
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี เผย ไทม์ไลน์ อธิบดีกรมที่ดิน ลงนามเพิกถอนโฉนด ที่ดินเขากระโดง ภายในเดือนกันยายนนี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้ทักท้วง-ไปว่ากันที่ศาล ลั่น เดินหน้าจนถึงที่สุด ออกตัว ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรืออยากจะทำ-ทำตามกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 28 สิงหาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีนายขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดิน เตรียมลงนามเพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า อธิบดีกรมที่ดินยังไม่ได้เซ็น คาดว่าภายในสิ้นเดือนกันยายนจะชัดเจนทั้งหมด เนื่องจากขณะนี้นายขจรเกียรติเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งและได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน เมื่อวันที่ 21 ส.ค.68 อย่างไรก็ดีได้มีการหารือร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพิจารณาถึงสภาพปัญหาทั้งหมดแล้ว
“เราไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือ หรือ ผลีผลามที่จะอยากจะทำ เราเข้ามาก็กระทำตามกฎหมาย เท่าที่ดูไทม์ไลน์ น่าจะมีข่าวดีที่ชัดเจนในสิ้นเดือนกันยายนว่า เราได้กระทำการกฎหมาย”นายภูมิธรรมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สนามแข่งขันฟุตบอลและสนามแข่งรถที่อยู่ในพื้นที่ดินเขากระโดงจะต้องรื้อถอนออกไปเลยหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย โดยอิงคำพิพากษาศาลทั้งหมดและกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้เรียกประชุมกับทุกภาคส่วนแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันว่า ตามไทม์ไลน์จะไปดำเนินการบางประการ และจะเปิดให้ทักท้วง แต่ในส่วนของกระบวนการกฎหมายเราก็จะเดินจนถึงที่สุด การทักท้วงก็ไปว่ากันที่ศาล
“ที่ดินของหลวง ใครเป็นเจ้าของพื้นที่นั้นจะเป็นคนตัดสินใจ ฝ่ายที่อยากจะเปลี่ยนแปลงหรืออยากจะขอความเยียวยาช่วยเหลืออะไรตามกฎหมายที่ทำได้ก็ให้เป็นอำนาจคนที่เป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้น ก็ว่าไปตามสิทธิ์ของแต่ละคน ใครมีหลักฐานว่าได้ที่ดินมาก่อนที่จะมีพระราชกฤษฎีกา หรือ ก่อนที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานก็ว่าไป แต่ถ้ามาหลังจากนั้น ไม่ว่าจะมีจริงหรือไม่จริงก็ผิดกฎหมายทั้งนั้น แต่ผิดกฎหมายในขั้นตอนที่จะต้องดำเนินการอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”นายภูมิธรรมกล่าวและว่า
“ถ้าพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานก็เป็นที่หลวงมาตั้งแต่ต้น พระราชกฤษฎีกาที่ออกมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ก็ชัดเจน ประกาศก็ชัดเจนว่า ที่ดินแปลงนี้เป็นของหลวง ซึ่งสิ่งที่ศาลต้องการให้ทำอย่างเดียว คือ ปรับให้มาตราส่วนกับการสรุปของกรมที่ดินกับการรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย (รฟท.) ตรงกัน ขณะนี้ทำเกือบจะเรียบร้อยแล้ว หลังจากออกไปรังวัดมา และเมื่อทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันแล้ว ก็จะเป็นแผนที่ประกอบในการดำเนินการ และจะประกาศให้คนที่อยู่ในพื้นที่ได้รับทราบ เพื่อให้รู้ว่าตัวเองถูกกล่าวหาว่าเข้ามาในที่ดินของหลวง ซึ่งโฉนดต่างๆ ที่ได้มาก็ต้องถือว่าได้มาโดยมิชอบ ส่วนไม่ชอบตรงไหนและใครจะเป็นผู้รับผิดชอบก็ว่าไป ถ้าตรงนี้ชัดเจนทั้งหมด กรมที่ดินก็สามารถที่จะประกาศยกเลิกโฉนดเดิมและให้ไปเรียกร้องเอา”นายภูมิธรรมกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา