดำเนินการขนส่งนิวเคลียร์จากเมียนมาไปยังประเทศอื่น
ข้อมูลจากเอกสารของศาลระบุว่านายทาเคชิ เอบิซาวะ วัย 60 ปี และนาย ส.(ขอสงวนชื่อเต็ม) ซึ่งเป็นคนไทยวัย 61 ปี เคยถูกตั้งข้อหาแล้วในเดือน เม.ย.2565 ในข้อหาค้ายาเสพติดระหว่างประเทศและความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และทั้งสองคนถูกสั่งควบคุมตัว
“จําเลยถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดที่จะขายวัสดุนิวเคลียร์เกรดสำหรับทำอาวุธและยาเสพติดร้ายแรงจากเมียนมา และซื้ออาวุธสงครามในนามของกลุ่มก่อความไม่สงบติดอาวุธ” นายแมทธิว จี. โอลเซ่น ผู้ช่วยอัยการสูงสุด กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กล่าวและกล่าวต่อไปว่า “เป็นเรื่องน่ากลัวเกินจะจินตนาการได้ถึงผลที่ตามมาหากความพยายามเหล่านี้ประสบความสําเร็จ และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯจะรับผิดชอบ จัดการต่อผู้ที่ลักลอบนําขนสิ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นภัยคุกคามความมั่นคงต่อสหรัฐฯ และต่อเสถียรภาพระหว่างประเทศ”
"ตามที่ข้อกล่าวหา จําเลยค้าวัสดุที่มียูเรเนียมและพลูโตเนียมเกรดผลิตอาวุธอย่างโจ่งแจ้งจากเมียนมาไปยังประเทศอื่น ๆ" นายเดเมียน วิลเลียมส์ อัยการสหรัฐฯ ประจําเขตทางใต้ของนิวยอร์กกล่าวและกล่าวต่อว่า "จำเลยทําเช่นนั้นในขณะที่เชื่อว่าวัสดุดังกล่าวจะถูกนําไปใช้ในการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ และในขณะเดียวกันก็เจรจาเพื่อซื้ออาวุธร้ายแรงด้วย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกล่าวในสิ่งที่เกินจริงเกี่ยวกับความร้ายแรงของการกระทํานี้ ผมอยากจะขอบคุณอัยการและพันธมิตรผู้บังคับใช้กฎหมายของเราที่รับรองว่าจําเลยได้รับการดำเนินคดีในศาลสหรัฐฯ"
ในข้อกล่าวหาตามคำฟ้องมีการระบุรายละเอียดในช่วงต้นปี 2563 นายเอบิซาวะสามารถเข้าถึงวัตถุนิวเคลียร์ได้เป็นจำนวนมากเท่าที่ต้องการเพื่อจะนำออกจำหน่าย และปลายปีนั้นนายเอบิซาวะก็ได้มีการถ่ายรูปจำนวนหนึงซึ่งเป็นรูปของสารหินต่างๆ พร้อมกับภาพของมาตรวัดไกเกอร์-มูลเลอร์ที่ใช้วัดรังสี มีการส่งข้อมูลหน้ากระดาษที่เป็นผลวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการซึ่งบ่งชี้ว่ามีแร่ทอเรียมและแร่ยูเรเนียมอยู่ในสารที่ปรากฏ
สำหรับกระบวนการสอบสวนมีบุคคลซึ่งใช้ชื่อว่า UC-1 ซึ่งตกลงว่าจะให้การช่วยเหลือการทำงานของสำนักงานต่อต้านยาเสพติดของสหรัฐอเมริกา โดย UC-1 ได้ไปไปติดต่อกับนายเอบิซาวะที่เป็นนายหน้าค้าวัสดุนิวเคลียร์ และสวมรอยว่าตัวเองคือนายพลอิหร่าน ต้องการวัสดุนิวเคลียร์เพื่อใช้ในโครงการอาวุธนิวเคลียร์ จากนั้นนายเอบิซาวะก็ได้เสนอว่าจะจัดหาพลูโทเนียมที่คุณภาพดีกว่าและทรงพลังกว่าให้กับ “นายพล” เพื่อวัตถุประสงค์นี้
ในระหว่างการพูดคุยหารือเกี่ยวกับการเข้าถึงวัสดุนิวเคลียร์ นายเอบิซาวะยังได้มีส่วนร่วมติดต่อกับ UC-1 เนื่องจากเขาต้องการที่จะจัดซื้ออาวุธที่ใช้งานในระดับกองทัพ ต่อมาในเดือน พ.ค. 2564 นายเอบิซาวะได้มีการส่งลิสต์อาวุธที่เขาอยากได้ให้กับ UC-1 ซึ่งในลิสต์นั้นพบว่ามีอาวุธรวมถึงจรวดต่อต้านอากาศยานแบบพื้นสู่อากาศ โดยนายเอบิซาวะต้องการซื้ออาวุธเหล่านี้จาก UC-1 ในนามของผู้นำกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ในเมียนมา (ผู้นำกลุ่มกบฏชาติพันธุ์ถูกระบุในเอกสารว่าคือ CC-1)
นายเอบิซาวะได้มีการร่วมมือกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกสองคน (ในเอกสารใช้คำว่า CC-2 และ CC-3) เพื่อนำเสนอให้ UC-1 ได้รับทราบว่า CC-1 นั้นมีความต้องการจะขายยูเรเนียมไปให้กับนายพลอิหร่าน ผ่านนายเอบิซาวะที่เป็นคนกลาง
พอมาถึงวันที่ 4 ก.พ.2565 มีการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอ CC-2 ได้บอกกับ UC-1 ว่า CC-1 หรือผู้นำกบฏชาติพันธุ์ นั้นสามารถจะจัดหาทอเรียม-232 มาได้เป็นปริมาณ 2,000 กิโลกรัม และยูเรเนียมอีกมากกว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งอยู่ในสารประกอบ U308 หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “เค้กเหลือง”
มีรายงานด้วยว่า CC-1 นั้นสามารถจะผลิตวัสดุนิวเคลียร์ได้มากถึงห้าตันในเมียนมา ส่วน CC-2 ได้มีการแนะนำให้ CC-1 ได้ให้ตัวอย่างของยูเรเนียมและทอเรียมให้กับ CC-2 เพื่อจะได้นำไปแสดงให้กับ UC-1 ซึ่งมีภาพลักษณ์เหมือนกับผู้ที่จะเป็นลูกค้าต่อไป CC-2 ยังได้เน้นย้ำว่าตัวอย่างเหล่านี้ควรจะถูกบรรจุในบรรจุภัณฑ์เพื่อป้องกันรังสี
ข่าวการจับกุมนายเอบิซาวะ (อ้างอิงวิดีโอจากเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)
ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น นายเอบิซาวะ,CC-2 และ CC-3 ได้มีการพบปะกับ UC-1 ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหารือเกี่ยวกับทั้งการโอนถ่ายอาวุธ ยาเสพติด และวัสดุนิวเคลียร์ ในระหว่างการพบปะกัน CC-2 ถาม UC-1 ให้ไปคุยกันในห้องในโรงแรมที่ CC-2 พักอยู่
ภายในห้อง CC-2 ได้แสดงให้ UC-1 เห็นถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติก ซึ่งในแต่ละบรรจุภัณฑ์บรรจุแป้งสีเหลืองเอาไว้ โดย CC-2 เรียกสิ่งนี้ว่าเค้กเหลือง และกล่าวว่าหนึ่งในบรรจุภัณฑ์นั้นมีตัวอย่างยูเรเนียมในสารประกอบ U308 และอีกบรรจุภัณฑ์บรรจุไปด้วยทอเรียม-232 UC-1 จึงได้มีการถ่ายรูปและบันทึกวิดีโอตัวอย่างนิวเคลียร์เอาไว้
ด้วยความช่วยเหลือของทางการไทยตัวอย่างนิวเคลียร์ถูกยึดและต่อมาถูกโอนไปยังการดูแลของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา
ขณะที่ห้องปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ได้ตรวจสอบตัวอย่างนิวเคลียร์และระบุว่าตัวอย่างทั้งสองมีปริมาณยูเรเนียม ทอเรียม และพลูโทเนียมที่ตรวจพบได้ โดยไอโซโทปของพลูโทเนียมที่พบในตัวอย่างนิวเคลียร์นั้นเป็นเกรดที่สามารถอาวุธได้ซึ่งหมายความว่าพลูโทเนียมเหล่านี้หากมีปริมาณที่เพียงพอจะก็สามารถนำไปใช้ทำอาวุธนิวเคลียร์ได้
เรียบเรียงจาก:https://weeklyblitz.net/2024/02/27/japanese-yakuza-maintains-connections-with-arakan-army/
อ่านประกอบ:
- ส่องคดีทุจริตโลก: ลูกขุนสหรัฐฯฟันอดีตพ่อค้าน้ำมัน บ.วิตอล คดีสินบนเม็กซิโก-เอกวาดอร์
- ส่องคดีทุจริตโลก: อัยการยุโรปสั่งสอบ 3 มหาวิทยาลัยเอี่ยวโกงงบช่วยเหลือ EU นับร้อยล้าน
- ส่องคดีทุจริตโลก:ปธน.เกาหลีใต้ อ้างเป็นเรื่องโชคร้าย หลังภรรยาถูกครหารับกระเป๋า 8 หมื่น
- ส่องคดีทุจริตโลก:บ.น้ำมันใหญ่จ่ายสินบนพัน ล.ให้ จนท.รัฐทุกระดับ-แลกสัญญาน้ำมันเอกวาดอร์
- ส่องคดีทุจริตโลก: อดีตคนวงในแฉจนท. UN รวมหัวเรียกสินบนโครงการฟื้นฟูอิรัก 5.3 หมื่น ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก: เอกสารแพนโดร่าแฉอดีต รมว.คลังมาเลย์ ถือครองอสังหาฯ 1.8 พันล. ณ ลอนดอน
- ส่องคดีทุจริตโลก:เอกชนเยอรมันจ่ายเงิน 7.7พันล. ยุติคดีสินบนในต่างแดน
- ส่องคดีทุจริตโลก: สว.สหรัฐฯฉาวอีก ถูกครหารับสินบนนักลงทุน แลกออกแถลงการณ์สนับสนุนกาตาร์