เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(2) ‘คกก.สอบสวน’ยุติเรื่องฯไม่รอผลรังวัด‘เขากระโดง’

kd 22 09 25 pic new

“…เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ก่อนที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แจ้งปรับปรุงข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่ง และแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบว่า ได้ทำการรังวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมขอให้รับเงินค่ามัดจำมัดจำรังวัดส่วนที่เหลือคืนตามคำฟ้องฯ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ได้มีหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท 0516.2(2)/22162 เรื่อง การเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งมายังผู้ฟ้องคดี (รฟท.)...”

............................................

สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ,พรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และ ขจรเกียรติ รักพานิชมณี อธิบดีกรมที่ดิน ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 5,083 ไร่เศษ

โดยอธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจตามมาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ และให้ดำเนินการตามมติของคณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งมีมติ ‘ไม่เพิกถอน’ เอกสารสิทธิฯที่ออกทับที่ดินรถไฟฯบริเวณแยกเขากระโดง ไปแล้วก่อนหน้านี้

“อธิบดีกรมที่ดินคนก่อน (พรพจน์ เพ็ญพาส) ได้ตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ได้ยุติเรื่องไป รฟท. ในฐานะผู้อ้างสิทธิ์ในที่ดินฯ ก็อุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการสอบสวนฯ ดังกล่าว และอธิบดีกรมที่ดินได้ยกคำร้อง รฟท. จึงร้องไปที่กระทรวงมหาดไทย แต่มีการยกคำร้องอีก

รฟท. จึงไปยื่นศาลปกครองเมื่อ มี.ค.2568 ซึ่งตอนนี้กำลังรอกระบวนการนี้อยู่ และมีการแจ้งกรมที่ดินมาว่า ศาลฯรับพิจารณาคำร้องแล้วเมื่อเดือน มิ.ย.2568 ตอนนี้จึงอยู่ในช่วงการทำคำชี้แจงและส่งไปภายในวันที่ 10 ต.ค.นี้” ขจรเกียรติ กล่าว (อ่านประกอบ : ‘มหาดไทย’ รื้อใหม่กระบวนการ ‘เขากระโดง’ รอผลศาลปค.-รฟท.ฟ้องรายแปลงเท่านั้น)

ในตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเสนอรายละเอียดคำฟ้องของ รฟท. (ผู้ฟ้องคดี) ที่ยื่นฟ้อง ‘กรมที่ดิน’ กับพวก รวม 3 ราย (กรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ,อธิบดีกรมที่ดิน ผู้ถูกฟ้องที่ 2 และปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3) ต่อศาลปกครองกลางในคดีนี้

โดย รฟท. ระบุว่ามี ‘ข้อเท็จจริง’ ที่ยืนยันความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินเขากระโดง ได้แก่ ความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา , คำพิพากษาศาลฎีกา ,คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ,มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. และคําพิพากษาศาลปกครองกลาง นั้น (อ่านประกอบ : เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(1) ยก‘คำพิพากษา-กฤษฎีกา'ยัน'รฟท.'เจ้าของ'เขากระโดง')

ในตอนนี้ สำนักข่าวอิศรา ขอนำเสนอรายละเอียดคำฟ้องใน ‘ส่วนที่สอง’ ซึ่ง รฟท. ได้ลำดับข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ ภายหลังจาก ‘ศาลปกครองกลาง’ มีคำสั่งให้ ‘อธิบดีกรมที่ดิน’ แต่งตั้ง ‘คณะกรรมการสอบสวน’ ตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการกับเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดง

แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ก่อนที่ ‘กรมที่ดิน’ โดย ‘สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์’ จะทำการรังวัดแนวเขตที่ดินจนเสร็จสิ้นกระบวนการนั้น คณะกรรมการสอบสวนฯ กลับมีมติ ‘ไม่เพิกถอน’ เอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ และสั่งยุติเรื่องสอบสวนฯ โดยอ้างว่า ‘ยังไม่มีข้อยุติในประเด็นเรื่องแผนที่’ มีรายละเอียดของคำฟ้อง ดังนี้

@‘อธิบดีกรมที่ดิน’ตั้ง‘คกก.สอบสวน’เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’

2.ภายหลังที่ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566 ให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว

จากนั้นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 จึงได้มีคำสังอธิบดีกรมที่ดินที่ 1195/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2566

โดยระบุเหตุผลในการออกคำสั่งดังกล่าว ว่า ด้วยความปรากฏว่า โฉนดที่ดินตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 44 ฉบับ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) ตำบล อำเภอ และจังหวัดเดียวกัน จำนวน 6 ฉบับ ซึ่งออกสืบเนื่องจากหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1)

และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 18 ฉบับ ซึ่งออกโดยการเดินสำรวจ ตามมาตรา 58 และ 58 ทวิ วรรคสอง ไม่ได้แจ้งการครอบครองที่ดิน เป็นหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย

และต่อมาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว จำนวน 68 ฉบับ บางฉบับ ได้มีการรังวัดแบ่งแยกออกเป็นหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน จำนวน 222 ฉบับ เป็นผลให้หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงแบ่งแยกดังกล่าวคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย อธิบดีกรมที่ดิน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน จะได้มีคำสั่งแก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่หรือเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินรวม จำนวน 290 ฉบับนี้

และในวันเดียวกัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ได้มีคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 1196/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ออกคำสั่งในทำนองเดียวกัน ระบุว่า

ด้วยความปรากฏว่าโฉนดที่ดิน ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 61 ฉบับ และหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3.ก.) จำนวน 28 ฉบับ ตำบล อำเภอ และจังหวัดเดียวกัน ซึ่งออกสืบเนื่องจากหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เป็นหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินออกไปโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากออกในเขตที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย

ต่อมาหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าว จำนวน 89 ฉบับ บางฉบับ ได้มีการรังวัดแบ่งแยกออกเป็นหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดิน จำนวน 616 ฉบับ เป็นผลให้หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินแปลงแบ่งแยกดังกล่าว คลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วย

อธิบดีกรมที่ดิน โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 61 แห่งประมาลกฎหมายที่ดิน จะได้มีคำสั่งแก้ไขแผนที่และเนื้อที่หรือเพื่อเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน รวมจำนวน 705 ฉบับนี้

รายละเอียดของคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินทั้งสองฉบันดังกล่าว ปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้อง

3.ภายหลังที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดินตามคำฟ้องแล้ว ผู้ฟ้องคดี และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และที่ 2 ได้มีการดำเนินการ ดังนี้

(1) ผู้ฟ้องคดี (รฟท.) มีหนังสือเลขที่ รฟ1/1944/2566 ลงวันที่ 15 กันยายน 2566 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ขอทราบผลการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ที่ออกทับที่ดินของผู้ฟ้องคดี

(2) ผู้ฟ้องคดี มีหนังสือด่วนที่สุด เลขที่ รฟ 1/1944/2566 ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 แจ้งรายชื่อเจ้าหน้าที่เพื่อร่วมดำเนินการตรวจสอบแนวเขตที่ดิน ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง

(3) คณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 1195-1196/2566 ลงวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2566 ได้มีหนังสือศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ที่ บร 0020.4/20518 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2566 และที่ บร 0020.2/20519 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ได้เชิญผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมประชุม ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ณ ห้องประชุมสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์

ผู้ฟ้องคดีได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุมในวันและเวลาดังกล่าว โดยที่ประชุมได้ข้อยุติว่า การดำเนินการรังวัดทำแผนที่ กรมที่ดินต้องถือปฏิบัติตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการรับคำขอรังวัด การนัดรังวัดและการเรียกค่าใช้จ่ายในการรังวัดเฉพาะราย พ.ศ.2547 ให้ผู้ฟ้องคดีดำเนินการยืนคำขอรังวัดทำแผนที่ บริเวณทางแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์

และให้จัดส่งข้อมูลกรอบพื้นที่ ซึ่งมีค่าพิกัดรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอแก่การประมาณการรังวัด ซึ่งต้องดีกว่ารูปแผนที่ ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี 2539 ภายใน 30 วัน ตามหนังสือศาลากลางจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ บร 0020.4/373 ลงวันที่ 8 มกราคม 2567 และ ที่ บร 0020.2/374 ลงวันที่ 8 มกราคม 2567

@‘รฟท.’ยื่นคำขอรังวัดที่ดิน‘เขากระโดง’พร้อมส่ง‘เอกสารประกอบ’

(4) ผู้ฟ้องคดี ได้ยื่นคำขอรังวัดที่ดินบริเวณทางแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ตามหนังสือเลขที่ ผสข.ภฉ./002/2567 ลงวันที่ 29 มกราคม 2567 โดยส่งมอบเอกสารให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ดังนี้

-พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมาถึง อุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน พระพุทธศักราช 2462

-พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวงจัดการสร้างวันที่ 29 สิงหาคม 2463

-พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตทางรถไฟแผ่นดินต่อจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี วันที่ 25 พฤศจิกายน 2464

-พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อสร้างทางรถไฟ สายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวงจัดการสร้างวันที่ 7 พฤศจิกายน 2464

-พระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494

-พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟหลวงจัดการสร้างวันที่ 22 ธันวาคม 2465

-หนังสือกรมรถไฟแผ่นดิน เลขที่ ค.อ.508/67 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2467 6.8 กรมรถไฟแผ่นดิน สายโคราช-อุบล แผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเมตร์ 375+650 มาตรา 1:4000

(5) ผู้ฟ้องคดี ได้จัดส่งเอกสารเพื่อประกอบการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิที่ออกทับซ้อนที่ดินของผู้ฟ้องคดี ที่ รฟ. 1/229/2567 ลงวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ต่อนายอุทิศ ชูประดิษฐ์ ประธานกรรมการสอบสวนฯ รายละเอียดกรอบพื้นที่พิกัดบริเวณเขากระโดง พิกัดฉาก UTM Indian 1935 Datum Zone 48 N ตามแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดิน สายโคราช-อุบล ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเมตร์ 375+650

(6) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร. 0020.3/7634 ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 แจ้งประมาณการค่าใช้จ่ายในการวังวัด จำนวน 112 แปลง เป็นเงินทั้งสิ้น 1,296,320.00 บาท (หนึ่งล้านสองแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยยี่สิบบาทถ้วน) ให้ผู้ฟ้องคดี นำเงินไปชำระ

(7) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร.0020.3/7432 ลงวันที่ 1 มีนาคม 2567 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดี จัดส่งเอกสารประกอบคำขอรังวัด นอกเหนือจากรูปแผนที่ ปี พ.ศ.2539 เพื่อประกอบการนำชี้แนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี

(8) ผู้ฟ้องคดี ได้นำเงินไปชำระค่าใช้จ่ายในการรังวัด จำนวนเงิน 1,296,320.00 บาท (หนึ่งล้านสองแสนเก้าหมื่นหกพันสามร้อยยี่สิบบาทถ้วน) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567 ตามใบเสร็จรับเงินสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ เลขที่ 66-3097983 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2567

(9) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีหนังสือ ที่ บร.0020.3/10444 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2567 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดี จัดส่งเอกสารหลักฐานของทางราชการที่สามารถยืนยันว่าที่ดินดังกล่าว เป็นที่ดินของผู้ฟ้องคดีตามกฎหมายนอกเหนือจากแผนที่ ปี พ.ศ.2539 พร้อมทั้งแต่งตั้งตัวแทนเจ้าหน้าที่ 4 ชุด เพื่อนำรังวัดชี้แนวเขตที่ดินภายในวันที่ 15 เม.ย.2567

(10) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือเลขที่ บร.0020.2/11221 ลงวันที่ 1 เมษายน 2567 และ บร. 0020.4/11241 ลงวันที่ 2 เมษายน 2567 ให้ผู้ฟ้องคดี จัดทำเอกสารพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแสดงเหตุข้อเท็จจริง หรือข้อมูลอื่นๆ ประกอบทยานหลักฐานที่แสดงว่า ผู้ฟ้องคดี มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว

(11) ผู้ฟ้องคดี มีหนังสือ ที่ รฟ 1/735/2567 ลงวันที่ 3 เมษายน 2567 ชี้แจงข้อเท็จจริงในการนำส่งข้อมูลการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า

ได้จัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2567 ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่จำนวน 4 ราย เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2567 เป็นผู้รับมอบอำนาจในการดำเนินการตรวจสอบแนวเขตที่ดินตามคำพิพากษาศาลปกครองแล้ว ตลอดจนยื่นคำขอรังวัดที่ดินเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 รวมถึงชำระเงินค่าใช้จ่ายในการรังวัดเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567

(12) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ บร.0020.3/15062 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2563 แจ้งตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของผู้ฟ้องคดี เข้าร่วมประชุมหารือกำหนดนัดวันรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี บริเวณเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2567 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์

ผู้ฟ้องคดีได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุม ที่ประชุมมีมติ กรมที่ดิน (สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์) ได้กำหนดกรอบแนวทางการลงพื้นที่รังวัดการตรวจสอบแนวเขตที่ดินเขตทางแยกเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม 2567 และขอให้ผู้ฟ้องคดี ปักหลักแนวเขตที่ต้องการนำชี้ไว้ล่วงหน้าก่อนการรังวัด

(13) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือที่ บร 0020.3/18144 ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2567 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดี จัดทำหนังสือมอบอำนาจ โดยระบุขอบเขตอำนาจของตัวการและตัวแทนที่มีอำนาจนำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดปักหลักเขตนำขี้แนวแนวเขตและรับรองแนวเขตที่ดิน

ตลอดจนให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพื่อประกอบการดำเนินการนัดรังวัด และทำการรังวัดตรวจสอบ แนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีบริเวณเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และขอทราบว่า จะสามารถมอบหมายผู้แทนทำการนำรังวัดทำแผนที่ได้จำนวนกี่ชุด และสามารถทำการรังวัดได้ในห้วงเวลาใด

(14) ผู้ฟ้องคดี ได้มีหนังสือ ที่ รฟ 1/1567 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2567 แจ้งรายชื่อเจ้าหน้าที่ผู้แทนของผู้ฟ้องคดีเข้าร่วมรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดิน บริเวณทางแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 2 ชุด

(15) ผู้ฟ้องคดี ได้มีหนังสือมอบอำนาจ ที่ รฟ 1/1398/2567 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2567 มอบอำนาจให้ผู้แทนของผู้ฟ้องคดี จำนวน 4 นาย นำพนักงานเจ้าหน้าที่ทำการรังวัดปักหลักเขตและรับรองแนวเขตที่ดิน ตลอดจนให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ บริเวณทางแยกเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ทุกขั้นตอนจนเสร็จการ

(16) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร 0020.3/19384 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2567 แจ้งให้ผู้ฟ้องคดี จัดส่งเจ้าหน้าที่นำพนักงานเจ้าหน้าที่ ทำการรังวัดปักหลักเขต นำชี้แนวเขตและรับรองแนวเขตที่ดิน ตลอดจนให้ถ้อยคำต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00 น.

@ส่งข้อมูลเพิ่มเติม‘ครั้งที่ 2’ประกอบรังวัดเขตที่ดิน‘เขากระโดง’

(17) ผู้ฟ้องคดี ได้มีหนังสือ ที่ รฟ 1/1487/2567 ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ถึงผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ชี้แจงข้อเท็จจริงในการนำส่งข้อมูลการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ครั้งที่ 2 และส่งข้อมูล ดังนี้

-แผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟแผ่นดินสายนครราชสีมา-อุบล ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ตำบลเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ กิโลเม็ตรที่ 375+650

-พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวงต่อจากนครราชสีมา ถึงอุบลราชธานี ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน พระพุทธศักราช 2462

-พระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟแลทางหลวง พระพุทธศักราช 2464

-พระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2494

-คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 และที่ 8027/2561 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563

-คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขแดงที่ 582/2566

(18) เจ้าหน้าที่ผู้ฟ้องคดี (ผู้รับมอบอำนาจฯ 4 นาย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแนวเขต 6 นาย และเจ้าหน้าที่บำรุงทางท้องถิ่น 4 นาย รวม 18 นาย แบ่งเป็น 2 ชุดๆละ 4 นาย) ลงพื้นที่บริเวณทางแยกเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างวันที่ 24-28 มิถุนายน 2567 เพื่อปักหมุดหลักแนวเขตที่ดิน ที่สามารถเข้าพื้นที่ได้เฉพาะแปลงที่ดินที่ไม่มีผู้ครอบครอง หรือที่ดินที่ส่วนราชการใช้ประโยชน์อยู่ โดยปักหมุดพิกัดแนวเขตที่ดินได้ 92 หมุด

(19) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร 0020.1/21239 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ชี้แจงว่า การรังวัดถ้าไม่มีปัญหาอุปสรรคหรือมีเหตุขัดข้อง จะสามารถดำเนินการรังวัดแล้วเสร็จภายใน 50 วันทำการ นับแต่เริ่มทำการรังวัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567)

(20) ผู้ฟ้องคดี ได้มีหนังสือ ที่ รฟ 1/1707-1709/2567 ลงวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ขอทราบกรอบระยะเวลา และแผนงานในการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดิน ตลอดจนกระบวนการเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกทับซ้อนที่ดินของผู้ฟ้องคดี บริเวณทางแยกเขากระโดง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ ว่าจะใช้กรอบระยะเวลาเท่าใด เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง

(21) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร 0020.3/24123 ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2567 แจ้งผลการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามที่ผู้แทนของผู้ฟ้องคดี ได้นำทำการรังวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามรูปแผนที่ (ร.ว.9)

(22) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร.0020.3/26655 ลงวันที่ 29 สิงหาคม 2567 นำส่งรูปแผนที่ (ร.ว.9) การรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดี บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ผู้ฟ้องคดีตรวจสอบและรับรองรูปแผนที่ภายใน 15 วัน

@‘รฟท.’ขอปรับปรุงแผนที่‘ร.ว.9’ เหตุไม่มีการระบุพิกัด‘หมุดที่ดิน’

(23) ผู้ฟ้องคดี ได้มีหนังสือ ที่ รฟ 1/2630/2567 ลงวันที่ 6 กันยายน 2567 แจ้งว่ารูปแผนที่ (ร.ว.9) ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์จัดส่งมานั้น ไม่ระบุพิกัดตำแหน่งหมุดที่ดิน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบและรับรองรูปแผนที่ได้ จึงขอความอนุเคราะห์ให้จัดส่งข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่งหมุดที่ดิน ในรูปแบบของระบบพิกัดกริด (UTM Indian 1975) และข้อมูลไฟล์ดิจิทัลนามสกุล Shp , DWG และไฟล์ Excel เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบรูปแผนที่ต่อไป

(24) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้มีหนังสือ ที่ บร 0020.3/29928 ลงวันที่ 12 กันยายน 2567 จัดส่งข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่งหมุดที่ดินบริเวณทางแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามรูปแผนที่ (ร.ว.9) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้จัดส่งข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่งหมดที่ดินในรูปแบบของระบบพิกัดกริด (UTM Indian 1935) และข้อมูลมูลไฟล์ดิจิทัลนามสกุล Shp. DWG และไฟล์ Excel ให้ผู้ฟ้องคดี ตรวจสอบ และรับรองรูปแผนที่แล้วแจ้งให้สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์

(25) ผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือ ที่ รฟ 1/2538/2567 ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2567 แจ้งผลการตรวจสอบข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่งหมุดที่ดินบริเวณทางแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์แล้ว พบว่า มีรายภารที่ต้องปรับปรุงข้อมูล จึงมีหนังสือให้สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ปรับปรุงข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่งหมุดที่ดิน

(26) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร 0020.3/31528 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2567 แจ้งว่า ตามที่ผู้ฟ้องคดี ส่งรายการปรับปรุงข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่ง เมื่อเปรียบเทียบค่าพิกัด ตามที่ผู้ที่ฟ้องคดีแจ้งนั้น มีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยอาจเกิดจากการรังวัดต่างวิธี

(27) สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มีหนังสือ ที่ บร 0020.3/31901 ลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 แจ้งว่า ได้ทำการรังวัดเสร็จเรีบร้อยแล้ว และได้จัดส่งรูปแผนที่ (ร.ว.9) ให้ผู้ฟ้องคดีทราบแล้ว จึงมีเงินมัดจำรังวัดคงเหลือ 1,178,240 บาท จึงให้ผู้ฟ้องคดีติดต่อขอรับเงินมัดจำรังวัดคืน

ข้อมูลการดำเนินการตาม (1) ถึง (27) ปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 14 ถึง 40

@‘คกก.สอบสวน’มีมติไม่เพิกถอนโฉนด‘เขากระโดง’ ก่อนรังวัดที่ดินเสร็จ

4.เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ก่อนที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แจ้งปรับปรุงข้อมูลค่าพิกัดตำแหน่ง และแจ้งให้ผู้ฟ้องคดีทราบว่า ได้ทำการรังวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมขอให้รับเงินค่ามัดจำมัดจำรังวัดส่วนที่เหลือคืนตามคำฟ้องฯ

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ได้มีหนังสือกรมที่ดิน ที่ มท 0516.2(2)/22162 เรื่อง การเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิ์ในที่ดินที่ออกทับซ้อนกับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งมายังผู้ฟ้องคดี (รฟท.)

โดยอ้างถึงคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ที่แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวบสวนตามความในมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และการดำเนินการสอบสวนของคณะกรรมการชุดดังกล่าว โดยมีสาระสำคัญโดยสรุปว่า

คณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่อาจดำเนินการตามข้อสังเกตของศาลปกครองกลาง ในการให้ผู้ฟ้องคดีร่วมกับคณะกรรมการชี้แนวเขตที่ดินของผู้ฟ้องคดีได้ โดยอ้างว่าคณะกรรมการสอบสวนต้องวางตัวเป็นกลาง

คณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาสถานะทางกฎหมายของที่ดินบริเวณพิพาท และตำแหน่งที่ตั้งขอบเขตที่ดินตามที่ผู้ฟ้องคดีอ้างสิทธิ เห็นว่า ยังไม่มีข้อยุติในประเด็นเรื่องแผนที่ เรื่องระยะทางและความกว้างของแนวเขตที่ดิน

คณะกรรมการสอบสวน จึงได้สรุปว่า การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างถูกต้องครบถ้วน หนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ออกไปแล้ว จึงชอบด้วยกฎหมาย

คณะกรรมการสอบสวน จึงมีมติเห็นสมควรไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินจนกว่าจะได้มีพยานหลักฐานที่สามารถใช้พิสูจน์ข้อเท็จจริงให้เป็นที่ยุติ รวมถึงเอกสารหลักฐานทางกฎหมายที่สามารถพิสูจน์กรรมสิทธิ์ที่ดินได้

และคณะกรรมการสอบสวนได้พิจารณาคำคัดค้านเป็นรายแปลงแล้ว เห็นว่า ยังไม่สมควรเพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน เนื่องจากผู้ฟ้องคดี (รฟท.) ไม่มีพยานหลักฐานยืนยันการได้มา ซึ่งกรรมสิทธิ์ของที่ดินของผู้ฟ้องคดี ตลอดจนตำแหน่งที่ตั้ง

ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้พิจารณาเห็นชอบตามความเห็นและมติคณะกรรมการสอบสวน จึงได้มีคำสั่งยุติเรื่องและได้แจ้งคำสั่งดังกล่าวให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ทราบคำสั่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567

รายละเอียดของความเห็นคณะกรรมการสอบสวนและคำสั่งผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 41

5.ผู้ฟ้องคดี (รฟท.) ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (อธิบดีกรมที่ดิน) ที่ไม่เพิกถอนเอกสารแสดงสิทธิในที่ดินและสั่งยุติเรื่อง จึงได้อุทธรณ์คำสั่งดังดังกล่าวต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (ปลัดกระทรวงมหาดไทย) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567

ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้พิจารณาอุทธรณ์แล้ว เห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เห็นชอบตามมติของคณะกรรมการสอบสวน กรณีไม่เพิกถอนหรือแก้ไขหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินที่ทับซ้อนกับที่ดินของผู้ฟ้องคดี บริเวณเขากระโดง ตำบลเสม็ด และตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และมีคำสั่งให้ยุติเรื่องนั้น เป็นการชอบแล้ว

และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของผู้ฟ้องคดีที่ 3 ให้ผู้ฟ้องคดีทราบ ตามหนังสือกรมที่ดินที่ มท 0516.2(2)/760 ลงวันที่ 13 มกราคม 2568 ซึ่งผู้ฟ้องคดีได้ทราบคำสั่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568

เหล่านี้เป็นเนื้อหาสาระของคำฟ้องของ รฟท. ในคดีเพิกถอนคำสั่ง ‘อธิบดีกรมที่ดิน-คณะกรรมการสอบสวน’ ที่มีคำสั่งไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับซ้อนกับที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงว่า

คณะกรรมการสอบสวน มีมติไม่เพิกถอนโฉนดที่ดินบริเวณแยกเขากระโดง ในวันที่ 21 ต.ค.2567 ซึ่งเป็นช่วงเวลา ก่อนที่ ‘สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์’ จะดำเนินการรังวัดแนวเขตที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ จนแล้วเสร็จ และแจ้งให้ รฟท. ทราบในวันที่ 5 พ.ย.2567

ที่สำคัญ ‘คณะกรรมการสอบสวน’ ระบุว่า “ได้พิจารณาสถานะทางกฎหมายของที่ดินบริเวณพิพาท และตำแหน่งที่ตั้งขอบเขตที่ดินตามที่ผู้ฟ้องคดีอ้างสิทธิ เห็นว่า ยังไม่มีข้อยุติในประเด็นเรื่องแผนที่ เรื่องระยะทางและความกว้างของแนวเขตที่ดิน” โดยไม่รอให้ ‘สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์’ ทำการรังวัดแนวเขตที่ดิน ‘เขากระโดง’ จนเสร็จสิ้นกระบวนก่อน

อ่านประกอบ :

เปิดคำฟ้องคดีเพิกถอนคำสั่ง'กรมที่ดิน'(1) ยก‘คำพิพากษา-กฤษฎีกา'ยัน'รฟท.'เจ้าของ'เขากระโดง'

‘มหาดไทย’ รื้อใหม่กระบวนการ ‘เขากระโดง’ รอผลศาลปค.-รฟท.ฟ้องรายแปลงเท่านั้น

‘รฟท.’ โต้ ดีเอสไอ เปล่าเลื่อนแจ้งความ ‘เขากระโดง’ ชี้มีนัดให้การ 5 ก.ย. 68

‘ดีเอสไอ’เตือน‘รฟท.’ไม่แจ้งความ‘เขากระโดง’ละเว้นฯ เปิดสองมุม‘ภูมิธรรม-อนุทิน'

‘ภูมิธรรม’ เผย ไทม์ไลน์ เซ็นเพิกถอนโฉนดที่ดินเขากระโดง สิ้นเดือนก.ย.นี้

พบอีก! ‘สุทัศน์’อนุกรรมการกม.‘รฟท.’ปี 63 เคยเป็นทนายให้‘ชาวบ้าน’35 ราย คดี‘เขากระโดง’

เซ็นเพิกถอนเขากระโดงส่อเลื่อน! อธิบดีกรมที่ดินเอ็นข้อหัวไหล่ฉีกขาด ส่งตัวผ่าตัดศิริราช

DSI ลงพื้นที่'บุรีรัมย์'พบนิติกรรมต้องสงสัยโฉนด‘เขากระโดง’หลายแปลง-ส่อพัฒนาเป็นคดีพิเศษ

ย้ำ‘รฟท.’เจ้าของ‘เขากระโดง’ แจ้งออก‘ส.ค.1’ยืนยันสิทธิฯ-โต้ปมแนวเขตที่ดินข้างละ 40 เมตร

'ภูมิธรรม' ส่งตัวแทนยื่นร้อง 'ทิวา' ทนายเขากระโดง แถลงข่าวใช้ถ้อยคำรุนเเรงโจมตีผิดมรรยาท

ไม่ขัดกม.-มรรยาทฯ! ‘ชนินทร์’แจงช่วงนั่ง‘ปธ.อนุฯกฎหมาย’รฟท. ไม่เกี่ยวข้องคดี'เขากระโดง'