กรณีศึกษา:เปิดคำพิพากษาองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ศาลฎีกา ยืนยกคำร้อง คดี ‘วริษฐ์ บุญรุ่ง’ รองนายก อบต.กันจุ จ.เพชรบูรณ์ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ไม่แสดงทรัพย์สินคู่สมรส 6 รายการหลังจดทะเบียนหย่ายังอยู่กินฉันสามีภรรยา-พักบ้านเดียวกัน ป.ป.ช.ไม่มีพยานหลักฐานชี้ชัดทั้งคู่มีความสัมพันธ์เกินเลย
กรณีศึกษาที่น่าสนใจ! คดีการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่น
ภายหลังจาก เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2566 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายกคำร้องคดี นายวริษฐ์ บุญรุ่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งฯ ไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบของนางสาวมยุรี นาคเมือง คู่สมรสที่อยู่กินฉันสามีภริยา จำนวน 6 รายการ ได้แก่ 1. บัญชีเงินฝากธนาคาร 6 บัญชี 2.หุ้นบริษัทนิยมชัยการเกษตร จำกัด 3. ที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครอง 9 แปลง 4.ห้องชุด 1 ห้อง 5. ยานพาหนะ 5 คัน และ 6. หนี้เบิกเงินเกินบัญชี 2 บัญชี
ศาลฎีกาฯ วินิจฉัยว่า การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวมยุรีว่าภายหลังจดทะเบียนหย่าขาดจากกันตามกฎหมายแล้ว ผู้ถูกกล่าวหายังแสดงให้ปรากฎ หรือมีพฤติการณ์ซึ่งเป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปว่าผู้ถูกกล่าวหามีสถานะเป็นสามีของนางสาวมยุรี ต้องพิจารณาจากพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาที่แสดงออกให้ปรากฏต่อบุคคลทั่วไปดังเช่นที่เคยประพฤติปฏิบัติต่อนางสาวมยุรีก่อนจดทะเบียนหย่าขาดจากกันเสมือนหนึ่งว่านางสาวมยุรียังคงเป็นภริยาของผู้ถูกกล่าวหาอยู่ ทั้งนี้ไม่ว่าด้วยการกระทำด้วยวาจาหรือด้วยกริยาท่าทางในการดำเนินชีวิตตามปกติหรือการแสดงออกทางสื่อสารสังคมออนไลน์ โดยพฤติการณ์โดยรวมมีความชัดเจน เป็นกิจจะลักษณะ แตกต่างจากปฏิสัมพันธ์ต่อบุคคลที่ไม่เคยมีนิติสัมพันธ์เป็นคู่สมรสกันมาก่อน ต่อเนื่องกันจนถึงวันที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องคือวันที่ 17 มกราคม 2563 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพันจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกันจุ ทางไต่สวนผู้ร้องไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันรู้เห็นพฤติกรรมของผู้ถูกกล่าวหาในการใช้ชีวิตร่วมกันกับนางสาวมยุรี ตลอดจนพฤติการณ์อื่นอันจะทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่านางสาวมยุรียังคงสถานะเป็นภริยาของผู้ถูกกล่าวหาภายหลังบุคคลทั้งสองได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันในช่วงเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ดังนั้นการที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบเฉพาะในส่วนของผู้ถูกกล่าวหา จึงไม่เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และไม่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตำแหน่ง อันเป็นความผิดตามคำร้อง ให้ยกคำร้อง (คดีหมายเลขแดงที่ อม.24/2566 วันที่ 4 ก.ย.2566)
ข่าวเกี่ยวข้อง: คำพิพากษาฉบับเต็ม! ไขคดี รองนายก อบต.กันจุ ปกปิดทรัพย์สินคู่สมรส ป.ป.ช. , ไม่ชัดแจ้ง! ศาลฎีกาฯยกคำร้องคดีรองนายก อบต.กันจุ เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชีฯอดีตเมีย
ล่าสุด วันที่ 23 สิงหาคม 2567 ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำพิพากษาชั้นองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ฯ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2567 วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานจากการไต่สวน ฟังไม่ได้ว่า ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหากับ นางสาวมยุรี ซึ่งจดทะเบียนหย่าขาดจากกันแล้วยังอยู่กินกันฉันสามีภริยา ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่มีหน้าที่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของนางสาวมยุรีการที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นางสาวมยุรี ด้วย จึงถือไม่ได้ว่า เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และไม่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตำแหน่ง อันจะเป็นความผิดตามคำร้อง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน (คดีหมายเลขดำที่ อม.อธ. 9/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ. 4/2567)
ถือว่าคดีสิ้นสุด
สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียง รายละเอียดมารายงาน
@เปิดละเอียด คำพิพากษาองค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์
วันที่ 11 เดือน มิถุนายน พุทธศักราช 2567
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง
นายวริษฐ์ บุญรุ่ง ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงวันที่ 4 เดือน กันยายน พุทธศักราช 2566 องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ รับอุทธรณ์วันที่ 20 เดือน กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2567
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ โดยผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบของ นางสาวมยุรี นาคเมือง คู่สมรสที่จดทะเบียนหย่าแต่ยังอยู่กินฉันสามีภริยากัน ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา กับขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167
ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว พิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
@จดทะเบียนหย่าเมีย ก่อนพ้นตำแหน่ง
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประกอบกับรายงานการไต่สวนของผู้ร้องและอุทธรณ์ของผู้ร้องแล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้ รับฟังเป็นยุติว่า ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนสมรสกับ นางสาวมยุรี นาคเมืองเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2559 และจดทะเบียนหย่าเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561 ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกันจุ อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2557 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563 โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่มีชื่อ นางสาวมยุรี หลายรายการ ได้แก่
1. บัญชีเงินฝากธนาคาร 6 บัญชี รวมยอดเงิน 27,759,31 บาท
2. หุ้นบริษัท นิยมชัยการเกษตร จำกัด 1,000 หุ้น หุ้นละ 1,000 บาท เป็นเงิน 100,000 บาท
3. ที่ดินมีโฉนดและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ รวม 9 แปลง
4. ห้องชุด 1 ห้อง
5. รถยนต์ 5 คัน
และ 6. หนี้เบิกเงินเกินบัญชี 2 บัญชี รวมยอดเงิน 4,444,689.85 บาท
วันที่ 17 มิถุนายน 2563 ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นเอกสารประกอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า หลังจดทะเบียนหย่าผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรี ยังอยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่มีความสัมพันธ์กัน ผู้ร้องตรวจสอบพยานหลักฐานเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหากับ นางสาวมยุรี ยังคงอยู่กินฉันสามีภริยาจึงมีหน้าที่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นางสาวมยุรี แต่ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบโดยไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นางสาวมยุรี
@ประเด็นวินิจฉัย อยู่กินกันหลังจดทะเบียนหย่าขาดจากกันแล้วหรือไม่
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ร้องมีว่า ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหากับ นางสาวมยุรี ซึ่งจดทะเบียนหย่าขาดจากกันแล้วยังอยู่กินกันฉันสามีภริยาหรือไม่
ผู้ร้องอุทธรณ์ว่า การพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 วรรคสอง และประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส พ.ศ. 2561 ข้อ 3 ต้องพิจารณาพยานพฤติเหตุแวดล้อมและพฤติการณ์การแสดงออกของผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรี ที่ปรากฏต่อสังคมเป็นการทั่วไปประกอบกัน นายธงชัย สุวรรณชัย พยานผู้ร้องลงพื้นที่และสอบถามผู้ให้ข้อมูลจริง แต่ไม่สามารถระบุบุคคลที่ให้ข้อมูลได้ เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัยและหน้าที่การงานของผู้ให้ข้อมูล ส่วนที่ นายธงชัย ไม่พบเห็นพฤติกรรมการแสดงออกของผู้ถูกกล่าวหาที่พึงปฏิบัติต่อภริยาเพราะ นางสาวมยุรี ไม่ค่อยออกงานสังคมและมีระยะเวลาตรวจสอบเพียง 5 วัน จึงรับฟังข้อเท็จจริงที่ นายธงชัย สอบถามมาประกอบ พยานหลักฐานอื่นของผู้ร้องได้
นอกจากนี้ ผู้ร้องมีข้อความและภาพถ่ายของผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรีในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊ก ตามเอกสารหมาย ร.12 หน้า 182 ถึง 184 ที่แสดงออกว่าเป็นสามีภริยากันและในแอปพลิเคชันไลน์ของผู้ถูกกล่าวหาก็ปรากฏภาพโปรไฟล์เป็นภาพคู่ของผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรี
อีกทั้งทางไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาก็รับว่า ไม่ต้องการให้บุคคลทั่วไปทราบเรื่อง ทั้งผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงก่อนมีการแจ้งข้อกล่าวหาว่าหลังจดทะเบียนหย่ากันแล้ว แต่ยังคงอยู่บ้านเดียวกัน ประกอบกับไม่ปรากฏว่ามีการตกลงอุปการะเลี้ยงดูบุตรหรือทรัพย์สิน แต่อย่างใด น่าเชื่อว่าหากไม่สามารถปรับตัวกันได้จึงค่อยแยกสถานะความเป็นสามีภริยากัน ข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหาว่า มิได้มีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยาแล้ว ขัดกับที่ปรากฏต่อสังคม จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรี ยังคงอยู่กินกันฉันสามีภริยานั้น เห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 วรรคสอง บัญญัติว่า คู่สมรสตามวรรคหนึ่งให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนด ซึ่งประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ของผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสอันถือว่าเป็นคู่สมรส พ.ศ. 2561 ข้อ 3 กำหนดว่า บุคคลซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกับเจ้าพนักงานของรัฐ และมีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ให้ถือเป็นคู่สมรส ตามมาตรา 102 วรรคสอง ... ทั้งนี้ ให้หมายความรวมถึงบุคคลซึ่งจดทะเบียนสมรสกับเจ้าพนักงานของรัฐ และต่อมาได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันตามกฎหมาย แต่ยังแสดงให้ปรากฏหรือมีพฤติการณ์ซึ่งเป็นที่รับรู้ของสังคมทั่วไปว่ามีสถานะเป็นสามีหรือภริยากันจากบทบัญญัติดังกล่าว เมื่อผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินภายในวันที่ 17 มีนาคม 25563 และผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563
กรณีจึงมีปัญหาต้องพิจารณาก่อนว่าในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ผู้ถูกกล่าวหากับ นางสาวมยุรี ยังคงอยู่กินฉันสามีภริยากันจริงหรือไม่
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์มีมติเสียงข้างมาก เห็นว่า คดีนี้ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันถึงการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาโดยตรง คงมีแต่พยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีและคำชี้แจงของผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น ซึ่งหากพยานพฤติเหตุแวดล้อม กรณีมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดและมีเหตุผลเพียงพอก็ย่อมมีน้ำหนักรับฟังได้ พยานหลักฐานจากการไต่สวน ได้ความจาก นางสาวธัญญพัทธ์ สนแก้ว พยานผู้ร้องซึ่งซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินชำนาญการ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดขอนแก่น เบิกความว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563 ผู้ถูกกล่าวหา ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง โดยเขียนชื่อ นางสาวมยุรี ในช่องคู่สมรส แต่ไม่ปรากฏรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นางสาวมยุรี วันที่ 16 มิถุนายน 2563 ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นหนังสือตามเอกสารหมาย ร.8 หน้า 121 และ 122 ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนหย่ากับ นางสาวมยุรี ปี 2561 แต่ยังคงอยู่บ้านเดียวกัน และ นายธงชัย พยานผู้ร้องอีกปากหนึ่งซึ่งเป็นนักสืบสวนคดีทุจริตชำนาญการ เบิกความว่า พยานลงพื้นที่สืบสวนที่ตำบลกันจุ เป็นระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ตลอดระยะเวลาดังกล่าวบริษัท นิยมชัยการเกษตร จำกัด ของ นางสาวมยุรี เป็นร้านขายสินค้าการเกษตรขนาดใหญ่ขายยารักษาโรคและขายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันต่าง ๆ สถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อมีพนักงาน 25 ถึง 30 คน พยานแฝงตัวเป็นตัวแทนจำหน่ายปุ๋ยและเครื่องมือทางการเกษตรเข้าไปยังบริเวณร้าน พบ นางสาวมยุรี และบุตร ไม่พบผู้ถูกกล่าวหาอยู่ที่ร้านดังกล่าว พยานสอบถามพนักงานในร้านต่างให้ข้อมูลสอดคล้องกันว่า นางสาวมยุรี เป็นภริยาของผู้ถูกกล่าวหา พยานสอบถามจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นข้าราชการ 2 ราย อดีตข้าราชการ 1 ราย และสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลอีก 1 ราย ก็ให้ข้อมูลว่า ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลกันจุ ทราบกันทั่วไปว่าทั้งสองคนเป็นสามีภริยากันจากพยานหลักฐานที่ไต่สวนมานี้ จะเห็นได้ว่า นายธงชัย ไปเฝ้าดูร้านของ นางสาวมยุรี ตลอดเวลา 5 วันแต่ไม่พบเห็นผู้ถูกกล่าวหาในร้าน ไม่เคยเห็นผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรี อยู่ด้วยกันหรือไปไหนมาไหนด้วยกัน คำเบิกความของ นายธงชัย ยืนยันได้เพียงว่า นายธงชัย สอบถามพนักงานในร้าน 2 คน และบุคคลจากแหล่งอื่นอีก 4 ราย แต่ก็ไม่มีการบันทึกภาพถ่ายบุคคลที่สอบถามหรือบันทึกถ้อยคำของบุคคลนั้นไว้เป็นหลักฐาน จึงเป็นการเบิกความเพียงลอย ๆ ปากเดียว โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนอีกทั้งยังไม่ปรากฏชื่อบุคคลที่ให้ข้อมูลดังกล่าว ผู้ให้ข้อมูลแต่ละคนมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ถูกกล่าวหามากน้อยเพียงใด และได้รู้เห็นข้อเท็จจริงมาในทางใดและเมื่อใด คำเบิกความของ นายธงชัยส่วนนี้ จึงเป็นเพียงพยานบอกเล่าที่เลื่อนลอย ไม่มีรายละเอียดเพียงพอให้เชื่อได้ว่าผู้ให้ข้อมูลรับรู้ข้อเท็จจริงมาอย่างถูกต้อง โดยไม่มีโอกาสผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังได้ความอีกว่า นายธงชัยถามบุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้ถามตรง ๆ จึงเป็นวิธีการถามที่ไม่น่าเชื่อถืออีกด้วย เมื่อพิจารณาตามสภาพลักษณะ แหล่งที่มา และข้อเท็จจริงแวดล้อมแล้ว จึงไม่น่าเชื่อว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ ทั้งสาเหตุที่ไม่เปิดเผยชื่อของผู้ให้ข้อมูลแก่ นายธงชัย หรือนำตัวมาเบิกความต่อศาลนั้น ผู้ร้องอ้างเพียงว่าเนื่องจากมีผลกระทบต่อความปลอดภัยและหน้าที่การงานของผู้ให้ข้อมูล แต่คดีนี้ ไม่ใช่ความผิดอาญาร้ายแรงหรือมีพฤติการณ์อื่นใดทำให้คาดคิดว่าจะเกิดอันตรายแก่พยาน ดังที่ผู้ร้องอ้าง กรณีจึงไม่มีเหตุจำเป็นและมีเหตุผลสมควรที่จะต้องรับฟังพยานบอกเล่าเช่นว่านี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 226/3 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 8 วรรคสาม สำหรับพยานประกอบอื่นในคดีนี้ ได้แก่ ข้อมูลที่ปรากฏในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กของผู้ถูกกล่าวหาและของ นางสาวมยุรี ตามเอกสารหมาย ร.12 หน้า 181 ถึง 184 ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่แสดงออกให้เห็นถึงการใช้ชีวิตในครอบครัวแบบบิดามารดากับบุตรหรือบิดากับบุตรแต่ก็เป็นเพียงการทำหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตร อันเป็นหน้าที่ตามกฎหมายร่วมกันของผู้เป็นบิดามารดา แม้ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนหย่ากันแล้วก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่ดังกล่าว ข้อนี้จึงมิใช่เรื่องผิดปกติ และที่ผู้ถูกกล่าวหาส่งข้อความแสดงความคิดเห็นในลักษณะหยอกล้อในฐานะเป็นสามีของ นางสาวมยุรี อยู่บ้าง ก็เป็นการส่งข้อความสั้น ๆ เพียง 2 ครั้งเท่านั้นโดยครั้งสุดท้าย ผู้ถูกกล่าวหาส่งข้อความเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2562 แต่ภายหลังจากนั้นจนถึงวันที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นระยะเวลานานหลายเดือน ผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยส่งข้อความในลักษณะนั้นอีกเลย ข้อมูลในแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กดังกล่าว จึงไม่ใช่พยานแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับเวลาเกิดเหตุ ส่วนข้อมูลจากแอปพลิเคชันไลน์ที่ผู้ถูกกล่าวหาตั้งรูปประจำตัวเป็นภาพคู่ของผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวมยุรี ในลักษณะใกล้ชิดกัน ตามเอกสารหมาย ร.12 หน้า 181 ถึง 185 นั้นก็เป็นภาพถ่ายเดิมที่ผู้ถูกกล่าวหาใช้มาตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนหย่า จึงมิใช่ข้อแสดงว่าขณะที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำให้ปรากฏว่าเป็นสามีของ นางสาวมยุรี ประกอบกับภายหลังจากแยกกันอยู่สักพัก ผู้ถูกกล่าวหาก็ได้เปลี่ยนภาพไปแล้ว
ส่วนข้อที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2563โดยเขียนชื่อ นางสาวมยุรี ในช่องคู่สมรส และระบุสถานภาพโดยทำเครื่องหมายในช่อง “โสด”และ “หย่า” พร้อมกัน ต่อมาวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนหย่ากับ นางสาวมยุรี ปี 2561 แต่ยังคงอยู่บ้านเดียวกัน ตามเอกสารหมาย ร.8 หน้า 121 และ 122 นั้น หากผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาจดทะเบียนหย่าเพื่อเป็นเหตุไม่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นางสาวมยุรี แล้ว ผู้ถูกกล่าวหาก็คงไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินโดยแสดงว่าตนมีคู่สมรส และยิ่งไม่มีเหตุที่จะต้องชี้แจงอย่างเปิดเผยว่ายังคงอยู่บ้านเดียวกันกับ นางสาวมยุรี อันทำให้เกิดข้อสงสัยจนเป็นที่มานำไปสู่การตรวจสอบคดีนี้ การที่ผู้ถูกกล่าวหาเขียนชื่อ นางสาวมยุรี ในช่องคู่สมรส จึงเป็นเพียงการให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุตร 2 คน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ปกปิดข้อเท็จจริงเพื่อหลีกเลียงการตรวจสอบ ต่อมาผู้ถูกกล่าวหายังได้รีบชี้แจงข้อเท็จจริงว่ายังอยู่บ้านเดียวกันกับ นางสาวมยุรี อันเป็นการแจ้งรายละเอียดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจตั้งแต่ก่อนมีการแจ้งข้อกล่าวหา โดยเหตุผลที่บางวันผู้ถูกกล่าวหายังอยู่บ้าน นางสาวมยุรี ก็เนื่องจากต้องดูแลบุตรและ นางสาวมยุรี ซึ่งกำลังตั้งครรภ์บุตรคนที่สองอยู่ เมื่อคำนึงถึงว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเป็นการเฉพาะภายในครอบครัว ประกอบไปด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งอายุอาชีพ ฐานะทางการเงิน การเลี้ยงดูบุตร ย่อมต้องอาศัยการปรับตัว ความเข้าใจ โดยมีพื้นฐานของความรักเป็นที่ตั้ง แต่หากเกิดปัญหาในครอบครัว การที่บุคคลสองคนจะก้าวผ่านปัญหา อุปสรรคต้องอาศัยระยะเวลา ความอดทนและการให้อภัย แต่หากถึงที่สุดจนนำไปสู่ปัญหาการหย่าร้างก็เป็นเรื่องภายในที่ไม่มีความจำเป็นต้องบอกแก่ผู้อื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และบุคคลภายนอกย่อมไม่อาจล่วงรู้ได้ดังจะเห็นได้จากที่ผู้ถูกกล่าวหาให้การว่า ตนกับ นางสาวมยุรี ไม่ต้องการให้ผู้ใดรับรู้ เนื่องจากต่างเป็นบุคคลที่คนในชุมชนให้การนับถือและเพิ่งสมรสกันได้ไม่นาน ซึ่งสอดคล้องกับที่ นางสาวมยุรีเบิกความว่า มีเพียงมารดาและน้องสาวของตนเท่านั้นที่ทราบเรื่องการจดทะเบียนหย่า แม้กระทั่งบิดาก็ไม่ทราบเรื่อง ดังนี้
@ไม่มีพยานหลักฐานชัดแจ้งยังคงสถานะผัวเมีย-พิพากษายืน
เมื่อพยานหลักฐานจากการไต่สวนไม่มีพยานอื่นที่ปรากฏความสัมพันธ์ที่เกินเลยไปจากที่ผู้ถูกกล่าวหาเคยชี้แจงข้อเท็จจริงต่อผู้ร้องดังกล่าวหรือมีพฤติกรรมอื่นใดของผู้ถูกกล่าวหาที่แสดงออกว่า นางสาวมยุรี มีสถานะเป็นภริยาของผู้ถูกกล่าวหา พยานหลักฐานจากการไต่สวน จึงฟังไม่ได้ว่า ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง ผู้ถูกกล่าวหากับ นางสาวมยุรี ซึ่งจดทะเบียนหย่าขาดจากกันแล้วยังอยู่กินกันฉันสามีภริยา ดังนั้นผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่มีหน้าที่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของ นางสาวมยุรีและเมื่อได้ความดังนี้ การที่ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบโดยไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นางสาวมยุรี ด้วย จึงถือไม่ได้ว่า เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และไม่มีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นกรณีพ้นจากตำแหน่ง อันจะเป็นความผิดตามคำร้อง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายกคำร้องของผู้ร้องมานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
ข่าวเกี่ยวข้องคดีอืนก่อนหน้านี้
รองนายก อบต.หนองบัวใต้ หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จําคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ
รองนายก อบต.เฉลียง จ.นครราชสีมา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯพิพากษา‘พนมศิลป์’รองนายก ทต.ท่าอุเทน ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯพิพากษา‘สุรางค์ทิพย์’ส.อบจ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯ พิพากษา ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ซุกเงินฝาก ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายกเทศฯต.โคกล่าม จ.ร้อยเอ็ด ไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายกเทศฯ ต.โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
พลิกคดีเก่า รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีเท็จ 5 ครั้ง ก่อนทำผิดซ้ำ คราวนี้คุกจริง 6 เดือน
ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกจริง 6 เดือน รองนายก อบจ.สกลนคร จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ-ทำผิดซ้ำ
ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก 1 เดือน‘เจริญพงษ์’ส.อบจ.พังงา ปกปิดทรัพย์สินฯ 11 รายการ-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯจําคุก 2 เดือน ที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายกท.นครสุราษฎร์ฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก ทต.บ้านกล้วย ชัยนาท ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองแรต จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ สท.เมืองเขาสามยอด จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯพิพากษา สท.เมืองท่าใหม่ จันทบุรี ปกปิดทรัพย์สิน 12 ล. คุก 1 ด. รอลงโทษ
ศาลฎีกาพิพากษารองนายก อบต.ชิงโค สงขลา ยื่นบัญชีฯเท็จ ปมเงินกู้ 2 ล. รอลงโทษจำคุก
คุก 1 ด. รอลงโทษ! ศาลฎีกาฯพิพากษา นายก อบต.โคกกรวด นครนายก ยื่นบัญชีฯเท็จ
ศาลฎีกาฯให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง! รองนายก อบต.ดูกอึ่ง ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายก อบต.สักหลง จ.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชี
ศาลฎีกาจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ นายก อบต.ด่านช้าง หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2566 (เผยแพร่ ม.ค.2566-26 ม.ค.2567) :
ปี 2566 ศาลฎีกาฯพิพากษา จนท.รัฐ-นักการเมืองท้องถิ่น‘ไม่ยื่นบัญชีฯ-ยื่นเท็จ’ 21 ราย
ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ส.ท.เมืองปรกฟ้า จ.ชลบุรี ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน – รอลงโทษ
ศาลฎีกาคุก 1 เดือน-รอลงโทษ! รองนายก อบต.ไทรทอง จ.สระแก้ว ไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯจําคุก 1 เดือน รองนายก ทต.เชิงเนิน จ.ระยอง ยื่นบัญชีฯเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
1 เดือน-รอลงโทษ นายกเทศฯต.นาดี หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
คำพิพากษาฉบับเต็ม! ไขคดี รองนายก อบต.กันจุ ปกปิดทรัพย์สินคู่สมรส ป.ป.ช.
ไม่ชัดแจ้ง! ศาลฎีกาฯยกคำร้องคดีรองนายก อบต.กันจุ เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชีฯอดีตเมีย
ให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิสมัครฯตลอดชีพ รองนายก อบต.บ้านป้อม อยุธยา ไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกายืนคุก1 เดือน รอลงโทษ สท.นครสกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ ถอนสิทธิสมัครฯตลอดชีพ
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ในศาลฎีกาพิพากษายืน รองนายก ทต.ต้นธง จ.ลําพูน ยื่นบัญชีฯเท็จ
ถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง รองนายก อบจ.สกลนคร ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก1 เดือน-รอลงโทษ
จำคุก1 เดือน รองนายก อบต.บ้านใหม่ จ.พระนครศรีอยุธยา จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ –รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯคุก1 เดือนนายก อบต.ศาลาลอย พระนครศรีอยุธยา ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯสั่งคุก1 เดือน-รอลงโทษรองนายก อบต.เฉลียง นครราชสีมาไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รองนายกอบต.ป่าแก่บ่อหิน จ.สตูล ไม่ยื่นบัญชีฯ
ศาลฎีกาฯสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพ นายก ทต.ขวาว จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
ถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพ!นายกอบต.ศรีเทพ ไม่ยื่นบัญชีฯ คุก1 เดือน ให้รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯสั่ง จำคุก1 เดือน รองนายก อบต.บ้านฉาง ปทุมธานี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีพ!รองนายก อบต.โพนทอง ยื่นบัญชีฯเท็จ
ศาลฎีกาฯจำคุก1 เดือน รองนายกเทศฯ ต.บ้านค่าย จ.ระยอง ยื่นบัญชีฯเท็จ รอลงโทษ 1 ปี
ชัดๆฉบับเต็ม! ศาลฎีกายืนคุก4 เดือนนายกเทศฯต.บางเสร่ รอลงโทษ เหมาะสมเป็นคุณมากแล้ว
เป็นคุณมากแล้ว! ศาลฎีกายืน จำคุก4 เดือน นายกเทศฯต.บางเสร่ ยื่นบัญชีฯเท็จ รอลงโทษ
คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับเต็ม! ยืนคุกจริง2 เดือน‘เกษม’ยื่นบัญชีฯเท็จ ทำไมไม่รอลงโทษ
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน‘เกษม นิมลรัตน์’ยื่นบัญชีฯเท็จ จำคุก 2 เดือนไม่รอลงโทษ
ศาลฎีกาจำคุก1 เดือน รอลงโทษ-ถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เลขานายกอบจ.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชีฯ
ซุกที่ดิน131 แปลง! ศาลฎีกาฯถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตนายก อบต.บ้านกล้วย
โดนคดีที่สอง! ส.อบจ.อุทัยฯไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน คุก1 เดือน ปรับ 4,000 บ. รอลงโทษ 1 ปี
จําคุก1 เดือนรอลงโทษ 1 ปี ปรับ 4,000 บ.! นายก อบต.ห้วยแห้ง สระบุรี ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ศาลฎีกาพิพากษายืนคดีรองนายกเทศฯเมืองพัทลุงยื่นบัญชีฯเท็จ ขาดอายุความ-สั่งลงโทษไม่ได้
หลบหนี-ขาดอายุความ!ศาลฎีกายืน‘ยกคําร้อง’รองนายก อบต.สิงห์โคก ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น!ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน รองนายกเทศฯต.เชียงใหม่ซุกทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต รองนายก อบต.เขื่องคํา ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.