
‘สภาพัฒน์’ เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 2.8% จากปัจจัย ‘ส่งออก-ลงทุน-การบริโภค’ ยังโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ครึ่งปีแรกโตได้ 3% พร้อมปรับคาดการณ์ ‘จีดีพี’ ทั้งปีเป็น 1.8-2%
......................................
เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2568 และแนวโน้มปี 2568 ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2568 ขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเครื่องชี้ทั้งในฝั่งภาคการผลิตและภาคการใช้จ่ายยังคงขยายได้ แม้ว่าบางตัวจะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เช่น การบริโภคภาคเอกชน และการบริโภคภาครัฐบาล เป็นต้น
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2/2568 การบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 2.1% ชะลอลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 2.5% ,การอุปโภคภาครัฐบาล ขยายตัว 2.2% ,การลงทุนรวม ขยายตัว 5.8% โดยการลงทุนเอกชน ขยายตัวเร่งตัวขึ้นที่ 4.1% ซึ่งเป็นการกลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส จากหมวดเครื่องจักรเครื่องมือที่ขยายตัวได้ 5.9% ตามการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในหมวดยานยนต์ หมวดอุตสาหกรรม และหมวดเครื่องใช้สำนักงาน
ในขณะที่การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 10.1% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ขยายตัวได้ 26.3%,การส่งออกสินค้าและบริการ ขยายตัวที่ 12.2% โดยปริมาณการส่งออกสินค้า ขยายตัว 14.3% และปริมาณการส่งออกสินค้าบริการ ขยายตัว 2.7% ,ภาคเกษตรขยายตัว 6% ,สาขาอุตสาหกรรม ขยายตัว 1.7% ,สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร ขยายตัว 2.1% ชะลอลงจากไตรมาสก่อน ,สาขาการค้า ขยายตัว 6.2% ,สาขาขนส่ง ขยายตัว 4% และสาขาก่อสร้าง ขยายตัว 8%
“เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/2568 ที่ขยายตัวได้ 2.8% ถ้าปรับผลของฤดูกาลออกเทียบเป็นไตรมาสต่อไตรมาส เรายังขยายตัวได้ 0.6% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2568 ที่การขยายตัวเมื่อเทียบเป็นไตรมาสต่อไตรมาสอยู่ที่ 0.7% ฉะนั้น ถ้าดูในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ที่ 3%” นายดนุชา กล่าว


นายดนุชา ระบุว่า ในช่วงไตรมาส 2/2568 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ซึ่งขยายตัวตามการส่งออกไปยังสหรัฐฯที่เร่งขึ้น ก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ภาคการผลิตเริ่มมีสัญญาณชะลอตัวลง และการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯเริ่มปรับตัวเข้าสู่แนวโน้มปกติ หลังจากเร่งตัวไปก่อนหน้านี้ อันเป็นผลสืบเนื่องจากสถานการณ์ภาษี Reciprocal tariffs ที่มีความชัดเจนมากขึ้น
“ข้อกังวลเกี่ยวกับอัตราภาษีต่างๆ (Reciprocal tariff) ลดลงไประดับหนึ่ง แต่เราคงจะอยู่นิ่งเฉยกันไม่ได้ เพราะอัตราภาษีที่เกิดขึ้น เป็นตัวที่ทำให้เราต้องปรับตัว เช่น ในเรื่องกฎระเบียบต่างๆ เพื่อทำให้เราแข่งขันได้” นายดนุชา กล่าว
พร้อมระบุว่า “เศรษฐกิจโลกยังคงมีเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ แม้ว่าอัตราภาษีจะประกาศออกมาแล้ว และอัตราที่เราได้จะอยู่ในระดับเดียวกับกลุ่มประเทศอาเซียน แต่คาดว่าในช่วงถัดไป หลายๆประเทศคงจะเผชิญกับมาตรการกีดกันทางภาษีของสหรัฐฯ ที่ทำให้การส่งออกมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในกลุ่ม Specific tariffs เช่น สินค้าเหล็กและอลูมิเนียม ยานยนต์และชิ้นส่วน แผงพลังงานแสงอาทิตย์ ผลิตภัณฑ์ทองแดง” นายดนุชา กล่าว





นายดนุชา กล่าวว่า สศช.ได้ปรับประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2568 เป็น 1.8-2.3% ค่ากลางอยู่ที่ 2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.3-2.3% โดยการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 2.1% ,การอุปโภคภาครัฐบาล ขยายตัว 1.2% ,การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัว 1% ,การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 5.2% , มูลค่าการส่งออก (ในรูปดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัว 5.5% ,อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0-0.5% และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 2.1% ต่อจีดีพี
“การปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปี 2568 ในครั้งนี้ หลักๆมาจากเรื่องการส่งออก การลงทุนของภาคเอกชน และการผลิตในภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับมีความชัดเจนในเรื่อง Reciprocal tariffs มากกว่าในช่วงที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มในช่วงถัดไป เราคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวดีกว่าที่ประมาณการไว้ในช่วงเดือน พ.ค.2568 โดยมีค่ากลาง 2%” นายดนุชา ระบุ
ทั้งนี้ การประมาณการตัวเลขการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปี 2568 ดังกล่าว มาจากสมมติฐานว่า เศรษฐกิจโลก ขยายตัว 3% จากเดิม 2.6% และปริมาณการค้าโลก ขยายตัว 2.7% จากเดิม 1.8% ,อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 32.5-33.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ,ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 65-75 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ,ราคาส่งออก (ดอลลาร์สหรัฐ) ขยายตัว 0-1% จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 33 ล้านคน จากเดิม 37 ล้านคน และรายรับจากนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.57 ล้านล้านบาท
“การปรับคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 37 ล้านคน เหลือ 33 ล้านคน เป็นผลมาจากตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 2/2568 ที่ลดลงประมาณ 12% และนักท่องเที่ยวจีนที่ยังไม่กลับมาอย่างที่คาดไว้ เราจึงได้ปรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะมาประเทศไทยในปีนี้เหลือ 33 ล้านคน แต่ค่าใช้ของนักท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 47,000-48,000 บาท/คน/ทริป” นายดนุชา กล่าว


สำหรับปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2568 ได้แก่ 1.การเพิ่มขึ้นของแรงสนับสนุนจากรายจ่ายภาครัฐ โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน ทั้งการลงทุนภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเร่งรัดการลงทุนเบิกจ่ายเหลื่อมปี และการเร่งลงทุนของภาคเอกชน 2.การขยายตัวของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าคงทนที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลง
3.การฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะในหมวดเครื่องจักรและหมวดพาหนะ ตามการเร่งตัวของการนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าวัตถุดิบขั้นกลาง ในขณะที่มูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนและพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 มูลค่าการขอรับส่งเสริมการลงทุนอยู่ในระดับสูง หากมีมาตรการเร่งรัดการลงทุน สำหรับผู้ที่ได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว จะทำให้ลงทุนภาคเอกชนฟื้นตัวต่อเนื่อง

ส่วนข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงสำคัญในช่วงที่เหลือของปี 2568 ได้แก่ 1.ผลกระทบจากมาตรภาษีของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐ 2.ภาระหนี้ของภาคเอกชนที่อยู่ในระดับสูง ภายใต้มาตรฐานสินเชื่อที่ยังคงเข้มงวดต่อเนื่อง และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ของสินเชื่อส่วนบุคคลและที่อยู่อาศัย ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าหนี้ครัวเรือนจะมีแนวโน้มลดลง แต่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพียังอยู่ในระดับ 87.4% ต่อจีดีพี
3.การชะลอตัวของภาคท่องเที่ยว 4.ความผันผวนของราคาและผลผลิตภาคเกษตร และ5.ความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการค้าโลก จากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆที่มีความแตกต่างกัน ทำให้เกิดความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุน และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ซึ่งต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง





นายดนุชา กล่าวว่า ประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคในช่วงที่เหลือของปี 2568 ควรให้ความสำคัญกับ 1.การดำเนินการเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้ของประเทศสำคัญ 2.การขับเคลื่อนการลงทุนภาคเอกชน 3.การสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง
4.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินให้แก่ภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ที่ประสบปัญหาด้านการเข้าถึงสภาพคล่องและได้รับผลกระทบซ้ำเติมจากมาตรการกีดกันทางการค้า ผ่านมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สินเชื่อเพื่อการปรับตัว (Transformation Loan) และการส่งเสริมสินเชื่อเครือข่ายธุรกิจเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่อง รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้ถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือของภาครัฐ
5.การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินรายจ่ายภาครัฐเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว ขณะเดียวกัน ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มศักยภาพทางการคลังเพื่อเพิ่มช่องว่างทางการคลัง (Fiscal Space) ในการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจเพื่อรองรับหากมีสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดการณ์เกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงเพื่อไม่ให้เสถียรภาพทางการคลังและเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ (Credit Rating) ในระยะต่อไป
6.การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร โดยเฉพาะในฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่มีผลผลิตออกสู่ตลาดในปริมาณมากจนส่งผลต่อราคาและรายได้เกษตรกร
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ การลงทุนของรัฐและเอกชนจะเป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รวมทั้งต้องมีการเร่งรัดปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งในแง่การส่งออก และการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อทำให้การส่งออกและการลงทุนยังคงขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ต้องมีการเร่งทำตลาดการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวระยะไกล” นายดนุชา กล่าว
อ่านประกอบ :
สศช.เผย‘จ้างงาน’ไตรมาส 1/68 หด 0.5%-โชว์ข้อมูล‘เครดิตบูโร’ NPLs แตะ 1.22 ล้านล.โต 16.4%
สศช.เผยศก.ไตรมาส 1/68 โต 3.1%-ประเมิน 3 ฉากทัศน์‘เทรดวอร์’ก่อนหั่นGDPทั้งปีเหลือ1.3-2.3%
‘สภาพัฒน์’เผยไตรมาส 4/67 ว่างงาน 3.6 แสนคน-หนี้ครัวเรือนขยายตัวชะลอลง
‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 4/67 ขยายตัว 3.2% ทั้งปี 2.5%-คงคาดการณ์เศรษฐกิจ 68 โต 2.3-3.3%
‘สภาพัฒน์’เผยไตรมาส 3/67 ว่างงาน 4.1 แสนคน-‘หนี้เสีย’แตะ 1.16 ล้านล้าน ขยายตัว 12.2%
‘สภาพัฒน์’เผยจีดีพีไตรมาส 3/67 โต 3%-คาดทั้งปี 2.6% จับตาผลกระทบสหรัฐฯกีดกันทางการค้า
สศช.เผย‘ว่างงาน’ไตรมาส 2/67 แตะ1.07% เพิ่มขึ้นครั้งแรกหลังโควิด-NPLs หนี้ครัวเรือน 2.99%
‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 2/67 โต 2.3% คาดทั้งปี 2.3-2.8%-หนุน‘รัฐบาลใหม่’กระตุ้นเศรษฐกิจ
‘สศช.’ห่วงNPLสินเชื่อบ้านโต 12.4%-เผย'หนี้เสีย' 3 ใน 4 เป็นกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย
‘สศช.’เผยเศรษฐกิจไตรมาส 1/67 ขยายตัว 1.5% หั่นคาดการณ์ GDP ทั้งปีเหลือ 2-3%
‘สภาพัฒน์’เผยจ้างงานไตรมาส 4/66 โต 1.7%-‘หนี้เสีย’ครัวเรือน’แตะ 1.52 แสนล้าน เพิ่ม 7.9%
‘สศช.’เผยเศรษฐกิจไตรมาส 4/66 โตแค่ 1.7% ทั้งปีขยายตัว 1.9%-หั่นเป้าปี 67 เหลือ 2.2-3.2%
'สศช.'เผยไตรมาส 3/66 ค่าจ้างโต 9%-ว่างงาน 0.99% ห่วงลูกหนี้'รหัส 21'พุ่ง 4.9 ล้านบัญชี
สศช.เผยGDPไตรมาส 3/66 โต 1.5% คาดทั้งปี 2.5%-ปีหน้า 2.7-3.7% ยังไม่รวมแจก'หมื่นดิจิทัล'
‘สศช.’เผยคนอายุน้อยกว่า 30 ปี‘หนี้เสีย’พุ่ง-ไตรมาส 2/66 ‘จ้างงานโต-ค่าจ้างแท้จริงเพิ่ม’
เศรษฐกิจไทยโตต่ำคาด! สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 2/66 ขยายตัวแค่ 1.8%-หั่นเป้าทั้งปีเหลือ 2.5-3%
จ้างงานโต-ว่างงานลด! ‘เลขาฯสศช.’ห่วงขึ้น‘ค่าจ้าง’เท่ากันทั้งปท.-ระเบิดเวลาหนี้ครัวเรือน
สศช.เผยจีดีพีไตรมาส 1/66 โต 2.7% คาดทั้งปี 2.7-3.7%-แนะ‘รบ.ใหม่’รักษาวินัยการเงินการคลัง
'สศช.'ห่วงคนอายุ 60 ปีขึ้นไป มี'หนี้เสีย'บัญชีละ 7.7 หมื่น-ไตรมาส 4/65 ว่างงาน 4.6 แสนคน
เศรษฐกิจโตต่ำคาด! ‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 4/65 ขยายตัว 1.4%-หั่นจีดีพีปี 66 เหลือ 2.7-3.7%
‘สศช.’หวั่นขึ้นค่าจ้าง 600 บ. กดดันอุตฯปลดคนงาน-รัฐปรับฐานเงินเดือน‘ขรก.’ทำภาระงบเพิ่ม
เงินเฟ้อฉุด‘ค่าจ้างที่แท้จริง’ไตรมาส 3 หด 3.1%-สศช.ห่วงกลุ่มอายุ 41 ปีขึ้นไปหนี้เสียพุ่ง
‘สภาพัฒน์’ เผยจีดีพีไตรมาส 3/65 ขยายตัว 4.5% คาดทั้งปี 3.2%-มองปี 66 เศรษฐกิจโต 3-4%
‘สศช.’เผย ‘ผู้ว่างงาน’ ไตรมาส 2/65 ลดเหลือ 5.5 แสนคน-หนี้ครัวเรือน 89.2% ต่อจีดีพี
บริโภคเอกชน-ท่องเที่ยวเร่งตัว! ‘สศช.’เผยจีดีพีไตรมาส 2/65 โต 2.5% มองทั้งปี 2.7-3.2%
‘สศช.’ เผยจีดีพีไตรมาส 1/65 ขยายตัว 2.2%-หั่นคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งปีเหลือโต 2.5-3.5%

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา