
คำพิพากษาศาลฎีกาฯฉบับเต็ม! ชำแหละพฤติการณ์ละเอียดยิบ ‘พุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน’ สจ.บุรีรัมย์ ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ไม่แจ้งเงินลงทุนร้านค้า 7 แห่ง ใน จ.สกลนคร นครราชสีมา หนองคาย นครพนม ใช้บุคคลอื่นถือแทน ให้พ้นตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี
สืบเนื่องเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ เผยแพร่ข่าวคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีกล่าวหานางพุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง โดยมิได้แสดงรายการเงินลงทุน จำนวน 7 แห่ง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น ให้ลงโทษจำคุก 2 เดือน รอลงอาญา 1 ปี และปรับ 8,000 บาท ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป (ข่าวเกี่ยวข้อง: คุก 2 ด.! รอลงอาญา อดีต ส.อบจ.บุรีรัมย์ ปกปิดทรัพย์สิน-เพิกถอนสิทธิสมัครเลือกตั้งตลอดไป)
ที่มาที่ไป พฤติการณ์แห่งคดี กระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. ข้อเท็จจริง คำวินิจฉัยของศาลฏีกาเป็นอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำพิพากษามารายงานอย่างละเอียด
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา – ยื่นบัญชีญเท็จกรณีพ้นตำแหน่ง
คำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.10/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม.26/2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 9 เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช 2568 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นางพุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้อง แต่จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนในกิจการที่ใช้ชื่อบุคคลอื่นถือครองทรัพย์สินแทน 7 รายการ ต่อมา วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ อีกวาระหนึ่ง ขอให้พ้นจากตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหากับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
@ ป.ป.ช.พบไม่แสดงรายการเงินลงทุน 7 แห่งอยู่ในชื่อบุคคลอื่น
พิเคราะห์คำร้อง คำให้การ พยานหลักฐานจากการไต่สวนพยานผู้ร้องและพยานผู้ถูกกล่าวหา ประกอบสำนวนการไต่สวน คำแถลงปิดคดี และที่คู่ความไม่โต้เถียงกันแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2562 ตามบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเอกสารหมาย ร.13 หน้า 131 ถึง 148 ผู้ร้องตรวจสอบการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบแล้วมีความเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการเงินลงทุน 7 แห่ง ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในความครอบครองของบุคคลอื่น ตามสำนวนคดีเอกสารหมาย ร.22 หน้า 433 ถึง 522 วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้ร่วมลงทุนและ มิได้มอบหมายให้อยู่ในความดูแลของบุคคลอื่น ตามหนังสือชี้แจงเหตุไม่แสดงรายการทรัพย์สินเอกสารหมาย ร.24 หน้า 536 ถึง 540 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ผู้ร้องแจ้งข้อกล่าวหาว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตามบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาเอกสารหมาย ร.23 หน้า 523 ถึง 526 วันที่ 12 ธันวาคม 2566 ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อกล่าวหาว่ากิจการร้านค้ามิใช่ของผู้ถูกกล่าวหา ตามหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเอกสารหมาย ร.24 หน้า 527 ถึง 534 วันที่ 11 มกราคม 2567 ผู้ร้องมีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตามมติการประชุมเอกสารหมาย ร.25 หน้า 541 ถึง 552 ต่อมา วันที่ 20 ธันวาคม 2563 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ อีกวาระหนึ่ง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 โดยมิได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันดังกล่าวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา
@ไล่เรียงข้อเท็จจริงแต่ละแห่ง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ โดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนในกิจการร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ร้านชัยสว่าง (สกลนคร) ร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง (หนองบุญมาก) ร้านศรีโยธิน (โชคชัย) ร้านโพนพิสัยลิสซิ่ง (หนองคาย) และร้านศิริชัยลิสซิ่ง (นครพนม) หรือไม่
สำหรับร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ตั้งอยู่เลขที่ 903/9-10 หมู่ที่ 1 ตำบล สว่างแดนดิน อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อนายบัญชา ศรีวิกรานต์โยธิน เป็นเจ้าของกิจการแทน ผู้ร้องมีนางสาววัชราภรณ์ โคตรไกรสร เจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินชำนาญการ เบิกความว่า พยานตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่าหลักฐานการชำระเงินค่าภาษีป้ายให้แก่เทศบาลตำบลสว่างแดนดิน ประจำปี 2554 ถึงปี 2562 เจ้าของป้าย คือ ผู้ถูกกล่าวหา หลักฐานการชำระเงินค่าภาษี โรงเรือนและที่ดินให้แก่เทศบาลตำบลสว่างแดนดิน ประจำปี 2561 และปี 2562 ผู้รับการประเมินคือผู้ถูกกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.14 หน้า 338 ถึง 352 ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ทำสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ที่ตั้งของร้านแทนนางสาวศิริอร รัตนมงคลกุล ซึ่งทำสัญญาเช่ากับ กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 ตามเอกสารหมาย ร.21 หน้า 417 ถึง 432 ผู้ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารในอำเภอสว่างแดนดิน คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสว่างแดนดิน เลขที่บัญชี 367-2-42493-2 ชื่อบัญชี ผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งปรากฏยอดเงินนำฝากและเบิกถอนในช่วงระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำนวนเงินที่สูงมากผิดปกติ ตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่ามีการโอนเงินจากบัญชีดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เลขที่บัญชี 149-2-17369-6 ของผู้ถูกกล่าวหา 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 จำนวน 800,000 บาท วันที่ 11 ธันวาคม 2555 จำนวน 1,000,000 บาท และวันที่ 7 กันยายน 2558 จำนวน 1,000,000 บาท และพยานยังได้ตรวจสอบพบว่า นายบัญชามิได้เป็นผู้ชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ไม่พบข้อมูลการทำงานในระบบของประกันสังคม รวมทั้งไม่เคยเปิดบัญชีในเขตอำเภอสว่างแดนดิน หรืออำเภอเมืองสกลนคร และผู้ร้องยังมีนางสาวณทิญา ขวัญเมือง เบิกความว่า พยานเคยทำงานที่ร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ตั้งแต่ปี 2554 ถึงเดือนมกราคม 2562 ตำแหน่งพนักงานบัญชีและยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ร้านชัยสว่าง (สกลนคร) ตั้งอยู่เลขที่ 385/6-7 ถนนคูเมือง ตำบลธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อนางสาวศิวภรณ์ อุปภักดี เป็นเจ้าของกิจการแทน โดยนางสาววัชราภรณ์ เบิกความว่า พยานตรวจสอบจากพยานหลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า หลักฐานการชำระเงินค่าภาษีป้ายให้แก่เทศบาลนครสกลนคร ประจำปี 2562 ชื่อเจ้าของป้ายคือผู้ถูกกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.15 หน้า 353 ถึง 357 ผู้ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารในพื้นที่อำเภอเมืองสกลนคร คือ บัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสกลนคร เลขที่บัญชี 120-2-69022-6 ซึ่งมียอดเงินนำฝากและเบิกถอนเป็นจำนวนสูงมากผิดปกติ ในระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2559 มีรายการถอนเงินจากบัญชีดังกล่าว จำนวน 1,500,000 บาท แล้วฝากไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เลขที่บัญชี 149-2-17369-6 ของผู้ถูกกล่าวหา และพยานตรวจสอบพบว่านางสาวศิวภรณ์ เคยทำงานที่ร้านแสงสว่างลิสซิ่งของนางสาวศิริอร ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2550 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2556 ไม่พบว่านางสาวศิวภรณ์เป็นผู้ชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดินของร้านดังกล่าว
@ร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) ชื่อนายวิทยา ประสงค์ทรัพย์ เป็นเจ้าของกิจการแทน
ร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) ตั้งอยู่เลขที่ 33/1 ถนนเสิงสาง-หนองกี่ ตำบลเสิงสาง อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อนายวิทยา ประสงค์ทรัพย์ เป็นเจ้าของกิจการแทน โดยผู้ร้องมีนางสาววัชราภรณ์เบิกความว่า พยานตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าภาษีป้ายให้แก่เทศบาลตำบลเสิงสาง ประจำปี 2555 ถึงปี 2562 ชื่อเจ้าของป้าย คือ ผู้ถูกกล่าวหา หลักฐานการชำระค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินให้แก่เทศบาลตำบลเสิงสาง ประจำปี 2555 ถึงปี 2562 ผู้รับการประเมิน คือ ผู้ถูกกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.16 หน้า 358 ถึง 383 เส้นทางการเงินพบว่ามีรายการโอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเสิงสาง เลขที่บัญชี 371-2-48603-0 ของนางสาวศิริอร ไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เลขที่บัญชี 149-2-17369-6 ของผู้ถูกกล่าวหา 7 ครั้ง เป็นเงิน 6,200,000 บาท ได้แก่ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2557 จำนวน 800,000 บาท วันที่ 6 มีนาคม 2558 จำนวน 1,200,000 บาท วันที่ 15 กันยายน 2558 จำนวน 1,000,000 บาท วันที่ 11 พฤศจิกายน 2558 จำนวน 700,000 บาท วันที่ 1 สิงหาคม 2559 จำนวน 1,000,000 บาท วันที่ 17 มกราคม 2560 จำนวน 800,000 บาท และวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 จำนวน 700,000 บาท พยานตรวจสอบพบว่านายวิทยาเป็นพนักงานร้านศรีมิตร ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2555 ไม่พบว่านายวิทยาเป็นเป็นผู้ชำระภาษีป้ายภาษีโรงเรือนและที่ดินของร้านดังกล่าว
@ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง (หนองบุญมาก) จ.นครราชสีมา ใช้ชื่อนางสาวเมทะนี สิทธิสังข์ เป็นเจ้าของกิจการแทน
ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง (หนองบุญมาก) ตั้งอยู่เลขที่ 255 หมู่ที่ 15 ถนนโชคชัย-เดชอุดม ตำบลหนองหัวแรต อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อนางสาวเมทะนี สิทธิสังข์ เป็นเจ้าของกิจการแทน โดยมีนางสาววัชราภรณ์เบิกความว่า พยานตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาษีป้ายให้แก่เทศบาลตำบลหนองหัวแรต ประจำปี 2557 ถึงปี 2562 ชื่อเจ้าของป้าย คือ ผู้ถูกกล่าวหา หลักฐานการชำระเงินค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินให้แก่เทศบาลตำบลหนองหัวแรต ประจำปี 2557 ถึงปี 2562 ผู้รับการประเมิน คือผู้ถูกกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.17 หน้า 384 ถึง 396 นางสาวศิริอรเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาหนองบุญมาก เลขที่บัญชี 725-2-42584-6 ปรากฏยอดเงินนำฝากและเบิกถอนในช่วงระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำนวนเงินที่สูงมากผิดปกติตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าวันที่ 3 เมษายน 2557 นางสาวศิริอรถอนเงินจากบัญชีดังกล่าว 1,000,000 บาท วันที่ 9 เมษายน 2557 มีรายการฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เลขที่บัญชี 149-2-29737-9 ของนางสาวศิริอร 1,119,000 บาท จากนั้นนางสาวศิริอรโอนเงินจากบัญชีดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เลขที่บัญชี 149-2-17369-6 ของผู้ถูกกล่าวหา 1,500,000 บาท ตรวจสอบ พบว่านางสาวเมทะนีทำงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโคกตาหึง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2554 จนถึงปัจจุบัน ตรวจสอบการเสียภาษีเงินได้ พบว่าผู้จ่ายเงินได้ปีภาษี 2554 ถึงปีภาษี 2558 คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ ผู้จ่ายเงินได้ปีภาษี 2559 ถึงปีภาษี 2561 คือ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเฉลิมพระเกียรติ ไม่พบว่านางสาวเมทะนีเป็นเป็นผู้ชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดินของร้านดังกล่าว
@ร้านศรีโยธิน (โชคชัย)ใช้ชื่อนางสาวจินดารัตน์ จันทร์บวร เป็นเจ้าของกิจการแทน
ร้านศรีโยธิน (โชคชัย) ตั้งอยู่เลขที่ 170 หมู่ที่ 1 ตำบลกระโทก อำเภอโชคชัย จังหวัดนครราชสีมา ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อนางสาวจินดารัตน์ จันทร์บวร เป็นเจ้าของกิจการแทน โดยมีนางสาววัชราภรณ์เบิกความว่า พยานตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เทศบาลตำบลโชคชัยแจ้งว่าร้านศรีโยธิน (โชคชัย) มีผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของและเช่าอาคารพาณิชย์ของนางศรีสุดา กุมขุนทด เจ้าของอาคารเป็นผู้ชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ส่วนภาษีป้ายประจำปี2555 และปี 2556 เจ้าของป้าย คือ นางรัตนา ศรีสวัสดิ์ ภาษีป้ายประจำปี 2557 ถึงปี 2562 เจ้าของป้าย คือ ผู้ถูกกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 397 ถึง 405 ผู้ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีเงินฝากร่วมกับนางสาวพัชนีย์ พิมพ์คำ บัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาโชคชัย เลขที่บัญชี 428-0-71673-1 และเปิดบัญชีร่วมกับนางสาวจินดารัตน์ บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เลขที่บัญชี 373-0-15884-8 ตามเอกสารหมาย ร.64 หน้า 4052 ถึง 4164 ตรวจสอบไม่พบการทำงานของนางสาวจินดารัตน์จากข้อมูลของประกันสังคมไม่พบว่านางสาวจินดารัตน์เป็นผู้ชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดินของร้านดังกล่าว ตรวจสอบไปที่บ้านพักซึ่งเป็นภูมิลำเนาปรากฏว่าเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวหลังคาสังกะสีมารดาแจ้งว่านางสาวจินดารัตน์ทำงานกับนายจ้างที่อำเภอนางรอง
@ร้านโพนพิสัยลิสซิ่ง (หนองคาย) ใช้ชื่อนายพงษ์ทร คลังพันธ์ เป็นเจ้าของกิจการแทน
ร้านโพนพิสัยลิสซิ่ง (หนองคาย) ตั้งอยู่เลขที่ 755 หมู่ที่ 1 ถนนโพนพิสัย-บึงกาฬ ตำบลจุมพล อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อนายพงษ์ทร คลังพันธ์ เป็นเจ้าของกิจการแทน โดยมีนางสาววัชราภรณ์เบิกความว่า พยานตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าผู้ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีเงินฝาก คือ บัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาโพนพิสัย เลขที่บัญชี 493-0-59306-8 ปรากฏยอดเงินนำฝากและเบิกถอน ในช่วงระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำนวนเงินที่สูงมากผิดปกติ ตามเอกสารหมาย ร.65 หน้า 4165 ถึง 4210 วันที่ 16 กันยายน 2563 พยานลงพื้นที่ตรวจสอบร้านดังกล่าว พนักงานในร้านแจ้งว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของ มีนายบุญชัย เถียรกิตติพงษ์ เป็นผู้จัดการร้าน พยานตรวจสอบพบว่านายพงษ์ทรเคยเป็นพนักงานร้านแสงสว่างลิสซิ่งของนางสาวศิริอร ร้านศิริชัยลิสซิ่ง (นครพนม) ตั้งอยู่เลขที่ 133/19 ถนนบำรุงเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ผู้ร้องอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาใช้ชื่อนางสาวอุทุมพร สงฆ์นางรอง เป็นเจ้าของกิจการแทน โดยมีนางสาววัชราภรณ์เบิกความว่า พยานตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าผู้ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีเงินฝาก คือ บัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขานครพนม เลขที่บัญชี 306-4-33791-2 ปรากฏยอดเงินนำฝากและเบิกถอน ในช่วงระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่ง และพ้นจากตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำนวนเงินที่สูงมากผิดปกติ ตามเอกสารหมาย ร.65 หน้า 4211 ถึง 4242 พยานตรวจสอบพบว่านางสาวอุทุมพรทำงานที่ร้านสว่างกิจ (หนองคาย) ของผู้ถูกกล่าวหา ไม่พบว่านางสาวอุทุมพรเป็นผู้ชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดินของร้านศิริชัยลิสซิ่งของนางสาวศิริอร และมีนางสาวพินิจตา คำกรฤาชา เบิกความว่า พยานรับราชการตำแหน่งเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินชำนาญการ สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนครพนม พยานไปตรวจสอบที่ร้านดังกล่าวพบแต่เพียงพนักงานในร้านแจ้งว่าร้านเป็นชื่อนางสาวศิริอรและผู้ถูกกล่าวหา
@ ป.ป.ช.ตรวจสอบยิบ เส้นทางเงิน พยานเอกสาร บุคคลมัด
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ร้องมีนางสาววัชราภรณ์เจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นต่อผู้ร้องโดยตรง เบิกความไปตามข้อเท็จจริงที่ได้จากการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งเบิกความไปตามเอกสารที่ได้มาจากการตรวจสอบทั้งสิ้น เอกสารที่ได้จากการตรวจสอบ ได้แก่ หลักฐานการชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตลอดจนสัญญาเช่าอาคารต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นเอกสารราชการที่จัดทำขึ้นไปตามลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งหลักฐานการโอนเงินของสถาบันการเงินต่าง ๆ แต่ละรายการก็เกิดขึ้นไปตามลำดับเหตุการณ์ของการทำธุรกรรมแต่ละครั้ง ซึ่งมีการทำธุรกรรมต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน ยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ เอกสารต่าง ๆ ย่อมมีความน่าเชื่อถือ ผู้ถูกกล่าวหาเองก็มิได้โต้แย้งเอกสารหลักฐานดังกล่าวแต่อย่างใด คำเบิกความนางสาววัชราภรณ์ย่อมมีน้ำหนักรับฟังได้ และผู้ร้องยังมีนางสาวณทิญา ซึ่งเคยทำงานที่ร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ตั้งแต่ปี 2554 ถึงเดือนมกราคม 2562 ตำแหน่งพนักงานบัญชี ยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ย่อมสนับสนุนคำเบิกความของนางสาววัชราภรณ์ให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น และมีนางสาวพินิจตาเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินชำนาญการ สำนักงาน ป.ป.ช. จังหวัดนครพนม ซึ่งไปตรวจสอบที่ร้านศิริชัยลิสซิ่ง (นครพนม) พบพนักงานในร้านแจ้งว่า ร้านเป็นชื่อนางสาวศิริอรและผู้ถูกกล่าวหา ย่อมสนับสนุนว่าร้าน ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับนางสาวศิริอรและผู้ถูกกล่าวหา พยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน พยานผู้ร้องมีน้ำหนักให้รับฟังได้ ส่วนพยานของผู้ถูกกล่าวหามี ผู้ถูกกล่าวหา และนายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน เบิกความทำนองเดียวกันว่า ร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง มีนายบัญชา ศรีวิกรานต์โยธิน เป็นผู้ร่วมลงทุน ร้านชัยสว่าง (สกลนคร) เป็นของนายบัญชา ร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) เป็นของนายบัญชา นายบุญชัย เถียรกิตติพงษ์ และนายอรรถพร อาจิณกิจ ร่วมกันลงทุน ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง (หนองบุญมาก) เป็นของนายบัญชา นายบุญชัยและนายอรรถพร ร้านศรีโยธิน (โชคชัย) เป็นของนายบัญชา ร้านโพนพิสัยลิสซิ่ง (หนองคาย) เป็นของนายบุญชัย และร้านศิริชัยลิสซิ่ง (นครพนม) เป็นของนายบัญชา โดยนายบัญชาเป็นน้องชายร่วมบิดาเดียวกันกับนายพรชัย และ นายบุญชัยเป็นญาติผู้น้องของผู้ถูกกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ร่วมลงทุน และไม่เคยได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเพียงแต่เข้าไปช่วยดูแลการเงินและบัญชี เท่านั้น โดยมีนางสาวศิริอรเบิกความสนับสนุนว่า พยานเป็นพี่สาวของผู้ถูกกล่าวหา เดิมครอบครัวประกอบกิจการร้านค้าชื่อร้านแสงสว่าง ที่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ มีทรัพย์สินเป็นอาคารพาณิชย์ 11 ห้อง บ้านพักอาศัยให้เช่า 8 หลัง เงินทุนหมุนเวียนร้านค้า 4,000,000 บาท และ สินค้าหมุนเวียน 5,000,000 บาท หลังจากที่บิดามารดาถึงแก่ความตายแล้วมิได้แบ่งปันทรัพย์มรดกแต่พยานนำทรัพย์สินที่เป็นกองมรดกไปลงทุนเปิดบริษัทแสงสว่างลิสซิ่ง จำกัด ประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงิน พยานทำหน้าที่บริหารและแบ่งปันผลกำไรให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา และมีนายบัญชา เบิกความยืนยันว่าเป็นเจ้าของร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ร้านชัยสว่าง (สกลนคร) ร้านศรีโยธิน (โชคชัย) และร้านศิริชัยลิสซิ่ง (นครพนม) นายบุญชัยเบิกความว่า พยานเป็นเจ้าของร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง (หนองบุญมาก) และร้านโพนพิสัยลิสซิ่ง และมีนางสาวสุนิตา ผิวผักแว่น นางสาวเมทะนี สิทธิสังข์ นางสาวจินดารัตน์ จันทร์บวร นายจักรกฤษณ์ นพเก้า นางสาวกฤษณา ศรีพลกรัง นายหวัน ปักกาสาร และนางสาวอุทุมพร สงฆ์นางรอง เบิกความทำนองเดียวกันว่า นางสาวสุนิตาเป็นพนักงานร้านแสงสว่างลิสซิ่ง นางสาวเมทะนีเป็นพนักงาน ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง (หนองบุญมาก) นางสาวจินดารัตน์เป็นพนักงานร้านศรีโยธิน (โชคชัย) นายจักรกฤษณ์เป็นพนักงานร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) นางสาวกฤษณาเป็นพนักงานร้านชัยสว่าง (สกลนคร) นายหวันเป็นพนักงานร้านสินสว่าง (มหาสารคาม) และนางสาวอุทุมพรเป็นพนักงาน ร้านศิริชัยลิสซิ่ง (นครพนม) การอนุมัติสินเชื่อของร้านดังกล่าวซึ่งมีร้านทั้ง 7 แห่ง อยู่ด้วยจะอนุมัติสินเชื่อให้ผู้กู้เงินรายละไม่เกิน 50,000 บาท หากเกินจำนวนดังกล่าวจะให้ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง อนุมัติแทน เป็นทำนองว่าผู้ถูกกล่าวหาซึ่งดูแลด้านการเงินและบัญชีของร้านแสงสว่างลิสซิ่งต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านทั้ง 7 แห่ง อยู่บ้าง
เห็นว่า พยานของผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดกลุ่มแรกล้วนแล้วแต่เป็นเครือญาติใกล้ชิด และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นพนักงานของร้านย่อมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ ผู้ถูกกล่าวหา พยานทั้งหมดเบิกความโดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานใด ๆ มาสนับสนุน คำเบิกความย่อมมีน้ำหนักน้อย
นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหายังเคยให้การต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของผู้ร้อง เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2562 ตามบันทึกคำให้การของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชี เอกสารหมาย ร.29 หน้า 641 ว่าร้านทั้ง 7 แห่ง เป็นของเครือญาติแต่ไม่ทราบว่าบุคคลใดเป็นเจ้าของกิจการ แตกต่างจากที่เบิกความต่อศาล และหากร้านทั้ง 7 แห่ง เป็นของบุคคลอื่นที่เป็นเครือญาติมิใช่ของผู้ถูกกล่าวหาจริง ผู้ถูกกล่าวหาย่อมสามารถตรวจสอบและให้การต่อผู้ร้องได้ตั้งแต่แรก คำเบิกความผู้ถูกกล่าวหาย่อมมีน้ำหนักน้อย ที่ผู้ถูกกล่าวหานำสืบว่าไม่ได้รับผลประโยชน์จากร้านต่าง ๆ แต่อย่างใดได้รับเพียงค่าตอบแทนเล็กน้อยเท่านั้น กลับขัดแย้งกับเส้นทางการเงินที่มีเงินเข้าบัญชีเงินฝากของผู้ถูกกล่าวหาจำนวนมาก อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหามิได้นำสืบหักล้างว่าเพราะเหตุใดจึงต้องเปิดบัญชีเงิน ฝากที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสว่างแดนดิน เปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสกลนคร ที่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชีสูงผิดปกติและมีเส้นทางการเงินไปยังบัญชีเงินฝากของผู้ถูกกล่าวหาที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาโพนพิสัย เลขที่บัญชี 493-0-59306-8 ปรากฏยอดเงินนำฝากและเบิกถอนในช่วงระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำนวนเงินที่สูงมากผิดปกติและเปิดบัญชีเงินฝากที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขานครพนม เลขที่บัญชี 306-4-33791-2 ปรากฏยอดเงินนำฝากและเบิกถอนในช่วงระหว่างวันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งของผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำนวนเงินที่สูงมากผิดปกติ ผู้ถูกกล่าวหาคงเบิกความเพียงว่าต้องเปิดบัญชีในนามตนเองในแต่ละจังหวัดที่ต้องให้บริการแก่ลูกค้า และจะต้องมีการเบิกจ่ายหรือโอนเงินระหว่างผู้ถูกกล่าวหากับนางสาวศิริอร ซึ่งไปเจือสมกับพยานที่ได้จากการไต่สวนพยานผู้ร้องว่าผู้ถูกกล่าวหาเปิดบัญชีเงินฝากหลายแห่ง
ทั้งยังได้ความอีกว่าบัญชีเงินฝากของผู้ถูกกล่าวหาที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขานางรอง เลขที่บัญชี 149-2-17369-6 มียอดนำเงินฝากเข้าบัญชีระหว่าง วันที่ 30 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 24 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งตามลำดับสูงถึง 77,273,243.81 บาท ย่อมสนับสนุนให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าผู้ถูกกล่าวหาได้รับผลประโยชน์จากกิจการดังกล่าวมาโดยตลอด และขัดแย้งกับคำเบิกความของผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวศิริอรว่าได้รับผลตอบแทนจากกองมรดกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น พยานหลักฐานตามที่ผู้ร้องนำสืบได้ความว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับร้านทั้ง 7 แห่ง ทั้งการชำระภาษีป้าย ตามพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 มาตรา 7 วรรคหนึ่ง ให้เจ้าของป้ายมีหน้าที่เสียภาษีป้าย การชำระภาษีโรงเรือนและที่ดิน ตามพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง ที่ใช้บังคับในขณะมีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าทั้ง 7 แห่ง แม้จะบัญญัติให้เจ้าของเป็นผู้เสีย แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ชำระแทนเจ้าของโรงเรือนย่อมแสดงถึงการเป็นเจ้าของกิจการ การทำสัญญาเช่าอาคารที่ตั้งร้าน การเปิดบัญชีเงินฝากในท้องที่ตั้งร้าน รวมทั้งได้รับผลประโยชน์โดยมีการรับโอนเงินจำนวนสูงผู้ถูกกล่าวหาก็มิได้นำสืบหักล้างเรื่องการรับโอนเงินแต่อย่างใด แต่กลับนำสืบลอย ๆ ว่าเป็นการยืมเงินในระหว่างเครือญาติซึ่งไม่น่าเชื่อถือ
นอกจากนี้ ผู้ร้องยังนำสืบต่อไปว่าตรวจสอบจากระบบข้อมูลประกันสังคมไม่พบข้อมูลการทำงานของนายบัญชา รวมทั้งไม่พบว่านายบัญชาเป็นผู้ชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ไม่พบการเปิดบัญชีเงินฝากในพื้นที่อำเภอสว่างแดนดิน หรืออำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร พบว่ายื่นแบบแสดงรายการภาษีธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40) และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90) ปีภาษี 2554 ถึงปีภาษี 2561 ในนามร้านศรีโยธิน (ภูเก็ต) ส่วนนายบุญชัย ตรวจสอบจากระบบข้อมูลประกันสังคม พบว่าเป็นพนักงานร้านแสงสว่างลิสซิ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2547 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2548 พบว่ายื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90) ปีภาษี 2554 ถึงปีภาษี 2561 เงินได้พึงประเมินปีละ 400,000 บาท ทุกปี พบบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเสิงสาง แต่ปิดบัญชีเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2559 ไม่พบการเปิดบัญชีเงินฝากในพื้นที่อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา และอำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ส่วนนายอรรถพร พบว่าเป็นพนักงานบริษัทละหานทราย รับเบอร์ แอนด์ ลาเท็กซ์ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2552 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2564 ยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เฉพาะปีภาษี 2554 เพียงปีเดียว ซึ่งผู้ถูกกล่าวหามิได้ โต้แย้งหรือนำพยานเข้าไต่สวนหักล้างข้อเท็จจริงดังกล่าว เมื่อบุคคลที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าเป็นเจ้าของกิจการที่แท้จริงไม่มีพยานหลักฐานมาไต่สวนให้เชื่อได้ว่ามีความเชื่อมโยงที่จะเป็นเจ้าของกิจการที่แท้จริงแล้ว ทั้งในด้านของการชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดิน การติดต่อหน่วยงานราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และการเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อติดต่อทำ ธุรกรรมทางการเงินกับสถาบันการเงิน ทั้งที่กิจการทั้งหมดเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเงิน รวมทั้งเทศบาลตำบลเสิงสางแจ้งว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) และเทศบาลตำบลโชคชัยซึ่งเป็นหน่วยงานราชการเป็นผู้รับชำระภาษีป้ายและภาษีโรงเรือนและที่ดินยืนยันว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของร้านศรีโยธิน (โชคชัย) เมื่อประกอบกับข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวนทั้งหมดแล้ว รับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของเงินลงทุนร้านทั้ง 7 แห่ง ดังกล่าว ที่ผู้ถูกกล่าวหา อ้างว่านางสาวณทิญาเบิกความปรักปรำนั้น คงได้ความเพียงว่านางสาวณทิญาเบิกความว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง เมื่อศาลรับฟังพยานหลักฐานจากการไต่สวนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง จากการชำระภาษีป้าย ภาษีโรงเรือนและที่ดิน การเปิดบัญชีเงินฝาก การเคลื่อนไหวบัญชีเงินฝาก ตลอดจนเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากพยานเอกสารทั้งสิ้นมิได้อาศัยเพียงคำเบิกความของนางสาวณทิญา ข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น
@ ใช้นอมินีเป็นเจ้าของร้านค้า 7 แห่ง จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ
เมื่อผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 102 (9) และมาตรา 105 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 เมื่อผู้ถูกกล่าวหาเคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งมาแล้ว ตามเอกสารหมาย ร.12 ย่อมทราบดีว่าตนเองมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และ บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริงอันเป็นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งเป็นมาตรการที่กฎหมายบัญญัติเพื่อให้เกิดการตรวจสอบทรัพย์สินของเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ ประกอบกับข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่วินิจฉัยข้างต้นว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของเงินลงทุนร้านสว่างแดนดินลิสซิ่ง ร้านชัยสว่าง (สกลนคร) ร้านแสงสว่าง (เสิงสาง) ร้านแสงสว่างลิสซิ่ง (หนองบุญมาก) ร้านศรีโยธิน (โชคชัย) ร้านโพนพิสัยลิสซิ่ง (หนองคาย) และร้านศิริชัยลิสซิ่ง (นครพนม) แต่กลับไม่แสดงรายการเงินลงทุนทั้ง 7 แห่ง ดังกล่าว จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น มีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ นับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นวันหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมาย และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป และเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม และมาตรา 167
@ให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่ 10 ก.ค. 2567- เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอการลงโทษ 1 ปี
พิพากษาว่า นางพุทธชาติ ศรีสุริยันโยธิน ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นวันหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยผลของกฎหมาย ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้ จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568
คุก 2 ด.! รอลงอาญา อดีต ส.อบจ.บุรีรัมย์ ปกปิดทรัพย์สิน-เพิกถอนสิทธิสมัครเลือกตั้งตลอดไป (31)
ศาลฎีกาจำคุก 1 เดือน-ให้รอลงโทษ!‘ศรีชาติ’รองนายก อบจ.นนทบุรี จงใจปกปิดทรัพย์สิน (30)
ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.หนองหัวโพ จ.สระบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ (29)
คุก 1 เดือน-รอลงโทษ! รองนายก ทต.ดงมอน มุกดาหาร ไม่แจ้งทรัพย์สิน/หนี้เมีย 2 คน (28)
‘อุดมชัย’รองนายก อบต.หนองอ้ม จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ (27)
จำคุก 1 เดือน ‘วิลัยวัลย์’ รองนายก อบต.ด่านใน จ.นครราชสีมา ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (26)
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน ‘สมชาติ’ส.อบจ.เพชรบุรี จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ให้รอลงโทษ (25)
รองนายก อบต.โสกปลาดุก จ.ชัยภูมิ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ (24)
ศาลจำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ พ.ต.อ.ปราชญ์ นายก ทต.แหลมงอบ จ.ตราด ยื่นบัญชีฯเท็จ (23)
คดีที่ 2! จำคุก 2 เดือน ‘สมเกียรติ’ ส.ส.กาญจนบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จกรณีเข้ารับตน.-ให้รอลงโทษ (22)
ศาลสั่งคุกจริง 1 เดือน ‘นพดล’ ส.อบจ.นครนายก ยื่นไม่ครบ/ยื่นบัญชีฯเท็จ-เคยต้องคดีเก่า (21)
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน ‘อภิชัย’ นายกทต.ขุนกระทิง จ.ชุมพร ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (20)
จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ! ศาลสั่งจำคุก 1 เดือน รองนายก อบต.ขามเปี้ย จ.ร้อยเอ็ด – ให้รอลงโทษ (19)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 4 เดือน ‘สมเกียรติ’อดีต สส.กาญจนบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ-ให้รอลงโทษ (18)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (17)
- ศาลฎีกา จำคุก 1 เดือน ‘ตรีวิเศษ’รองนายก อบจ.มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (16)
- คุก 2 เดือน-รอลงโทษ! นายก อบต.เขากอบ จ.ตรัง ยื่นบัญชีฯเท็จ-ไม่แจ้งเงินให้กู้ยืม 58 ล.(15)
- จำคุก 2 เดือน-ให้รอลงโทษ! ส.อบจ.พิจิตร ยื่นบัญชีฯเท็จ-ใช้ลูกชาย‘นอมินี’ถือหุ้นรับเหมา (14)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 เดือน ‘นาวิน’ ส.อบจ.อุบลฯ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ – ให้รอลงโทษ (13)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘พรชัย’ นายก อบจ.อุบลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ นับโทษต่อ 2 คดีทุจริต (12)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน นายก อบต.ดงรัก จ.ศรีสะเกษ ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (11)
- องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ฯแก้โทษให้รอลงอาญา 2 ปี รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ (10
- ศาลฎีกาฯพิพากษานายก อบต.สมสะอาด จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน –รอลงโทษ (9)
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก อบต.นาคำใหญ่ จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ (8)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ รองนายก อบต.บางกุ้ง จ.ตรัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง (7)
- ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘อาแซ มาหะมะ’ นายกเทศฯ ต.ตอหลัง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ (6)
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘อนุชิต’ สท.เมืองบึงยี่โถ จ.ปทุมฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ จําคุก 2 เดือน รอลงโทษ (5)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน นายก อบต.หนองแสงใหญ่ จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(4)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน ‘ขนบ’ นายกอบต.โนนทัน จ.หนองบัวฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(3)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ‘สมพงษ์’รองนายก อบต.ดอนกลาง มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(2)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘ชัชวาลย์ ’รองนายก อบจ.ตาก ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ-รอลงโทษ(1)
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สิน 35 นักการเมืองท้องถิ่นปี 2567
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่นปี 2567 มีความผิด 35 ราย คุกจริง 2 คน
- ศาลฎีกาฯจําคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองฉาง จ.อุทัยฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายกทต.ธาตุพนม ยื่นบัญชีฯเท็จ
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ อ้างป่วย! ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายก อบจ.สมุทรสาคร-รอลงโทษ
- จำคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ ‘นันทนิตร’ สท.เมืองศิลา ขอนแก่น จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.ถ้ำ จ.พังงา ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ‘มะหมัดนีซัม บิลังโหลด’นายกเทศฯ ต.เจ๊ะบิลัง สตูล ยื่นบัญชีเท็จ จำคุก 1 ด.-รอลงโทษ
- ศาลพิพากษา ‘ทรงยศ’ รองนายกเทศฯ ต.นาชะอัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ‘บุญชัย สีนานันท์’รองนายก อบต.ดอนจิก จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม ‘ไพร พัฒโน’ นายกฯนครหาดใหญ่ ยื่นบัญชีฯเท็จจำคุก 1 เดือน
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘ศิริชัย กุลาศรี’ ส.อบจ.มหาสารคาม ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง ศาลฎีกาฯ จำคุก 2 เดือน! รองนายก อบต.คลองโคน ยื่นบัญชีเท็จ-รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง! รองนายก อบต.น้ำผุด จ.สตูล จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 2 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาให้รองนายกเทศฯ ต.แพรกษา พ้นตำแหน่ง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- คดีที่สอง!ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน นายก ทต.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- ฉบับเต็ม!องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ยืนยกคำร้อง รองนายก อบต.กันจุ ไม่ยื่นบัญชีฯอดีตเมีย
- รองนายก อบต.หนองบัวใต้ หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จําคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ
- รองนายก อบต.เฉลียง จ.นครราชสีมา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘พนมศิลป์’รองนายก ทต.ท่าอุเทน ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘สุรางค์ทิพย์’ส.อบจ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯ พิพากษา ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ซุกเงินฝาก ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายกเทศฯต.โคกล่าม จ.ร้อยเอ็ด ไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายกเทศฯ ต.โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
- พลิกคดีเก่า รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีเท็จ 5 ครั้ง ก่อนทำผิดซ้ำ คราวนี้คุกจริง 6 เดือน
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกจริง 6 เดือน รองนายก อบจ.สกลนคร จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ-ทำผิดซ้ำ
- ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก 1 เดือน‘เจริญพงษ์’ส.อบจ.พังงา ปกปิดทรัพย์สินฯ 11 รายการ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯจําคุก 2 เดือน ที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายกท.นครสุราษฎร์ฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก ทต.บ้านกล้วย ชัยนาท ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองแรต จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ สท.เมืองเขาสามยอด จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา สท.เมืองท่าใหม่ จันทบุรี ปกปิดทรัพย์สิน 12 ล. คุก 1 ด. รอลงโทษ
- ศาลฎีกาพิพากษารองนายก อบต.ชิงโค สงขลา ยื่นบัญชีฯเท็จ ปมเงินกู้ 2 ล. รอลงโทษจำคุก
- คุก 1 ด. รอลงโทษ! ศาลฎีกาฯพิพากษา นายก อบต.โคกกรวด นครนายก ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ศาลฎีกาฯให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง! รองนายก อบต.ดูกอึ่ง ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
- ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายก อบต.สักหลง จ.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชี
- ศาลฎีกาจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ นายก อบต.ด่านช้าง หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา