องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอีกแห่งชื่อว่า Public Eye ก็ได้ดำเนินการสืบสวนอีกแขนงและนำเสนอรายงานเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าในช่วงเดือน มิ.ย. 2565 ดูเหมือนว่าผู้ค้าน้ำมันได้มีการโยกการจำหน่ายน้ำมันไปยังบริษัท Paramount Energy and Commodities DMCC ในดูไบ
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอกรณีความเกี่ยวข้องของบริษัทในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ กับน้ำมันที่มาจากประเทศรัสเซีย
@บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่เริ่มเบนเข็มหนี
กรณีความเกี่ยวข้องกับน้ำมันที่มาจากประเทศรัสเซียนั้นถือว่าเป็นประเด็นที่อ่อนไหวอย่างยิ่งทั้งในเรื่องจริยธรรมและในเรื่องทางกฎหมาย อย่างไรก็ตามมันก็ได้กลายเป็นโอกาสมูลค่าสูงสำหรับผู้เล่นรายใหม่ที่ต้องการจะดำเนินกิจการอยู่ในเงามืด และไม่สนเรื่องการคว่ำบาตรด้วยเช่นกัน
โดยย้อนไปในช่วงเดือน มี.ค. 2565 บริษัทน้ำมันรายใหญ่อย่างบีพี,เชลล์ และอีควินอร์ ต่างเลิกกิจการของตัวเองในรัสเซีย และบริษัทที่ค้าน้ำมันในสวิตเซอร์แลนด์ก็ดำเนินการเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นไม่นาน
ในช่วงเวลาก่อนสงคราม บริษัทอย่าง Vitol, Trafigura, Glencore, และ Gunvor ต่างก็เป็นบริษัทที่ได้จัดการน้ำมันจากรัสเซียคิดเป็นปริมาณกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปริมาณดังกล่าวคิดเป็นหนึ่งในแปดของยอดขายน้ำมันดิบรายวันในสวิตเซอร์แลนด์ ทว่าในช่วงฤดูร้อนปี 2565 บริษัทค้าน้ำมันหลายแห่งก็จำเป็นต้องตัดสัมพันธ์กับตลาดรัสเซียลง
โดยในช่วงเดือน ก.ค. 2565 บริษัท Trafigura ได้ขายหุ้นที่มีความกังขาคิดเป็นจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ในโครงการ Vostok Oil ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยรัฐวิสาหกิจน้ำมันรัสเซียอย่าง Roseneft เพื่อจะพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอาร์คติก ขณะที่บริษัท Vitol ก็ขายหุ้นไปเมื่อเดือน ธ.ค. 2565
อย่างไรก็ตามหุ้นที่ทั้งบริษัท Trafigura และบริษัท Vitol ได้ขายต่อไปนั้น พบว่ามีบริษัทเล็กๆชื่อว่า Nord Axis Limited เป็นผู้มาซื้อหุ้นเหล่านี้อีกทีหนึ่ง และที่น่าสนใจก็คือว่าสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สได้เคยรายงานข่าวว่าบริษัท Nord Axis Limited ถูกจัดตั้งขึ้นที่ฮ่องกงเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะรุกรานยูเครน
ทางด้านขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ได้เคยให้ข้อมูลว่า หลังจากที่มีการคว่ำบาตรเกิดขึ้น บริษัทน้ำมันขนาดใหญ่มักจะขายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียของตัวเองไป และคนที่จะมาซื้อหุ้นเหล่านี้ต่อจะเป็นรัฐวิสาหกิจสัญชาติจีนไม่ก็รัสเซีย หรือไม่ก็กลุ่มบริษัทเล็กๆ ที่จดทะเบียนในพื้นที่เขตอำนาจศาล ในประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีในการร่วมกันคว่ำบาตรของรัสเซีย ผลที่ได้ก็คือว่าตลาดการค้าน้ำมันที่มีความกระจัดกระจาย และมีความไม่โปร่งใส
“ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บริษัท เหล่านี้เพราะพวกเขามักจะไม่มีเว็บไซต์ไม่มีวิธีติดต่อพวกเขา พวกเขาอยู่ในตำแหน่งที่ทึบแสงมากและเราไม่รู้ว่าท้ายที่สุดแล้วใครเป็นผู้ควบคุมพวกเขา” นางไม รอสเนอร์ ผู้ดำเนินโครงการที่องค์กร Global Witness กล่าว
ยกตัวอย่างเช่นที่ดูไบ พบข้อมูลว่ามีกรณีของบริษัทเอกชนที่ไม่มีพันธะในเรื่องว่าจะต้องเปิดเผยชื่อกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้นถูกจดทะเบียนขึ้นที่นั่น ได้แก่บริษัท Paramount Energy and Commodities DMCC โดยบริษัทนี้พบว่ามีทั้งธุรกรรมน้ำมันและชื่อบริษัทที่เหมือนกับบริษัท Paramount Energy & Commodities SA ที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ และแน่นอนว่าความคล้ายคลึงกันของชื่อและรูปแบบการซื้อขายดังกล่าวก็กลายเป็นประเด็นเรื่องความท้าทายของสวิตเซอร์แลนด์ในการรับรองการคว่ำบาตรระหว่างประเทศ
ทางด้านนางรอสเนอร์กล่าวว่าตัวเธอได้พบข้อมูลเกี่ยวกับบริษัท Paramount Energy ในช่วงเวลาที่เธอได้ตรวจสอบข้อมูลว่าบริษัทค้าน้ำมันต่างๆได้ดำเนินการเรื่องการกำหนดมูลค่าน้ำมันดิบให้อยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลหรือไม่ ซึ่งนโยบายการกำหนดราคาดังกล่าวเป็นหนึ่งในมาตรการที่จะทำให้รัสเซียหาผลกำไรเพื่อมาระดมทุนสงครามได้ยากขึ้นไปอีก
@ความเชื่อมโยงที่ทึบแสง
ในงานวิจัยของนางรอสเนอร์ที่มุ่งเน้นไปยังน้ำมันดิบที่มาจากโครงการ ESPO (ESPO เป็นโครงการวางท่อเพื่อส่งน้ำมันจากรัสเซียเข้าสู่จีนรวมความยาว 4,188 กิโลเมตร ซึ่งเสร็จในปี 2557) และส่งไปขายยังท่าเรือคอซมิโม พบข้อมูลว่าราคาค้าขายน้ำมันดิบนั้นมีราคาพุ่งมากกว่าราคาที่กลุ่มประเทศจี 7 ได้กำหนดไว้เมื่อเดือน ธ.ค. ซึ่งก็คือราคา 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ท่าเรือคอซมิโม (อ้างอิงวิดีโอจาก Maxim Evseev)
จากฐานข้อมูลโภคภัณฑ์ Kpler พบว่าบริษัทคู่ค้ารายใหญ่สุดก็ได้แก่บริษัท Paramount SA โดยบริษัทนี้เป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดในช่วงเดือน ม.ค.และ ก.พ.ที่ผ่านมา และค้าขายด้วยราคาที่ละเมิดเพดานกลุ่มประเทศ G7
ขณะที่องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอีกแห่งชื่อว่า Public Eye ก็ได้ดำเนินการสืบสวนอีกแขนงและนำเสนอรายงานเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าในช่วงเดือน มิ.ย. 2565 ดูเหมือนว่าผู้ค้าน้ำมันได้มีการโยกการจำหน่ายน้ำมันไปยังบริษัท Paramount Energy and Commodities DMCC ในดูไบ
“มันยากที่จะเชื่อในคำกล่าวอ้างที่ว่านิติบุคคลทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ทั้งสองบริษัทได้ออกมากล่าวว่าพวกเขาได้ดำเนินงานโดยอิสระ โดยผู้ก่อตั้ง Paramount SA อ้างว่าไม่มีการถือครองหุ้นใน Paramount DMCC อีกทั้งตอนนี้ผู้ก่อตั้ง Paramount SA ก็ได้พำนักอาศัยอยู่ในดูไบ และบริษั ทParamount DMCC ก็ได้เข้าครอบครองการค้าทั้งหมดที่ Paramount SA เคยใช้ในการจัดการระหว่างท่าเรือคอซซิโมและที่ประเทศจีน” นางรอสเนอร์กล่าว
นางรอสเนอร์กล่าวต่อไปว่าเธอไม่ได้กล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรในเรื่องข้อตกลงราคาแต่อย่างใด ขณะที่ Global Witness ก็ได้รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัท Paramount จะได้ดำเนินการในพื้นที่อำนาจศาลนอกเหนือจากประเทศที่ได้กำหนดในเรืองเพดานการควบคุมราคา อีกทั้งบริษัทที่ก่อตั้งในดูไบ นั้นก็ไม่พบว่ามีลูกจ้างเป็นชาวยุโรป ไม่ได้ดำเนินกิจการในยุโรปแต่อย่างใด
โดยข้อมูลจากบริคนสนธิที่สวิตเซอร์แลนด์ระบุว่าชาวสวิสเป็นผู้บริหารที่บริษัท Paramount SA ขณะที่รายงานข่าวจากสำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์สก็จะบุว่ามีชาวสวิสอีกรายหนึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้อำนวยการให้กับบริษัท Paramount DMCC
@ช่องโหว่ทางกฎหมาย
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้นดำเนินมาตรการคว่ำบาตรไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆในยุโรป เพราะกฎหมายคว่ำบาตรของสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้บังคับใช้กับชาวสวิสที่อยู่ในต่างประเทศ
ขณะที่ Global Witness ได้ออกมาระบุว่าช่องโหว่นี้เท่ากับคำเชื้อเชิญที่ส่งไปถึงทั่วโลก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร โดยผู้บริหารบริษัทแค่ปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทในตัวเองเล็กน้อยก็สามารถหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรได้แล้ว
ทางด้านของบริษัท Paramount SA ได้ออกมายืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด โดยในแถลงการณ์ที่บริษัทได้ส่งถึง SWI swissinfo บริษัท Paramount SA อ้างว่าในขณะที่บริษัท Paramount DMCC ทำหน้าที่เป็นบริษัทย่อย ทั้งสองบริษัทถือเป็นนิติบุคคลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยทั้งสองบริษัทมีความผูกพันในกฎหมายที่แตกต่างกันออกไประหว่างกฎหมายที่สวิตเซอร์แลนด์และกฎหมายที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
“Paramount SA ปฏิเสธข้อกล่าวหาใด ๆ ที่ระบุว่าบริษัทละเมิดเพดานราคาน้ำมันที่มาจากรัสเซียหรือละเมิดการคว่ำบาตรอื่น ๆ " บริษัท กล่าวในอีเมลและกล่าวต่อว่า "Paramount SA หยุดการทําธุรกรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่มีต้นกําเนิดจากรัสเซียภายในเดือนกันยายน 2565 ก่อนที่เพดานราคาจะมีผลบังคับใช้ บริษัท ได้ดําเนินการอย่างเคร่งครัดตามมาตรการคว่ำบาตรและกฎหมายทั้งหมดที่บังคับ”
รายงานของ Public Eye ยังเน้นย้ำถึงกิจกรรมของบริษัท Sunrise ที่พบว่าดำเนินกิจการขนส่งน้ำมันดินจำนวน 4 เที่ยว คิดเป็นปริมาณน้ำมันกว่า 400,000 ตัน ท่าเรือคอซซิโม ในเดือนกันยายน 2565
โดยบริษัท Sunrise ลงทะเบียนทางพาณิชย์ที่สวิตเซอร์แลนด์ในชื่อบริษัทว่า Sunrise Trade SA โดยจดทะเบียนที่กรุงเจนีวาในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 บริษัทชื่อ Sunrise X Trading ได้รับการจดทะเบียนในฮ่องกง
แน่นอนว่าเป็นการยากที่จะบอกว่าทั้งสองมีความเชื่อมโยงที่ชัดเจน ถ้าหากไม่มีการสอบสวนอย่างเป็นทางการโดยเจ้าหน้าที่
ขณะที่สำนักข่าว SWI ได้พยายามติดต่อให้ทางบริษัทชี้แจงแล้ว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
“สวิตเซอร์แลนด์ยังไม่มีการลงทะเบียนสาธารณะที่ระบุรายละเอียดเจ้าของผลประโยชน์ของ บริษัท โดยเจ้าหน้าที่ผู้ทำการสืบสวนเท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้ ซึ่งนี่ก็คือปัญหาที่แท้จริง”นางอากาเต ดูปาร์ก นักวิจัยจาก Public Eye กล่าว
@น้ำมันยังคงไหลออกอยู่
น้ำมันจากรัสเซียยังคงสามารถไปสู่ตลาดโลกได้ ช่องโหว่ในการคว่ำบาตรของตะวันตกทําให้น้ำมันดิบสามารถจัดส่งได้ทุกที่ในโลกและเมื่อผ่านการกลั่นแล้วน้ำมันเหล่านี้ก็สามารถนํากลับไปยังยุโรปอีกโดยไม่มีการลงโทษแต่อย่างใด ในส่วนของโรงกลั่นที่อยู่ในประเทศที่ยังไม่ได้ลงนามในมาตรการคว่ำบาตร
เส้นทางน้ำมันจากรัสเซีย
ในเดือนมกราคม 2566 อินเดียนําเข้าน้ำมันดิบรัสเซียมากกว่า 57 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าปีก่อนหน้าเกือบ 20 เท่า ตามรายงานของ Global Witness การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Kpler แสดงให้เห็นว่าในปี 2565 ตุรเคียนําเข้าน้ำมันดิบกว่า 143 ล้านบาร์เรลจากรัสเซียเพิ่มขึ้น 50% จากปี 2564
"ช่องโหว่กระบวนการกลั่นน้ำมันช่วยให้น้ำมันรัสเซียที่ขนส่งไปยังโรงกลั่นในประเทศที่สามแล้ว สามารถเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่นดีเซลหรือเบนซินที่จะเข้ามาในยุโรปได้" นายรอสเนอร์กลาว
ขณะที่ Global Witness ได้ระบุถึงโรงกลั่นน้ำมันในตุรเคียที่ยอมรับน้ำมันดิบจากรัสเซียเกือบทั้งหมดซึ่งจะถูกส่งออกเป็นน้ำมันดีเซลไปยังสหภาพยุโรปโดยผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ซึ่งรวมถึงบริษัท Vitol
ต้องยอมรับว่ากฎที่ควบคุมการห้ามใช้น้ำมันดิบและเพดานราคามีความซับซ้อนในการปฏิบัติตามและยากที่จะบังคับใช้ ตัวอย่างเช่นสวิตเซอร์แลนด์ไม่มีอํานาจในการคว่ำบาตรของตัวเองดังนั้นจึงต้องพึ่งพาหน่วยงานอื่นๆเพื่อรายงานการละเมิดทั้งมาตรการเพดานราคาและมาตรการคว่ำบาตร
ขณะที่สํานักเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าไม่ได้ติดตามการปฏิบัติตามเหล่านี้
ส่วนสํานักงานอัยการสูงสุดกล่าวว่าสามารถเปิดการสอบสวนข้อกล่าวหาการละเมิดการลงโทษได้หากได้รับการร้องขอจาก สํานักเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจฯ ทว่าสำนักงานอัยการฯกลับปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่า สํานักเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจฯ ได้ส่งคำร้องขอมายังอัยการหรือไม่ และยังปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในกรณีที่บริษัทซึ่งมีความเชื่อมโยงได้ดำเนินการในเขตอำนาจศาลอื่นๆในประเทศที่ไม่ได้มีการคว่ำบาตร
"เราต้องยึดโยงกับหลักความจริงที่ว่า บริษัท ที่ดําเนินงานในสวิตเซอร์แลนด์เคารพกฎหมายสวิส อีกทั้งสํานักเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจฯก็ไม่ได้เป็นผู้ที่จะไปทำหน้าที่เป็นตำรวจหรือว่าอัยการแต่อย่างใด" นางเฮเลน บัดลิเกอร์ ห้วหน้าสํานักเลขาธิการฝ่ายเศรษฐกิจฯ กล่าว
อนึ่งสวิตเซอร์แลนด์มีความภาคภูมิใจในการรักษาความลับของบุคคลที่ทําธุรกิจในประเทศมานานหลายทศวรรษ แต่ผลกระทบจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียได้ทำให้เกิดความไม่สบายใจในหลักการปฏิบัติ
โดยทางการยูเครน ,ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐอเมริกา พร้อมด้วย NGO หลายแห่ง ได้ออกมากล่าวในทิศทางเดียวกันว่า ทางการสวิสควรดําเนินการคว่ำบาตรเชิงรุกมากขึ้น
เรียบเรียงจาก:https://www.swissinfo.ch/eng/business/investigating-swiss-traders--links-to-murky-world-of-russian-oil/48566594
- ส่องคดีทุจริตโลก: เปิดปมปัญหาการใช้กฎหมายใหม่แคนาดา รับมือโอลิการ์ชลงทุนสินทรัพย์มหาศาล
- ส่องคดีทุจริตโลก: จากปมสินบนโรลซ์รอยส์โยงกรณีอื้อฉาว จัดซื้อ บ.ฝึก ทอ.อินเดียนับหมื่น ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก:เส้นทางทองคำ แสน ล.จาก 'รัสเซีย' สู่ UAE หลบมาตรการคว่ำบาตรตะวันตก
- ส่องคดีทุจริตโลก: ยูเอ็นเผย 'สิงคโปร์' ส่งออกชิ้นส่วนให้กองทัพเมียนมา 8 พัน ล. หลัง รปห.
- ส่องคดีทุจริตโลก: เผยความมั่งคั่งบิ๊ก ทอ.เมียนมา ให้เครือญาติตั้งบริษัทรับงานนับพันล้าน
- ส่องคดีทุจริตโลก:อดีตลูกจ้างฟ้องศาล แฉ บ.แคนาดา จ่ายสินบน แลกสัญญารถเกราะยูเครน พัน ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก: บริษัทพลังงานเยอรมนี เอี่ยวส่งเชื้อเพลิง เอื้อกองทัพรัสเซีย บุกยูเครน
- ส่องคดีทุจริตโลก: สกอตแลนด์ทำสัญญาจ้างตุรเคีย ต่อเรือ 9 พัน ล. ท้องถิ่นไม่ได้ประโยชน์
- ส่องคดีทุจริตโลก:เอกสารหลุดเพนตากอน แฉความสัมพันธ์ รัสเซีย- UAE ช่วยหลบมาตรการคว่ำบาตร
- ส่องคดีทุจริตโลก:เจาะลึกระบบธนาคารใต้ดินจีน เอี่ยวฟอกเงินพันล้านแก๊งยาเสพติดยุโรป
- ส่องคดีทุจริตโลก: อัยการ EU สั่งสอบ งบฟื้นฟูเมืองหลวงบัลแกเรียไม่โปร่งใส เสียหาย ร้อย ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก: รบ.เซอร์เบีย ส่อใช้งานนักจารกรรมข้อมูลการเงินอิสราเอลโจมตีฝ่ายตรงข้าม
- ส่องคดีทุจริตโลก: เอกชนใกล้ชิดพรรคการเมือง ได้สัญญาส่งอาหารกองทัพลัตเวีย 8 พัน ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก:อัยการสวิสสั่งฟัน 4 นายธนาคาร เอื้อประโยชน์คนสนิทปูตินฝากเงินนับพัน ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก: เปิดโปง 3 เอกชนเยอรมนี นำเข้าไม้สักผิด กม.จากเมียนมานานนับปี
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉ หน.ทหารรับจ้างวากเนอร์ หลบคว่ำบาตรตะวันตก หารายได้ พัน ล.ในแอฟริกา
- ส่องคดีทุจริตโลก: แฉคอร์รัปชั่นวงการก่อสร้างตุรเคีย ต้นเหตุยอดตายแผ่นดินไหว 4.6 หมื่นศพ
- ส่องคดีทุจริตโลก: เปิดปม บ.เกลมาโต้ถูกกล่าวหาจ่ายคอมมิชชั่นเอื้อทำสัญญาหลาย รบ.ในแอฟริกา
- ส่องคดีทุจริตโลก:เปิดโปง บ.พลังงานยักษ์ใหญ่ตะวันตก ทำธุรกิจหนุนเส้นเงินเผด็จการเมียนมา
- ส่องคดีทุจริตโลก: เปิดปมฉาว กห.ยูเครนจัดซื้ออาหารไม่โปร่งใส กระทบความเชื่อมั่นต่างชาติ
- ส่องคดีทุจริตโลก:ขมวดปมอื้อฉาว ATK สะเทือนพรรคคอมฯเวียดนามอย่างไร หลัง ปธน.ลาออก
- ส่องคดีทุจริตโลก: ตามรอยบุหรี่จีนนับล้านมวนสูญหาย หลังเดินทางออกจากโรงงานในโรมาเนีย
- ส่องคดีทุจริตโลก: เปิดโปงเอกชนรับงานบูรณะถนนยูเครนพันล้าน เชื่อมโยงผู้ต้องหาหนีคดี FBI
- ส่องคดีทุจริตโลก: ประมวลข่าวคอร์รัปชันโลกปี 65 จากโอลิการ์ชรัสเซียถึงเอกสารแพนโดรา