รองนายก อบต.หนองบัวใต้ หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จําคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ

15092024 nnnnaa

ศาลฎีกาฯ พิพากษา ‘สุภัทร สิริ’ รองนายก อบต.หนองบัวใต้ อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน 2 ครั้งกรณีเข้ารับ-พ้นตำแหน่ง ป.ป.ช.ส่งหนังสือแจ้งเตือนกลับเพิกเฉย ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพ ลดโทษเหลือจําคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2567 ว่า นายสุภัทร สิริ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งรองนายก (อบต.) หนองบัวใต้ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคท้าย และผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 167 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับ กระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี รายมีรายละเอียดดังนี้

คดีหมายเลขดำที่ อม.8 /2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม.25/2567

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

วันที่ 24 เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช 2567

ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง

นายสุภัทร สิริ ผู้ถูกกล่าวหา

เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน

@ เปิดคำร้อง ป.ป.ช. ไม่ยื่น บัญชีฯ 2 ครั้ง

ผู้ร้องยื่นคําร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งดังกล่าว ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91

ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ

พิเคราะห์คําร้อง เอกสารประกอบคําร้อง และคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้วข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นรองผู้บริหารท้องถิ่น ตามประกาศของผู้ร้อง และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 4 มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะต่อผู้ร้อง เมื่อเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง ภายใน 60 วัน นับแต่วันถัดจากเข้ารับตำแหน่งและวันพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 กับประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชี ทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 ข้อ 4 กรณี 7 องค์การบริหารส่วนตำบล (2) รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ซึ่งครบกำหนดยื่นกรณีเข้ารับตำแหน่งภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 และกรณีพ้นจากตำแหน่งภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

@ ป.ป.ช.ส่งหนังสือแจ้งเตือนกลับเพิกเฉย

ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ตามคําร้องหรือไม่

เห็นว่า เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปรามปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ที่กําหนดให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ก็เพื่อแสดงความโปร่งใสในเรื่องทรัพย์สินและหนี้สินของตน ตั้งแต่เมื่อเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง อันเป็นมาตรการเชิงป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ

เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหา ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวใต้ อันเป็นรองผู้บริหารท้องถิ่นตามประกาศของผู้ร้องและเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมาย ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องปฏิบัติตามบทบัญญัติ ของกฎหมายดังกล่าว การที่ผู้ถูกกล่าวหาเพิกเฉยไม่ดำเนินการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบกรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวใต้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งเมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้รับหนังสือแจ้งเตือนให้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินดังกล่าวและให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ผู้ถูกกล่าวหาก็ยังคงเพิกเฉยประกอบกับเมื่อผู้ร้องส่งบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อกล่าวหาไปที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ที่ 9 ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู อันเป็นที่อยู่ตามแบบรับรองรายการทะเบียนราษฎรของผู้ถูกกล่าวหา และผู้ถูกกล่าวหารับหนังสือด้วยตนเอง ผู้ถูกกล่าวหาก็ยังคงเพิกเฉยเช่นเดิม พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวส่อแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาละเลยไม่ใส่ใจต่อหน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย

เมื่อรับฟังประกอบคำรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินตามคําร้องของผู้ร้อง มีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคท้าย และการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวยังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบ กับมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 167 ด้วย

@ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จําคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี

พิพากษาว่า นายสุภัทร สิริ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคท้าย และผู้ถูกกล่าวหามีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 167 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหา เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จําคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับ กระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจําคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้ถูกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน โทษจําคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.

15092024 suuu