ศาลฎีกาฯจําคุก 2 เดือน ที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-รอลงโทษ

เขียนวันที่

วันเสาร์ ที่ 20 กรกฎาคม 2567 เวลา 13:45 น.

เขียนโดย

isranews

Hits

5647 views

roied 200724 main news editaa

ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘สมาน รัญระนา’ ที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช.ตอนเข้า-พ้นตำแหน่ง รวม 2 กระทง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพ สารภาพลดโทษเหลือจําคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 24 มิถุนายน 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า นายสมาน รัญระนา ที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยเอ็ด ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 การกระทําของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กระทง จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ ให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุกกระทงละ 1 เดือน และปรับ กระทงละ 4,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี

มีรายละเอียดดังนี้

คำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อม.15 /2567

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง

นายสมาน รัญระนา ผู้ถูกกล่าวหา

เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน

ผู้ร้องยื่นคําร้องและแก้ไขคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

พิเคราะห์คําร้องประกอบเอกสารในสํานวน และคําให้การรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด และพ้นจากตําแหน่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตําแหน่ง ภายในวันที่ 13 เมษายน 2562 และกรณีพ้นจากตําแหน่ง ภายในวันที่ 25 ธันวาคม 2563 แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งภายในกําหนด ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบภายใน 30 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ดําเนินการ ต่อมาผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาไปรับทราบ ข้อกล่าวหา ส่งทางไปรษณีย์ไปยังที่อยู่ตามทะเบียนราษฎรของผู้ถูกกล่าวหา แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้มารับทราบข้อกล่าวหาตามกําหนดนัด ผู้ร้องจึงส่งบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาไปยังที่อยู่เดิม ปรากฏชื่อ “สมาน” ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้รับเอกสารไว้เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2564 แต่ผู้ร้องไม่ได้รับบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาคืนและไม่ได้รับหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ต่อมาผู้ร้องมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่ง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น

คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด หรือไม่ เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดํารงตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 102 (9) ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กําหนดตําแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 ข้อ 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้องเมื่อเข้ารับตําแหน่งและพ้นจากตําแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 วรรคหนึ่ง, 105 การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด และผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ายังไม่ได้ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ และให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบภายในเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ แต่ผู้ถูกกล่าวหา กลับไม่ได้ดําเนินการใด แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ใส่ใจต่อหน้าที่ที่จะต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายและเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อป้องปรามผู้ใช้อํานาจรัฐโดยมิชอบ อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่ได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อผู้ร้องเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและเจตนาของตนแต่อย่างใด และเมื่อรับฟังประกอบกับคํารับสารภาพแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมี พฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับ ตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ถูกกล่าวหา จึงมีความผิดตามคําร้อง

พิพากษาว่า นายสมาน รัญระนา ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีเข้ารับตําแหน่งและกรณีพ้นจากตําแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดร้อยเอ็ด ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 การกระทําของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กระทง จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ ให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุกกระทงละ 1 เดือน และปรับ กระทงละ 4,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.

roied 200724 pic1

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินก่อนหน้า

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2566 (เผยแพร่ ม.ค.2566-26 ม.ค.2567) :

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage

หมวดหมู่
ข่าว | บัญชีทรัพย์สิน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา
Tags
จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน