ในช่วงเวลาที่มีการจัดตั้งบริษัทบัดอินเวสท์ฯที่เมืองดนิโปรซึ่งเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ พบว่าบริษัทแห่งนี้มีผู้ถือหุ้นได้แก่นางคลันตา นักกีฬายกน้ำหนักที่ถูกว่าจ้างให้เป็นเทรนเนอร์ที่ศูนย์ฟิตเนส Human ของเมือง,และนายพาฟโล ชูคโน รองประธานทีมบาสเก็ตบอลโปรเมเตฟของเมืองดนิโปร ซึ่งนายชูคโนคนนี้ยังเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับนายโวโลดีมีร์ ดูบินสกีย์ บุคคลผู้ถูกออกหมายจับจากเอฟบีไอในข้อหาว่ามีพฤติกรรมการฉ้อโกงการจำนองที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ในสัปดาห์นี้ขอเสนอกรณีความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับสัญญาเพื่อฟื้นฟูประเทศยูเครน
โดยมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวเรดิโอฟรียุโรปหรือวิทยุเสรียุโรปรายงานข่าวว่าบริษัทที่ได้รับสัญญาการฟื้นฟูประเทศยูเครนที่เสียหายจากการรุกรานของรัสเซียนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องผู้หลบหนีคดีที่ถูกสำนักสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกาหรือเอฟบีไอออกหมายจับ มีรายละเอียดข่าวดังต่อไปนี้
มีรายงานว่าเงินจำนวนกว่า 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,382,930,000 บาท) ถูกจ่ายให้กับบริษัทบัดอินเวสท์ เอ็นจิเนียริ่ง (Budinvest Engineering) ที่มีเจ้าของได้แก่เทรนเนอร์ฝึกสอนฟิตเนสและผู้บริหารทีมบาสเกตบอลแห่งหนึ่งในยูเครน ซึ่งจุดประสงค์ของเงินดังกล่าวก็คือการว่าจ้างให้บริษัทได้ดำเนินการซ่อมแซมถนนในภูมิภาคดนีโปรเปตรอฟสก์ที่เสียหายจากสงครามที่กินระยะเวลาเกือบปี ซึ่งการจ่ายเงินดังกล่าวนีถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจ่ายเงินมูลค่าสูงที่สุดสำหรับกรุงเคียฟ สำหรับภูมิภาคที่ถูกประเมินว่าได้รับความเสียหายน้อยมากจากสงคราม
อย่างไรก็ตามโครงการข่าว Schemes ซึ่งเป็นโครงการทำข่าวเชิงสืบสวนในประเทศยูเครน ภายใต้สำนักข่าวเรดิโอฟรียุโรปได้รายงานข่าวเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของสัญญาบริษัทดังกล่าวนี้ ตามมาด้วยสำนักข่าวเรดิโอฟรียุโรปและสำนักข่าวยูเครนสกา พราฟดาของประเทศยูเครนได้มีการรายงานความเกี่ยวข้องระหว่างเทรนเนอร์ผู้เป็นเจ้าของบริษัทกับผู้ว่าการในระดับภูมิภาคในยูเครน ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้สํานักงานอัยการพิเศษว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตของยูเครนต้องดำเนินการสอบสวนในช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และในวันที่ 26 ธ.ค. สำนักงานป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติของยูเครนหรือ NABU ได้มีการเข้าตรวจค้นที่ทำการของผู้ว่าการรัฐ, ที่ทำการของบริษัท และที่ทำการอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
โดยหลังจากที่มีข่าวเรื่องของการตรวจสอบทุจริตในกรณีนี้ ทางด้านของนายยาโรสลาฟ ยูร์ชีชิน รองประธานคณะกรรมการนโยบายต่อต้านการทุจริตของรัฐสภายูเครน ได้ออกมายืนยันต่อสาธารณชนยูเครนว่าขณะนี้ยูเครนกำลังเผชิญสงครามสองแนวรบด้วยกันก็คือสงครามต่อต้านการทุจริต ที่ดำเนินไปพร้อมกับสงครามต่อสู้กับรัสเซียที่กินเวลาตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการตรวจสอบจากทางอัยการ แต่ว่าเพราะภาวะสงครามที่ยังดำเนินอยู่ต่อไป ก็หมายความว่าสัญญาระหว่างบัดอินเวสท์ฯกับทางกรุงเคียฟอาจจะสามารถเดินต่อไปได้ด้วยเช่นกัน
@ความสูญเสียของถนนที่ภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ
เงินที่ถูกจ่ายให้กับบริษัทบัดอินเวสท์ มาจากส่วนหนึ่งของโครงการว่าด้วยการฟื้นฟูครั้งใหญ่ของประเทศยูเครน ซึ่งการเบิกจ่ายในโครงการนี้โดยมากแล้วจะไม่มีการเปิดประมูลสาธารณะเพื่อจะหาผู้ที่ดำเนินการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายจากสงคราม
โดยในเดือน ก.ย. 2565 รัฐบาลยูเครน,ธนาคารโลก และบรรษัทเงินทุนระหว่างประเทศได้ร่วมกันประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการบูรณะและฟื้นฟูประเทศยูเครนน่าจะอยู่ที่ 3.49 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (11,771,770 ล้านบาท) ซึ่งเงินมูลค่าดังกล่าวนี้ถือว่ามากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติหรือว่าจีดีพีของยูเครนในปี 2564 ถึง 1.5 เท่า และมูลค่าดังกล่าวนั้นก็ยังคงเพิ่มขึ้นในปัจจุบันควบคู่กับสงครามที่ดำเนินต่อไปโดยไม่เห็นจุดจบ
ทั้งนี้ย้อนไปเมื่อเดือน ก.ค. รัฐบาลยูเครนได้มีการเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากต่างชาติเพื่อให้มีการประเมินราคาการซ่อมแซมถนนความยาวรวมกว่า 51,200 กิโลเมตรที่เสียหาย
รายงานฉบับร่างตัวแรกที่มาจากสภาแห่งชาติเพื่อการฟื้นฟูยูเครนจากภาวะสงคราม ซึ่งสภาที่ปรึกษาแห่งนี้เป็นหน่วยงานที่ปรึกษาภายใต้สํานักงานประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี รายงานว่ายูเครนยังคงขาดแคลนเงินระดมทุนกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (67,460 ล้านบาท) สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับถนน หรือก็คือยุเครนแทบจะไม่มีเงินทุนเหลือพอเลยสำหรับจะจ่ายเพื่อการก่อสร้างถนน, การฟื้นฟู, การซ่อมแซม, และการบํารุงรักษา
ทว่าแม้ทั้งประเทศจะประสบปัญหาขาดแคลนเงินสำหรับการฟื้นฟู และซ่อมแซมถนน แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ดูเหมือนว่าภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์และมีพรมแดนติดกับแค้วนแนวหน้าของสงครามอย่างซาโปริซชยา โดเนตสค์ และคาร์คิฟจะไม่ประสบกับปัญหาดังกล่าวเลย เพราะในช่วงเดือน มี.ค.-วันที่ 31 ต.ค. พบว่าภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ได้จ่ายเงินให้กับผู้รับเหมาเพื่อเป็นค่าซ่อมถนนไปรวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 63 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2,124.99 ล้านบาท)
ภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์กับสถานการณ์การสู้รบในยูเครนในวันที่ 8 ม.ค.
แน่นอนว่ามูลค่าการซ่อมถนนในภูมิภาคดังกล่าวนี้ถือว่าสูงกว่ายอดรวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการถนนในภูมิภาคอื่นๆที่เป็นเป้าหมายหลักของกองทัพรัสเซียเสียอีก ซึ่งถนนในภูมิภาคที่มักจะถูกโจมตีบ่อยๆจนได้รับความเสียหายรุนแรงก็ได้แก่ถนนในกรุงเคียฟ และพื้นที่โดยรอบ ถนนในบริเวณพรมแดนของภูมิภาคคาร์คิฟและซูมี่ และถนนในแคว้นโอเดสซาที่ติดกับทะเลดำ
อย่างไรก็ตามในเดือน ก.ย.มีรายงานว่าถนนในภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ได้รับความเสียหายไปน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ ของความเสียหายของถนนทั้งหมดในประเทศยูเครนที่คิดเป็นมูลค่า 2.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (897,218 ล้านบาท)
โดยข้อมูลความเสียหายที่สรุปจากวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์เคียฟเมื่อเดือน ต.ค. ร่วมกับสำนักประธานาธิบดีเซเลนสกีและกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานระบุว่าในเรื่องของการจัดการถนนนั้น ความเสียหายที่ภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์นั้นถือว่าไม่ได้มีความสำคัญแต่อย่างใดเลยเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆที่เป็นพื้นที่การสู้รบ
นี่จึงนำมาซึ่งคำถามสำคัญว่าทำไมเงินค่าซ่อมถนนที่ภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ถึงได้มีมูลค่าสูงมาก
และเมื่อลงลึกในรายละเอียดก็พบว่าเงินจำนวน 65 เปอร์เซ็นต์ของการซ่อมถนนในภูมิภาคนี้ คิดเป็นมูลค่ากว่า 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯถูกจ่ายให้กับบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ซึ่งข้อมูลบริคนสนธิระบุว่าจนถึงต้นเดือน พ.ย. บริษัทแห่งนี้มีเจ้าของร่วมคือนางยานา คลันตา
โดยสื่อได้รายงานอ้างจากทั้งแหล่งข่าวในภูมิภาคและหลักฐานที่โครงการ Schemes ได้รวบรวมมา พบว่านางคลันตานั้นเป็นแฟนสาวของผู้ว่าการภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ชื่อว่า “นายวาเลนติน เรซนิเชนโก” ซึ่งสื่อการเงินในภูมิภาคชื่อว่านาชิ โฮโรชิได้รายงานครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ย.เกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลท้องถิ่นจ่ายเงินให้กับบริษัทบัดอินเวสท์ฯแห่งนี้
ย้อนไปเมื่อปี 2558 ในช่วงเวลาที่มีการจัดตั้งบริษัทบัดอินเวสท์ฯที่เมืองดนิโปรซึ่งเป็นเมืองหลวงของภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ พบว่าบริษัทแห่งนี้มีผู้ถือหุ้นได้แก่นางคลันตา นักกีฬายกน้ำหนักที่ถูกว่าจ้างให้เป็นเทรนเนอร์ที่ศูนย์ฟิตเนส Human ของเมือง,และนายพาฟโล ชูคโน รองประธานทีมบาสเก็ตบอลโปรเมเตฟของเมืองดนิโปร ซึ่งนายชูคโนคนนี้ยังเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกับนายโวโลดีมีร์ ดูบินสกีย์ บุคคลผู้ถูกออกหมายจับจากเอฟบีไอในข้อหาว่ามีพฤติกรรมการฉ้อโกงการจำนองที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
เอฟบีไอออกหมายจับนายโวโลดีมีร์ ดูบินสกีย์ กับนายลีโอนิด ดูบินสกีย์ ผู้เป็นพี่ชายในคดีฉ้อโกงทางอีเมล
ทั้งนางคลันตาและนายชูคโนต่างก็ถือหุ้นในบริษัทเท่ากันอยู่ที่ 49 เปอร์เซ็นต์ ส่วนนายดมิโทร ลิตนาโรวิช ผู้อำนวยการบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นอีก 2 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ
แน่นอนว่าทั้งนางคลันตาและนายชูคโนไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการก่อสร้างถนนแต่อย่างใด
ข้อมูลจากบริการภาษีของรัฐของยูเครนแสดงให้เห็นอีกว่าในปี 2563-2564 นางคลันตาได้ไปทำงานให้กับบริษัทที่มีเจ้าของคือนายเรซนิเชนโก ซึ่งบริษัทแห่งนี้ชื่อว่าบริษัท Seventh Consulting Group ขณะที่กองกําลังรักษาชายแดนแห่งรัฐยูเครนให้ข้อมูลกับโครงการ Schemes ว่านางคลันตานั้นมักจะเดินทางร่วมในเที่ยวบินเดียวกับนายเรซนิเชนโก หรือไม่ก็เดินทางแยกเที่ยวบินกันแต่ว่าจุดหมายปลายทางเดียวกันเป็นจำนวนประมาณ 5-6 ครั้งในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งนี่รวมไปถึงวันเกิดของนางคลันตาในปี 2564 และมีรายงานอีกว่านางคลันตายังได้เคยเดินทางไปต่างประเทศคนเดียวเป็นจำนวนสี่ครั้ง โดยอาศัยรถ SUV ยี่ห้อ Kia Sportage ซึ่งรถคันนี้มีเจ้าของคือบริษัท Seventh Consulting Group อีกเช่นกัน
แหล่งข่าวอีกหลายแหล่งยังได้ให้ข้อมูลตรงกันว่าแท้จริงแล้วนางคลันตาก็คือแฟนสาวที่เลิกรากันไปแล้วของนายเรซนิเชนโกนั่นเอง
ภาพแคปหน้าจอแสดงให้เห็นประวัติของนางยานา คลันตา อดีตผู้ร่วมเป็นเจ้าของบริษัทบัดอินเวสท์ฯ เอ็นจิเนียริ่งว่าเป็นเทรนเนอร์ฟิตเนส
ทั้งนี้หลังจากการเผยแพร่รายงานข่าว ทางด้านของสํานักงานอัยการพิเศษต่อต้านการทุจริตของยูเครนซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดสํานักงานอัยการสูงสุดได้ประกาศการเริ่มต้นการสอบสวนทางอาญาเกี่ยวกับการใช้อำนาจในทางที่ผิดและสอบสวนพฤติกรรมการฟอกเงินผ่านการครอบครองทรัพย์สินที่เชื่อมโยงไปถึงการจ่ายเงินของรัฐบาลภูมิภาคกับบริษัทบัดอินเวสท์ฯในทันที
โดยบริษัทนี้ รวมไปถึงผู้รับเหมารายอื่นๆในภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ ตอนนี้ต่างต้องเผชิญกับคำถามมากมายจากสํานักความมั่นคงทางเศรษฐกิจซึ่งกำลังสืบสวนอาชญากรรมทางการเงินเกี่ยวกับการเบี่ยงเบนเงินทุนของรัฐที่ถูกกล่าวหาไปยัง บริษัทบังหน้าต่างๆ
ขณะที่บันทึกจากศาลระบุว่าบริษัทบัดอินเวสท์ฯ เคยมีประวัติถูกสอบสวนในคดีอาชญากรรมในอดีต รวมไปถึงในคดีต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวกับการยักยอกงบประมาณสาธารณะและการทำงานที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
@ต้องรอจนสงครามจบ
จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครทราบเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ถึงเลือกบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ให้มาเป็นคู่สัญญาในการซ่อมถนน และตำแหน่งของถนนที่บริษัทจะต้องไปซ่อมนั้นอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครทราบอีกเช่นกัน ซึ่งภายใต้สงครามกับรัสเซียที่ดำเนินมาถึงเดือนที่ 11 และดูไม่มีท่าทีว่าจะจบลงในเร็วๆนี้ นั่นหมายความว่าข้อตกลง สัญญาต่างๆที่รัฐบาลได้กระทำกับผู้รับเหมานั้นสามารถจะไม่เป็นสาธารณะต่อไปได้
โครงการ Schemes ยังได้มีการนำเอาเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะความเกี่ยวข้องกับนายเรซนิเชนโกและบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ไปสอบถามต่อสำนักประธานาธิบดี เพราะว่าประธานาธิบดีเซเลนสกีเป็นผู้แต่งตั้งนายเรซนิเชนโกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการภูมิภาคในปี 2563 และสอบถามต่อนายไครีโล ติโมเชนโก รองหัวหน้าสํานักประธานาธิบดี ผู้ซึ่งรับผิดชอบในการก่อสร้างและฟื้นฟูระบบโครงสร้างพื้นฐาน
Schemes ยังได้มีการสอบถามไปยังรัฐบาลกลางด้วยว่ารัฐบาลได้มีวิธีการเฝ้าจับตาการใช้จ่ายงบประมาณในการฟื้นฟูระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างไรบ้าง เพราะตามกฎหมายยูเครนแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลมีเวลาไม่เกินหนึ่งวันในการรายงานต่อผู้บังคับบัญชา ซึ่งในกรณีก็คือประธานาธิบดี หากมีประเด็นเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนปรากฏขึ้นมา
อย่างไรก็ตามสำนักสื่อมวลชนของสำนักประธานาธิบดีตอบกลับมาผ่านอีเมลว่าการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้จ่ายของรัฐในโครงการดังกล่าวนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะว่ายังอยู่ในสภาพสงครามกับรัสเซีย และยังระบุต่อไปด้วยว่าทีมบริหารของประธานาธิบดีเซเลนสกีไม่สามารถตอบคำถามของโครงการข่าวได้ จนกว่าสงครามจะยุติลง
ขณะที่นายมิคายโล โพโดลยัค ที่ปรึกษาระดับอาวุโสของประธานาธิบดีได้กล่าวยืนยันกับสำนักข่าวเรดิโอฟรียุโรปว่าทีมบริหารของประธานาธิบดีเซเลนสกีไม่ได้ปฏิเสธในการตามคำถามแต่อย่างใด แต่ว่ายังต้องรอจนกว่าการสอบสวนคดีทางอาญาจะสามารถตัดสินได้ว่ามีพฤติกรรมของการ "การละเมิดวินัยทางการเงิน" หรือ "องค์ประกอบของการทุจริต" เกิดขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้ย้อนไปเมื่อเดือน พ.ย. ทางตัวแทนสํานักงานอัยการพิเศษด้านการต่อต้านการทุจริตบอกกับโครงการข่าว Schemes ในเดือนพฤศจิกายนว่านายเรซนิเชนโกไม่ใช่ผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกกล่าวหาในการสอบสวนในเวลานั้น
อย่างไรก็ตามในวันที่ 26 ธ.ค. มีแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่ของ NABU ได้เข้าตรวจค้นสำนักงานของนายเรซนิเชนโกและแผนกของภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อในโครงการถนน รวมไปถึงเข้าตรวจค้นหน่วยงานอื่นๆ และเข้าตรวจค้นสำนักงานบริษัทบัดอินเวสท์ฯ และที่ทำการของนายชูคโน รวมไปถึงที่ทำการของผู้รับเหมารายอื่นๆ
ทว่าทั้ง NABU และสํานักงานอัยการพิเศษด้านการต่อต้านการทุจริตไม่ได้ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวต่อการเข้าค้นหาแต่อย่างใด
ส่วนนายเรซนิเชนโกเองก็ไม่ได้ออกมาพูดอะไรต่อสาธารณะเกี่ยวกับทั้งประเด็นเรื่องการตรวจสอบ,ประเด็นเรื่องบริษัทบัดอินเวสท์ และประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนางคลันตา โดยในช่วงเวลาก่อนที่สำนักอัยการฯจะเริ่มการสอบสวน โครงการข่าว Schemes ได้พยายามติดต่อนายเรซนิเชนโกเพื่อสอบถามความเกี่ยวข้องของเขากับนางคลันตาและบริษัท ทั้งการโทรศัพท์ การส่งข้อความ และการอีเมลถามคำถามไปยังทีมบริหารของเขา และถามไปยังเลขานุการส่วนตัว รวมไปถึงเดินทางไปถามยังบ้านพักส่วนตัวของนายเรซนิเชนโกที่อยู่ในชนบท แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมาเลย
สำหรับประวัติของนายเรซนิเชนโกนั้นพบว่าเขาอายุได้ 50 ปีแล้ว และเคยทำงานเป็นรองประธานบริษัท UMH Group ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริษัทสื่อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศยูเครน โดยเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทสตูดิโอ Kvartal 95 ยังทำงานในสายการผลิตรายการโทรทัศน์อยู่ ทั้งนี้นายเรซนิเชนโกได้เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์มาเป็นระยะเวลา 4 ปีแล้ว ก่อนที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีจะได้แต่งตั้งให้เขากลับมารับตำแหน่งผู้ว่าฯอีกครั้งในปี 2563
ประธานาธิบดีเซเลนสกีแต่งตั้งนายเรซนิเชนโกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ในปี 2563
ยิ่งไปกว่านั้นความเชื่อมโยงของนายเรซนิเชนโกในสำนักประธานาธิบดียังไปไกลยิ่งกว่าตัวประธานาธิบดีเซเลนสกี เพราะมีข้อมูลว่าที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของผู้ว่าฯ ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายโฆษณาให้กับบริษัท UMH Group ชื่อว่านายยูริย์ โฮลิค คนนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ริเริ่มโครงการฟื้นฟูประเทศยูเครนครั้งใหญ่ และยังทำหน้าที่เป็นที่รึกษาในโครงการดังกล่าวด้วยเช่นกัน
นายโฮลิคยังได้ดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการของหัวหน้าหน่วยงานรัฐที่ชื่อว่า Ukravtodor ซึ่งหน่วยงานรัฐนี้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงโครงสร้างพื้นฐาน ทำหน้าที่ดูแลและควบคุมการบำรุงรักษาทางหลวงในประเทศยูเครน โดยนายโฮลิคนั้นมักจะเข้าร่วมการประชุมที่มีนายติโมเชนโกรองหัวหน้าสำนักประธานาธิบดีเซเลนสกีเป็นหัวโต๊ะการประชุมบ่อยๆ
โดยในที่ประชุมนี้จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน รวมไปถึงตัวพันธมิตรจากต่างประเทศเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อหารือในประเด็นเกี่ยวกับแผนการของกรุงเคียฟในการฟื้นฟูประเทศยูเครน และนายโฮลิคยังปรากฏภาพคู่กับนายติโมเชนโก ลงพื้นที่ไปตรวจโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคต่างๆของยูเครนอยู่เป็นประจำ
นายยูริย์ โฮลิคพร้อมด้วยนายไครีโล ติโมเชนโก รองหัวหน้าสํานักประธานาธิบดีเซเลนสกีลงพื้นที่ไปดูถนนเมืองอิซุมเมื่อวันที่ 22 ก.ค. เพื่อพิจารณาเรื่องการซ่อมถนนหลังจากที่กองทัพรัสเซียถอนทัพออกไป
ทว่าในวันที่ 26 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวจากยูเครนสกา พราฟดา ได้ยืนยันข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่จาก NABU ได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพักของนายโฮลิคในกรุงเคียฟด้วยเช่นกัน
ทางโครงการข่าว Schemes ยังได้ติดต่อสอบถามนายโฮลิคผ่านแอปพลิเคชั่นส่งข้อความเพื่อถามเกี่ยวกับกรณีที่งบประมาณรัฐเป็นจำนวนมากลงไปกับบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ในฐานะผู้รับเหมา ซึ่งแอปพลิเคชั่นระบุว่าข้อความคำถามถูกอ่าน แต่ไม่มีการตอบกลับแต่อย่างใด
ส่วนสำนักสื่อมวลชนของสำนักประธานาธิบดีเซเลนสกีก็ระบุถึงเรื่องสงครามเช่นเคย และปฏิเสธที่จะพูดถึงบทบาทของนายโฮลิค ในเรื่องเกี่ยวกับการหารือเพื่อจัดหางบสำหรับการซ่อมแซมถนนในประเทศ
“สํานักงานของประธานาธิบดียูเครนไม่ใช่ผู้ดูแลงบประมาณท้องถิ่น" โฆษกกล่าวพร้อมเสริมว่า "หน่วยงานท้องถิ่น" และ "กระทรวงที่เกี่ยวข้อง” จะเป็นผู้ดูแลในเรื่องนี้
นายยูริย์ โฮลิคเข้าร่วมการประชุมที่สำนักประธานาธิบดียูเครน
ขณะที่ข้อมูลจากกรมข้อมูลธุรกิจการค้าของยูเครนชื่อว่า Youcontrol ก็ระบุว่าพอถึงช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่มีการประกาศจากสํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายต่อต้านการทุจริต ว่าจะดำเนินการตรวจสอบการใช้งบของรัฐบาลท้องถิ่นภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ซึ่งว่าจ้างบริษัทบัดอินเวสท์ฯ นางคลันตาก็ได้ถอนหุ้นทั้งหมดจากบัดอินเวสท์ฯไป
ทำให้ในตอนนี้นายชูคโนเป็นผู้ถือหุ้น 98 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ซึ่งนายชูคโนนั้นเป็นรองประธานของทีมบาสเก็ตบอลชื่อว่าทีมโปรเมเตฟ โดยทีมบาสเก็ตบอลแห่งนี้ เขาได้ร่วมก่อตั้งกันกับนายโวโลดีมีร์ ดูบินสกีย์ นักธุรกิจจากเมืองดนิโปรที่ถูกออกหมายจับจากเอฟบีไอ โดยเอฟบีไอยังได้ออกหมายจับนายลีโอนิด ดูบินสกีย์ พี่ชายของนายโวโลดีมีร์ ดูบินสกีย์ ในข้อหาฉ้อโกงทางอีเมลด้วยเช่นกัน ซึ่งหมายจับนั้นถูกออกเมื่อปี 2555 โดยการอนุมัติของศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย
ขณะที่เว็บไซต์ของทีมบาสเก็ตบอลโปรเมเตฟระบุว่านายชูคโนและนายโวโลดีมีร์ ดูบินสกีย์ เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกัน และยังระบุต่อไปอีกว่าบริษัทบัดอินเวสฯเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีม
@ไม่มีการตอบสนอง
ผู้สื่อข่าวโครงการ Schemes ได้พยายามติดต่อนายชูคโนผ่านโทรศัพท์ ซึ่งนายชูคโนผู้รับผลประโยชน์ของบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ก็ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเงินทุนของบริษัทที่มาจากกองทุนสาธารณะซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นหลังจากการรุกราน และเมื่อนายชูคโนได้ฟังคำถามของผู้สื่อข่าวจบลง เขาก็ไม่ตอบคำถามใดๆเลย และโอนสายไปให้กับเลขานุการส่วนตัวของเขา ซึ่งไม่ยอมตอบคำถามอีกเช่นกัน
ส่วนนายดมิโทร ลิตนาโรวิช ผู้อำนวยการบริษัท และผู้ถือหุ้นอีก 2 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือของบริษัทบัดอินเวสท์ฯก็ไม่ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม Schemes ได้ติดตามข้อมูลจนทราบได้ว่าแท้จริงแล้วนายโวโลดีมีร์ ดูบินสกีย์ มักจะถูกระบุโดยสื่อยูเครนอยู่เป็นประจำว่าเป็นเจ้าของตัวจริงของบริษัทบัดอินเวสท์ฯ
ทว่าเมื่อ Schemes ได้พยามถามคำถามผ่านแอปฯส่งข้อความเกี่ยวกับประเด็นเรื่องนายชุคโนถือหุ้นแทนนายดูบินสกีย์หรือไม่ และในประเด็นเรื่องความเกี่ยวข้องกันระหว่างนายดูบินสกีย์และนายเรซนิเชนโก แอปฯก็แสดงข้อมูลว่านายดูบินสกีย์ได้อ่านข้อความแล้ว แต่เขาไม่ได้ตอบข้อความกลับมาแต่อย่างใด
สื่อในยูเครนยังได้รายงานอีกว่าสองพี่น้องดูบินสกีย์นั้นเป็นเจ้าของบริษัทรวมแล้วทั้งสิ้นกว่า 20 แห่ง โดยบริษัทเหล่านี้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาในเมืองดนิโปรหลายรายการรวมไปถึงโครงการทำความสะอาดและซ่อมบำรุงถนน
ขณะที่เว็บไซต์ของบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ก็มีการข้อมูลแค่บางอย่างเกี่ยวกับงานซ่อมทางหลวงและถนนของบริษัท มีรูปภาพของรถบรรทุกและเครื่องจักร รวมไปถึงมิวสิควิดีโอเกี่ยวกับงานซ่อมถนน แต่ว่าไม่ได้ระบุรายละเอียดของงานซ่อมถนนของบริษัทที่ใช้ภาษีประชาชนเลยว่าไปซ่อมที่ไหน
ทางด้านหน่วยงานผู้บังคับใช้กฎหมายก็ได้เคยสอบสวนบริษัทนี้มาแล้ว หลังจากที่มีข้อกล่าวหาว่าบริษัทนี้มีปัญหาในเรื่องการซ่อมถนนที่ไม่โปร่งใส และการฟอกเงินผ่านบริษัทบังหน้า โดยบันทึกจากศาลในช่วงปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีเข้ามามีอำนาจ บริษัทนี้ถูกตรวจสอบจากสำนักงานสอบสวนของรัฐด้วยข้อกล่าวหาที่ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐในระดับภูมิภาคมีพฤติกรรมยักยอกเงินค่าซ่อมถนน
ผู้สื่อข่าวโครงการ Schemes ได้ติดต่อไปยังบริษัทบัดอินเวสท์ฯ ผ่านอีเมลทางการแต่ว่าบริษัทก็ไม่ได้ตอบอีเมลกลับมาแต่อย่างใด ส่วนเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทที่ถูกโพสต์บนเว็บไซต์นั้นก็เป็นเบอร์ที่ไม่ได้ใช้บริการอีกเช่นกัน
ที่ทำการของบริษัทบัดอินเวสท์ฯอีกแห่งที่เป็นโรงงานยางมะตอยคอนกรีตในเมืองโนโวมอสคอฟสค์
ทั้งนี้เมื่อเดินทางไปยังที่ทำการหลังของบริษัทในเมืองดนิโปร พนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทกลับปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าจะสามารถหาตัวผู้จัดการบริษัทที่สามารถตอบคำถามของผู้สื่อข่าวโครงการ Schemes ได้ที่ไหน
ส่วนที่ทำการบริษัทอีกแห่งซึ่งเป็นโรงงานยางมะตอยคอนกรีตในเมืองโนโวมอสคอฟสค์ อยู่ในภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ พนักงานรักษาความปลอดภัยที่นีได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าไม่มีผู้จัดการประจำอยู่แต่อย่างใด
@อุปทานของบริษัท
กฎหมายของประเทศยูเครนได้กำหนดว่าบริษัทต่างๆจะต้องมีการรายงานข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ภาษีว่าในแต่ละเดือนพวกเขาได้มีการซื้อและขายอะไรบ้าง ทว่าในบันทึกภาษีของบริษัทบัดอินเวสท์ฯในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 พบว่าบัดอินเวสท์ฯได้มีการติดต่อกับผู้รับเหมารายสำคัญอีกจำนวนสามบริษัทได้แก่บริษัท BNM LLC, บริษัท DZMK LLC, และบริษัท Maxi-Bud Plus LLC ซึ่งทั้งสามบริษัทนี้ก็ไม่ได้ซื้อวัตถุดิบในปริมาณเดียวกับที่พวกเขาบอกเจ้าหน้าที่ภาษีว่าพวกเขาขายวัตถุดิบให้กับบริษัทบัดอินเวสท์ฯเสมอไป
ยกตัวอย่างเช่นในวันที่ 2 พ.ย. บริษัท BNM ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าส่งไม้และผู้ผลิตคอนกรีตได้ซื้อทราย, หินบด และทรายบดผสมจำนวน 1,300 ตัน แต่ว่าในบันทึกภาษีระบุว่าในช่วงเวลาเดียวกันพวกเขาได้ขายวัตถุดิบเป็นปริมาณมากกว่า 100 เท่า หรือก็คือขายวัตถุดิบให้บริษัทบัดอินเวสท์ฯ มากกว่า 100,000 ตัน
ที่น่าสนใจก็คือว่าบริษัท BNM ไม่ได้มีลักษณะเป็นโรงงานจึงไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่จะสามารถผลิตวัตถุดิบได้ด้วยตัวเอง
ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปถึงบริษัท BNM ผ่านเบอร์โทรที่แจ้งไว้กับกรมข้อมูลธุรกิจแล้วเช่นกัน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จึงทำให้ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนนี้
@ราคา
จากข้อมูลที่มีการแจ้งไว้กับรัฐบาล บริษัทบัดอินเวสท์ได้มีการจัดซื้อหินบดลอตใหญ่เป็นจำนวนสองลอตด้วยกัน เพื่อใช้สําหรับสร้างและซ่อมแซมถนน โดยจัดซื้อจากผู้รับเหมารายย่อยชื่อว่าบริษัท Maxi-Bud โดยการซื้อครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. 2565 คิดเป็นมูลค่า 34 ดอลลาร์สหรัฐฯ (1,146 บาท) ต่อหินบดหนึ่งตัน และการซื้อครั้งที่สองเกิดขึ้นในเดือน มิ.ย.-ก.ค. เป็นการจัดซื้อมูลค่า 40 ดอลลาร์สหรัฐฯ (1,349 บาท) ต่อหินบดหนึ่งตัน
อย่างไรก็ตามจากเอกสารด้านภาษีแสดงข้อมูลให้เห็นว่าบริษัท Maxi-Bud Plus ได้ซื้อหินบดชนิดเดียวกันจากผู้ผลิตหินบดรายเดียวกันด้วยราคาที่ถูกกว่าแค่ประมาณ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐฯ (168-202 บาท) ต่อตันเท่านั้น
@ผู้รับเหมารายย่อย
มีรายงานว่าผู้รับเหมารายย่อยของบริษัทบัดอินเวสท์ฯได้แก่บริษัท BNM และบริษัท Maxi-Bud Plus ได้จดแจ้งที่อยู่แห่งเดียวกันในเมืองดนิโปร โดยลักษณะของที่อยู่บริษัทเป็นตึกสไตล์โซเวียต ตั้งอยู่ที่ถนนถนนเบเรซินสกา (ดูภาพประกอบ)
ทว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประจำอยู่ทางเข้าตึกซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทจำนวนกว่า 40 แห่งกลับไม่เคยได้ยินชื่อของสองบริษัทที่ว่านี้แต่อย่างใด
“เรามีบริษัทจำนวนมากมายที่เช่นสำนักงานที่นี่ และนำของออกไปแค่ประมาณปีละครั้งเท่านั้น” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระบุผ่านอีเมล
ผู้สื่อข่าว Schemes ได้พยายามติดต่อไปยังบริษัทอื่นๆที่จดทะเบียน ณ ที่ตั้งแห่งนี้ ผ่านเบอร์โทรศัพท์แต่ก็ไม่สามารถติดต่อบริษัทใดๆได้เลย
ทั้งนี้ย้อนไปเมื่อปี 2564 หน่วยงานด้านภาษีของยูเครนได้มีการจัดให้บริษัท Maxi-Bud Plus เป็นผู้มีความเสี่ยงในเรื่องของภาษี เพราะว่าบริษัทได้แจ้งว่ามีกำไรหลายล้านฮริฟเนียยูเครน ทว่ามีพนักงานแค่คนเดียวเท่านั้น
กลับมาที่ในปัจจุบัน มีข้อมูลระบุว่ายูเครนได้ใช้งบประมาณกว่า 1.74 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (58,690.2 ล้านบาท) ไปกับกองทุนเพื่อก่อสร้างถนน ซึ่งกองทุนนี้เปรียบเสมือนกับที่เก็บเงินภาษีเพื่อใช้สำหรับการบำรุงรักษาการบูรณะและซ่อมแซมถนนสาธารณะ และทางกรุงเคียฟยังได้ตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะให้กองทุนนี้เป็นศูนย์กลางการกระตุ้นการลงทุนจากต่างประเทศ
แต่ว่าผู้สังเกตการณ์บางคนก็ได้ออกคำเตือนว่าการดำเนินโครงการก่อสร้างฟื้นฟูประเทศที่เร่งรีบมากเกินไป อาจสร้างความเสี่ยงทำให้เกิดความไม่โปร่งใสได้ ซึ่งทางด้านของสถาบันศูนย์รวมความคิดบรูคกิ้งส์ในกรุงวอชิงตันได้มีการออกคำแนะนำว่าการที่ยูเครนมีกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส มีเป้าหมายที่ชัดเจน กระบวนการตรวจสอบที่เป็นอิสระทั้งหมดนี้จะเป็นกลไกสำคัญทำให้การฟื้นฟูยูเครนสามารถเกิดขึ้นได้จริง
โดยยูเครนนั้นก็ตระหนักถึงเงื่อนไขที่ว่ามานี้ ทางด้านของสํานักงานอัยการพิเศษฝ่ายต่อต้านการทุจริตจึงได้มีการดำเนินการนำคดีขึ้นสู่ศาลในปี 2565 ทั้งสิ้นรวม 42 คดี ซึ่งในจำนวนคดีดังกล่าวพบว่ามี 25 คดีที่ศาลตัดสินไปแล้ว
อย่างไรก็ตามสำนักอัยการฯไม่ได้ให้ความเห็นต่อกรณีที่ NABU ได้บุกเข้าตรวจค้นสถานที่ต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีของบริษัทบัดอินเวสท์ฯ
เรียบเรียงเนื้อหาและอ้างอิงรูปภาพบางส่วนจาก:https://www.rferl.org/a/ukraine-investigation-road-reconstruction-fbi-dnipropetrovsk-public-funds/32205244.html