
ละเอียดยิบ คำพิพากษาศาลฎีกาฯคดี ‘เกรียงไกร ตั้งวิถีชีวิต’ นายก ทต.วังบงค์ จ.พิจิตร จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ โดนรายแรก กักขัง 4 เดือน พฤติการณ์ไม่แจ้งเงินลงทุนห้างฯรับเหมา 5 ล้าน โอนหุ้นให้นอมินีกว่าสิบปี โพสต์โชว์ควงคู่เมียตรวจงานรับเหมาหอประชุมอำเภอ กวาดคู่สัญญาเทศบาล 208 โครงการ 49.3 ล้าน
ถือเป็นรายแรก นักการเมืองท้องถิ่นกระทำผิดเรื่องการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่พิพากษาให้ ‘กักขัง’ แทนลงโทษ ‘จำคุก’
นายเกรียงไกร ตั้งวิถีชีวิต นายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) (ข่าวเกี่ยวข้อง: ศาลฎีกาฯสั่งกักขัง 4 เดือนแทนจำคุก นายกเทศฯ ต.วังบงค์ จ.พิจิตร ซุกหจก.รับเหมา)
ที่มาที่ไป พฤติการณ์แห่งคดีเป็นอย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำรายละเอียดคำพิพากษาเนื้อหาความยาว 14 หน้ากระดาษมารายงาน
@เปิดคำพากษาละเอียด
คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม. 36/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 38/2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 4 เดือน กันยายน พุทธศักราช 2568 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายเกรียงไกร ตั้งวิถีชีวิต ผู้ถูกกล่าวหา
เรื่องการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร (วาระที่ 2) โดยแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลตำบลวังบงค์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2555 และพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ต่อมา ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ (วาระที่ 3) โดยแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลตำบลวังบงค์ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 และยังคงดำรงตำแหน่งจนถึงปัจจุบัน ผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตามที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง
@ข้อกล่าวหาไม่แจ้งเงินลงทุน หจก.รับเหมา 5 ล้าน
ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (วาระที่ 3) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 โดยทั้งสองครั้งผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง ทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาและนางศศิยาพัชญ์หรือนีลนารา ตั้งวิถีชีวิต คู่สมรส ที่มอบหมายให้อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของนางสาวสาลินี สิทธิหาญ
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริง และผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ร้องเห็นว่าการที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการทรัพย์สินเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง เป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (วาระที่ 3) ขอให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่ง และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1) และ 167 ประกอบประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 91
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
@โอนหุ้น 4 ครั้ง
พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประกอบรายงานการไต่สวนของผู้ร้อง และคำแถลงปิดคดีของผู้ร้องและผู้ถูกกล่าวหาแล้ว
ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร (วาระที่ 2) โดยแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลตำบลวังบงค์ เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2555 และพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ต่อมาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ (วาระที่ 3) โดยแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลตำบลวังบงค์ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2564 ตามเอกสารหมาย ร.7 ถึง ร.10 ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 102 (9) และมาตรา 105 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561
ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (วาระที่ 3) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2564 โดยทั้งสองครั้งไม่แสดงรายการเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง เลขทะเบียน 0663542000439 ทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท ที่มีชื่อนางสาวสาลินี สิทธิหาญ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และนางสาวพิณทอง บุญพร เป็นหุ้นส่วน
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง จดทะเบียนจัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2542 มีนางศศิยาพัชญ์ ตั้งวิถีชีวิต คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และนายปพนพัชร์ หรือมานิตย์ วงศ์สระหลวง เป็นหุ้นส่วน
วันที่ 16 มกราคม 2547 มีการโอนหุ้นของนายปพนพัชร์ ให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา โดยนางศศิยาพัชญ์ยังคงเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553 มีการโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่นายวรเชษฏฐ์ สุขมี เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และนายบุญยิ่ง จันทร์โม้ เป็นหุ้นส่วน
วันที่ 10 เมษายน 2555 มีการโอนหุ้นทั้งหมดให้แก่นางสาวสาลินี สิทธิหาญ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและนายวสรรณ์ นนทรีย์ เป็นหุ้นส่วน
วันที่ 28 มิถุนายน 2562 มีการโอนหุ้นของนายวสรรณ์ให้แก่ นางสาวพิณทอง บุญพร เป็นหุ้นส่วน ตามเอกสารหมาย ร.14
ระหว่างที่นางศศิยาพัชญ์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร ได้แก่ บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทับคล้อ เลขที่ 612-1-38745-9 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางมูลนาก เลขที่ 613-1-50137-8 บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางมูลนาก เลขที่ 191-1-01464-1 บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาทับคล้อ เลขที่ 013592358906 และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาดงเจริญ เลขที่ 018282392106 โดยทั้ง 5 บัญชี นางศศิยาพัชญ์เป็นผู้มีอำนาจถอนเงินแต่เพียงผู้เดียว ตามเอกสารหมาย ร.19 ถึง ร.21 วันที่ 10 กันยายน 2556 มีการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจถอนเงินในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาดงเจริญ เลขที่บัญชี 018282392106 เป็นนางสาวสาลินีซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการในขณะนั้น
วันที่ 20 เมษายน 2564 และวันที่ 4 มิถุนายน 2564 นางศศิยาพัชญ์สั่งจ่ายเช็คเงินสดจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางมูลนาก เลขที่ 191-1-01464-1 ของห้างฯ จำนวน 1,000,000 บาท และ 500,000 บาท ตามลำดับ เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางมูลนาก เลขที่ 191-1-01343-2 ของนางศศิยาพัชญ์ ตามเอกสารหมาย ร.20 นางสาวพิมพ์พิศา ตั้งวิถีชีวิต และนายรภัสสิทธิ์ รู้คงประเสริฐ บุตรสาวและบุตรเขยของผู้ถูกกล่าวหา เป็นผู้ฝากเงินหรือรับมอบอำนาจถอนเงินในบัญชีเงินฝากของห้างฯ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางมูลนากเลขที่ 613-1-50137-8 และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบางมูลนาก เลขที่ 191-1-01464 ตามเอกสารหมาย ร.19 และ ร.20
@ใช้ที่ดินผู้ถูกกล่าวหา-คู่สมรส เป็นหลักประกันหนี้ของห้างฯ
ห้างฯ ใช้ที่ดินโฉนดเลขที่ 4174 และ 4175 ตำบลวังงิ้วใต้ อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร ที่มีชื่อผู้ถูกกล่าวหา ที่ดินโฉนดเลขที่ 110 และ 236 ตำบลหนองหม้ออำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ของผู้ถูกกล่าวหา และที่ดินโฉนดเลขที่ 3824 ตำบลท้ายทุ่ง อำเภอทับคล้อจังหวัดพิจิตร ของนางศศิยาพัชญ์ เป็นหลักประกันหนี้ของห้างฯ กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ตามเอกสารหมาย ร.22 และ ร.20
@ห้างฯ กวาดคู่สัญญากับเทศบาลตำบลวังบงค์ 208 โครงการ 49.3 ล้าน
ในปีงบประมาณ 2561 - 2565 ห้างฯ เป็นคู่สัญญากับเทศบาล ตำบลวังบงค์ จำนวน 208 โครงการ งบประมาณ 49,367,400 บาท ตามเอกสารหมาย ร.23 โดยตั้งแต่ เดือนมิถุนายน 2562 ถึงเดือนมิถุนายน 2564 มีการฝากเช็คของเทศบาลตำบลวังบงค์เข้าบัญชี เงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาดงเจริญ ชื่อบัญชี “หจก.ดงเจริญก่อสร้าง” เลขที่บัญชี 018282392106 จำนวน 27 ครั้ง มูลค่ารวม 18,289,723.98 บาท ตามเอกสารหมาย ร.21
@โพสต์เฟซบุ๊กโชว์รับงานรับเหมากหอประชุมอำเภอ
บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ sasiyaphat tangwiteecheewit เป็นของนางศศิยาพัชญ์ ภาพถ่ายตามเอกสาร ร.24 เป็นภาพถ่ายโครงการก่อสร้างอาคารหอประชุมอำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2559 ที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง ได้รับคัดเลือกให้เป็นคู่สัญญา และนางศศิยาพัชญ์เป็นผู้โพสต์ไว้
@ ศาลรับคำร้อง ป.ป.ช. สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีไม่แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินหลายรายการรวมทั้งเงินลงทุนในห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง ผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว ตามเอกสารหมาย ร.15 และ ร.16 ต่อมาผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา โดยผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 เมษายน 2566 และมีหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ฉบับลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2566 ตามเอกสารหมาย ร.17 และ ร.18 วันที่ 17 มกราคม 2568 ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์เนื่องจากลาออก ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ (วาระที่ 4) เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2568 ตามเอกสารหมาย ร.28 และดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลตำบลวังบงค์ ผู้ร้องยื่นคำร้องคดีนี้
ศาลรับคำร้องโดยไม่มีคำพิพากษาและไม่มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นผู้ถูกกล่าวหาจึงหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งจนกว่าจะมีคำพิพากษา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 17 วรรคหนึ่ง
@ห้างฯเปิด 5 บัญชีงินฝาก เมียมีอำนาจเบิกถอน
ปัญหาต้องวินิจฉัยมีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (วาระ ที่ 3) ในการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์หรือไม่
เห็นว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง เริ่มก่อตั้งในปี 2542 โดยมีนางศศิยาพัชญ์ ตั้งวิถีชีวิต เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการมาตั้งแต่เริ่มแรก ต่อมาในปี 2547 มีการโอนหุ้นของนายปพนพัชร์ วงศ์สระหลวง ให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ตามหนังสือกองข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เอกสารหมาย ร.14 ในระหว่างที่นางศศิยาพัชญ์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการได้มีการเปิดบัญชีเงินฝากในนามของห้างฯ รวม 5 บัญชี โดยมีนางศศิยาพัชญ์ แต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินทั้ง 5 บัญชี แม้ต่อมานางศศิยาพัชญ์และผู้ถูกกล่าวหาโอนหุ้นทั้งหมดในห้างฯ ให้แก่นายวรเชษฏฐ์ สุขมี และนายบุญยิ่ง จันทร์โม้ และมีการโอนหุ้นกันต่อมาจนกระทั่ง ปัจจุบันมีนางสาวสาลินี สิทธิหาญ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและนางสาวพิณทอง บุญพร เป็นหุ้นส่วนก็ตาม แต่ไม่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจในการเบิกถอนเงินของห้างฯจากนางศศิยาพัชญ์เป็นบุคคลอื่น โดยเพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้มีอำนาจเบิกถอนเงินในบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพียงบัญชีเดียวเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2556 จากนางศศิยาพัชญ์เป็นนางสาวสาลินี
@พยานให้การซัด
ในส่วนนี้ได้ความจากนายวรเชษฏฐ์และนางสาวสาลินีว่าระหว่างที่พยานเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯ นั้น ส่วนใหญ่นางศศิยาพัชญ์เป็นผู้ดำเนินการนำเช็คเข้าบัญชีและเบิกถอนเงินจากห้างฯ ซึ่งเห็นได้จากรายการเคลื่อนไหวบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2562 ถึงเดือนมิถุนายน 2564 ว่ามีนางศศิยาพัชญ์ นางสาวพิมพ์พิศา ตั้งวิถีชีวิต และนายรภัสสิทธิ์ รู้คงประเสริฐ บุตรสาว และบุตรเขยของผู้ถูกกล่าวหา เป็นผู้ทำรายการฝากและถอนเงินเกือบทุกครั้ง ตามเอกสารหมาย ร.20 แผ่นที่ 561, 603 และ ร.21 แผ่นที่ 750, 751 นอกจากนี้ทางไต่สวนยังได้ความว่าวันที่ 20 เมษายน 2564 และวันที่ 4 มิถุนายน 2564 นางศศิยาพัชญ์ได้สั่งจ่ายเช็คเงินสดจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของห้างฯ จำนวน 1,000,000 บาท และ 500,000 บาท นำฝากเข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของนางศศิยาพัชญ์ ตามเอกสารหมาย ร.20 แผ่นที่ 603, 644, 645, 647 และ 648 เมื่อห้างฯ ก่อตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง ย่อมประกอบกิจการเพื่อแสวงหาผลกำไร การบริหารจัดการในเรื่องการเงินและการบัญชีจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพราะมีผลโดยตรงต่อความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเงินของห้างฯ ผู้เป็นเจ้าของกิจการหรือหุ้นส่วนย่อมต้องควบคุมกำกับดูแลการเงินและการบัญชีด้วยตนเองหรือมอบหมายบุคคลที่ไว้วางใจเป็นผู้มีอำนาจบริหารจัดการ การที่นายวรเชษฏฐ์และนางสาวสาลินียังคงให้นางศศิยาพัชญ์เป็นผู้มีอำนาจเบิกถอนเงิน และสั่งจ่ายเงินจำนวนมากจากบัญชีของห้างฯ เข้าบัญชีของนางศศิยาพัชญ์เองได้ รวมถึงยังให้บุตรสาวและบุตรเขยของนางศศิยาพัชญ์ซึ่งเป็นบุคคลในครอบครัวเบิกถอนเงินจากบัญชีของห้างฯ ได้ ทั้งที่นางศศิยาพัชญ์ และบุคคลในครอบครัวมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับห้างฯ แล้ว จึงนับว่าเป็นพิรุธอย่างมากและมิใช่เรื่องปกติวิสัยของบุคคลซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการจะกระทำ แต่กลับแสดงให้เห็นว่านางศศิยาพัชญ์เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินกิจการของห้างฯ ตลอดมาไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งหากนางศศิยาพัชญ์ ไม่ใช่ผู้มีอำนาจในการบริหารจัดการห้างฯ ที่แท้จริงแล้ว คงไม่อาจดำเนินการต่อเนื่องยาวนานในลักษณะเช่นนี้ได้
@อ้างโอนหุ้นไปแล้ว –สวนทางคนรับโอนนบอก ไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้น 3 ล.
ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าตนเองและนางศศิยาพัชญ์ได้ขายหุ้นในห้างฯ ให้นายวรเชษฏฐ์ และนายบุญยิ่งไปแล้วนั้น ได้ความจากนายวรเชษฏฐ์ในส่วนนี้ว่า พยานไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้น 3,000,000 บาท แต่อย่างใด พยานซื้อตึกพร้อมห้างฯ จากผู้ถูกกล่าวหาในราคา 1,200,000 บาท เท่ากับยอดหนี้ที่ติดจำนองธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แต่ไม่ได้จ่ายเงินกันจริง และยังไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ได้ โดยผู้ถูกกล่าวหาแจ้งว่าที่ดินยังติดจำนองอยู่กับธนาคาร และเมื่อได้กำไรจากการก่อสร้างพยานจะนำเงินไปให้ผู้ถูกกล่าวหาและโทรศัพท์ตรวจสอบกับผู้จัดการหรือเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าได้มีการชำระหนี้แล้วหรือไม่ แต่พยานไม่ได้รับหลักฐานการชำระหนี้จากผู้ถูกกล่าวหา พยานไม่เคยรู้เรื่องการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายของห้างฯ ต่อมาพยานขายกิจการห้างฯ ให้แก่ นางสาวสาลินีโดยไม่ได้รับเงินจากนางสาวสาลินี กับทั้งยังได้ความจากนางสาวสาลินีว่า นายวีรภัทร วงศ์สระหลวง สามีของพยานเป็นผู้ซื้อกิจการห้างฯ จากนายวรเชษฏฐ์ แต่ไม่ทราบราคาซื้อขาย ส่วนสัญญาระหว่างห้างฯ กับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) พยานไม่ทราบว่าได้ใช้บริการเงินกู้วงเงินเท่าใด มีค่างวด หรือมีหลักทรัพย์ใดค้ำประกัน แสดงให้เห็นพฤติการณ์ของนายวรเชษฏฐ์และนางสาวสาลินีว่าแม้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการแต่ไม่ได้รู้เห็นการดำเนินกิจการของห้างฯ ในฐานะหุ้นส่วนผู้จัดการอย่างแท้จริงอันถือเป็นข้อพิรุธอีกอย่างหนึ่ง
@เมียยังคงปฏิบัติตนเสมือนกับเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯตลอดมา
เมื่อรับฟังประกอบกับที่นางศศิยาพัชญ์เคยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯ มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง และพฤติการณ์ที่ได้ความตามทางไต่สวนว่านางศศิยาพัชญ์ยังคงปฏิบัติตนเสมือนกับเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯ อยู่ตลอดมา โดยได้ความจากนายวรเชษฏฐ์ และนางสาวสาลินีเบิกความตอบผู้รับมอบอำนาจผู้ร้องทำนองเดียวกันว่าตนเองเข้ามาเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการโดยไม่ได้จ่ายเงินค่าหุ้นเลย ข้อเท็จจริงจึงไม่น่าเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาและนางศศิยาพัชญ์ได้ขายหุ้นทั้งหมดให้นายวรเชษฏฐ์ไปดังที่กล่าวอ้าง
@หากไม่เกี่ยวข้อง ไฉน!เอาที่ดินตนเองวางค้ำประกันเงินกู้แบงก์
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้ความตามทางไต่สวนอีกด้วยว่าวันที่ 24 เมษายน 2555 นางศศิยาพัชญ์นำที่ดินโฉนดเลขที่ 3824 ตำบลท้ายทุ่ง อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ของตนมาจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้และ/หรือกู้เบิกเงินเกินบัญชี และ/หรือหนี้สินประเภทอื่นของห้างฯ ที่มีต่อธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นจำนวนเงิน 1,060,000 บาท และต่อมาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2556 ห้างฯ โดยนางสาวสาลินีได้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในวงเงิน 5,000,000 บาท ในวันเดียวกันนางศศิยาพัชญ์ก็ได้ใช้ที่ดินแปลงเดียวกันมาทำข้อตกลงขึ้นเงินจำนองครั้งที่ 1 โดยเพิ่มวงเงินจำนองอีก 2,898,975 บาท รวมเป็นเงินที่จำนองทั้งสิ้น 3,958,975 บาท ตามเอกสารหมาย ร.20 แผ่นที่ 709 ถึง 717 จึงยิ่งบ่งชี้ว่า นางศศิยาพัชญ์มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินกิจการ มิฉะนั้นแล้วนางศศิยาพัชญ์ คงไม่ยินยอมนำทรัพย์สินของตนเองมาเป็นหลักประกันการชำระหนี้จำนวนมากของห้างฯ ทั้งๆ ที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของห้างฯ ในขณะนั้นแล้ว
@ภาพเฟซบุ๊กควงตรวจงานก่อสร้างหอประชุม อำเภอทับคล้อ มัด
และข้อเท็จจริงยังได้ความด้วยว่าเฟซบุ๊กของนางศศิยาพัชญ์ วันที่ 9 พฤษภาคม 2559 มีการโพสต์ภาพถ่ายนางศศิยาพัชญ์และผู้ถูกกล่าวหาในพื้นที่โครงการก่อสร้างอาคารหอประชุม อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ที่ห้างฯ เป็นคู่สัญญา ตามเอกสารหมาย ร.24 แผ่นที่ 878 และมีการลงข้อความว่า “วันนี้เค้ามาตรวจงานกันนะ” ซึ่งมี ผู้ใช้ชื่อบัญชีเฟซบุ๊ก Patsakorn Machun แสดงความคิดเห็นว่า “ทำไรค่ะใหญ่หน้าดู เฮงๆรวยๆค่ะ” โดย นางศศิยาพัชญ์ตอบกลับการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวว่า “รับเหมา สร้างหอประชุม อำเภอทับคล้อค่ะ”
@ต้องใช้ชื่อคนอื่นถือหุ้นเพราะกลัวถูกร้องปมผลประโยชน์ทับซ้อน
เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าห้างฯ เข้าเป็นคู่สัญญารับจ้างงานกับเทศบาลตำบลวังบงค์ที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นนายกเทศมนตรีจำนวนถึง 208 โครงการ งบประมาณ 49,367,400 บาท ตามเอกสารหมาย ร.23 ยิ่งสนับสนุนให้เห็นว่ามีความจำเป็นที่ผู้ถูกกล่าวหาและนางศศิยาพัชญ์ไม่อาจมีชื่อเป็นหุ้นส่วนหรือหุ้นส่วนผู้จัดการในห้างฯ เพราะจะทำให้มีข้อระแวงสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองจากโครงการต่างๆ ซึ่งถือเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับผลประโยชน์ส่วนรวมอันเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
@พยานยันกิจการับเหมาของเมียนายก ใช้ชื่อคนอื่นถือครอง
ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่า นายวัชรากรณ์หรือบุญอังคาร พงษ์จักราพานิช เป็นเจ้าของและผู้มีอำนาจบริหารจัดการห้างฯ ที่แท้จริง ผู้ถูกกล่าวหาครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 4174 และ 4175 แทนนายวัชรากรณ์และการนำที่ดินมาเป็นหลักประกันของห้างฯ เป็นการทำตามคำสั่งของนายวัชรากรณ์นั้น
ในข้อนี้ นายวัชรากรณ์ก็เบิกความปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดกับห้างฯ แต่เป็นกิจการของนางศศิยาพัชญ์และให้นางสาวสาลินีถือครองแทน ทั้งพยานหลักฐานตามทางไต่สวนก็ไม่ปรากฏว่านายวัชรากรณ์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการงานของห้างฯ แต่อย่างใด
@ 5 บุคคลเพียงแค่ถือครองหุ้นแทนเมีย
และที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างอีกว่า นางศศิยาพัชญ์สั่งจ่ายเช็คจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ของห้างฯ จำนวน 1,000,000 บาท และ 500,000 บาท นำฝากเข้าบัญชีเงินฝากของตนเอง เป็นเงินที่นางบุญมีได้ทดรองจ่ายให้กับห้างฯ ในการลงทุนรับเหมาก่อสร้างซื้อรถแบคโฮและค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการห้างฯ หลายครั้งเป็นเงินหลายล้านบาท ผู้ถูกกล่าวหากับนางศศิยาพัชญ์ได้ซ่อมแซมบ้านให้นางบุญมี อยู่อาศัย นางบุญมีจึงได้คืนเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าซ่อมแซมบ้านให้กับนางศศิยาพัชญ์ โดยปรากฏใบเสร็จค่าใช้จ่ายตามเอกสารหมาย ค.3 นั้น
กลับได้ความจากคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของผู้ถูกกล่าวหาและบันทึกถ้อยคำของนางศศิยาพัชญ์ในชั้นไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงทำนองเดียวกันว่า ผู้ถูกกล่าวหาและนางศศิยาพัชญ์ใช้หลักทรัพย์ของตนเองเป็นประกันหนี้ของห้างฯ และนางศศิยาพัชญ์เป็นผู้จ่ายเงินซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของห้างฯ จึงต้องถอนเงินมาเก็บไว้ในบัญชีของตนเอง จึงเป็นข้อกล่าวอ้างที่ขัดแย้งกันเอง ทั้งค่าใช้จ่ายตามเอกสารหมาย ค.3 เกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงปี 2557 แต่กลับมาเบิกถอนเงินคืนในช่วงปี 2564 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังนานถึง 7 ปี ผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยยกข้อกล่าวอ้างพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องชี้แจงในชั้นไต่สวนของคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงมาก่อน ข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกกล่าวหาในข้อนี้จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
พยานหลักฐานตามทางไต่สวนรับฟังได้ว่า นายวรเชษฏฐ์ นายบุญยิ่ง นางสาวสาลินี นายวสรรณ์ และนางสาวพิณทอง เพียงมีชื่อเป็นหุ้นส่วนและหุ้นส่วนผู้จัดการอันเป็นการถือครองแทนนางศศิยาพัชญ์ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจบริหารจัดการห้างฯ ที่แท้จริง
@เอาโฉนดประกันหนี้ห้างฯชี้ชัดเกี่ยวข้อง
ส่วนที่ผู้ร้องอ้างว่าเงินลงทุนในห้างฯ เป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาด้วยนั้น องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในห้างฯ ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2547 แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะไม่มีอำนาจในการบริหารงานของห้างฯ เนื่องจากเป็นเพียงหุ้นส่วนของห้างฯ แต่ตามพฤติการณ์ที่หลังจากผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาเป็นหุ้นส่วนแทนนายปพนพัชร์แล้ว เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2550 ห้างฯ ได้จดทะเบียนลดทุนจาก 20,000,000 บาท เป็น 5,000,000 บาท วันที่ 23 เมษายน 2555 ผู้ถูกกล่าวหานำที่ดินของตนเองโฉนดเลขที่ 110 และ 236 ตำบลหนองหม้อ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มาจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของห้างฯ วงเงิน 1,769,940 บาท และต่อมา วันที่ 23 เมษายน 2556 มีการทำข้อตกลงขึ้นเงินจำนอง โดยเพิ่มวงเงินจำนองอีก 125,160 บาท รวมเป็นเงินจำนอง 1,895,100 บาท ตามเอกสารหมาย ร.20 แผ่นที่ 718 ถึง 720 โดยการจดทะเบียนจำนองเป็นการกระทำภายหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหามิได้เป็นหุ้นส่วนของห้างฯ แล้ว ทั้งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ (วาระที่ 2) การที่ผู้ถูกกล่าวหานำที่ดินของตนเองมาจดทะเบียนจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของห้างฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว เป็นการแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของห้างฯ ซึ่งอาจทำให้ถูกตรวจสอบการทำงานในตำแหน่งทางการเมืองของผู้ถูกกล่าวหาว่ามีการเอื้อประโยชน์ในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายดังที่ผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การไว้ จึงทำให้เห็นได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาย่อมต้องมีผลประโยชน์และส่วนเกี่ยวข้องในกิจการของห้างฯ อยู่เช่นกัน มิฉะนั้นคงไม่นำที่ดินของตนเองมาเป็นหลักประกันหนี้ของห้างฯ ที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่าเป็นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันจึงไม่น่าเชื่อตามที่กล่าวอ้าง
@ให้การขัดแย้งกันเอง-ชี้ชัด นายก-เมีย เจ้าของเงินลงทุนตัวจริง ต้องยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างในทำนองว่านายธำรงค์ วงศ์สระหลวง และนางบุญมี วงศ์สระหลวง เป็นเจ้าของกิจการห้างฯ และเป็นเจ้าของเงินลงทุนที่แท้จริง โดยมีผู้ถูกกล่าวหา นายปพนพัชร์ และนางบุญมี มาเบิกความสนับสนุนนั้น
ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็ขัดกับข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหาที่ได้อ้างว่านายวัชรากรณ์เป็นเจ้าของกิจการห้างฯ ที่แท้จริง ซึ่งศาลได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้ว ข้อกล่าวอ้างของผู้ถูกกล่าวหาจึงขัดแย้งกันเองยากที่จะฟังเป็นความจริงได้ ทั้งเป็นข้อที่ผู้ถูกกล่าวหาเพิ่งยกขึ้นในชั้นไต่สวนของศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายปพนพัชร์และนางบุญมีต่างมีความสัมพันธ์เป็นเครือญาติ และเป็นบุคคลใกล้ชิดในครอบครัวของนางศศิยาพัชญ์และผู้ถูกกล่าวหา และเบิกความโดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานมาสนับสนุนข้อกล่าวอ้างดังกล่าว แม้หากจะฟังได้ว่านายธำรงค์และนางบุญมีเป็นเจ้าของกิจการห้างฯ จริงดังที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้าง แต่จากพฤติการณ์ที่ได้ความตามทางไต่สวนดังที่ได้วินิจฉัยแล้วข้างต้น ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ได้ความว่านายธำรงค์ถึงแก่ความตายไปตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2549 ซึ่งขณะนั้นผู้ถูกกล่าวหาและนางศศิยาพัชญ์ก็ยังคงเป็นหุ้นส่วนและหุ้นส่วนผู้จัดการที่เป็นผู้ดำเนินกิจการของห้างฯ ตลอดมา ดังที่ได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้วว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ขายหุ้นให้นายวรเชษฏฐ์และบุคคลอื่นในทอดต่อ ๆ มาทั้งหมด เชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าของเงินลงทุนในห้างฯ อันเป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาเช่นเดียวกับนางศศิยาพัชญ์ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาและนางศศิยาพัชญ์เป็นเจ้าของเงินลงทุนในห้างฯ ที่แท้จริงและได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินกิจการของห้างฯ มาโดยตลอดถึงขณะเวลาที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ผู้ถูกกล่าวหาจะอ้างการที่ไม่ปรากฏชื่อของตนและนางศศิยาพัชญ์ในหนังสือรับรองการจดทะเบียนห้างฯ ที่เกิดจากการปกปิดข้อเท็จจริงต่อทางราชการว่า ผู้ถูกกล่าวหาเข้าใจโดยสุจริตว่าตนไม่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน ดังกล่าวมิได้ ดังนี้ เงินลงทุนในห้างฯ จึงยังคงเป็นทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาและนางศศิยาพัชญ์ที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง ซึ่งการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเป็นหน้าที่สำคัญที่เจ้าหน้าที่ของรัฐพึงต้องปฏิบัติ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินเพื่อป้องปรามผู้ใช้อำนาจรัฐโดยมิชอบ เมื่อผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินโดยไม่แสดงรายการเงินลงทุนของห้างหุ้นส่วนจำกัด ดงเจริญก่อสร้าง อันเป็นการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (วาระที่ 3) ในการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ มีผลให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 9 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม และ การกระทำของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (วาระที่ 3) ในการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ ตามมาตรา 167 อีกด้วย
@ให้พ้นตำแหน่ง เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง จำคุก 4 เดือน ไม่เคยทำผิดมาก่อน ให้กักขังแทน
พิพากษาว่า นายเกรียงไกร ตั้งวิถีชีวิต ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง (วาระที่ 2) และกรณีเข้ารับตำแหน่ง (วาระที่ 3) ในการดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป และให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลวังบงค์ที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 81 ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน รวม 2 กระทง รวมเป็นจำคุก 4 เดือน องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากเห็นว่าไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังแทน รวม 4 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23.

ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568
ศาลฎีกาฯสั่งกักขัง 4 เดือนแทนจำคุก นายกเทศฯ ต.วังบงค์ จ.พิจิตร ซุกหจก.รับเหมา (35)
จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ ‘เกรียงไกร’ เลขานายกอบจ.นครนายก จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ (34)
ให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดีสักครั้ง! คุก 2 เดือน -รอลงโทษ ‘คฑาเทพ’อดีต สส.ยื่นบัญชีฯเท็จ (33)
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.พรมสวรรค์ ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชี (32)
- พิพากษาฉบับเต็ม ‘พุทธชาติ’ สจ.บุรีรัมย์ ใช้นอมินีถือครองเงินลงทุน 7 แห่งใน 4 จว. ,คุก 2 ด.! รอลงอาญา อดีต ส.อบจ.บุรีรัมย์ ปกปิดทรัพย์สิน-เพิกถอนสิทธิสมัครเลือกตั้งตลอดไป (31)
ศาลฎีกาจำคุก 1 เดือน-ให้รอลงโทษ!‘ศรีชาติ’รองนายก อบจ.นนทบุรี จงใจปกปิดทรัพย์สิน(30)
ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ! รองนายก อบต.หนองหัวโพ จ.สระบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ (29)
คุก 1 เดือน-รอลงโทษ! รองนายก ทต.ดงมอน มุกดาหาร ไม่แจ้งทรัพย์สิน/หนี้เมีย 2 คน (28)
‘อุดมชัย’รองนายก อบต.หนองอ้ม จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ (27)
จำคุก 1 เดือน ‘วิลัยวัลย์’ รองนายก อบต.ด่านใน จ.นครราชสีมา ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (26)
ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน ‘สมชาติ’ส.อบจ.เพชรบุรี จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ให้รอลงโทษ (25)
รองนายก อบต.โสกปลาดุก จ.ชัยภูมิ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ (24)
ศาลจำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ พ.ต.อ.ปราชญ์ นายก ทต.แหลมงอบ จ.ตราด ยื่นบัญชีฯเท็จ (23)
คดีที่ 2! จำคุก 2 เดือน ‘สมเกียรติ’ ส.ส.กาญจนบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จกรณีเข้ารับตน.-ให้รอลงโทษ (22)
ศาลสั่งคุกจริง 1 เดือน ‘นพดล’ ส.อบจ.นครนายก ยื่นไม่ครบ/ยื่นบัญชีฯเท็จ-เคยต้องคดีเก่า (21)
ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน ‘อภิชัย’ นายกทต.ขุนกระทิง จ.ชุมพร ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (20)
จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ! ศาลสั่งจำคุก 1 เดือน รองนายก อบต.ขามเปี้ย จ.ร้อยเอ็ด – ให้รอลงโทษ (19)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 4 เดือน ‘สมเกียรติ’อดีต สส.กาญจนบุรี ยื่นบัญชีฯเท็จ-ให้รอลงโทษ (18)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (17)
- ศาลฎีกา จำคุก 1 เดือน ‘ตรีวิเศษ’รองนายก อบจ.มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (16)
- คุก 2 เดือน-รอลงโทษ! นายก อบต.เขากอบ จ.ตรัง ยื่นบัญชีฯเท็จ-ไม่แจ้งเงินให้กู้ยืม 58 ล.(15)
- จำคุก 2 เดือน-ให้รอลงโทษ! ส.อบจ.พิจิตร ยื่นบัญชีฯเท็จ-ใช้ลูกชาย‘นอมินี’ถือหุ้นรับเหมา (14)
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 2 เดือน ‘นาวิน’ ส.อบจ.อุบลฯ จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ – ให้รอลงโทษ (13)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘พรชัย’ นายก อบจ.อุบลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ นับโทษต่อ 2 คดีทุจริต (12)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน นายก อบต.ดงรัก จ.ศรีสะเกษ ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (11)
- องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ฯแก้โทษให้รอลงอาญา 2 ปี รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ (10
- ศาลฎีกาฯพิพากษานายก อบต.สมสะอาด จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน –รอลงโทษ (9)
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก อบต.นาคำใหญ่ จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ (8)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ รองนายก อบต.บางกุ้ง จ.ตรัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง (7)
- ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘อาแซ มาหะมะ’ นายกเทศฯ ต.ตอหลัง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ (6)
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘อนุชิต’ สท.เมืองบึงยี่โถ จ.ปทุมฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ จําคุก 2 เดือน รอลงโทษ (5)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน นายก อบต.หนองแสงใหญ่ จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(4)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน ‘ขนบ’ นายกอบต.โนนทัน จ.หนองบัวฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(3)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ‘สมพงษ์’รองนายก อบต.ดอนกลาง มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(2)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘ชัชวาลย์ ’รองนายก อบจ.ตาก ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ-รอลงโทษ(1)
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สิน 35 นักการเมืองท้องถิ่นปี 2567
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่นปี 2567 มีความผิด 35 ราย คุกจริง 2 คน
- ศาลฎีกาฯจําคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองฉาง จ.อุทัยฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายกทต.ธาตุพนม ยื่นบัญชีฯเท็จ
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ อ้างป่วย! ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายก อบจ.สมุทรสาคร-รอลงโทษ
- จำคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ ‘นันทนิตร’ สท.เมืองศิลา ขอนแก่น จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.ถ้ำ จ.พังงา ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ‘มะหมัดนีซัม บิลังโหลด’นายกเทศฯ ต.เจ๊ะบิลัง สตูล ยื่นบัญชีเท็จ จำคุก 1 ด.-รอลงโทษ
- ศาลพิพากษา ‘ทรงยศ’ รองนายกเทศฯ ต.นาชะอัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ‘บุญชัย สีนานันท์’รองนายก อบต.ดอนจิก จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม ‘ไพร พัฒโน’ นายกฯนครหาดใหญ่ ยื่นบัญชีฯเท็จจำคุก 1 เดือน
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘ศิริชัย กุลาศรี’ ส.อบจ.มหาสารคาม ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง ศาลฎีกาฯ จำคุก 2 เดือน! รองนายก อบต.คลองโคน ยื่นบัญชีเท็จ-รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง! รองนายก อบต.น้ำผุด จ.สตูล จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 2 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาให้รองนายกเทศฯ ต.แพรกษา พ้นตำแหน่ง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- คดีที่สอง!ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน นายก ทต.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- ฉบับเต็ม!องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ยืนยกคำร้อง รองนายก อบต.กันจุ ไม่ยื่นบัญชีฯอดีตเมีย
- รองนายก อบต.หนองบัวใต้ หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จําคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ
- รองนายก อบต.เฉลียง จ.นครราชสีมา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘พนมศิลป์’รองนายก ทต.ท่าอุเทน ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘สุรางค์ทิพย์’ส.อบจ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯ พิพากษา ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ซุกเงินฝาก ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายกเทศฯต.โคกล่าม จ.ร้อยเอ็ด ไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายกเทศฯ ต.โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
- พลิกคดีเก่า รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีเท็จ 5 ครั้ง ก่อนทำผิดซ้ำ คราวนี้คุกจริง 6 เดือน
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกจริง 6 เดือน รองนายก อบจ.สกลนคร จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ-ทำผิดซ้ำ
- ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก 1 เดือน‘เจริญพงษ์’ส.อบจ.พังงา ปกปิดทรัพย์สินฯ 11 รายการ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯจําคุก 2 เดือน ที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายกท.นครสุราษฎร์ฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก ทต.บ้านกล้วย ชัยนาท ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองแรต จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ สท.เมืองเขาสามยอด จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา สท.เมืองท่าใหม่ จันทบุรี ปกปิดทรัพย์สิน 12 ล. คุก 1 ด. รอลงโทษ
- ศาลฎีกาพิพากษารองนายก อบต.ชิงโค สงขลา ยื่นบัญชีฯเท็จ ปมเงินกู้ 2 ล. รอลงโทษจำคุก
- คุก 1 ด. รอลงโทษ! ศาลฎีกาฯพิพากษา นายก อบต.โคกกรวด นครนายก ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ศาลฎีกาฯให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง! รองนายก อบต.ดูกอึ่ง ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
- ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายก อบต.สักหลง จ.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชี
- ศาลฎีกาจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ นายก อบต.ด่านช้าง หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
