ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘พิศ วิริยะอารีธรรม’ ส.อบจ.พิจิตร จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินฯเท็จ ป.ป.ช. 2 ครั้ง ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงโทษ 1 ปี พฤติกรรมอำพรางโอนกิจการรับเหมาก่อสร้างให้ลูกชาย ตัวเองคงอำนาจเบิกถอนเงิน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า นายพิศ วิริยะอารีธรรม สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พิจิตร ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และกรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 1 เดือน และปรับกระทงละ 4,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
นายพิศไม่แสดงเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง อ้างว่ายกกิจการให้ลูกชายไปแล้ว แต่ในข้อเท็จจริง ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง โดยมอบหมายให้นายคมกฤช ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการคนปัจจุบันครอบครองหรือดูแลกิจการแทน คำพิพากษามีรายละเอียดดังนี้
@เปิดรายละเอียดคำพิพากษา
คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม.35 /2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 11 /2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 19 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2568 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายพิศ วิริยะอารีธรรม ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่ง สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 โดยยื่นบัญบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรอีกวาระหนึ่ง เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 โดยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 แต่ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น โดยไม่แสดงเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรรคสอง (1), 167 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ
@ปกปิดถือครองหุ้น 2 ครั้ง
พิเคราะห์คำร้องประกอบเอกสารท้ายคำร้อง และคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร เข้ารับตำแหน่งวันที่ 28 กันยายน 2555 และพ้นจากตำแหน่งวันที่ 26 ตุลาคม 2563 ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรอีกวาระหนึ่ง เข้ารับตำแหน่งวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 และพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีเข้ารับตำแหน่งต่อผู้ร้องแล้ว เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2563 และวันที่ 16 เมษายน 2564 ตามลำดับ ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งสองครั้งดังกล่าว ผู้ร้องตรวจสอบแล้วเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการทรัพย์สิน เงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง ผู้ร้องจึงแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้เป็นหุ้นส่วนของห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง เนื่องจากได้ยกกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าวให้แก่นายเจษฎาพร วิริยะอารีธรรมและนายคมกฤช วิริยะอารีธรรม ผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ต่อมาผู้ร้องมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ พฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 จึงยื่นคำร้องคดีนี้
@โอนกิจการให้ลูกแต่ตัวเองคงอำนาจเบิกถอนเงิน
ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพันจากตำแหน่ง และกรณีเข้ารับตำแหน่งตามคำร้องหรือไม่
เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ทั้งกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เป็นหน้าที่ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน เพื่อป้องปรามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต แม้กิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง จะไม่มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาเป็นหุ้นส่วน แต่ตามพฤติการณ์ที่ได้ความตามสำนวนการไต่สวนของผู้ร้องว่า เดิมผู้ถูกกล่าวหาเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง โดยมีอำนาจเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่ 610-1-52524-4 และบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เลขที่ 610-6-03840-6 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพิจิตร ของห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง วันที่ 27 มกราคม 2547 ผู้ถูกกล่าวหาออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด และมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้เป็นหุ้นส่วนและหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง โดยมีนายเจษภาพร วิริยะอารีธรรม เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแทนผู้ถูกกล่าวหา
@สั่งจ่ายเช็คเอง
ต่อมาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2558 จนถึงปัจจุบันมีชื่อนายคมกฤช วิริยะอารีธรรม เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ แต่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหายังคงมีอำนาจเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของห้างหุ้นส่วนจำกัด รวมทั้งมีอำนาจสั่งจ่ายเช็คของห้างหุ้นส่วนจำกัดอยู่ ไม่ต่างจากขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นหุ้นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง
นอกจากนี้ผู้ถูกกล่าวหายังได้กู้ยืมเงินจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มาซื้อที่ดิน โดยให้ธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพิจิตร เลขที่ 610-6-03840-6 ของห้างหุ้นส่วนจำกัดชำระหนี้เงินกู้ของตนเป็นประจำทุกเดือน
@โอนหุ้นให้ลูกแต่ตัวเองเจ้าของตัวจริง
ประกอบกับนายเจษภาพรให้ถ้อยคำว่า ในขณะที่ตนเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้ตรวจสอบการบริหารกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัดด้วย อันแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง โดยมอบหมายให้นายคมกฤช ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการคนปัจจุบันครอบครองหรือดูแลกิจการแทน ดังนั้น เงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. วิริยะก่อสร้าง จึงเป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่ต้องยื่นแสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.พ.ศ. 2561 มาตรา 105 แต่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้แสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวในบัญชี เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ดังกล่าวประกอบคำให้การรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว คดีจึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม และการกระทำของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 26 ตุลาคม 2563 และกรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 ตามมาตรา 167 อีกด้วย
@ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ1 ปี
พิพากษาว่า นายพิศ วิริยะอารีธรรม ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 และกรณีเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตรเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง ผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกกระทงละ 1 เดือน และปรับกระทงละ 4,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 เดือน ‘นาวิน’ ส.อบจ.อุบลฯ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ – ให้รอลงโทษ (13)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘พรชัย’ นายก อบจ.อุบลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ นับโทษต่อ 2 คดีทุจริต (12)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน นายก อบต.ดงรัก จ.ศรีสะเกษ ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (11)
- องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ฯแก้โทษให้รอลงอาญา 2 ปี รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ (10
- ศาลฎีกาฯพิพากษานายก อบต.สมสะอาด จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน –รอลงโทษ (9)
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก อบต.นาคำใหญ่ จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ (8)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ รองนายก อบต.บางกุ้ง จ.ตรัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง (7)
- ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘อาแซ มาหะมะ’ นายกเทศฯ ต.ตอหลัง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ (6)
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘อนุชิต’ สท.เมืองบึงยี่โถ จ.ปทุมฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ จําคุก 2 เดือน รอลงโทษ (5)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน นายก อบต.หนองแสงใหญ่ จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(4)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน ‘ขนบ’ นายกอบต.โนนทัน จ.หนองบัวฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(3)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ‘สมพงษ์’รองนายก อบต.ดอนกลาง มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(2)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘ชัชวาลย์ ’รองนายก อบจ.ตาก ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ-รอลงโทษ(1)
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สิน 35 นักการเมืองท้องถิ่นปี 2567
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่นปี 2567 มีความผิด 35 ราย คุกจริง 2 คน
- ศาลฎีกาฯจําคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองฉาง จ.อุทัยฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายกทต.ธาตุพนม ยื่นบัญชีฯเท็จ
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ อ้างป่วย! ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายก อบจ.สมุทรสาคร-รอลงโทษ
- จำคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ ‘นันทนิตร’ สท.เมืองศิลา ขอนแก่น จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.ถ้ำ จ.พังงา ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ‘มะหมัดนีซัม บิลังโหลด’นายกเทศฯ ต.เจ๊ะบิลัง สตูล ยื่นบัญชีเท็จ จำคุก 1 ด.-รอลงโทษ
- ศาลพิพากษา ‘ทรงยศ’ รองนายกเทศฯ ต.นาชะอัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ‘บุญชัย สีนานันท์’รองนายก อบต.ดอนจิก จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม ‘ไพร พัฒโน’ นายกฯนครหาดใหญ่ ยื่นบัญชีฯเท็จจำคุก 1 เดือน
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘ศิริชัย กุลาศรี’ ส.อบจ.มหาสารคาม ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง ศาลฎีกาฯ จำคุก 2 เดือน! รองนายก อบต.คลองโคน ยื่นบัญชีเท็จ-รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง! รองนายก อบต.น้ำผุด จ.สตูล จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 2 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาให้รองนายกเทศฯ ต.แพรกษา พ้นตำแหน่ง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- คดีที่สอง!ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน นายก ทต.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- ฉบับเต็ม!องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ยืนยกคำร้อง รองนายก อบต.กันจุ ไม่ยื่นบัญชีฯอดีตเมีย
- รองนายก อบต.หนองบัวใต้ หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จําคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ
- รองนายก อบต.เฉลียง จ.นครราชสีมา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘พนมศิลป์’รองนายก ทต.ท่าอุเทน ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘สุรางค์ทิพย์’ส.อบจ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯ พิพากษา ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ซุกเงินฝาก ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายกเทศฯต.โคกล่าม จ.ร้อยเอ็ด ไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายกเทศฯ ต.โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
- พลิกคดีเก่า รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีเท็จ 5 ครั้ง ก่อนทำผิดซ้ำ คราวนี้คุกจริง 6 เดือน
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกจริง 6 เดือน รองนายก อบจ.สกลนคร จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ-ทำผิดซ้ำ
- ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก 1 เดือน‘เจริญพงษ์’ส.อบจ.พังงา ปกปิดทรัพย์สินฯ 11 รายการ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯจําคุก 2 เดือน ที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายกท.นครสุราษฎร์ฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก ทต.บ้านกล้วย ชัยนาท ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองแรต จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ สท.เมืองเขาสามยอด จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา สท.เมืองท่าใหม่ จันทบุรี ปกปิดทรัพย์สิน 12 ล. คุก 1 ด. รอลงโทษ
- ศาลฎีกาพิพากษารองนายก อบต.ชิงโค สงขลา ยื่นบัญชีฯเท็จ ปมเงินกู้ 2 ล. รอลงโทษจำคุก
- คุก 1 ด. รอลงโทษ! ศาลฎีกาฯพิพากษา นายก อบต.โคกกรวด นครนายก ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ศาลฎีกาฯให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง! รองนายก อบต.ดูกอึ่ง ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
- ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายก อบต.สักหลง จ.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชี
- ศาลฎีกาจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ นายก อบต.ด่านช้าง หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน