“…กรณีดังกล่าวย่อมมีนัยว่า เขตที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี (รฟท.) นั้น ได้รับการรับรอง โดยคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 รวมถึงคำพิพากษาของศาลปกครองกลางคดีหมายเลขแดงที่ 852/2566 แล้ว เพียงแต่ศาลกำหนดให้มีการตรวจสอบแนวเขตให้ชัดเจนเท่านั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานไม่อาจปฏิเสธกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ฟ้องคดีได้…”
...............................................
สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ,พรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดิน ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 5,083 ไร่เศษ
โดยอธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ และให้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งมีมติ ‘ไม่เพิกถอน’ เอกสารสิทธิฯที่ออกทับที่ดินรถไฟฯบริเวณแยกเขากระโดง ไปแล้วก่อนหน้านี้
“อธิบดีกรมที่ดินคนก่อน (พรพจน์ เพ็ญพาส) ได้ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ได้ยุติเรื่องไป รฟท. ในฐานะผู้อ้างสิทธิ์ในที่ดินฯ ก็อุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการสอบสวนฯ ดังกล่าว และอธิบดีกรมที่ดินได้ยกคำร้อง รฟท. จึงร้องไปที่กระทรวงมหาดไทย แต่มีการยกคำร้องอีก
รฟท. จึงไปยื่นศาลปกครองเมื่อ มี.ค.2568 ซึ่งตอนนี้กำลังรอกระบวนการนี้อยู่ และมีการแจ้งกรมที่ดินมาว่า ศาลฯรับพิจารณาคำร้องแล้วเมื่อเดือน มิ.ย.2568 ตอนนี้จึงอยู่ในช่วงการทำคำชี้แจงและส่งไปภายในวันที่ 10 ต.ค.นี้” ขจรเกียรติ กล่าว (อ่านประกอบ :‘มหาดไทย’ รื้อใหม่กระบวนการ ‘เขากระโดง’ รอผลศาลปค.-รฟท.ฟ้องรายแปลงเท่านั้น)
ในตอน 2 ตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเสนอรายละเอียดคำฟ้องของ รฟท. (ผู้ฟ้องคดี) ที่ยื่นฟ้อง ‘กรมที่ดิน’ กับพวก รวม 3 ราย (กรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ,อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องที่ 2 และปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ต่อศาลปกครองกลางในคดีนี้
โดย รฟท. ระบุว่ามี ‘ข้อเท็จจริง’ ที่ยืนยันความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินเขากระโดง ได้แก่ ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา , คำพิพากษาศาลฎีกา ,คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ,มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคําพิพากษาศาลปกครองกลาง (อ่านประกอบ : เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(1) ยก‘คำพิพากษา-กฤษฎีกา'ยัน'รฟท.'เจ้าของ'เขากระโดง')
อีกทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ก่อนที่ ‘กรมที่ดิน’ โดย ‘สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์’ จะทำการรังวัดแนวเขตที่ดิน รฟท. บริเวณแยกเขากระโดง จนเสร็จสิ้นกระบวนการนั้น คณะกรรมการสอบสวนฯ กลับมีมติ ‘ไม่เพิกถอน’ เอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ และสั่งยุติเรื่องสอบสวนฯ โดยอ้างว่า ‘ยังไม่มีข้อยุติในประเด็นเรื่องแผนที่’ นั้น (อ่านประกอบ : เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(2) ‘คกก.สอบสวน’ยุติเรื่องฯไม่รอผลรังวัด‘เขากระโดง’)
ในตอนที่ 3 นี้ สำนักข่าวอิศรา ขอนำเสนอรายละเอียดคำฟ้องของ รฟท. เกี่ยวกับพฤติการณ์ของ ‘อธิบดีกรมที่ดิน' และ ‘คณะกรรมการสอบสวน’ ซึ่งมีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ บริเวณ ‘แยกเขากระโดง’ โดย รฟท. เห็นว่า เป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
อีกทั้งคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ฟังเป็นที่ยุติแล้วว่า ที่ดินบริเวณแยก ‘เขากระโดง’ เป็นของ รฟท. ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าว มิใช่มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น แต่ผูกพันผู้ถือเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทุกคน รวมถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ด้วย ดังนี้
@ยกคำพิพากษา‘ศาลฎีกา’ผูกพัน‘อธิบดีกรมที่ดิน-ผู้ถือเอกสารสิทธิ’
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ได้มีคำสั่งเห็นชอบตามมติของคณะกรรมกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของผู้ฟ้องคดี (รฟท.) และสั่งยุติเรื่องดังกล่าว ตามหนังสือแจ้งของกรมที่ดินที่ มท 0516.2(2)/22162 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
และต่อมาภายหลังเมื่อผู้ฟ้องคดีได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (ปลัดกระทรวงมหาดไทย) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้พิจารณาอุทธรณ์แล้ว เห็นว่า
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินและให้ยุติเรื่องเป็นการชอบแล้ว ตามหนังสือกรมที่ดินที่ มท.0516.2(2)/760 ลงวันที่ 13 มกราคม 2568 เรื่อง แจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง นั้น
จึงทำให้หนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกโดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (กรมที่ดิน) และที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ซึ่งออกทับซ้อนกับที่ดินของผู้ฟ้องคดี ยังไม่ถูกเพิกถอนหรือแก้ไขให้ถูกต้อง ทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามามารถเข้าครอบครองและใช้ประโยชน์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ได้ และไม่สามารถนำที่ดินดังกล่าว ไปจัดทำบริการสาธารณเพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยทั่วไปได้ด้วย ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนและเสียหาย จึงเป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีต้องยื่นฟ้องต่อศาลเป็นคดีนี้
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งให้ยุติเรื่อง โดยไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี และการวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ที่เห็นว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่ไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน และสั่งยุติเรื่องชอบแล้วนั้น
ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นคำสั่งและการกระทำโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญ ที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น มีลักษณะเป็นการสร้างขั้นตอนโดยไม่จำเป็น เป็นการกระทำโดยไม่สุจริต และเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ
กล่าวคือ
1.เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติแล้ว ว่า ที่ดินบริเวณที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี (รฟท.) และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เป็นคู่กรณีในคดีตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณี จึงถือเป็นหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ที่จะต้องดำเนินการตามความในมาตรา 61 แห่งประมาลกฎหมายที่ดินให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อนำไปสู่การเพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน
ผู้ฟ้องคดี ขอกราบเรียนว่า เมื่อข้อพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้ฟ้องคดี ได้มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานผ่านกระบวนการยุติธธรรม ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563
โดยเฉพาะความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะกรรมการร่างกฎหมายคณะที่ 7) เรื่อง เสร็จที่ 106/2541 ซึ่งมีผลผูกพันผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และได้อ้างเป็นฐานในการออกคำสั่งที่ 1195/2566 และที่ 1196/2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเห็นว่าที่ดินบริเวณที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน เป็นที่ดินกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี
ข้อเท็จจริงข้างต้นย่อมฟังเป็นยุติได้ว่า ที่ดินบริเวณแยกเขากระโดง ตำบลอิสาณ และตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามแผนที่และแนวเขตที่ปรากฏตามคำพิพากษาของศาลฎีกา และศาลอุทธรณ์ภาค 3 รวมถึงตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 5,083 ไร่ 80 ตารางวานั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินในบริเวณดังกล่าว จึงเป็นการออกทับซ้อนที่ดินของผู้ฟ้องคดี อันถือเป็นการออกเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดินโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อคำพิพากษาของศาลฎีกาทั้งสองคดีและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เป็นการวินิจฉัยโดยชัดแจ้งถึงความเป็นเจ้าของของกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี
ผู้ฟ้องคดี จึงสามารถใช้ยันบุคคลกายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า และที่ดินตามที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลดังกล่าว มีฐานะเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งสามารถใช้จัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปได้
คำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ดังกล่าว จึงมิใช่มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเท่านั้น แต่ผูกพันผู้ถือเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินทุกคน รวมถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน)
@ชี้‘อธิบดีกรมที่ดิน’ขัดคำสั่ง‘ศาลปกครอง’-กระทำไม่ชอบ
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ภายหลังที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาทั้งสองคดีข้างต้นแล้ว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำสั่งกรมที่ดิน ที่ 2992/2564 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 แก้ไขรูปแผนที่ดินและเนื้อที่ดินในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) เลขที่ 200 หมู่ที่ 9 (ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 17) ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ตามผลแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561
และสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ดำเนินการยการยกเลิกใบไต่สวนพร้อมจำหน่าย ส.ค.1 เลขที่ 209 หมู่ที่ 1 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินและยกเลิกเรื่องการออกโฉนดที่ดิน จำนวน 40 ฉบับ ของประชาชนจำนวน 35 ราย ตามผลแห่งคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560
รวมทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ให้เพิกถอนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส 3) เลขที่ 206 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งที่ดินทั้งหมดดังกล่าวอยู่ในเขตพื้นที่ ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี
เมื่อข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ปรากฏตามคำพิพากษาศาลฎีกาทั้ง 2 คดี คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ก็ยอมรับในกรรมสิทธิ์ที่พิพาทของผู้ฟ้องคดีด้วย
แต่แทนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) จะดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการเพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแปลงอื่นๆ ซึ่งออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายทับซ้อนในที่ดินของผู้ฟ้องคดี และผู้ฟ้องคดีได้ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดำเนินการแล้ว
แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กลับละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จนผู้ฟ้องคดีได้ยื่นฟ้องคดีต่อตาลปกครองกลาง ซึ่งต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ให้ผู้ฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
โดยให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมสอบสวนตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด
โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา ให้ผู้ฟ้องคดีร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกุฎหมายที่ดิน ทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณเขากระโดง ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อหาแนวเขตที่ดินที่เป็นของผู้ฟ้องคดี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 เพื่อให้คณะกรรมการสอบสวน จัดทำรายงานการสอบสวนให้แล้วเสร็จตามหลักเกณฑ์ วิธีการที่ประมวลกฎหมายที่ดิน กฎ และระเบียบที่เกี่ยวข้องกำหนดต่อไป
การที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 61 ให้ครบถ้วนถูกต้องด้วย ทั้งในส่วนของการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคสอง การดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวน และการพิจารณา และมีคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ก็ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน ถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย
แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่า การดำเนินการของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มิได้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย
กล่าวคือ ภายหลังจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว ผู้ฟ้องคดีได้ส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการการสอบสวน โดยที่ประชุมร่วมกัน ได้มีข้อยุติการดำเนินการว่า
การรังวัดทำแผนที่ต้องถือปฏิบัติตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการรับคำขอรั้งวัด การนัดรังวัด และการเรียกค่าใช้จ่ายในการรังวัดเฉพาะราย พ.ศ.2547 ผู้ฟ้องคดี (รฟท.) ได้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวครบถ้วน ถูกต้อง โดยยื่นคำขอรังวัดทำแผนที่บริเวณทางแยกเขากระโดง ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และเป็นตัวแทนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการปฏิบัติงานในเขตพื้นที่
โดยผู้ฟ้องคดีได้จัดส่งข้อมูล เอกสารหลักฐาน และชำระค่าใช้จ่ายตามระเบียบ และจัดส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ตามที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ขอ จนได้มีการส่งตัวแทนของผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมประชุมหารือกำหนดนัดรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณทางแยกเขากระโดง และให้ตัวแทนผู้ฟ้องคดี ปักหลักแนวเขตที่ต้องการนำชี้ล่วงหน้าไว้ก่อนถึงวันนัดรังวัด
เมื่อถึงวันนัดรังวัด ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากผู้ฟ้องคดี ได้นำเจ้าหน้าที่ดินทำการรังวัดปักหลักเขต และรับรองแนวเขตที่ดิน ตลอดจนให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในทุกขั้นตอนจนเสร็จกระบวนการ จนกระทั่งสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้จัดทำรายงายงานรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีเสร็จเรียบร้อย
และได้จัดส่งรูปแผนที่ (ร.ว.9) การรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี บริเวณเขากระโดงให้ผู้ฟ้องคดีตรวจและรับรองรูปแผนที่ หลังจากนั้นได้มีการแก้ไขปรับปรุงรูปแผนที่ มีการระบุค่าพิกัดตำแหน่งหมุดที่ดิน จนกระทั่งสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้แจ้งมายังผู้ฟ้องคดีให้ทราบว่า ได้ทำการรังวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว และได้จัดส่งรูปแผนที่ (ร.ว.9) ให้ผู้ฟ้องคดีแล้วด้วย
เมื่อข้อเท็จจริงตามที่กราบเรียนข้างต้น ผู้ฟ้องคดีและสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้ร่วมกันดำเนินการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีจนได้ข้อยุติแล้ว ภายใต้การรับรู้และเห็นชอบในการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวน
แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่า ก่อนที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ จะได้แจ้งผลการรังวัด และจัดส่งรูปแผนที่ (ร.ว.9) ที่จัดทำเสร็จแล้วให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามหนังสือจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ บร 0020.3/31901 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กลับมีหนังสือแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบว่า
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดินของผู้ฟ้องคดี และสั่งยุติเรื่องตามหนังสือกรมที่ดินที่ มท 0516.2(2)/22162 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2567
ทั้งที่ เมื่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ตรวจสอบรังวัดแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีแล้วเสร็จ โดยผู้ฟ้องคดีได้ส่งตัวแทนร่วมในการดำเนินการ จนกระทั่งมีการจัดทำรูปแผนที่เสร็จแล้ว คณะกรรมการสอบสวนและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ย่อมสามารถใช้รูปแผนที่ที่ดินของผู้ฟ้องคดี ก่อนที่จะพิจารณาเพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินต่อไป ซึ่งหากมีการดำเนินการดังกล่าวก็จะเป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
ดังนั้น การที่คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 ไม่ดำเนินการให้ครบถ้วนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และเสนอความเห็นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ว่า สมควรให้มีการเพิกถอนหรือแก้ไขเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใดบ้าง แต่กลับเสนอความเห็นต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เห็นควรไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน
และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน และมีคำสั่งยุติเรื่องนั้น คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอนหรือวิธีการ อันเป็นสาระสำคัญตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จึงเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
@‘คณะกรรมการสอบสวนฯ’ใช้‘ดุลพินิจ-ความเห็น’ไม่ถูกต้อง
2.กรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) อ้างเหตุผลของการไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลาง ที่ให้ผู้ฟ้องคดีร่วมตรวจสอบแนวเขตที่ดินกับคณะกรรมการสอบสวน นั้น
ผู้ฟ้องคดี (รฟท.) ขอกราบเรียนว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ยกข้ออ้างว่า การตรวจสอบแนวเขตที่ดินร่วมกันผู้ฟ้องคดีตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 คณะกรรมการสอบสวนฯ เห็นว่า จะปฏิบัติตามได้ เมื่อมีกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนฯไว้โดยชัดแจ้ง
คณะกรรมการสอบสวนฯ จึงไม่อาจดำเนินการตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลางในการร่วมกันชี้แนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนต้องวางตัวเป็นกลาง
การร่วมพิสูจน์ตรวจสอบแนวเขตที่ดินกับผู้ฟ้องคดี เป็นการร่วมกับคู่กรณีในการพิจารณาทางปกครองเกี่ยวกับการกำหนดแนวเขตที่ดินพิพาท ทำให้สูญเสียความเป็นกลาง หากคณะกรรมการสอบสวนฯ มีความเห็นหรือมติเป็นประการใดในกายหลัง อาจถูกโต้แย้งถึงความไม่เป็นกลาง จากการกระทำดังกล่าว อันมีผลทำให้ความเห็นหรือมติของคณะกรรมการสอบสวบสวนฯ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คณะกรรมการสอบสวนฯ จะดำเนินการตามข้อสังเกตได้ ต่อเมื่อสถานะทางกฎหมายของที่ดินและตำแหน่งที่ตั้งที่ดินของผู้ฟ้องคดีเป็นที่ยุติแล้ว
คณะกรรมการสอบสวนฯ จึงจะใช้ข้อมูลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาร่วมกับผู้ฟ้องคดีว่า ที่ดินแปลงใดอยู่ในเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีทั้งแปลง ซึ่งจะต้องดำเนินการเพิกถอน ที่ดินแปลงใดที่อยู่คาบเกี่ยวกับเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีบางส่วน ซึ่งจะต้องดำเนินการแก้ไข หรือที่ดินแปลงใดอยู่นอกเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี ซึ่งจะต้องไม่เพิกถอนต่อไป นั้น
ผู้ฟ้องคดี (รฟท.) ขอกราบเรียนว่า คำพิพากษาของศาลปกครองที่ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปฏิบัติตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาให้ผู้ฟ้องคดีร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนฯ ทำการตรวจจสอบแนวเขตที่ดินบริเวณตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อหาแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี ตามคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 นั้น
เป็นกรณีที่ศาลปกครองกลางกำหนดให้ผู้ฟ้องคดีร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนในการตรวจสอบหาแนวเขตที่ดินที่ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการสอบสวน และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่จะพิจารณาตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานว่าที่ดินของผู้ฟ้องคดีมีขอบเขตแค่ไหน เพียงใด มีเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแปลงใด ออกทับซ้อนที่ดินของผู้ฟ้องคดีบ้าง
เมื่อผู้ฟ้องคดีนำชี้แนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีแล้ว คณะกรรมการสอบสวนก็ยังมีอำนาจหน้าที่ที่จะนำเอกสารหลักฐานในส่วนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ได้ออกเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินแต่ละแปลง รวมถึงแผนที่ที่เกี่ยวข้อง มาพิจารณาประกอบกับแผนที่แนวเขตจากการนำชี้รังวัดของผู้ฟ้องคดีได้
หากไม่ให้ผู้ฟ้องคดีได้ร่วมชี้แนวเขตตามข้อสังเกตของศาลปกครองแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกลปกครองก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้
ดังนั้น การที่ศาลปกครองกลางมีข้อสังเกตถึงแนวทางการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าว จึงเป็นการถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่คู่กรณีแล้ว ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีหน้าที่ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อสังเกตของศาลปกครองดังกล่าว ซึ่งการปฏิบัติดังกล่าวไม่กระทบต่อความเป็นกลางของการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนแต่อย่างใด
อีกทั้งข้อสังเกตของศาลปกครองกลางถือเป็นส่วนหนึ่งของคำพิพากษาของศาลตามมาตรา 69 (8) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 เมื่อคณะกรรมการสอบสวนฯ ปฏิเสธการดำเนินการตารตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลาง จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดี
และการที่คณะกรรมการสอบสวนฯ เห็นว่า ที่ดินของผู้ฟ้องคดีมีสถานะทางกฎหมายและตำแหน่งที่ตั้งที่ดินยังไม่เป็นที่ยุตินั้น เป็นการใช้ดุลพินิจและความเห็นที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่ดินของผู้ฟ้องคดี มีกระบวนการได้มาโดยถูกต้องตามกฎหมาย ผ่านการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในขั้นพิจารณาคดีของศาลจนได้ข้อยุติตามคำพิพากษาของศาลตามที่ได้เรียนไว้ในคำฟ้องข้างต้นแล้ว
ข้อสังเกตของศาลปกครองดังกล่าว แม้มิใช่คำพิพากษาที่มีผลผูกพันเป็นข้อแพ้ชนะในคดี แต่ก็เป็นแนวทางหรือวิธีการดำเนินการของคู่กรณี เพื่อให้การปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลเป็นไปโดยครบถ้วนสมบูรณ์
โดยตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลางมีสาระสำคัญ ให้ผู้ฟ้องคดีร่วมกับคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ทำการตรวจสอบแนวเขตที่ดิน เพื่อหาเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามคำพิพากษาศาลฎีกาและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3
กรณีดังกล่าวย่อมมีนัยว่า เขตที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี (รฟท.) นั้น ได้รับการรับรอง โดยคำพิพากษาศาลฎีกา ที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 รวมถึงคำพิพากษาของศาลปกครองกลางคดีหมายเลขแดงที่ 852/2566 แล้ว
เพียงแต่ศาลกำหนดให้มีการตรวจสอบแนวเขตให้ชัดเจนเท่านั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานไม่อาจปฏิเสธกรรมสิทธิ์ในที่ดินของผู้ฟ้องคดีได้ มีเพียงหน้าที่ในการดำเนินการเพื่อตรวจสอบแนวเขตที่ดิน เพื่อให้ทราบว่ามีเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดินแปลงใดบ้างที่ออกทับซ้อนที่ดินของผู้ฟ้องคดี เพื่อนำไปสู่การเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินต่อไปนั้น
การจะพิจารณาแนวเขตดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงต้องปฏิบัติตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลางให้ถูกต้องครบถ้วน เมื่อผู้ฟ้องคดีได้ปฏิบัติตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลาง โดยร่วมกับคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1195-1196/2566 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2566
เพื่อดำเนินการกับหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในท้องที่ ตำบลเสม็ดและตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 995 ฉบับ และได้ดำเนินการจนถึงชั้นจัดทำการรังวัดและทำรูปแผนที่เสร็จแล้ว โดยความเห็นชอบตั้งแต่ต้นของคณะกรรรมการสอบสวน
แต่คณะกรรมการสอบสวนและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 กลับมากล่าวอ้างในภายหลังว่า ไม่อาจให้ผู้ฟ้องคดีร่วมตรวจสอบแนวเขตตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลางได้ และปฏิเสธที่จะรับพิจารณารูปแผนที่ และการรังวัดแนวเขตที่ผู้ฟ้องคดีร่วมกันสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นผู้แทนของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ร่วมกันจัดทำขึ้น และต่อมามีคำสั่งแจ้งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดิน ตามความเห็นที่คณะกรรมการสอบสวนเสนอ
ทั้งที่ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ เพื่อให้ทราบแนวเขตที่แน่ชัดตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 นั้น ก็ได้ข้อยุติแล้ว อันจะนำไปสู่การจัดทำรายงานผลการสอบสวนเพื่อเสนอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีคำสั่งเพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิ์ในที่ดินต่อไป
แม้ข้อสังเกตของศาลปกครองกลาง จะมิใช่เป็นกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 และคณะกรรมการสอบสวนต้องปฏิบัติ แต่เมื่อเป็นแนวทางหรือวิธีดำเนินการที่ศาลปกครองกำหนดให้คู่กรณีในคดีต้องปฏิบัติ เพื่อให้การปฏิบัติตามคำพิพากษาเป็นไปโดยครบถ้วนสมบูรณ์
ย่อมถือว่า ข้อสังเกตของศาลปกกกรองดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการกำหนดรูปแบบ ขั้นตอน และวิธีการสำหรับดำเนินการในการปฏิบัติตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งมีผลให้คู่กรณีในคดีต้องปฏิบัติตามเช่นกัน
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 1195-1196/2566 ได้เชิญผู้ฟ้องคดี เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมกำหนดแนวทางให้มีการรังวัดทำแผนที่ และให้ผู้ฟ้องคดีได้ปฏิบัติตามแนวทางตามที่รังวัด ซึ่งผู้ฟ้องคดี ได้ปฏิบัติตามแนวทางตามที่ที่ประชุมได้กำหนด จนกระทั่งสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทำการรังวัดและจัดทำรูปแบบ (ร.ว.9) เรียบร้อยแล้ว
จึงชอบที่คณะกรรมการสอบสวนและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จะนำผลการพิจารณารังวัด และการจัดทำรูปแผนที่เพื่อแสดงแนวเขตที่ดิน ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟ้องคดี ไปพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทับซ้อนกับรูปแผนที่แบบ ร.ว.9 แต่กลับมีมติเสนอผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ออกคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินเสีย ทั้งที่ขั้นตอนการดำเนินการร่วมกันตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลางใกล้ข้อยุติแล้ว
การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) มีคำสั่งดังกล่าว จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย และตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญ ที่กำหนดไว้ในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน อันถือเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เหล่านี้เป็นรายละเอียดคำฟ้องในตอนที่ 3 ของ รฟท. ในคดีเพิกถอนคำสั่ง ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ ที่มีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนกับที่ดินรถไฟ ‘เขากระโดง’ โดย รฟท. เห็นว่า คำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ฟังได้ข้อยุติแล้วว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นของ รฟท. มีผลผูกพัน อธิบดีกรมที่ดิน และผู้ถือเอกสารสิทธิฯทุกคน
อีกทั้งยังเห็นว่า กรณี ‘คณะกรรมการสอบสวน’ มีมติไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิฯที่ออกทับที่ดินรถไฟ ‘เขากระโดง’ นั้น เป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ!
อ่านประกอบ :
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(2) ‘คกก.สอบสวน’ยุติเรื่องฯไม่รอผลรังวัด‘เขากระโดง’
เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(1) ยก‘คำพิพากษา-กฤษฎีกา'ยัน'รฟท.'เจ้าของ'เขากระโดง'
‘มหาดไทย’ รื้อใหม่กระบวนการ ‘เขากระโดง’ รอผลศาลปค.-รฟท.ฟ้องรายแปลงเท่านั้น
‘รฟท.’ โต้ ดีเอสไอ เปล่าเลื่อนแจ้งความ ‘เขากระโดง’ ชี้มีนัดให้การ 5 ก.ย. 68
‘ดีเอสไอ’เตือน‘รฟท.’ไม่แจ้งความ‘เขากระโดง’ละเว้นฯ เปิดสองมุม‘ภูมิธรรม-อนุทิน'
‘ภูมิธรรม’ เผย ไทม์ไลน์ เซ็นเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง สิ้นเดือนก.ย.นี้
พบอีก! ‘สุทัศน์’อนุกรรมการกม.‘รฟท.’ปี 63 เคยเป็นทนายให้‘ชาวบ้าน’35 ราย คดี‘เขากระโดง’
เซ็นเพิกถอนเขากระโดงส่อเลื่อน! อธิบดีกรมที่ดินเอ็นข้อหัวไหล่ฉีกขาด ส่งตัวผ่าตัดศิริราช
DSI ลงพื้นที่'บุรีรัมย์'พบนิติกรรมต้องสงสัยโฉนด‘เขากระโดง’หลายแปลง-ส่อพัฒนาเป็นคดีพิเศษ
ย้ำ‘รฟท.’เจ้าของ‘เขากระโดง’ แจ้งออก‘ส.ค.1’ยืนยันสิทธิฯ-โต้ปมแนวเขตที่ดินข้างละ 40 เมตร
'ภูมิธรรม' ส่งตัวแทนยื่นร้อง 'ทิวา' ทนายเขากระโดง แถลงข่าวใช้ถ้อยคำรุนเเรงโจมตีผิดมรรยาท
ไม่ขัดกม.-มรรยาทฯ! ‘ชนินทร์’แจงช่วงนั่ง‘ปธ.อนุฯกฎหมาย’รฟท. ไม่เกี่ยวข้องคดี'เขากระโดง'
ส่อขัด‘มรรยาท’! พบ‘ชนินทร์’ทนายคดี‘เขากระโดง’ เคยนั่ง‘ปธ.อนุกรรมการกม.’รฟท.
รฟท.แจ้งครอบครอง'เขากระโดง'ป้องกัน'บุกรุก' ก่อน'กฤษฎีกา'ชี้'ที่ดินรถไฟ'ไม่ต้องออก ส.ค.1
ยังรอ มท.เพิกถอนโฉนด! รฟท. ยกคำตัดสินศาลปค.ที่ดินทั้ง 5,083 ไร่เป็นของการรถไฟฯ
‘ภูมิธรรม’ ยัน ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ มาตรฐานเดียว จับตาชงครม.ตั้ง ‘อธิบดีกรมที่ดิน’
DSI จ่อฟัน ‘อาญา-ฟอกเงิน’ บุกรุก ‘เขากระโดง’ - อ้าง รฟท. เจ้าของที่ดิน 5 พันไร่
‘กรมที่ดิน’ชี้ 3 แนวทางเพิกถอน‘โฉนด’ม.61 หลัง‘เดชอิศม์’ตั้ง‘กก.ตรวจสอบฯ’ปม‘เขากระโดง’
เปิดปฏิบัติการ‘คู่ขนาน’ทวงคืน‘เขากระโดง’ บี้ทบทวนคำสั่ง‘กรมที่ดิน’-ฟ้องขับไล่‘รายแปลง’
รฟท.อุทธรณ์ศาลปค. 2 ประเด็น ‘เขากระโดง’ แล้ว - จ่อส่งข้อมูลให้คกก.ชุด ‘ภูมิธรรม’
‘ภูมิธรรม’ สั่ง ‘อธิบดีที่ดิน’ แจงคดีเขากระโดงใน 7 วัน ยันทำไม่เว้นแม้แต่ ‘อัลไพน์’
ฉบับเต็ม! คำวินิจฉัย‘ศาลปค.’ไม่รับฟ้องบางข้อหา-ตีตกปม‘รฟท.’ขอสั่งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฟ้อง 4 ข้อหาไม่รับ 2!‘ศาลปค.’ตีตกคำขอ‘รฟท.’สั่ง‘กรมที่ดิน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’995 ฉบับ
‘ภูมิธรรม’เผยเตรียมเซ็นคำสั่งตั้ง คกก.ทบทวนพิพาท ‘เขากระโดง’
‘ภูมิธรรม’ โยนรมว.จริงมาทำ ‘เขากระโดง-อัลไพน์’ - ปัดคุยแต่งตั้งโยกย้าย
มีอิทธิพลในพื้นที่-บุคลากรไม่พอ! เปิดหนังสือ‘รฟท.’ขอ‘อสส.’ฟ้องถอนโฉนด‘เขากระโดง’
‘อนุทิน’ แจงเขากระโดง-อัลไพน์ ไม่เกี่ยวกัน นายกฯไม่เคยแทรกแซง
‘ประชาชน’ อัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ ‘อัลไพน์-เขากระโดง’ จับเป็นตัวประกันเจรจา กล่าวหาแรงหวังฮุบที่วัด
‘สร.รฟท.’บุก‘ปปป.’กล่าวโทษ‘อธิบดีกรมที่ดิน-คกก.สอบสวน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
รฟท.ร่างคำฟ้องยื่นศาลปค. ‘เขากระโดง’ชี้คำสั่งคกก.มาตรา 61 ไม่ชอบ
‘สุริยะ’ ยังไม่ตอบ ‘เขากระโดง’ จะฟ้องรายแปลงหรือไม่ - น้อมรับศาลไม่เพิ่มผู้บริหารแผน ‘บินไทย’
ฉบับเต็ม! เปิดหนังสือแจ้งผลอุทธรณ์ฯ ‘มท.’ชี้‘กรมที่ดิน’ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ชอบแล้ว
‘อนุทิน’ เผยผลอุทธรณ์ ‘เขากระโดง’ ยืนตามมติเดิม ไม่เพิกถอน
ชาวบ้าน 35 ราย กลับลำ เบรกเซ็นสัญญาเช่าที่ดิน‘เขากระโดง’อ้างแพง-‘รฟท.’เร่ง‘บังคับคดี’
‘กรมที่ดิน’โต้‘รฟท.’อ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของ‘เขากระโดง’ 5 พันไร่ ขยายความเกิน‘คำพิพากษา’
‘สุริยะ’ย้ำ‘เขากระโดง’ที่ดินรถไฟฯ พร้อมให้ชาวบ้านเช่าราคาถูก-‘อนุทิน’รอฟังคำสั่ง‘ศาลปค.’
เทียบชัดๆ! คำพิพากษา‘ศาลฎีกา’ VS ความเห็น‘คกก.สอบสวน’ ชี้แนวเขตที่ดินรถไฟฯ‘เขากระโดง’
เผือกร้อน‘สุริยะ-รฟท.’ฟ้อง‘ศาลยุติธรรม’เพิกถอนโฉนด‘รายแปลง’ ปิดฉากมหากาพย์‘เขากระโดง’!
‘สุริยะ-รฟท.’ รอผลอุทธรณ์กรมที่ดิน ‘เขากระโดง’ - ‘วีริศ’ชี้ต้องรอบคอบ หวั่นโดน 157
บังคับคดีแล้ว! โชว์เอกสาร‘ศุภวัฒน์’คืนที่ดิน‘เขากระโดง’ 24 ไร่-ชดใช้‘รฟท.’ 4.8 ล้าน
มท.1ชี้ออกสัญญาเช่า 'เขากระโดง' พิสูจน์สิทธิก่อน-'กรมที่ดิน'ย้ำรถไฟฯไม่มีแผนที่ท้าย'พ.ร.ฎ.'
ฉบับเต็ม!หนังสืออุทธรณ์‘รฟท.’(จบ) ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ละเลยต่อหน้าที่ ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฉบับเต็ม! หนังสืออุทธรณ์‘รฟท’(2) ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ใช้ดุลพินิจมิชอบ ไม่ถอนโฉนด‘เขากระโดง’
ฉบับเต็ม! หนังสืออุทธรณ์‘รฟท’(1) ที่ดิน‘เขากระโดง’เป็นของ‘รถไฟฯ’-ไม่ต้องพิสูจน์สิทธิ์อีก
'วีริศ' ส่งหนังสือถึง 'อธิบดีกรมที่ดิน' เพิกถอนมติคกก.สอบสวน 'เขากระโดง'
สอบเขากระโดงล่ม! กมธ.ที่ดินเผย องค์ประชุมไม่ครบก่อนขอมติ
‘เลขาฯกฤษฎีกา’ ชี้ต้องยึดคำพิพากษาเป็นหลัก ‘เขากระโดง’ ‘รฟท.-กรมที่ดิน’ แค่สื่อสารไม่ตรงกัน
‘กรมที่ดิน’ แจง ‘ที่ดินเขากระโดง’ ‘รถไฟ’ไร้เอกสารหลักฐานยืนยัน
‘รถไฟ’ ยื่นศาลปค.อธิบดีทำไม่ครบที่ดิน‘เขากระโดง’-‘อนุทิน’ยันไม่มีช่วยใคร
ย้อนคำวินิจฉัย'ศาลปค.' คดีถอนโฉนด'เขากระโดง'-ก่อน‘กรมที่ดิน’โยน‘รฟท.’ฟ้องขับไล่'รายแปลง'
ไม่ขัดแย้งคำพิพากษา!‘กรมที่ดิน’แจงไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’-แนะ‘รฟท.’ฟ้องขับไล่‘รายแปลง’
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจฯ จี้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินเขากระโดง มาเป็นของ รฟท.
‘รฟท.’เร่งสรุปท่าทีทวงคืน‘เขากระโดง’-ข้องใจ‘คกก.สอบสวน’ไม่รับ‘แผนที่’ยกสู้คดีในศาลจนชนะ
ไม่เชื่อ'แผนที่'ตามคำพิพากษา! ฉบับเต็ม‘คกก.สอบสวน’ยก 4 เหตุผล ไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
โยน‘รฟท.’พิสูจน์สิทธิ์ในศาล! ‘คณะกรรมการสอบสวนฯ’มีมติไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 5 พันไร่
‘สนง.ที่ดินบุรีรัมย์’ส่งหนังสือแจ้ง‘รฟท.’รังวัด‘เขากระโดง’เสร็จแล้ว-พร้อมแนบระวางแผนที่
รังวัดฯเสร็จแล้ว! ‘กรมที่ดิน’จ่อชงข้อมูล‘คณะกรรมการสอบสวน’ชี้ขาดเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
รฟท.ลงพื้นที่นำชี้แนวเขต'เขากระโดง'-'กรมที่ดิน'แจงกม.ขีดเส้นรังวัดฯให้เสร็จภายใน 50 วัน
ย้อนไทม์ไลน์ 1 ปี เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ไม่คืบหน้า-‘กรมที่ดิน’นัด'รฟท.'ชี้เขตรังวัดที่ดิน
8 เดือนไม่เพิกถอน! ‘กรมที่ดิน’รังวัดเขตที่ดินรถไฟ‘เขากระโดง’ใหม่-รฟท.ติดเรื่องค่าใช้จ่าย
เปิดหนังสือทนายตระกูล‘ชิดชอบ’ อ้าง 9 ข้อเท็จจริง ค้าน‘คกก.สอบสวน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’
แผนที่เขตรถไฟฯมีพิรุธ! ทนายตระกูล‘ชิดชอบ’ยกต่อสู้ ปมถอนโฉนดเขากระโดง-ชี้ศก.บุรีรัมย์ชะงัก
ไม่เกี่ยวถอนโฉนดเขากระโดง!‘ชยาวุธ’เปิดใจลาออกอธิบดีที่ดินดูแลภรรยาป่วย
เปิดตำแหน่งโฉนด’ตระกูล‘ชิดชอบ’ทับที่รถไฟฯ‘เขากระโดง’-‘ฝ่าย กม.’แจงซื้อโดยสุจริต
จ่อโดนเพิกถอน! ชัดๆเปิด‘โฉนด-น.ส.3’ตระกูล’ชิดชอบ’ 20 แปลง 288 ไร่ ทับที่ดิน‘เขากระโดง’
ก่อน‘ชยาวุธ’ทิ้งเก้าอี้อธิบดี! พบ‘คกก.สอบสวน’แจ้งเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’รุกที่หลวง 2 แปลง
'อนุทิน'ปัดการเมืองกดดัน 'อธิบดีกรมที่ดิน'ยื่นลาออก อย่าโยงปมพิพาท‘เขากระโดง’
การบ้าน‘อนุทิน’นั่ง‘มท.1’! แก้โจทย์สายสีเขียว-เพิกถอนโฉนดเขากระโดง-ต่อสัญญาซื้อน้ำ‘กปภ.’
ลุยเพิกถอนโฉนด 5 พันไร่!‘กรมที่ดิน’ไม่อุทธรณ์คดี‘เขากระโดง’-แจ้งศาลฯตั้ง‘คกก.สอบสวน’แล้ว
‘รฟท.’ยื่นอุทธรณ์คดี‘เขากระโดง’ปมเรียกค่าเสียหาย 707 ล้าน-รอ‘ศาลปค.’แจ้งท่าที‘กรมที่ดิน’
เส้นตาย 30 เม.ย.! ‘รฟท.’จับตา‘กรมที่ดิน’ยื่นอุทธรณ์คดีเพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 772 แปลง
ฉบับเต็ม! พลิกคำพิพากษา‘ศาล ปค.’สั่ง‘กรมที่ดิน ‘ตั้ง‘คกก.สอบสวน’ถอนโฉนด‘เขากระโดง’
‘ศาลปค.กลาง’สั่ง‘อธิบดีกรมที่ดิน’ตั้ง‘คกก.สอบสวน’ เพิกถอนโฉนดที่ดิน‘เขากระโดง’ 772 แปลง
ยันไม่ละเลยเพิกเฉย! ‘กรมที่ดิน’ลุ้น‘ศาลปค.กลาง’ตัดสินคดีถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 30 มี.ค.นี้
‘ศาลปค.’นัดตัดสินคดีถอนโฉนด‘เขากระโดง’ 30 มี.ค.นี้-‘ตุลาการฯ’ชี้‘กรมที่ดิน’ละเลยหน้าที่
'ศาลปค.'นั่งพิจารณานัดแรก คดี'รฟท.'ฟ้อง'กรมที่ดิน'ขอสั่งเพิกถอนโฉนด'เขากระโดง' 5 พันไร่
เปิด 2 คำร้อง! ยื่น ป.ป.ช. เอาผิด-สอบจริยธรรม‘ศักดิ์สยาม’ เอื้อเครือญาติยึด‘เขากระโดง’
ยื่น ป.ป.ช.ฟัน'ศักดิ์สยาม' 3 เรื่อง! 'ทวี'แนะปมเขากระโดง ส่งศาลฎีกาสอบจริยธรรมทันที
ข้อมูลใหม่! โฉนด 12 แปลง 179 ไร่ ออกทับที่ดินรถไฟ‘เขากระโดง’ โยงเครือญาติตระกูล‘ชิดชอบ’

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา