มีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ UNDP ได้เรียกเงินสินบนเป็นจำนวนอย่างน้อย 15%ของมูลค่าโครงการ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมาจากอดีตพนักงานจำนวนสามรายและผู้รับเหมาในโครงการจำนวนสี่ราย โดยเงินสินบนนั้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่พนักงานของ UNDP จะช่วยเหล่าบรรดาผู้รับเหมาให้ผ่านกระบวนการตรวจสอบและการเสนอราคาที่มีความซับซ้อนของ UNDP ไปได้
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ในสัปดาห์นี้ขอนำเสนอกรณีการทุจริตของเจ้าหน้าที่ในองค์การสหประชาชาติที่ประเทศอิรัก
โดยสำนักข่าวการ์เดียนของอังกฤษได้ลงข่าวสืบสวนรายงานถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานในองค์การสหประชาชาติหรือ UN ที่ประเทศอิรักตอนนี้กำลังถูกกล่าวหาว่าเรียกสินบนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือนักธุรกิจรายหนึ่งเพื่อให้ชนะสัญญาโครงการฟื้นฟูประเทศอิรักหลังจากสงคราม
ข้อกล่าวหาเรื่องการเรียกเงินใต้โต๊ะดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในหลายข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและการบริหารจัดการที่ผิดพลาด ซึ่งสำนักข่าวการ์เดียนได้เปิดโปงในโครงการ Funding Facility for Stabilization, หรือโครงการการอำนวยสะดวกในด้านเงินทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพประเทศ โดยโครงการนี้อยู่ภายใต้โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติหรือ UNDP ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 และมีเงินสนับสนุนในโครงการกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (53,445,000,000 บาท) ซึ่งมาจากการบริจาคของผู้บริจาคมากกว่า 30 ราย รวมถึงสหราชอาณาจักร
นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่สหรัฐฯ นำการรุกรานประเทศอิรักเมื่อปี 2546 ประชาคมระหว่างประเทศได้มีการอัดเงินช่วยเหลือนับพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปยังประเทศอิรัก แต่ว่า 20 ปีหลังจากนั้นประเทศนี้ก็ยังประสบปัญหาทั้งในเรื่องของการบริการและโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ดี แม้ว่าจะเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับสี่ของโลก และสร้างรายได้จากการผลิตน้ำมันทําลายสถิติ 1.15 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4,097,450,000,000 บาท) ในปีที่แล้วก็ตาม
สำนักข่าวการ์เดียนได้สืบพบปัญหาเกี่ยวกับการเรียกสินบนในอิรัก ซึ่งเหล่าบรรดาผู้รับเหมาทั้งจากอิรักและจากตะวันตกให้ความเห็นว่า UN กำลังกระตุ้นวัฒนธรรมเรื่องการติดสินบนให้กับประเทศนี้อยู่
โดยมีข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ UNDP ได้เรียกเงินสินบนเป็นจำนวนอย่างน้อย 15%ของมูลค่าโครงการ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวมาจากอดีตพนักงานจำนวนสามรายและผู้รับเหมาในโครงการจำนวนสี่ราย โดยเงินสินบนนั้นเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่พนักงานของ UNDP จะช่วยเหล่าบรรดาผู้รับเหมาให้ผ่านกระบวนการตรวจสอบและการเสนอราคาที่มีความซับซ้อนของ UNDP ไปได้
วิดีโอโปรโมตผลงานของ UNDP ในอิรัก (อ้างอิงวิดีโอจาก UNDP)
“ไม่มีใครสามารถทำสัญญาได้ โดยไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่มีอะไรในประเทศนี้ที่คุณจะได้มาโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่ว่าจะทั้งจากรัฐบาลหรือว่าจาก UNDP” ผู้รับเหมารายหนึ่งกล่าวกับสำนักข่าวการ์เดียน และกล่าวยืนยันว่ามีกรณีพนักงานของ UNDP ได้เข้ามาหาพวกเขาและเรียกร้องให้พวกเขาจ่ายเงินสินบน
ทางด้านของพนักงาน UNDP กล่าวว่าสัญญาส่วนมากมักจะมีการทำด้วยกันระหว่างตัวบุคคลเองแทนที่จะเป็นในรูปแบบของเอกสารเพื่อจะหลีกเลี่ยงกระบวนการตรวจจับ และในบางครั้งชาวอิรักที่มีอิทธิพลจะทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันสัญญา
“บุคคลที่สามยังมีส่วนในการขอรับเงินใต้โต๊ะด้วย และผู้รับเหมาก็จะเลือกคน (ค้ำประกัน) ที่มีทั้งความสัมพันธ์และมีอำนาจ” พนักงาน UNDP กล่าว
โดย UNDP จะให้ความไว้วางใจกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลในการกำกับดูแลโครงการก่อสร้าง แต่เจ้าหน้าที่รัฐบาลที่ว่านี้ก็จะมีส่วนในการเรียกเงินส่วนแบ่ง ตามคำกล่าวอ้างของผู้รับเหมาและเจ้าหน้าที่ UNDP ที่เข้าไปดูแลโครงการ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่รัฐบาลนั้นจะใช้อำนาจของตัวเองในการกรรโชกเงินสินบนจากบริษัท และกับการที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลจะเซ็นลงนามเพื่อให้โครงการเสร็จสมบูรณ์ โดยผู้รับเหมาจำนวนอย่างน้อยสองรายให้สัมภาษณ์ยืนยันกับสำนักข่าวการ์เดียนว่าพวกเขาเคยเจอเหตุการณ์ที่ว่ามานี้
ขณะที่ถ้อยแถลงจาก UNDP ระบุว่าทางหน่วยงานได้ให้ความสำคัญกับกรณีการกล่าวหาเรื่องทุจริตและปัญหาการขาดความโปร่งใสอย่างจริงจังและไม่ยอมรับการทุจริตเด็ดขาด
หน่วยงานของ UN ระบุต่อไปว่านโยบายต่อต้านการทุจริตนั้นบังคับใช้กับพนักงานของ UNDP อย่างเท่าเทียมกันตลอดจนบุคลากร,ผู้ขาย,คู่ค้าที่ดำเนินการ และผู้รับผิดชอบอื่นๆที่ UNDP มีส่วนร่วมด้วย ข้อกล่าวหาเรื่องการรับสินบน การทุจริต หรือการฉ้อโกง ทางสำนักงานตรวจสอบและสอบสวนอิสระของ UNDP จะดำเนินการอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้นอกจากการทุจริต ยังพบว่าโครงการของ UNDP นั้นมีปัญหาอื่นๆทั้งในเรื่องการใช้จ่ายงบซ้ำซ้อน ปัญหาค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนนอกเหนือจากวัตถุดิบและค่าแรงทางตรงหรือที่เรียกกันว่าค่าโสหุ้ย ส่งผลทำให้เกิดคำถามว่าส่วนแบ่งของงบประมาณขนาดใหญ่นั้นไปถึงชุมชนที่บอบช้ำจากสงครามเท่าไรกันแน่
UNDP ระบุว่าหน่วยงานคิดค่าใช้จ่ายทางอ้อมตามกฎระเบียบทางการเงิน และข้อกำหนดของคณะกรรมการ
ส่วนผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนที่เลือกจะปิดตัวตนของตัวเองเพราะกังวลว่าจะถูกตอบโต้ทางใดทางหนึ่งกล่าวว่าโครงการของ UNDP ได้รับการขยายอย่างไม่มีเหตุผล ด้วยการสร้างภาพให้ดูว่า UNDP ยังคงมีบทบาทอยู่ ในขณะที่มีการยกเลิกบทบาท ภาระหน้าที่ของรัฐบาลอิรักในการสร้างประเทศขึ้นมาใหม่
UNDP กล่าวอ้างว่าได้พัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอิรัก 8.9 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในห้าของประชากรของประเทศ แต่หลังจากที่สำนักข่าวการ์เดียนได้เยี่ยมชมไซต์ก่อสร้าง ก็มีข้อบ่งชี้ว่าคำกล่าวอ้างนี้อาจเกินความจริง
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของอิรักมีโครงการซึ่งติดป้ายให้เครดิตกับทาง UNDP อยู่ โดยโครงการนี้ได้แก่โครงการศูนย์สุขภาพท้องถิ่น ซึ่งถูกระบุว่ามีบทบาทในการฟื้นฟูสมรรถภาพ แต่ข้อเท็จจริงคือว่าสถานที่แห่งนี้ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในช่วงที่กองกำลังอิรักขับไล่กลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามในปี 2560 และสถานที่แห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะไปโดยองค์กรอื่นๆอีกสองแห่งไปก่อนแล้ว
ในช่วงที่ UNDP ปรากฏตัวขึ้นมา คลินิกนี้ได้มีการใช้งานอีกครั้งเป็นเวลาอย่างน้อยสองปีแล้ว และ UNDP ก็ได้อ้างว่าจะช่วยเหลือในเรื่องการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่เสียหายกลับขึ้นมาใหม่ โดยจะมีการสร้างห้องแล็บและศูนย์เอ็กซ์เรย์ ทว่าพื้นที่ก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวนั้นก็ยังคงดูว่างเปล่าในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่ประชาชนท้องถิ่นได้ออกมาร้องเรียนว่ากว่าสองปีแล้วที่ UNDP ได้ล้มเหลวในเรื่องของการก่อสร้างแผนกใหม่ๆที่คลินิกแห่งนี้ตามที่ได้เคยสัญญาเอาไว้
ความย้อนแย้งเพิ่มเติมก็คือว่ารายงานของ UNDP เมื่อปี 2565 อ้างว่าศูนย์สุขภาพแห่งนี้เสร็จสมบูรณ์แล้วและทำงานควบคู่ไปกับคลินิกอื่นๆในจังหวัด สามารถช่วยเหลือชาวอิรักได้นับพันคน ทว่าแท้จริงแล้วตัวเลขในรายงานดังกล่าวดูเหมือนว่าจะอิงข้อมูลจากสำมะโนประชากรที่จัดทำโดยรัฐบาลอิรักมากกว่าการใช้งานคลินิกจริงๆ
