ลดนักบินเหลือ 905 คน! โครงสร้างใหม่ ‘การบินไทย’-สั่งทำแผนจัดหาโบอิ้ง 787 อีก 10 ลำ

tg 04 02 21 pic

‘การบินไทย’ จัดโครงสร้างองค์กรใหม่ เบื้องต้นลด ‘นักบิน’ เหลือ 905 คน ขับเครื่องบิน 3 รุ่น ขณะที่ ‘ผู้ทำแผน’ สั่งทำแผนจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 เพิ่มอีก 9-10 ลำ พร้อมเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์ Trent-1000 รับสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

..................

แหล่งข่าวจากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า เมื่อเร็วๆนี้ น.ต.อนิรุต แสงฤทธิ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ (DO) บริษัท การบินไทย แจ้งกับกลุ่มนักบินการบินไทย ว่า ภายใต้โครงสร้างองค์กรใหม่ของบริษัทตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ เบื้องต้นจะมีการลดจำนวนนักบินเหลือ 905 คน จากปัจจุบันที่มี 1,400 คน และระหว่างปี 2564-65 บริษัทฯไม่มีแผนเพิ่มจำนวนนักบิน

ทั้งนี้ กลุ่มนักบินที่จะอยู่กับบริษัทฯตามแผนฟื้นฟูกิจการฯ แบ่งเป็นกลุ่มนักบินแอร์บัส 350-900 จำนวน 150 คน เป็นกัปตัน 70 คน และนักบินที่ 2 (นักบินผู้ช่วย) 80 คน ,กลุ่มนักบินโบอิ้ง 777-300ER จำนวน 150 คน แบ่งเป็นกัปตัน 70 คน และนักบินที่ 2 อีก 80 คน และที่เหลืออีก 605 คน จะเป็นกลุ่มนักบินโบอิ้ง 787 โดยบริษัทฯจะประกาศรายชื่อนักบินทั้ง 905 คน พร้อมตารางอัตราเงินเดือนใหม่และสิทธิประโยชน์ในวันที่ 18 ก.พ.2564 ก่อนเซ็นสัญญาจ้างงานใหม่ต่อไป

ปัจจุบันบริษัท การบินไทย มีเครื่องบินแอร์บัส A350-900 จำนวน 12 ลำ ,เครื่องบินโบอิ้ง B777-300ER จำนวน 14 ลำ และเครื่องบินโบอิ้ง B787 (787-8, 787-9) จำนวน 8 ลำ

สำหรับนักบินที่ไม่อยู่ในโครงสร้างใหม่อาจต้องย้ายไปช่วยงานแผนกอื่น หรือสมัครเข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร MSP C ซึ่งเปิดรับสมัครเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 วันที่ 17 ก.พ.-2 มี.ค.2564 ประกาศผลอนุมัติ 5 มี.ค.2564 ,ช่วงที่ 2 วันที่ 3-16 มี.ค.2564 ประกาศผลอนุมัติ 19 มี.ค.2564 ,ช่วงที่ 3 วันที่ 17 มี.ค.-1 เม.ย.2564 ประกาศผลอนุมัติ 5 เม.ย.2564 และช่วงที่ 4 วันที่ 2-19 เม.ย.2564 ประกาศผลอนุมัติ 23 เม.ย.2564 ทั้งนี้ ให้การลาออกมีผลวันที่ 1 พ.ค.2564

tg 04 02 21 1

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า มีผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการฯบางรายได้สั่งการผ่านผู้บริหารการบินไทย จัดประชุมแจ้งส่วนงานที่เกี่ยวข้องให้ร่วมกันพิจารณาจัดทำแผนจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 จำนวน 9-10 ลำ พร้อมเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์รุ่น Trent-1000 เพื่อรองรับการดำเนินการของบริษัทตามแผนฟื้นฟูกิจการฯในอนาคต โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่ไม่ได้มีการระบุว่าจะมีการจัดหาเข้ามาเมื่อใด ส่วนวิธีการจัดหาอาจใช้วิธีการเช่าหรือเช่าซื้อ

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับมอบหมายงานแล้ว ไม่มีผู้ใดในที่ประชุมคัดค้านแผนจัดหาเครื่องบินดังกล่าว เพราะเกรงว่าอาจถูกเพ่งเล็ง โดยเฉพาะในช่วงที่บริษัทกำลังจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ แต่มีการตั้งคำถามเป็นการภายในว่า เหตุใดผู้ทำแผนฯรายนี้ จึงสั่งการให้จัดทำแผนจัดหาเครื่องบินโบอิ้ง 787 เพิ่ม ทั้งๆที่บริษัทฯมีเครื่องบินแอร์บัส A-330-300 จำนวน 15 ลำ ซึ่งผ่อนหมดแล้ว แต่ละลำมีอายุใช้งานเฉลี่ย 10 ปี และยังเหลืออายุการใช้งานอีกอย่างน้อย 5 ปี

ขณะเดียวกัน มีเครื่องบินแอร์บัส A-330-300 จำนวน 3 ลำ จากทั้งหมด 15 ลำ ได้แก่ HS-TEN ,HS-TEO และ HS-TEP เพิ่งไปทำการปรับปรุงที่นั่ง และระบบ inflight entertainment (IFE) ซึ่งมีค่าใช่จ่ายกว่า 1,000 ล้านบาท เมื่อประมาณ 2 ปีก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังมีคำถามว่าเหตุใดผู้ทำแผนรายนี้จึงเจาะจงเลือกใช้เครื่องยนต์โรลส์รอยซ์รุ่น Trent-1000 ที่มีปัญหาผูกขาดการซ่อมหลังการขาย และเครื่องยนต์มีปัญหาภายใน (Intermediate Pressure section of turbine blade cracked) รวมถึงผู้ซื้อต้องเข้าโปรแกรม TCA (Total care agreement) ที่ต้องจ่ายค่าใช้งานเครื่องยนต์ล่วงหน้าก่อนเครื่องยนต์เข้าซ่อมใหญ่ในราคาที่โรลส์รอยซ์กำหนด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

สำนักข่าวอิศรารายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นายนเรศ ผึ้งแย้ม สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เข้ายื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ขอให้ตรวจสอบเพื่อลงโทษนายทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามกฎหมาย

ทั้งนี้ เนื่องจากนายทะเบียนกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ ก.ล.ต. ทำให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 15,000 ราย ที่ยังไม่ได้ลาออกจากกองทุน เสียสิทธิในการขอรับเงินสมทบในกรณีที่ต้องการลาออกจากกองทุน โดยไม่ได้ออกจากงาน และปัจจุบันมีสมาชิกที่ลาออกจากกองทุนแล้ว จำนวน 280 คน ที่เสียสิทธิไม่ได้รับเงินสมทบและผลประโยชน์ของเงินสมทบ จำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 250 ล้านบาท

tg 04 02 21 2