ชาวบ้าน 35 ราย กลับลำ เบรกเซ็นสัญญาเช่าที่ดิน‘เขากระโดง’อ้างแพง-‘รฟท.’เร่ง‘บังคับคดี’

kd 28 12 24 pic new

ชาวบ้าน 35 ราย ที่บุกรุกครอบครองที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ กลับลำเบรกทำสัญญาเช่าที่ดินฯกับ 'การรถไฟฯ' หลังศาลฎีกามีคำพิพากษามาแล้ว 7 ปี อ้าง ‘ค่าเช่าแพง’ ลุ้น ‘ศาลฯ’ มีคำพิพากษาใหม่

......................................

จากกรณีที่ศาลฎีกาได้คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842–876/2560 ลงวันที่ 16 ก.พ.2560 กรณีที่ราษฎร 35 ราย เป็นโจทก์ ฟ้องการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เนื่องจากโจทก์ทั้ง 35 ราย ได้ยื่นคำขอออกโฉนดที่ดินต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ รฟท.คัดค้านการออกโฉนดที่ดินดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นที่ดินของการรถไฟฯ ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาว่า พยานหลักฐานของโจทก์ทั้ง 35 ราย รับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทในอันที่จะขอออกโฉนดที่ดินได้

พร้อมทั้งพิพากษาให้โจทก์ (ราษฎร 35 ราย) รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินพร้อมทั้งบริวารออกจากที่ดินรถไฟ และชำระค่าเสียหายให้แก่ รฟท.นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างฯ ในขณะที่การดำเนินการในส่วนของกรมที่ดิน นั้น กรมที่ดินได้แจ้งให้จังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินการยกเลิกใบไต่สวนของราษฎร จำนวน 35 ราย ที่ฟ้องคดี พร้อมทั้งจำหน่าย ส.ค. 1 ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินไปแล้ว นั้น

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า หลังจากศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาแล้ว ราษฎรทั้ง 35 ราย ได้เสนอขอให้ รฟท. พิจารณาทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทและขอลดหย่อนหนี้ตามคำพิพากษา พร้อมทั้งยินยอมปฏิบัติตามระเบียบการเช่าของการรถไฟฯ ซึ่ง รฟท.เห็นว่า แนวทางนี้จะเป็นการยุติปัญหา โดยมิต้องดำเนินการบังคับคดีรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง จึงเสนอให้คณะทำงานฯ ไปดำเนินการทำสัญญากับราษฎรทั้ง 35 ราย ต่อไป

ต่อมาราษฎร 30 ราย ได้ยื่นหนังสือแสดงเจตนาขอใช้ประโยชน์ในที่ดินของ รฟท. แต่ราษฎรอีก 4 ราย ไม่แสดงเจตนาการใช้พื้นที่ จากนั้นคณะทำงานฯได้ร่วมกับราษฎร 30 ราย ดำเนินการสำรวจตรวจสอบ จัดทำรังวัดขนาดพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์ของผู้บุกรุก (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ทั้ง 30 ราย และจัดทำหนังสือแจ้งเงื่อนไขและข้อกำหนดการเช่าที่ดินเพื่อการพาณิชย์และบ้านพักอาศัยให้กับผู้ใช้ประโยชน์ที่แสดงเจตนาขอใช้พื้นที่ทั้ง 30 ราย

อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าราษฎรทั้ง 30 ราย ไม่มายืนยันรับเงื่อนไขและข้อเสนอการเช่าที่ดินเป็นลายลักษณ์อักษร จึงส่งเรื่องให้ฝ่ายอาณาบาลดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

“คณะทำงานฯ จัดทำหนังสือแจ้งเงื่อนไขและข้อกำหนดการเช่าที่ดินเพื่อการพาณิชย์และบ้านพักอาศัยให้กับผู้ใช้ประโยชน์ที่แสดงเจตนาขอใช้พื้นที่จำนวน 30 ราย (ลูกหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจังหวัดบุรีรัมย์) ตามลักษณะที่ใช้ประโยชน์ตามข้อเท็จจริง ด้วยการประสานทางโทรศัพท์ให้ผู้ใช้ประโยชน์มารับเงื่อนไขและข้อกำหนด ปรากฏว่าผู้ใช้ประโยชน์ ทั้ง 30 ราย (ลูกหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาจังหวัดบุรีรัมย์) ตอบรับทราบตามที่คณะทำงานฯ แจ้งทางโทรศัพท์

แต่ไม่มายืนยันรับเงื่อนไขและข้อกำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งคณะทำงานฯ ได้ไปประสานขอคัดทะเบียนราษฎร์และจัดส่งหนังสือแจ้งเงื่อนไขและข้อกำหนดการเช่าที่ดินดังกล่าวให้กับผู้บกรุกใช้ประโยชน์ในที่ดิน (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ที่ยื่นขอใช้พื้นที่ ทั้ง 30 ราย ทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับอีกครั้ง (ครบกำหนดตอบรับภายใน 15 วัน ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567)

หากยังไม่ตอบรับและไม่ดำเนินการใดๆ จะได้ส่งฝ่ายอาณาบาลดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” หนังสือบันทึกข้อความ เลขที่ รฟ.ตฟ. 1000/101/2567 ลงวันที่ 22 ก.พ.2567 ระบุ (อ่านเอกสารประกอบด้านล่าง)

แหล่งข่าวจาก รฟท. เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศราว่า จนถึงขณะนี้ราษฎรทั้ง 35 ราย (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) ยังไม่ได้เข้ามาทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทกับ รฟท. แต่อย่างใด เนื่องจากราษฎร 4 ราย จากทั้งหมด 35 ราย ได้บอกกับราษฎรในพื้นที่พิพาทว่า อย่าเพิ่งลงนามสัญญาเช่ากับ รฟท. เพราะจะมีการฟ้องร้องต่อศาลฯ เพื่อทำให้ที่ดินพิพาทกลับมาเป็นของราษฎร รวมทั้งมีการอ้างว่าค่าเช่าที่ดินที่ รฟท. กำหนดไว้สูงเกินไป

“กรณีชาวบ้าน 35 ราย หลังจากศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้ว รฟท.ก็ได้เข้าไปปิดหมายบังคับคดี หนี้ขับไล่ และหนี้เรียกให้ชำระเงิน จากนั้น รฟท.และชาวบ้าน 35 ราย ได้เจรจากัน และตกลงกันว่า รฟท.จะให้เช่าที่ดินดังกล่าว แต่ปรากฎว่ามีชาวบ้าน 4 ราย ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นนายทุนก็ได้ เพราะถือครองที่ดินจำนวนมาก ไปบอกกับชาวบ้าน 31 ราย ซึ่งแสดงเจตนาขอใช้ประโยชน์ในที่ดินของ รฟท. (เดิม 30 ราย) ว่า อย่าเพิ่งไปเซ็นสัญญาเช่า

เพราะเดี๋ยวจะมีการฟ้องศาลฯ เพื่อทำให้ที่ดินกลับมาเป็นของชาวบ้าน รวมทั้งอ้างว่าค่าเช่าแพง ทำให้จนถึงปัจจุบันชาวบ้านทั้ง 35 ราย ยังไม่ได้มาลงนามสัญญาเช่าที่ดินกับ รฟท. ดังนั้น ในเดือน ม.ค.ปีหน้า ทาง รฟท.จะต้องเข้าไปดำเนินการเพื่อให้มีการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลฎีกา เพราะหากไม่ทำ ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ก็ยอมรับว่าการดำเนินการบังคับคดีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย” แหล่งข่าวระบุ

ก่อนหน้านี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์สื่อถึงกรณีที่นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ และระบุ รฟท. ก้าวล่วงสิทธิ์ประชาชนในพื้นที่ ว่า เรื่องนี้อยากจะทำความชัดเจนว่า เรื่องที่ดินเขากระโดง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลฎีกา ตัดสินว่าที่บริเวณเขากระโดงนั้น เป็นที่ของ รฟท. พร้อมระบุว่า รฟท.พร้อมให้ประชาชนเช่าที่ดินในราคาถูก

“ผมเข้าใจ เข้าใจท่านนายทรงศักดิ์ที่ห่วงใยประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องปกติในพื้นที่ท่าน ผมก็เข้าใจ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เมื่อมีคำพิพากษามา การรถไฟฯ ต้องทำตาม ถ้าไม่ทำตามแล้ว เจ้าหน้าที่รถไฟฯ อาจจะโดนมาตรา 157 ได้ และถ้ามีการเอาที่ดินกลับมาเป็นของการรถไฟฯแล้ว เราก็สามารถเยียวยาประชาชนในพื้นที่ได้ โดยอาจจะคิด (ค่าเช่า) ในราคาที่ค่อนข้างถูก ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นการแก้ปัญหาที่ถาวร” นายสุริยะ กล่าว

kd 28 12 24 1