ทางด้านของ UNDP กล่าวยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดทางเทคนิคและรายงานข้อมูลการใช้จ่ายต่างๆตามที่ระบุไว้ไปให้กับผู้บริจาคแต่ละรายแล้ว
โดยผู้บริจาคบริจาคเงินให้โครงการได้ตกลงที่จะขยายโครงการของ UNDP ออกไปอีกสองปี และต้องการให้เงินที่เหลือนั้นมุ่งไปสู่การพัฒนาสังคมและสถาบันที่ทำหน้าที่เพื่อการพัฒนาอย่างแท้จริง แต่ว่าผู้ที่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวการ์เดียนอธิบายถึงหลักการฝึกอบรมและการประชุมปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ ซึ่งดำเนินงานโดย UNDP ว่ายังขาดการเชื่อมโยงในเชิงกลยุทธ์
สัดส่วนผู้บริจาคเงินเพื่อฟื้นฟูประเทศอิรัก
อดีตพนักงาน UNDP คนหนึ่งกล่าวว่าในรายละเอียดการประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับสมาชิกในชุมชน ส่วนมากแล้วผู้เข้าร่วมจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการเดินทางฟรีและรับเบี้ยประชุมเป็นหลัก หรือก็คือเหมือนกับว่า UNDP แค่ต้องการผลาญเงินเพื่อแสดงให้ผู้บริจาคเห็นว่าพวกเขากำลังประชุมเชิงปฏิบัติการณ์
อดีตพนักงานอีกรายอธิบายถึงโครงการส่งเสริมการริเริ่มการใช้ชีวิตของ UNDP ซึ่งมีรายละเอียดการสอนหญิงพลัดถิ่นให้เย็บผ้าเป็นว่า โครงการนี้มีลักษณะที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะว่าชาวอิรักโดยมากแล้วจะซื้อเสื้อผ้านำเข้าราคาถูกจากตลาดท้องถิ่นแทน
“พวกเขาพยายามสร้างเศรษฐกิจที่ไม่มีอยู่จริง มันเหมือนกับว่าย้อนไปอยู่ในยุคกลาง” อดีตพนักงาน UNDP กล่าว
ทาง UNDP กล่าวยืนยันว่าโครงการความคิดริเริ่มเช่นการฝึกอบรมทักษะนั้นได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการชุมชนและมีการปรึกษาหารืออย่างเต็มที่กับหน่วยงานท้องถิ่นหรือชุมชน
ส่วนผู้บริจาคเงินก็ยอมรับว่ามีปัญหาในการติดตามว่าเงินทุนของพวกเขาถูกใช้ไปอย่างไร และต้องพึ่งพา UNDP เพื่อดําเนินการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยงานที่อ้างว่า “ทำงานเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์”
ผู้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวการ์เดียนจำนวนห้าคนที่คุ้นเคยกับรายงานของ UNDP กล่าวว่ารายงานไม่ได้สะท้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และกลับเป็นรายงานที่ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ในการประชาสัมพันธ์เสียมากกว่า
“เมื่อคุณไปที่จังหวัดที่ถูกระบุถึงเหล่านี้จริง ๆ และนั่งลงพูดคุยกับผู้รับทุนเหล่านี้และคุณดูโครงการจริง ๆ มันห่างไกลจากสิ่งที่คุณรับรู้จากการอ่านรายงานเหล่านี้" ผู้ให้สัมภาษณ์รายหนึ่งกล่าว
นอกจากนี้การลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมชมผลการดำเนินงานในภาคสนามก็ยังมีความจำกัดอยู่มาก เพราะมีระเบียบการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยเจ้าหน้าที่จากตะวันตกกล่าวว่าทุกคนที่ถูกส่งมาดูโครงการอยู่ได้แค่ประมาณสองปีเท่านั้นและจนถึงช่วงที่พวกเขาสามารถคิดอะไรออก พวกเขาก็จากไปแล้ว นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้โครงการของ UNDP อยู่รอดได้ในทุกๆปี
ทางสำนักข่าวการ์เดียนได้ติดต่อสอบถามเรื่องนี้ไปยังนายโมฮัมเหม็ด ชีอะห์ อัล-ซูดานี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีอิรัก โดยนายอัล-ซูดานีกล่าวว่าถ้าหากข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตในโครงการของ UNDP เป็นเรื่องจริงและเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล ก็จะมีการดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ขณะที่นายฟาร์ฮัด อลาลดิน ประธานสภาที่ปรึกษาอิรักกล่าวว่าเราจะสื่อสารกับหน่วยงานสูงสุดของสหประชาชาติเพื่อหารือและตรวจสอบรายละเอียดของข้อกล่าวหาเหล่านี้และส่งเรื่องเกี่ยวกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตไปยังเจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจ นอกจากนี้เรายังจะตรวจสอบโครงการทั้งหมดเพื่อค้นหาความจริงต่อไป
อ่านประกอบ: