
“…เหตุผลในการกำหนดความกว้างรัศมีข้างละ 1,000 เมตร จากจุดกึ่งกลางของทางรถไฟสายแยกไปที่ย่อยศิลาเขากระโดง เพราะบริเวณเขากระโดงเป็นแหล่งหินชั้นดีที่จะนําไปสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่ นครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ซึ่งต้องใช้หินจำนวนมาก จึงต้องใช้พื้นที่มากเป็นพิเศษ และกำหนดระยะเพื่อความปลอดภัยในการระเบิดหิน…”
.........................................
สืบเนื่องจากกรณีที่ นายวิริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ลงนามในหนังสือเลขที่ รฟ.อบ.1000/1792/2568 ลงวันที่ 29 ก.ย.2568 สำนักงานอาณาบาล เรื่อง ขออนุมัติให้ฟ้องคดี โดยอ้างถึงมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2554 ที่วินิจฉัยว่า
การออกโฉนดในที่ดินของ รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง ซึ่งเป็นที่สงวนห้ามมิให้ออกโฉนด เป็นการออกโฉนดโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จึงให้ฟ้องเพิกถอนหรือฟ้องขับไล่ผู้ยึดถือครอบครองที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 บริเวณแยกเขากระโดง ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
โดยที่ดินที่ รฟท.จะดำเนินการฟ้องขับไล่ดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของนางกรุณา ชิดชอบ (ภรรยานายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) จำนวน 1 แปลง และบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด จำนวน 1 แปลง (อ่านประกอบ : เปิดที่ดิน 2 แปลงแรกเขากระโดง รฟท.จ่อฟ้องขับไล่-'กรุณา ชิดชอบ-บ.ศิลาชัย' ผู้ครอบครอง)
ในตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ขอนำเสนอหนังสือบันทึก ‘สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ’ ที่ มท 0516.2/547 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 17 มี.ค.2552 ในส่วนแรก เกี่ยวกับ ‘ข้อเท็จจริง’ ของโฉนดที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 และที่มาการแต่งตั้ง 'คณะกรรมการสอบสวน' เพื่อดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง (อ่านประกอบ : ย้อนรอยคดี‘เขากระโดง’(1) ข้อเท็จจริงโฉนด 2 แปลง-‘ชิดชอบ’ให้ข้อมูล‘คกก.สอบสวน’ค้านเพิกถอน)
ในตอนที่สองนี้ สำนักข่าวอิศรา ขอนำเสนอสาระสำคัญของหนังสือดังกล่าว เกี่ยวกับ ‘ความเห็น’ ของ ‘คณะกรรมการสอบสวน’ ในการพิจารณาเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และเลขที่ 8564 ซึ่งเสียงของคณะกรรมการฯ แบ่งเป็น 2 ฝ่าย ก่อนที่ ‘คณะกรรมการสอบสวน’ จะมีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลง ดังนี้
@‘คกก.สอบสวน’มีความเห็นแยกเป็น 2 ฝ่าย‘เพิกถอน-ไม่เพิกถอน’
หนังสือบันทึกสำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ ที่ มท 0516.2/547 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดินที่ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ลงวันที่ 17 มี.ค.2552 โดยนายสุชาติ เต็งสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานออกหนังสือสำคัญ และนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ลงนาม ‘เห็นชอบ’ เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2552 (ตอนที่ 2)
2.3.2 คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้สอบสวนแล้วมีความเห็นแยกเป็น 2 ฝ่าย
(1) ฝ่ายที่ 1 ประกอบด้วย ประธานคณะกรรมการสอบสวน มีความเห็นว่า โฉนดที่ดิน เลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 832 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2462
และเนื่องจากคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 7) ได้วินิจฉัย และให้ความเห็นไว้โดยชัดเจนแล้วว่า ที่ดินดังกล่าวจัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินของการรถไฟ จึงเข้าลักษณะเป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดินตามนัยข้อ 8 (2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2557 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น
และไม่ปรากฏว่า ได้มีการนําข้อพิพาทดังกล่าวขึ้นสู่ศาลเพื่อวินิจฉัย จนเป็นที่ยุติแต่อย่างใด จึงเป็นการออกโฉนดที่ดินไปโดยไม่ชอบด้วย ควรเพิกถอนโฉนดที่ดินดังกล่าว
(2) ฝ่ายที่ 2 ประกอบด้วย นายอำเภอเมืองบุรีรัมย์, นายกองค์การบริหารส่วนตำบลอิสาณ และกรรมการและเลขานุการในคณะกรรมการสอบสวนฯ มีความเห็นว่า ในการสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี พ.ศ.2462
และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินและสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ.2464 ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยอ้างว่า ได้กรรมสิทธิ์มาโดยกฎหมายดังกล่าว
แม้ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 7) จะได้พิจารณาในข้อกฎหมายว่า ที่ดินนั้นจัดเข้าลักษณะเป็นที่รถไฟ แต่การรถไฟฯ ไม่พบแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงฯ พ.ศ.2462 จึงไม่อาจระบุตำแหน่งของที่ดินในแผนที่ดังกล่าวได้
แต่การรถไฟฯ อ้างว่าพบแต่แผนที่ประวัติศาสตร์แสดงเส้นทางรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง ซึ่งตรงกับแผนที่กรมรถไฟแผ่นดิน สายโคราช-อุบล แผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จึงได้ระบุตำแหน่งของที่ดินลงในแผนที่ดังกล่าว ซึ่งแผนที่ดังกล่าวได้จัดทำขึ้นภายหลัง
และการที่การรถไฟฯ อ้างว่ากรมรถไฟหลวงในสมัยนั้น กำหนดขอบเขตที่ไว้โดยแยกออกไปยังบริเวณดังกล่าวยาว 8 กิโลเมตร และกว้างข้างละ 1 กิโลเมตร จากศูนย์กลางทางรถไฟเฉพาะบริเวณที่ต้องขุดศิลา (ตั้งแต่ กม. 4-450 ถึง กม.8+000) ก็เป็นการกำหนดขึ้นในภายหลังเช่นกัน
เอกสารดังกล่าวมีข้อขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหลายประการ เช่น อักขระ สถานที่ต่างๆ วัน เวลา เป็นต้น จึงไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดถึงตำแหน่งของที่ดิน ว่า เป็นที่ดินบริเวณเดียวกับที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความหรือไม่
ประกอบกับการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 832 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และเจ้าของที่ดินข้างเคียง ซึ่งรวมทั้งตัวแทนของการรถไฟ ซึ่งได้รับมอบอำนาจก็ได้มาระวังชี้แนวเขตและลงนามรับรองแนวเขต
จากข้อเท็จจริง มีเหตุผลน่าเชื่อว่า การออกหลักฐานที่ดินของผู้คัดค้านทั้งสองเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเห็นว่า ยังไม่สมควรเพิกถอน น.ส. 3 ก. ฉบับดังกล่าว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่พอใจ ก็ควรดำเนินการไปพิสูจน์สิทธิทางศาลต่อไป (รายละเอียดปรากฏตามสํานวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนฯ ฉบับลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2550)
