ส่องคดีทุจริตโลก:แฉ สธ.อังกฤษมอบสัญญาวีไอพีให้ บ.ห้องแล็บตรวจ PCR โควิดพลาด 43,000 ราย

immensonnn

บริษัท Immensa นั้นพบว่าบริษัทนี้เพิ่งจะมีการก่อตั้งเมื่อเดือน พ.ค. 2563 โดยนายอันเดรีย ริโปซาติ ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาด้านการจัดการและยังเป็นเจ้าของบริษัททดสอบดีเอ็นเอแห่งหนึ่ง และ 3 เดือนหลังจากที่บริษัท Immensa ได้มีการต่อตั้งขึ้น บริษัทก็ได้รับสัญญาจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศอังกฤษคิดเป็นมูลค่ากว่า 119 ล้านปอนด์ (5,337,604,671 บาท)

ส่องคดีทุจริตโลก (www.isranews.org) ในสัปดาห์นี้ขอนำเสนอข้อครหากรณีความไม่โปร่งใสในการตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ประเทศอังกฤษซึ่งส่งผลต่อการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อของทั้งประเทศ

โดยสำนักข่าวการ์เดียนของประเทศอังกฤษได้รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของประเทศอังกฤษ ณ เวลานี้นั้นกำลังเผชิญกับข้อครหาทางกฎหมายจากประเด็นความล้มเหลวในการตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ทางรัฐบาลได้ไปทำสัญญากับบริษัทที่ชื่อว่า Immensa

และข้อผิดพลาดดังกล่าวส่งผลทำให้มีกรณีการตรวจพีซีอาร์หาผลผู้ติดโควิดเป็นลบซึ่งไม่ถูกต้องจำนวนกว่า 43,000 คนนับตั้งแต่เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา

รายงานข่าวพลเมืองอังกฤษจำนวน 43,000 ได้รับผลตรวจโควิดเป็นลบซึ่งไม่ถูกต้อง (อ้างอิงวิดีโอจากสำนักข่าว WION)

ซึ่งประเด็นการตรวจสอบดังกล่าวนั้นมาจากการที่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Good Law Project ได้มีการส่งจดหมายแจ้งไปยังนายซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในครั้งนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญคาดว่าความล้มเหลวจากการตรวจหาโควิดที่ว่ามานั้นเป็นปัจจัยทำให้เกิดผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งสูงขึ้นในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ

โดยนายโจ มอห์ม ผู้อำนวยการองค์กร Good Law Project ได้กล่าวว่าทาโครงการนั้นได้มีการสอบถามไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขฯ และทางด้านของหน่วยงานความมั่นคงสุขภาพของประเทศอังกฤษแล้ว เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานสาธารณสุขของประเทศนั้นได้มีการยกเลิกสัญญาการตรวจโควิดกับบริษัท Immensa ซึ่งนำไปสู่ความผิดพลาดอันร้ายแรงโดยทันที,ให้มีการชดเชยต่อบุคคลซึ่งได้รับผลกระทบและดำเนินการต่อบริษัทซึ่งรับตรวจโควิดในครั้งนี้ และในจดหมายของโครงการได้ระบุด้วยว่าจะมีการฟ้องร้องทางกฎหมายอย่างแน่นอนถ้าหากข้อเรียกร้องขององค์กรไม่ได้รับการตอบสนอง เพราะว่ากรณีความผิดพลาดดังกล่าวนี้นั้นถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายว่าด้วยสิทธิมนุษยชน

จดหมายระบุต่อไปด้วยว่า “ทั้งผลการทดสอบการตรวจหาเชื้อที่เป็นเท็จ,การกระทำของฝ่ายผู้ที่ถูกกล่าวหาที่ทำผิดกฎหมายเนื่องจากไม่มีการตรวจสอบ กำกับดูแลที่มากพอ และการดำเนินการควบคุมประสิทธิภาพอันประสบกับข้อผิดพลาดนั้นได้ส่งผลทำให้มีบุคคลจำนวนมากรวมไปถึงครอบครัวและชุมชนของพวกเขาประสบความเสี่ยงอย่างร้ายแรง และทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิต”

ขณะที่ทางด้านของทำเนียบรัฐบาลที่ถนนดาวน์นิ่งนั้นได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการตรวจหาโควิดอันเป็นเท็จ ที่ถูกตรวจสอบ ณ ห้องแล็บของบริษัท Immensa ที่เมืองวูฟเวอร์แฮมพ์ตันซึ่งห้องแล็บแห่งนี้ได้กลายเป็นจำเลยต่อกรณีผู้ติดโควิดที่พุ่งสูงขึ้นในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ โดยทำเนียบได้กล่าวว่าภูมิภาคนี้นั้นอาจจะมีการติดเชื้อพุ่งสูงตามสัดส่วนของผู้ติดเชื้อในภูมิภาคอื่นๆทั่วประเทศอังกฤษ

อนึ่งข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท Immensa นั้นพบว่าบริษัทนี้เพิ่งจะมีการก่อตั้งเมื่อเดือน พ.ค. 2563 โดยนายอันเดรีย ริโปซาติ ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาด้านการจัดการและยังเป็นเจ้าของบริษัททดสอบดีเอ็นเอแห่งหนึ่ง และ 3 เดือนหลังจากที่บริษัท Immensa ได้มีการต่อตั้งขึ้น บริษัทก็ได้รับสัญญาจากกระทรวงสาธารณสุขของประเทศอังกฤษคิดเป็นมูลค่ากว่า 119 ล้านปอนด์ (5,337,604,671 บาท) เพื่อให้ดำเนินการตรวจหาผู้ติดเชื้อแบบพีซีอาร์ ซึ่งจากข้อมูลบริคนสนธิพบว่านายริโปซาตินั้นเป็นทั้งเจ้าของและบอร์ดบริหารเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

ห้องแล็บของบริษัท Immensa ที่เมืองวูฟเวอร์แฮมพ์ตัน (อ้างอิงวิดีโอจาก Live Update)

นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าสัญญาที่มอบให้กับบริษัท Immensa ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2563 นั้น มีกระบวนการมอบสัญญาด้วยการใช้วิธีลัดขั้นตอนจากการดำเนินการด้วยวิธีการปกติ ซึ่งทางรัฐบาลอ้างเหตุผลว่าที่ต้องใช้ทางลัดในกระบวนการมอบสัญญานั้นก็เพราะความจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 อย่างเร่งด่วนในช่วงวิกฤติการระบาด

และต่อมาในช่วงเดือน ส.ค. 2564 ก็พบว่าบริษัท Immensa นั้นยังได้ชนะสัญญาการตรวจหาผู้ติดเชื้อคิดเป็นมูลค่ากว่า 50 ล้านปอนด์ (2,243,523,450 บาท)

สำนักข่าวการ์เดียนยังได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่าในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมานั้น บริษัท Immensa ยังได้ชนะสัญญามูลค่ากว่า 12 ล้านปอนด์ (538,245,849 บาท)เพื่อให้ดำเนินการลำดับพันธุกรรม ซึ่งการชนะสัญญาดังกล่าวนั้นทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ถ้าหากกรณีข้อผิดพลาดที่ห้องแล็บวูฟเวอร์แฮมพ์ตันถูกตรวจพบเร็วกว่านี้ บริษัทนี้จะชนะสัญญาหรือไม่

และหลังจากที่ประเด็นความไม่โปร่งใสของบริษัท Immensa ถูกเผยแพร่ออกไป ก็พบว่าบริษัทนี้นั้นยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเต็มรูปแบบจากหน่วยงานให้การรับรองมาตรฐานของประเทศอังกฤษ หรือ United Kingdom Accreditation Service (UKAS) อีกทั้งบริษัทน้องสาวที่มีชื่อว่า Dante Labs ก็กำลังถูกสอบสวนด้วยเช่นเดียวกัน โดยหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันของสหราชอาณาจักร หรือ Competition and Markets Authority (CMA) ซึ่งบริษัท Dante Labs แห่งนี้ก็มีผู้ก่อตั้งคือนายริโปซาติเช่นเดียวกัน

อนึ่งก่อนหน้านี้นั้นกระทรวงสาธารณสุขได้เคยให้คำมั่นว่าจะดำเนินการตรวจสอบพฤติกรรมของบุคลากร ณ ห้องแล็บ ณ เมืองวูฟเวอร์แฮมพ์ตัน หลังจากที่สำนักข่าวเดอะซันได้เผยแพร่บทความรายงานว่าพนักงานของบริษัทนั้นมีพฤติกรรมทั้งการทะเลาะวิวาท,นอนหลับ,เล่นฟุตบอล และดื่มสุราในเวลาทำงาน ขณะที่ทางรัฐบาลก็ได้ออกมารับปากเช่นกันว่าจะพิจารณาหลักฐานการประพฤติโดยมิชอบของบริษัท Immensa อย่างจริงจัง

ขณะที่สำนักข่าวการ์เดียนยังตรวจสอบพบอีกว่าบริษัท Dante Labs ในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นเคยมีข้อครหาว่าได้มีการส่งออกชุดตรวจดีเอ็นเอที่ใช้แล้วซึ่งเต็มไปด้วยน้ำลายของลูกค้าคนอื่นในช่วงปี 2561 ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น บริษัท Dante Labs ได้ออกแถลงการณ์ว่ามีแค่ลูกค้า 5 คนเท่านั้นที่ได้รับชุดตรวจที่ใช้แล้ว ซึ่งสาเหตุของปัญหาดังกล่าวก็มาจากความผิดพลาดของบริษัทผู้ให้บริการด้านการจัดส่ง ขณะที่นายริโปซาติก็กล่าวว่าตัวเขาพร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่

โดยจากกรณีปัญหาเหล่านี้ ทางด้านของนายมอห์มจาก Good Law Project ได้กล่าวว่า “เราไม่รู้ว่าทำไมรัฐบาลถึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการจัดตั้งศูนย์ตรวจทั้งในโรงพยาบาลและในมหาวิทยาลัย และให้บริษัทที่เพิ่งจะตั้งใหม่และชนะการประกวดราคามูลค่ากว่า 119 ล้านปอนด์ดำเนินการในเรื่องนี้แทน แต่ผลที่ตามมาแน่นอนก็คือความหายนะที่เกิดขึ้น ทำให้หลายคนต้องเสี่ยงชีวิต เราต้องการคำตอบให้กับครอบครัวของพวกเขาเหล่านี้ โดยเฉพาะกับอีกหลายหมื่นชีวิตที่ต้องถูกทำลายไปโดยรัฐบาลที่ไม่สนใจสุขภาพของประชาชน”

ส่วนทางด้านของโฆษกกระทรวงสาธารณสุขได้กล่าวแย้งว่า “ห้องแล็บ Immensa ณ เมืองวูฟเวอร์แฮมพ์ตัน ได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบอิสระที่ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพ ซึ่งผู้ตรวจสอบอิสระนั้นถูกกำกับดูแลจากฝ่ายทดสอบและติดตามผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของหน่วยงานด้านสาธารณสุขของอังกฤษหรือ NHS และ ณ เวลานี้ ห้องแล็บดังกล่าวก็กำลังอยู่ในกระบวนการขอการรับรองมาตรฐานจากทาง UKAS”

อนึ่งก่อนหน้านี้นั้นทาง Good Law Project ได้เคยมีการเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาวีไอพีหลายรายการที่เอื้อต่อบริษัทบางแห่งในช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยกรณีสัญญาวีไอพีนั้นรวมไปถึงกรณีที่ลอร์ดเจมส์ เบเทล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ดูแลการมอบสัญญาจัดซื้อจัดจ้างชุดป้องการติดเชื้อหรือว่าชุดพีพีอีและชุดตรวจโควิดได้มอบสัญญาจัดซื้อจัดจ้างชุดพีพีอีและชุดตรวจโควิดมูลค่ารวมกว่า 85 ล้านปอนด์ (3,943,476,128 บาท) ให้กับบริษัท Abingdon Health

แต่อย่างไรก็ตามลอร์ดเบเทลก็ได้เปลี่ยนโทรศัพท์เครื่องใหม่ก่อนที่จะมีการดำเนินการตรวจสอบข้อมูลจากโทรศัพท์

เรียบเรียงจาก:https://www.theguardian.com/politics/2021/nov/01/law-group-threatens-to-sue-over-immensa-covid-testing-scandal

อ่านประกอบ :

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage

ศูนย์ข่าวสืบสวน

ส่องคดีทุจริตโลก:แฉ สธ.อังกฤษมอบสัญญาวีไอพีให้ บ.ห้องแล็บตรวจ PCR โควิดพลาด 43,000 ราย