@'รองอธิบดีกรมที่ดิน'สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่ม หลังไม่มี'ข้อยุติ'
2.4 รองอธิบดี ซึ่งอธิบดีมอบหมายได้พิจารณาสํานวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนฯ แล้ว เห็นว่า “เรื่องนี้ปรากฏว่า ความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนมีความเห็น แตกออกเป็น 2 ฝ่าย การที่จะพิจารณาเพิกถอนไปตามความเห็นของกรรมการสอบสวนฯ เสียงข้างน้อย ในขณะนี้โดยที่ข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติ น่าจะยังไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ
เพื่อความรอบคอบและถูกต้อง จึงอาศัยอำนาจตามความในข้อ 6 แห่งกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน กำหนดประเด็นให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ได้ความชัดเจนว่า บริเวณที่ดิน ซึ่งกรมรถไฟในขณะนั้น (พ.ศ.2464) กำหนดขอบเขตไว้โดยแยกออกไปยังแหล่งผลิตศิลา ยาว 8 กิโลเมตร และกว้างข้างละ 1 กิโลเมตร ในพื้นที่จริงตรงกับตำแหน่งที่ดินที่ปรากฏในระวางแผนที่เพื่อการออกโฉนดที่ดินหรือไม่
สภาพพื้นที่ทั้งหมดและลักษณะการใช้ประโยชน์ในที่ดินเป็นอย่างไร และหลักเกณฑ์ วิธีการ และเหตุผลในการกำหนดความกว้างรัศมี 1,000 เมตร จากจุดกึ่งกลางของทางรถไฟสายแยกไปยังที่ย่อยศิลาเขากระโดง มีหลักเกณฑ์อย่างไร มีระเบียบกฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ ประการใด และมีบริเวณอื่นที่มีการกำหนดเขตทางรถไฟ ความกว้างรัศมี 1,000 เมตรขึ้นไป หรือไม่ จำนวนเท่าใด
และให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ดำเนินการพิจารณาพยานหลักฐานของฝ่ายผู้ที่คัดค้านว่า รับฟังได้หรือไม่ ประการใด แล้วสรุปพยานหลักฐานทั้งหมดของทุกฝ่าย โดยมีรายละเอียดชัดแจ้งว่า การคัดค้านของผู้มีส่วนได้เสียมีพยานหลักฐานสนับสนุนหรือไม่ อย่างไร สามารถหักล้างพยานหลักฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทยได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
และจากการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งหมดโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 832 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่รองอธิบดี ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินมอบหมาย ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ หรือคลาดเคลื่อนไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยประการอื่นหรือไม่ อย่างไร"
พร้อมทั้งพิจารณาและเสนอความเห็นในรายงานผลการสอบสวนต่ออธิบดีกรมที่ดินอีกครั้งหนึ่งว่า คณะกรรมการสอบสวนฯ มีความเห็นอย่างไร ในกรณีที่มีความเห็นแตกต่างกัน ให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ลงมติให้ชัดเจนว่า คณะกรรมการสอบสวนฯ มีมติให้ดำเนินการตามความเห็นแนวทางใด
โดยให้หมายเหตุความเห็นของกรรมการสอบสวน ที่ไม่เห็นด้วยเป็นความเห็นแย้งไว้ในสํานวนการสอบสวนตามนัยข้อ 4 แห่งกฎกระทรวง ออกตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ให้ครบถ้วนด้วย
@‘รฟท.’แจงแนวเขต‘เขากระโดง’ 1 กม. เหตุเป็นแหล่งหิน‘ชั้นดี’
2.5 จังหวัดบุรีรัมย์ได้มีหนังสือ ที่ บร 0019/21242 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2550 ส่งสํานวนการสอบสวนเพิ่มเติมของคณะกรรมการสอบสวนฯ ซึ่งได้ดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าวแล้ว โดยมีข้อสรุปดังนี้
2.5.1 ตามหนังสือการรถไฟแห่งประเทศไทย เลขที่ บส. 05630/2550 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2550 แจ้งว่า ในพื้นที่จริงตรงกับพื้นที่ที่ปรากฏในระวางแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดิน โดยโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ระหว่างกิโลเมตรที่ 4+540.00 ถึงกิโลเมตรที่ 8+000.00 ฝั่งด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟ (ด้านซ้ายมือหันหน้าไปปลายทาง) ภายในรัศมีค้ำตั้งฉากกับทางรถไฟ 1 กิโลเมตร สภาพพื้นที่เดิมเป็นป่าไม้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า
และการรถไฟฯ เข้าไปใช้ประโยชน์เป็นแหล่งผลิตศิลานําหินไปสร้างทางรถไฟสายโคราช อุบลราชธานี ตั้งแต่ พ.ศ.2464 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งยังมีเส้นทางรถไฟปรากฏอยู่ และยังคงใช้เดินรถไฟไปลําเลียงหินโรยทางอยู่เป็นประจำ และในอนาคตก็ยังคงใช้เส้นทางรถไฟนี้ลําเลียงหินโรยทางไปใช้ในกิจการรถไฟฯ ต่อไป
และเหตุผลในการกำหนดความกว้างรัศมีข้างละ 1,000 เมตร จากจุดกึ่งกลางของทางรถไฟสายแยกไปที่ย่อยศิลาเขากระโดง เพราะบริเวณเขากระโดงเป็นแหล่งหินชั้นดีที่จะนําไปสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่ นครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ซึ่งต้องใช้หินจำนวนมาก จึงต้องใช้พื้นที่มากเป็นพิเศษ และกำหนดระยะเพื่อความปลอดภัยในการระเบิดหิน
โดยกรมรถไฟหลวงได้จัดทำแผนที่กำหนดเขตที่ดินที่ต้องการไว้ตามความจําเป็นเพื่อสร้างทางรถไฟ ที่ดินที่กำหนดไว้ในแผนที่ทั้งหมด (ยกเว้นที่จัดซื้อจำนวน 18 ราย) เป็นที่รกร้างว่างเปล่า มีสภาพเป็นป่ายังไม่มีผู้ใดครอบครองำประโยชน์ เมื่อกรมรถไฟแผ่นดินได้เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นแหล่งวัสดุสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟ
จึงถือได้ว่าเป็นการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้ใช้ในราชการตามกฎหมายแล้ว ที่ดินนั้นจัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินรถไฟตามมาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 (หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ นร. 0601/211 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2551) ซึ่งการรถไฟฯ ได้ปักกันแนวเขตที่ดิน และได้ใช้เป็นแหล่งผลิตศิลาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน
ในส่วนของบริเวณอื่นที่มีการกำหนดเขตทางรถไฟ ความกว้างรัศมี 1,000 เมตรขึ้นไปนั้น สาเหตุมาจากที่ดินเขากระโดงเป็นแหล่งหินขนาดใหญ่ ส่วนแหล่งหินในที่แห่งอื่นเป็นแหล่งหินขนาดเล็ก
เช่น บริเวณแหล่งหินเขาเท่อเล่อจากสถานีรถไฟสระบุรี เข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร ได้กันเขตที่ดินรถไฟไว้ข้างละ 20 เมตร ถึงเขาเท่อเล่อด้านขวามือของทางรถไฟ (หันหน้าไปปลายทาง) รัศมีจากศูนย์กลางกันไว้ 100 เมตร
และด้านซ้ายมือของทางรถไฟ (หันหน้าไปปลายทาง) รัศมีจากศูนย์กลางกันไว้ 100 เมตร จากเชิงเขา โดยความยาวรอบเขาเท่อเล่อทั้งหมด ในการกันแนวเขตจะกำหนดความกว้างหรือความยาวเป็นจำนวนเท่าใดขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ของแต่ละแห่งที่มีสภาพของพื้นที่ที่แตกต่างกันไป
@‘คกก.สอบสวน’ยก 9 เหตุผลชี้‘คำคัดค้าน’เพิกถอนโฉนด‘ฟังขึ้น’
2.5.2 คณะกรรมการสอบสวนฯ ได้พิจารณาคําคัดค้าน ประกอบพยานหลักฐานและพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่า คําคัดค้านของผู้คัดค้านฟังขึ้นด้วยเหตุผล ดังนี้
(1) ในการสร้างทางรถไฟสายนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ได้มีการตราพระราชกฤษฎีกำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี พ.ศ.2462 และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นเพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ พ.ศ.2464 ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยอ้างว่า ได้กรรมสิทธิ์มาโดยกฎหมาย ดังกล่าว
แม้ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ 7) จะได้พิจารณาในข้อกฎหมายว่า ที่ดินนั้นจัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินรถไฟ แต่การรถไฟฯ ไม่พบแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 จึงไม่อาจระบุตำแหน่งของที่ดินในแผ่นที่ดังกล่าวได้
แต่การรถไฟฯ อ้างว่า พบแต่แผนที่ประวัติศาสตร์แสดงเส้นทางรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง ซึ่งตรงกับแผนที่กรมรถไฟแผ่นดิน สายโคราช-อุบล แผนที่แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จึงได้ระบุตำแหน่งของที่ดินลงในแผนที่กรมรถไฟแผ่นดินสายโคราช-อุบล แสดงเขตที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง ซึ่งแผนที่ดังกล่าวได้จัดทำขึ้นภายหลัง
นอกจากนี้ การที่รถไฟฯ อ้างว่ากรมรถไฟหลวงในสมัยนั้น กำหนดขอบเขตที่ไว้ โดยแยกออกไปยังบริเวณดังกล่าวยาว 8 กิโลเมตร และกว้างข้างละ 1 กิโลเมตร จากศูนย์กลางทางรถไฟเฉพาะบริเวณที่ต้องขุดศิลา (ตั้งแต่ กม.4-450 ถึง กม.8+000) ก็เป็นการกำหนดขึ้นในภายหลังเช่นเดียวกัน
เอกสารดังกล่าวมีข้อขัดแย้งกับข้อเท็จจริงหลายประการ เช่น อักขระ สถานที่ต่างๆ วันเวลา เป็นต้น จึงไม่อาจยืนยันได้แน่ชัดถึงตำแหน่งของที่ดินว่า เป็นที่ดินบริเวณเดียวกับที่คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความหรือไม่
(2) การแจ้งการครอบครองที่ดินของนายไสว นิ่มนวล ต่อนายอำเภอ เมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 ตามแบบ ส.ค.1 เลขที่ 1179 (หรือ 1180) มีความคลุมเครือ เช่น การระบุทิศข้างเคียงไว้ความกว้างไม่ชัดเจน แต่กลับระบุจำนวนเนื้อที่ดินได้ชัดเจน ซึ่งมีความขัดแย้งกัน
(3) การออกโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับ ได้แก่
โฉนดที่ดินเลขที่ 3466 หน้าสํารวจ 823 ตำบลอิสาน อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการออกตามที่ได้แจ้งการครอบครองที่ดินตาม ส.ค.1 เลขที่ 334 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาน อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งนางบัวทอง รอดชมพู ได้แจ้งการครอบครองที่ดินไว้ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 ได้ขอออกเป็น น.ส.3 เลขที่ 334 หมู่ที่ 1 ตำบล อำเภอและจังหวัด เดียวกัน และได้ขายแก่นายชัย ชิดชอบ นายชัยฯ ได้ขอรังวัดออกโฉนด เป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 ดังกล่าว
ส่วนโฉนดที่ดินเลขที่ 8564 หน้าสํารวจ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวา ออกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2518 ให้แก่ นายประพันธ์ สมานประธาน โดยอาศัยหลักฐาน น.ส.3 จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ น.ส. 3 เลขที่ 502, 411, 409, 120 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
โฉนดที่ดินทั้งสองฉบับ ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่รังวัดได้มีผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกันได้มาระวังแนวเขตของตน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของที่ดินผู้ขอ เจ้าของที่ดินข้างเคียง ตัวแทนนายช่างแขวงการทาง ตัวแทนพนักงานผู้ปกครองท้องที่ รวมทั้งตัวแทนของการรถไฟฯ ซึ่งได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ของตนมาชี้ระวังแนวเขต พร้อมทั้งลงนามรับรองแนวเขตด้วย
(4) ผู้คัดค้านไม่ว่าจะเป็นนายชัย ชิดชอบ นางกรุณา ชิดชอบ หรือธนาคารกรุงไทย เป็นบุคคลภายนอกที่ได้จัดซื้อที่ดินหรือได้รับจํานองที่ดินดังกล่าวโดยสุจริต เปิดเผย เสียค่าตอบแทน และมิได้รู้เท่าถึงข้อความจริงอันเป็นทางให้ต้องเสียเปรียบนั้น จึงควรได้รับความคุ้มครอง
(5) ตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวอ้างว่า การออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 832 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งการรถไฟฯ ได้ที่ดินดังกล่าวมาโดยพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462
และกล่าวอ้างว่าแผนที่ตอนแยกไปที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามเอกสารแนบท้ายลำดับที่ 2 ของผู้คัดค้านทั้งสอง ซึ่งแผนที่ดังกล่าวการรถไฟฯ กล่าวอ้างว่าเป็นแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462
แต่เมื่อพิจารณาดูข้อเท็จจริงที่ปรากฏในแผนที่โดยละเอียดแล้ว เห็นว่าแผนที่ดังกล่าวมีพิรุธและน่าสงสัยอยู่ หลายประการ โดยมีการเพิ่มเติมข้อความลงในแผนที่ขึ้นใหม่หลายจุด และไม่ตรงกับความจริงหรือบางจุด ในแผนที่มีการเขียนข้อความด้วยอักษรสมัยใหม่ มีเหตุน่าสงสัยว่า แผนที่ดังกล่าวน่าจะเป็นแผนที่ซึ่งถูกจัดทำขึ้นมาในภายหลัง ไม่ใช่แผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 ตามที่การรถไฟฯ กล่าวอ้างแต่อย่างใด
ทั้งแผนที่ที่การรถไฟฯ นํามาแสดงฉบับนี้เป็นเพียงภาพถ่าย ไม่ใช่ต้นฉบับ และการรถไฟฯ ก็ยอมรับว่า ไม่สามารถนําแผนที่ต้นฉบับท้ายพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 มายืนยันได้ เนื่องจากต้นฉบับแผนที่ดังกล่าวหาไม่พบการปรากฏเฉพาะแผนที่ตอนแยกไปที่ย่อยศิลาตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์
จึงน่าเชื่อว่าแผนที่ดังกล่าวไม่มีอยู่จริง ลำพังที่ปรากฏเพียงสำเนาภาพถ่ายแผนที่ตามเอกสารแนบท้ายลำดับที่ 7 ของผู้คัดค้านทั้งสอง ที่การรถไฟฯ กล่าวอ้างว่า เป็นแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 นั้น จึงไม่อาจนํามารับฟังได้
นอกจากนี้ ตามบัญชีรายชื่อราษฎรจำนวน 18 ราย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้รับเงินค่าทำขวัญจากการรถไฟฯ ที่จ่ายให้แก่ราษฎร ซึ่งมีที่ดินอยู่ตามเส้นทางรถไฟที่สร้าง ตอนแยกไปที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น ถ้าเป็นการจัดซื้อที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟ พ.ศ.2462 ก็จะต้องมีรายชื่อของราษฎรดังกล่าวอยู่บัญชีท้ายพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์ฯ พ.ศ.2464 ด้วย
จากข้อเท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้ว่า ไม่มีการกำหนดแนวเขตสร้างทางรถไฟไปยังเขากระโดง โดยพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 ฉบับลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462
(6) แผนที่ของกรมแผนที่ทหารบก ที่การรถไฟฯ นํามาประกอบหลักฐานอีกส่วนหนึ่ง ก็ไม่น่าเชื่อว่าเป็นแผนที่ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2464 เพราะในแผนที่ดังกล่าวปรากฏ มีข้อความว่า “กรมทหารราบที่ 15 กองพันที่ 2” อยู่ในแผนที่ดังกล่าวด้วย
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ค่ายสมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึก มีส่วนราชการทหารอยู่ 2 ส่วน คือ ร.23 พัน 4 และจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ซึ่งเพิ่งมีการจัดตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 20 กว่าปีมานี้ ดังนั้น ข้อความที่ปรากฏในแผนที่ จึงไม่ตรงกับ ข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง จึงไม่อาจยืนยันถึงความถูกต้องแท้จริงได้
(7) กรณีที่การรถไฟฯ อ้างว่า ได้หวงห้ามที่ดินทั้งสองข้างทางรถไฟไปเขากระโดง จากจุดศูนย์กลางทางรถไฟข้างละ 1,000 เมตรนั้น น่าจะคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับความจริง เพราะหากพิจารณาดูตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) ที่การรถไฟฯ กล่าวอ้างว่าได้แจ้งการครอบครองที่ดิน ที่การรถไฟฯหวงห้ามไว้ ซึ่งหากหลักฐานดังกล่าวมีอยู่จริง แต่ข้อความที่ปรากฏตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน ได้ระบุความยาวไว้เพียง 312 เส้น 10 วา และความกว้างไว้เพียง 2 เส้น
จึงถือได้ว่าที่ดินของการรถไฟฯ ที่ได้หวงห้ามไว้จึงมีความกว้างเพียง 2 เส้น หรือข้างละ 40 เมตร เมื่อวัดจากศูนย์กลางของทางรถไฟเท่านั้น
ดังนั้น ข้อเท็จจริงในส่วนนี้จึงขัดแย้งกันเอง หากจะรับฟังได้ว่า ที่บริเวณสองข้างทางรถไฟไปเขากระโดงเป็นที่ดินซึ่งการรถไฟฯ ได้มาโดยพระราชกฤษฎีกาจริง ที่ดิน ซึ่งการรถไฟฯ ได้มาโดยพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จึงมีความกว้างเพียงข้างละ 40 เมตร จากจุดศูนย์กลางของทางรถไฟเท่านั้น
ส่วนที่ปรากฏข้อความว่า ข้างละ 1,000 เมตร ตามแผนที่ตอนแยกไปที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ นั้น น่าจะเป็นข้อความที่เพิ่มเติมใหม่ภายหลัง ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง
ประกอบกับข้อเท็จจริงปรากฏว่าการรถไฟฯ ได้ปักหลักแนวเขตที่ดินของการรถไฟฯ ไว้เป็นแนวเขตแดนกั้นระหว่างที่ดินของการรถไฟฯ กับที่ดินของผู้คัดค้านทั้งสอง ทั้งในการขอออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินของผู้คัดค้านทั้งสอง การรถไฟฯ ได้ระวังแนวเขตไว้ด้วย จึงสอดคล้องตรงกันกับข้อกล่าวอ้างของผู้คัดค้านทั้งสอง
(8) ธนาคารคัดค้าน คําคัดค้านของธนาคารมีเหตุผลรับฟังได้ เนื่องจากในขณะจดทะเบียนจํานอง (วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2550) คณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่ได้ตีความว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดินรถไฟหรือไม่ (กฤษฎีกาตีความเมื่อเดือนมีนาคม 2551 ภายหลังจากที่ธนาคารได้รับจํานองแล้ว) ทำให้ธนาคาร รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ในการจดทะเบียนจํานองในขณะนั้น ไม่ทราบ ข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งหากกรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดิน ย่อมส่งผลให้ธนาคารได้รับความเสียหายด้วย
(9) เจ้าของโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงคัดค้าน คําคัดค้านมีเหตุผลรับฟังได้ เนื่องจากแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2562 การรถไฟตรวจสอบและยืนยันว่า ไม่พบ จึงไม่อาจระบุตำแหน่งที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 ลงในแผนที่ดังกล่าวได้ คงให้ถือปฏิบัติตามแผนที่ของกรมรถไฟแผ่นดินและแผนที่ประวัติศาสตร์ พ.ศ.2464 มาประกอบการพิจารณาใช้แทน ทำให้ไม่แน่ใจในแนวเขตที่ดินของการรถไฟที่ชัดเจน
การรถไฟได้เคยยื่นขอออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินบริเวณดังกล่าวแล้ว แต่ยังออกไม่ได้ เนื่องจากราษฎรที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้คัดค้านเป็นจำนวนมาก เพราะออกทับที่ดินของราษฎร จากการสอบปากคําพยานซึ่งเป็นราษฎรที่มีที่ดินอยู่ในบริเวณดังกล่าว และพยานแวดล้อมแล้ว เห็นว่า การรถไฟไม่เคยเข้าไปครอบครองบริเวณที่ดินพิพาท เพียงแต่เข้าไปซื้อหินจาก บริษัทผู้ประมูลได้เท่านั้น
@‘ที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์’ในฐานะประธาน‘คกก.สอบสวนฯ’ทำความเห็นแย้ง
2.5.3 คณะกรรมการสอบสวนได้ร่วมกันพิจารณาจากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เอกสารหลักฐาน รวมทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าว แล้วมีมติว่า การออกหลักฐานหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินของผู้คัดค้านซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินทั้งสองรายเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ได้ออกโดยผิดพลาด เคลื่อนตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยกล่าวอ้างแต่อย่างใด
จึงมีมติไม่สมควรเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าว และหากการรถไฟแห่งประเทศไทยเห็นว่ามีสิทธิดีกว่าก็ควรดำเนินการพิสูจน์สิทธิ ทางศาลต่อไป
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะประธานกรรมการสอบสวนได้ ทำความเห็นแย้งว่า เมื่อพิจารณาตามคําคัดค้านของเจ้าของที่ดินทั้งสองแปลง ตามหนังสือคัดค้านลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2550 และลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2550 ซึ่งมีข้อคัดค้านมาหลายประเด็น
แต่ประเด็นหลักอยู่ที่การโต้แย้งคัดค้านความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้พิจารณาและเห็นว่า “ข้อเท็จจริงใน เรื่องนี้ยุติว่า ที่ดินที่ราษฎรครอบครองบริเวณเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ อยู่ภายในแนวเขตตามแผนที่ที่เจ้าหน้าที่กรมรถไฟแผ่นดินได้สํารวจและจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการจัดซื้อที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับ พ.ศ.2464 แต่ที่ดินในส่วนที่เป็นปัญหากรณีนี้มิได้ดำเนินการจัดซื้อ เพราะในแผนที่กำหนดไว้ว่า เป็นที่ป่ายังไม่มีเอกชนครอบครองทำประโยชน์
แม้ว่าพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 ได้กำหนดแนวเขตอย่างกว้างไว้สำหรับการสํารวจ เพื่อสร้างทางรถไฟและไม่มีผลเป็นการเวนคืนที่ดิน ตามความเห็นของผู้แทนกรมที่ดินก็ตาม แต่เมื่อได้ทำการสํารวจเส้นทางที่แน่นอนและทราบจำนวนที่ดินมีความจำเป็นต้องใช้แล้ว ก็จะมีการตราพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินจากเอกชน และยกเลิกพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 เป็นตอนๆ
ซึ่งแนวทางที่สํารวจแน่นอนแล้วนี้ ประกอบด้วยที่ดินของเอกชนที่จะต้องจัดซื้อตามพระราชกฤษฎีกา และที่ดินรกร้างว่างเปล่าของรัฐที่ไม่จำเป็นต้องจัดซื้อ แต่มีสภาพเป็นที่ดินที่หวงห้ามไว้ใช้ในราชการ การยกเลิกพระราชกฤษฎีกา พ.ศ.2462 ย่อมหมายถึงยกเลิกการสงวนหวงห้ามที่ดินซึ่งเป็นของเอกชน ในส่วนที่นอกเหนือจากแนวเขตที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาจัดซื้อที่ดินเท่านั้น มิใช่ ยกเลิกการหวงห้ามทั้งหมด
เมื่อปรากฏว่าการสํารวจที่ดินเพื่อกำหนดแนวเขตที่ดินที่ใช้สร้างทางรถไฟในปี พ.ศ.2464 ได้ดำเนินการโดยครบถ้วน รวมทั้งกรมรถไฟแผ่นดินได้จัดทำแผนที่แสดงแนวเขตที่ดินของกรมรถไฟไว้โดยชัดแจ้งแล้ว และโดยที่ที่ดินบริเวณที่หารือ ซึ่งเป็นที่ดินที่อยู่ในแนวเขตที่ดินของกรมรถไฟ ในขณะนั้นมีสภาพเป็นที่ป่า ยังไม่มีผู้ใดครอบครองทำประโยชน์
และเมื่อกรมรถไฟแผ่นดินได้เข้าใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นแหล่งวัสดุสำหรับการก่อสร้างทางรถไฟ จึงถือได้ว่าเป็นการหวงห้ามที่ดินรกร้างว่างเปล่าไว้ใช้ในราชการตามกฎหมายแล้ว ที่ดินนั้นจัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินรถไฟตามมาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง”
และเนื่องจาก คณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นสถาบันที่ปรึกษากฎหมายของรัฐ มีภาระหน้าที่ตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2542 บัญญัติให้มีอำนาจให้ความเห็นหรือปฏิบัติงานอื่น อันเกี่ยวกับกฎหมายให้แก่หน่วยงานของรัฐ
และกรณีดังกล่าวคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 7) ได้วินิจฉัย และให้ความเห็นไว้โดยชัดเจนแล้ว ว่าที่ดินดังกล่าวจัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินของการรถไฟ จึงเข้าลักษณะเป็นที่สงวนหวงห้ามมิให้ออกโฉนดที่ดิน ตามนัยข้อ 8 (2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และไม่ปรากฏว่าได้มีการนําข้อพิพาทดังกล่าวขึ้นสู่ศาลเพื่อวินิจฉัยจนเป็นที่ยุติแต่อย่างใด
ในชั้นนี้จึงต้องยึดถือตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาดังกล่าว จนกว่าจะมีคําพิพากษาหรือคำสั่ง ศาลเป็นอย่างอื่น
ส่วนคําคัดค้านของธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ในฐานะผู้รับจํานอง นั้น แม้ธนาคารจะอ้างว่า เป็นบุคคลภายนอกได้รับจํานองที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 8564 โดยสุจริต เปิดเผย และเสีย ค่าตอบแทนนั้น แต่ข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ที่ดินดังกล่าว จัดเข้าลักษณะเป็นที่ดินรถไฟ ตามมาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง พระพุทธศักราช 2464
การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 8564 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ ออกไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากได้ออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงมีผลทำให้การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมประเภทจํานองเป็นประกันในโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว ฉบับลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 สิ้นผลไปด้วย
เหตุที่ไม่มีการแจ้งผู้รับจํานองทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากได้มีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาวินิจฉัยในภายหลัง แต่ผู้รับจํานองก็ชอบที่จะใช้สิทธิทางศาลบังคับชําระหนี้ได้ในฐานะเจ้าหนี้ตามสัญญากู้ยืม คําคัดค้านของธนาคารกรุงไทย จํากัด (มหาชน) ผู้รับจํานอง จึงฟังไม่ขึ้นด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผลดังกล่าว
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะประธานกรรมการคณะกรรมการ จึงมีความเห็นควรเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง ตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และหากผู้มีส่วนได้เสียประสงค์จะอุทธรณ์ หรือโต้แย้งคำสั่งก็ชอบที่จะดำเนินการอุทธรณ์หรือโต้แย้งคำสั่งหรือดำเนินการทางศาลได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย
2.6 กรมที่ดินได้มีหนังสือ ที่ มท 0516.2/3249 ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 ส่งสํานวนการสอบสวนและหนังสือรายงานข้อเท็จจริงเพิ่มเติม จากจังหวัดบุรีรัมย์ ตามหนังสือจังหวัดบุรีรัมย์ ลับ ที่ บร 0016/839 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2530 จำนวน 2 ฉบับ และหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ นร 0408/27 ลงวันที่ 3 มกราคม 2551 จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งได้แจ้งเกี่ยวกับหลักฐาน และการดำเนินการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนฯ เพิ่มเติม
ตลอดจนให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของปัญหาที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ให้ประธานคณะกรรมการสอบสวน (นายไพบูลย์ ยงพฤกษา) ในขณะนั้นตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบประธานคณะกรรมการสอบสวน ได้มีหนังสือสำนักที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ บร 0019/10 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2551 รายงานว่า การสอบสวนได้ดำเนินการไปตามหลักเกณฑ์วิธีการตามที่กฎหมายในกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2554 แล้ว
@‘กรมที่ดิน’สั่ง‘คกก.สอบสวน’สอบเพิ่ม รอบ 2 หลัง‘ข้อเท็จจริง’ไม่พอ
2.7 กรมที่ดิน ที่ดินได้พิจารณาสํานวนการสอบสวนตลอดจนรายงานเอกสารต่างๆ ที่คณะกรรมการสอบสวนจัดส่งให้แล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า ตำแหน่งที่ดินพิพาทอยู่ในเขตพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้มาโดยการสงวนหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี พ.ศ.2462 หรือไม่
เนื่องจากไม่ปรากฏว่า มีการตรวจสอบพยานหลักฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามที่ได้มีหนังสือเลขที่ บส 05630/2550 ลงวันที่ 16 ตุลาคม 2550 ชี้แจง เพื่อชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งสองฝ่าย และการรับฟังคําคัดค้านของผู้มีส่วนได้เสียซึ่งคณะกรรมการสอบสวนฯ เห็นว่ารับฟังได้
โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องตำแหน่งของโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 832 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ยังไม่อาจระบุตำแหน่งของที่ดินว่า เป็นที่ดินที่อยู่ในแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี พ.ศ.2462 ได้
การกำหนดขอบเขตที่ดินไว้ โดยแยกออกไปยังบริเวณที่ย่อยศิลายาว 8 กิโลเมตร และกว้างข้างละ 1 กิโลเมตร จากศูนย์กลางของทางรถไฟเฉพาะบริเวณที่ต้องขุดศิลา (ตั้งแต่ ก.ม. 4-450 ถึง ก.ม. 8+000) ซึ่งเป็นหลักฐานการแจ้ง ส.ค. 1 เลขที่ 1180 หมู่ที่ - ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2498 คลุมเครือ ไม่ชัดเจน เนื่องจากมีการแจ้งระยะไว้ 2 เส้น และ 25 เส้น
และแผนที่ที่การรถไฟแห่งประเทศไทยนำมาใช้อ้างอิงว่า เป็นแผนที่ที่จัดทำขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2464 เป็นแผนที่ที่จัดทำขึ้นภายหลัง ซึ่งจากสํานวนการสอบสวน ไม่ปรากฏว่ามีการตรวจสอบพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อประกอบการพิจารณาว่า คําคัดค้านมีน้ำหนักเชื่อได้อย่างไรบ้าง และหักล้างพยานหลักฐานของการรถไฟอย่างไร จึงเป็นการรับฟังพยานหลักฐานไม่ครบถ้วน
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการสอบสวนเป็นไปด้วยความถูกต้อง จึงอาศัยอำนาจตามข้อ 6 แห่งกฎกระทรวงดังกล่าว ให้จังหวัดบุรีรัมย์แจ้งให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นดังต่อไปนี้
1.ตรวจสอบสภาพที่ดินในพื้นที่ว่า มีร่องรอยการเข้าใช้ประโยชน์มาแต่เดิม ของกรมรถไฟแผ่นดิน หรือไม่
2.ตรวจสอบทะเบียนการครอบครองที่ดินของ ส.ค.1 เลขที่ 1180 หมู่ที่ - ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ กับทะเบียนการครอบครองที่ดินในส่วนกลางว่า มีการแจ้งเนื้อที่ ชื่อผู้แจ้งและรายละเอียดอื่นๆ (ถ้ามี) ตรงกับหลักฐาน ส.ค.1 เลขที่ 1180 หรือไม่
3.จัดส่งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการคมนาคม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดินดังกล่าว ตามหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ นร 0409/27 ลงวันที่ 3 มกราคม 2551 ให้คณะกรรมการสอบสวนฯ เพื่อรวมพิจารณากับพยานหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ว่า สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาได้หรือไม่ ถ้าได้ มีประเด็นในเรื่องใด รับฟังได้ประการใด
4.เพื่อให้ทราบถึงสภาพของที่ดินและการถือครองที่ดินในขณะนั้น จึงให้จังหวัดดำเนินการเกี่ยวกับการจัดส่งแผนที่ภูมิประเทศ และระวางภาพถ่ายทางอากาศแสดงตำแหน่งโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง และบริเวณที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อใช้ดำเนินการในการอ่าน แปล ภาพถ่ายทางอากาศที่ถ่ายไว้ครั้งแรกในบริเวณดังกล่าว เพื่อตรวจดูร่องรอยการทำประโยชน์ให้แน่ชัด และจัดส่งให้คณะกรรมการสอบสวนฯ ประกอบการพิจารณาต่อไป
2.8 เมื่อจังหวัดบุรีรัมย์จัดส่งสำเนาแผนที่ภูมิประเทศ และสำเนาแผนที่ภาพถ่ายในระบบ พิกัดฉาก UTM มาตราส่วน 1 : 4000 ซึ่งแสดงตำแหน่งและขอบเขตของโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 832 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ รวมทั้งตำแหน่งและ ขอบเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้กรมที่ดินแล้ว
กรมที่ดินได้ดำเนินการอ่านแปลภาพถ่ายทาง อากาศดังกล่าว ผลการอ่าน แปล ภาพถ่ายทางอากาศจากปี พ.ศ.2497 และ 2519 ปรากฏว่าเมื่อ พ.ศ.2497 บริเวณที่ดินที่สองแปลง พื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติและพื้นที่แผ้วถาง ซึ่งหมายถึง มีร่องรอยการทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว และมีการครอบครองที่ดินเรื่อยมาจนมีสภาพเป็นหมู่บ้านในปี พ.ศ.2519 จากนั้นจึงได้ส่งผลการอ่าน แปล ภาพถ่ายทางอากาศให้จังหวัดบุรีรัมย์ จัดส่งให้คณะกรรมการ สอบสวนฯ ต่อไป
2.9 ต่อมาจังหวัด ได้มีหนังสือ ที่ บร 0019/23755 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2551 รายงานผลความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการสอบสวนให้กรมที่ดินทราบว่า ยังไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบร่องรอยการทำประโยชน์ในพื้นดังกล่าวได้ เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมในการตรวจสอบ และไม่ได้ส่งพยานหลักฐานใดๆ มาให้เพื่อประกอบการพิจารณาแต่อย่างใด และขอเปลี่ยนแปลงกรรมการและเลขานุการ เนื่องจากเกษียณอายุราชการไปแล้ว
@‘คกก.สอบสวน’มีมติไม่เพิกถอนโฉนด 2 แปลง ชี้ไม่ใช่ที่ดิน‘รถไฟ’
2.10 กรมที่ดินได้ประสานงานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามหนังสือที่ มท 0516.2/35779 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2551 และหนังสือ ที่ มท 0516.2/2822 ลงวันที่ 30 มกราคม 2552 แจ้ง การรถไฟฯ ขอให้จัดส่งสำเนาหลักฐานรูปแผนที่ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟฯ พ.ศ.2462 และหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสงวนหวงห้ามและทำประโยชน์ในที่ดิน
เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 3466 และ 8564 หน้าสํารวจ 823 และ 1121 ตำบลอิสาณ อำเภอบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
2.11 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือ เลขที่ บ.ส.ทบ./020/2552 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 จัดส่งเอกสารหลักฐานเพื่อประกอบการพิจารณาจำนวนรวม 23 รายการ โดยได้ยืนยันว่า ที่ดินส่วนแยกไปยังที่ย่อยศิลาบริเวณเขากระโดง ตามแผนที่กรมรถไฟแผ่นดิน เป็นที่ดินที่ดำเนินการสงวนหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงฯ พ.ศ.2462 โดยใช้รูปแผนที่นครราชสีมา (จังหวัดบุรีรัมย์) เป็นหลักฐานยืนยัน
กรมที่ดินได้มีหนังสือ ด่วนที่สุด ที่ มท 0516.2/6144 ลงวันที่ 5 มีนาคม 2552 จัดส่งเอกสารที่กําหนดให้จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อส่งให้คณะกรรมการประกอบการ พิจารณาต่อไป
2.12 กรมที่ดินได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นหารูปแผนที่ประมาณที่แสดงแนวเขตทางรถไฟ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ฉบับ ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2552 ณ สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ แล้ว ปรากฏว่าตรวจไม่พบหลักฐานหลักฐานแต่อย่างใด จึงได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการสอบสวนฯ
ต่อมาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร 0019/4990 ลงวันที่ 11 มีนาคม 2552 ส่งสํานวนการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนฯ ให้กรมที่ดินเพื่อประกอบการพิจารณา ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนฯ ได้มีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินทั้งสองฉบับ เนื่องจากไม่ใช่ที่ดินของการรถไฟ
เหล่านี้เป็น ‘ความเห็น’ ของ ‘คณะกรรมการสอบสวน’ เกี่ยวกับกรณีการดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดิน 2 แปลง ที่มีคนในตระกูล ‘ชิดชอบ’ เป็นผู้ครอบครอง ก่อนนำเสนอให้ ‘สำนักมาตรฐานการออกหนังสือสำคัญ’ พิจารณา และส่งเรื่องไปให้ ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ พิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไร ขอโปรดติดตามตอนต่อไป ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของหนังสือฉบับนี้!
อ่านประกอบ :
ย้อนรอยคดี‘เขากระโดง’(1) ข้อเท็จจริงโฉนด 2 แปลง-‘ชิดชอบ’ให้ข้อมูล‘คกก.สอบสวน’ค้านเพิกถอน
เปิดที่ดิน 2 แปลงแรกเขากระโดง รฟท.จ่อฟ้องขับไล่-'กรุณา ชิดชอบ-บ.ศิลาชัย' ผู้ครอบครอง
‘ทวี’ ยกคำตัดสิน 9 ครั้งย้ำชัด ‘เขากระโดง’ ที่รถไฟ ‘ทรงศักดิ์’โต้คำวินิจฉัยไม่เคยบอก
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(จบ) รฟท.โต้ปม‘แผนที่ฯ’-ขอศาลฯสั่งถอนโฉนด‘เขากระโดง’
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(3) คำพิพากษา'เขากระโดง'ผูกพันอธิบดี-ใช้ดุลพินิจมิชอบ
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(2) ‘คกก.สอบสวน’ยุติเรื่องฯไม่รอผลรังวัด‘เขากระโดง’
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(1) ยก‘คำพิพากษา-กฤษฎีกา'ยัน'รฟท.'เจ้าของ'เขากระโดง'
‘มหาดไทย’ รื้อใหม่กระบวนการ ‘เขากระโดง’ รอผลศาลปค.-รฟท.ฟ้องรายแปลงเท่านั้น
‘รฟท.’ โต้ ดีเอสไอ เปล่าเลื่อนแจ้งความ ‘เขากระโดง’ ชี้มีนัดให้การ 5 ก.ย. 68
‘ดีเอสไอ’เตือน‘รฟท.’ไม่แจ้งความ‘เขากระโดง’ละเว้นฯ เปิดสองมุม‘ภูมิธรรม-อนุทิน'
‘ภูมิธรรม’ เผย ไทม์ไลน์ เซ็นเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง สิ้นเดือนก.ย.นี้
พบอีก! ‘สุทัศน์’อนุกรรมการกม.‘รฟท.’ปี 63 เคยเป็นทนายให้‘ชาวบ้าน’35 ราย คดี‘เขากระโดง’
เซ็นเพิกถอนเขากระโดงส่อเลื่อน! อธิบดีกรมที่ดินเอ็นข้อหัวไหล่ฉีกขาด ส่งตัวผ่าตัดศิริราช
DSI ลงพื้นที่'บุรีรัมย์'พบนิติกรรมต้องสงสัยโฉนด‘เขากระโดง’หลายแปลง-ส่อพัฒนาเป็นคดีพิเศษ
ย้ำ‘รฟท.’เจ้าของ‘เขากระโดง’ แจ้งออก‘ส.ค.1’ยืนยันสิทธิฯ-โต้ปมแนวเขตที่ดินข้างละ 40 เมตร
'ภูมิธรรม' ส่งตัวแทนยื่นร้อง 'ทิวา' ทนายเขากระโดง แถลงข่าวใช้ถ้อยคำรุนเเรงโจมตีผิดมรรยาท
ไม่ขัดกม.-มรรยาทฯ! ‘ชนินทร์’แจงช่วงนั่ง‘ปธ.อนุฯกฎหมาย’รฟท. ไม่เกี่ยวข้องคดี'เขากระโดง'
ส่อขัด‘มรรยาท’! พบ‘ชนินทร์’ทนายคดี‘เขากระโดง’ เคยนั่ง‘ปธ.อนุกรรมการกม.’รฟท.
รฟท.แจ้งครอบครอง'เขากระโดง'ป้องกัน'บุกรุก' ก่อน'กฤษฎีกา'ชี้'ที่ดินรถไฟ'ไม่ต้องออก ส.ค.1
ยังรอ มท.เพิกถอนโฉนด! รฟท. ยกคำตัดสินศาลปค.ที่ดินทั้ง 5,083 ไร่เป็นของการรถไฟฯ
‘ภูมิธรรม’ ยัน ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ มาตรฐานเดียว จับตาชงครม.ตั้ง ‘อธิบดีกรมที่ดิน’
DSI จ่อฟัน ‘อาญา-ฟอกเงิน’ บุกรุก ‘เขากระโดง’ - อ้าง รฟท. เจ้าของที่ดิน 5 พันไร่
‘กรมที่ดิน’ชี้ 3 แนวทางเพิกถอน‘โฉนด’ม.61 หลัง‘เดชอิศม์’ตั้ง‘กก.ตรวจสอบฯ’ปม‘เขากระโดง’
เปิดปฏิบัติการ‘คู่ขนาน’ทวงคืน‘เขากระโดง’ บี้ทบทวนคำสั่ง‘กรมที่ดิน’-ฟ้องขับไล่‘รายแปลง’
รฟท.อุทธรณ์ศาลปค. 2 ประเด็น ‘เขากระโดง’ แล้ว - จ่อส่งข้อมูลให้คกก.ชุด ‘ภูมิธรรม’
‘ภูมิธรรม’ สั่ง ‘อธิบดีที่ดิน’ แจงคดีเขากระโดงใน 7 วัน ยันทำไม่เว้นแม้แต่ ‘อัลไพน์’
ฉบับเต็ม! คำวินิจฉัย‘ศาลปค.’ไม่รับฟ้องบางข้อหา-ตีตกปม‘รฟท.’ขอสั่งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฟ้อง 4 ข้อหาไม่รับ 2!‘ศาลปค.’ตีตกคำขอ‘รฟท.’สั่ง‘กรมที่ดิน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’995 ฉบับ
‘ภูมิธรรม’เผยเตรียมเซ็นคำสั่งตั้ง คกก.ทบทวนพิพาท ‘เขากระโดง’
‘ภูมิธรรม’ โยนรมว.จริงมาทำ ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ - ปัดคุยแต่งตั้งโยกย้าย
มีอิทธิพลในพื้นที่-บุคลากรไม่พอ! เปิดหนังสือ‘รฟท.’ขอ‘อสส.’ฟ้องถอนโฉนด‘เขากระโดง’
‘อนุทิน’ แจงเขากระโดง-อัลไพน์ ไม่เกี่ยวกัน นายกฯไม่เคยแทรกแซง
‘ประชาชน’ อัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ ‘อัลไพน์-เขากระโดง’ จับเป็นตัวประกันเจรจา กล่าวหาแรงหวังฮุบที่วัด
‘สร.รฟท.’บุก‘ปปป.’กล่าวโทษ‘อธิบดีกรมที่ดิน-คกก.สอบสวน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
รฟท.ร่างคำฟ้องยื่นศาลปค. ‘เขากระโดง’ชี้คำสั่งคกก.มาตรา 61 ไม่ชอบ
‘สุริยะ’ ยังไม่ตอบ ‘เขากระโดง’ จะฟ้องรายแปลงหรือไม่ - น้อมรับศาลไม่เพิ่มผู้บริหารแผน ‘บินไทย’
ฉบับเต็ม! เปิดหนังสือแจ้งผลอุทธรณ์ฯ ‘มท.’ชี้‘กรมที่ดิน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ชอบแล้ว
‘อนุทิน’ เผยผลอุทธรณ์ ‘เขากระโดง’ ยืนตามมติเดิม ไม่เพิกถอน
ชาวบ้าน 35 ราย กลับลำ เบรกเซ็นสัญญาเช่าที่ดิน‘เขากระโดง’อ้างแพง-‘รฟท.’เร่ง‘บังคับคดี’
‘กรมที่ดิน’โต้‘รฟท.’อ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของ‘เขากระโดง’ 5 พันไร่ ขยายความเกิน‘คำพิพากษา’
‘สุริยะ’ย้ำ‘เขากระโดง’ที่ดินรถไฟฯ พร้อมให้ชาวบ้านเช่าราคาถูก-‘อนุทิน’รอฟังคำสั่ง‘ศาลปค.’
เทียบชัดๆ! คำพิพากษา‘ศาลฎีกา’ VS ความเห็น‘คกก.สอบสวน’ ชี้แนวเขตที่ดินรถไฟฯ‘เขากระโดง’
เผือกร้อน‘สุริยะ-รฟท.’ฟ้อง‘ศาลยุติธรรม’เพิกถอนโฉนด‘รายแปลง’ ปิดฉากมหากาพย์‘เขากระโดง’!
‘สุริยะ-รฟท.’ รอผลอุทธรณ์กรมที่ดิน ‘เขากระโดง’ - ‘วีริศ’ชี้ต้องรอบคอบ หวั่นโดน 157
บังคับคดีแล้ว! โชว์เอกสาร‘ศุภวัฒน์’คืนที่ดิน‘เขากระโดง’ 24 ไร่-ชดใช้‘รฟท.’ 4.8 ล้าน
มท.1ชี้ออกสัญญาเช่า 'เขากระโดง' พิสูจน์สิทธิก่อน-'กรมที่ดิน'ย้ำรถไฟฯไม่มีแผนที่ท้าย'พ.ร.ฎ.'
ฉบับเต็ม!หนังสืออุทธรณ์‘รฟท.’(จบ) ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ละเลยต่อหน้าที่ ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฉบับเต็ม! หนังสืออุทธรณ์‘รฟท’(2) ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ใช้ดุลพินิจมิชอบ ไม่ถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฉบับเต็ม! หนังสืออุทธรณ์‘รฟท’(1) ที่ดิน‘เขากระโดง’เป็นของ‘รถไฟฯ’-ไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์อีก
'วีริศ' ส่งหนังสือถึง 'อธิบดีกรมที่ดิน' เพิกถอนมติคกก.สอบสวน 'เขากระโดง'
สอบเขากระโดงล่ม! กมธ.ที่ดินเผย องค์ประชุมไม่ครบก่อนขอมติ
‘เลขาฯกฤษฎีกา’ ชี้ต้องยึดคำพิพากษาเป็นหลัก ‘เขากระโดง’ ‘รฟท.-กรมที่ดิน’ แค่สื่อสารไม่ตรงกัน
‘กรมที่ดิน’ แจง ‘ที่ดินเขากระโดง’ ‘รถไฟ’ไร้เอกสารหลักฐานยืนยัน
‘รถไฟ’ ยื่นศาลปค.อธิบดีทำไม่ครบที่ดิน‘เขากระโดง’-‘อนุทิน’ยันไม่มีช่วยใคร
ย้อนคำวินิจฉัย'ศาลปค.' คดีถอนโฉนด'เขากระโดง'-ก่อน‘กรมที่ดิน’โยน‘รฟท.’ฟ้องขับไล่'รายแปลง'
ไม่ขัดแย้งคำพิพากษา!‘กรมที่ดิน’แจงไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’-แนะ‘รฟท.’ฟ้องขับไล่‘รายแปลง’
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ จี้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง มาเป็นของ รฟท.
‘รฟท.’เร่งสรุปท่าทีทวงคืน‘เขากระโดง’-ข้องใจ‘คกก.สอบสวน’ไม่รับ‘แผนที่’ยกสู้คดีในศาลจนชนะ
ไม่เชื่อ'แผนที่'ตามคำพิพากษา! ฉบับเต็ม‘คกก.สอบสวน’ยก 4 เหตุผล ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
โยน‘รฟท.’พิสูจน์สิทธิ์ในศาล! ‘คณะกรรมการสอบสวนฯ’มีมติไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 5 พันไร่
‘สนง.ที่ดินบุรีรัมย์’ส่งหนังสือแจ้ง‘รฟท.’รังวัด‘เขากระโดง’เสร็จแล้ว-พร้อมแนบระวางแผนที่
รังวัดฯเสร็จแล้ว! ‘กรมที่ดิน’จ่อชงข้อมูล‘คณะกรรมการสอบสวน’ชี้ขาดเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
รฟท.ลงพื้นที่นำชี้แนวเขต'เขากระโดง'-'กรมที่ดิน'แจงกม.ขีดเส้นรังวัดฯให้เสร็จภายใน 50 วัน
ย้อนไทม์ไลน์ 1 ปี เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ไม่คืบหน้า-‘กรมที่ดิน’นัด'รฟท.'ชี้เขตรังวัดที่ดิน
8 เดือนไม่เพิกถอน! ‘กรมที่ดิน’รังวัดเขตที่ดินรถไฟ‘เขากระโดง’ใหม่-รฟท.ติดเรื่องค่าใช้จ่าย
เปิดหนังสือทนายตระกูล‘ชิดชอบ’ อ้าง 9 ข้อเท็จจริง ค้าน‘คกก.สอบสวน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
แผนที่เขตรถไฟฯมีพิรุธ! ทนายตระกูล‘ชิดชอบ’ยกต่อสู้ ปมถอนโฉนดเขากระโดง-ชี้ศก.บุรีรัมย์ชะงัก
ไม่เกี่ยวถอนโฉนดเขากระโดง!‘ชยาวุธ’เปิดใจลาออกอธิบดีที่ดินดูแลภรรยาป่วย
เปิดตำแหน่งโฉนด’ตระกูล‘ชิดชอบ’ทับที่รถไฟฯ‘เขากระโดง’-‘ฝ่าย กม.’แจงซื้อโดยสุจริต
จ่อโดนเพิกถอน! ชัดๆเปิด‘โฉนด-น.ส.3’ตระกูล’ชิดชอบ’ 20 แปลง 288 ไร่ ทับที่ดิน‘เขากระโดง’
ก่อน‘ชยาวุธ’ทิ้งเก้าอี้อธิบดี! พบ‘คกก.สอบสวน’แจ้งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’รุกที่หลวง 2 แปลง
'อนุทิน'ปัดการเมืองกดดัน 'อธิบดีกรมที่ดิน'ยื่นลาออก อย่าโยงปมพิพาท‘เขากระโดง’
การบ้าน‘อนุทิน’นั่ง‘มท.1’! แก้โจทย์สายสีเขียว-เพิกถอนโฉนดเขากระโดง-ต่อสัญญาซื้อน้ำ‘กปภ.’
ลุยเพิกถอนโฉนด 5 พันไร่!‘กรมที่ดิน’ไม่อุทธรณ์คดี‘เขากระโดง’-แจ้งศาลฯตั้ง‘คกก.สอบสวน’แล้ว
‘รฟท.’ยื่นอุทธรณ์คดี‘เขากระโดง’ปมเรียกค่าเสียหาย 707 ล้าน-รอ‘ศาลปค.’แจ้งท่าที‘กรมที่ดิน’
เส้นตาย 30 เม.ย.! ‘รฟท.’จับตา‘กรมที่ดิน’ยื่นอุทธรณ์คดีเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 772 แปลง
ฉบับเต็ม! พลิกคำพิพากษา‘ศาล ปค.’สั่ง‘กรมที่ดิน ‘ตั้ง‘คกก.สอบสวน’ถอนโฉนด‘เขากระโดง’
‘ศาลปค.กลาง’สั่ง‘อธิบดีกรมที่ดิน’ตั้ง‘คกก.สอบสวน’ เพิกถอนโฉนดที่ดิน‘เขากระโดง’ 772 แปลง
ยันไม่ละเลยเพิกเฉย! ‘กรมที่ดิน’ลุ้น‘ศาลปค.กลาง’ตัดสินคดีถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 30 มี.ค.นี้
‘ศาลปค.’นัดตัดสินคดีถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 30 มี.ค.นี้-‘ตุลาการฯ’ชี้‘กรมที่ดิน’ละเลยหน้าที่
'ศาลปค.'นั่งพิจารณานัดแรก คดี'รฟท.'ฟ้อง'กรมที่ดิน'ขอสั่งเพิกถอนโฉนด'เขากระโดง' 5 พันไร่
เปิด 2 คำร้อง! ยื่น ป.ป.ช. เอาผิด-สอบจริยธรรม‘ศักดิ์สยาม’ เอื้อเครือญาติยึด‘เขากระโดง’
ยื่น ป.ป.ช.ฟัน'ศักดิ์สยาม' 3 เรื่อง! 'ทวี'แนะปมเขากระโดง ส่งศาลฎีกาสอบจริยธรรมทันที
ข้อมูลใหม่! โฉนด 12 แปลง 179 ไร่ ออกทับที่ดินรถไฟ‘เขากระโดง’ โยงเครือญาติตระกูล‘ชิดชอบ’

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา