‘กรุงเทพธนาคม’ยื่นศาลปกครอง ขอพิจารณาคดีสายสีเขียวใหม่ 'กทม.' ยอมจบ พร้อมจ่ายหนี้ก่อนปีใหม่

เขียนวันที่

วันเสาร์ ที่ 28 ธันวาคม 2567 เวลา 11:30 น.

เขียนโดย

israsnews

Hits

582 views

Liang281267 Cover

หนี้สายสีเขียวยังไม่จบ ‘กรุงเทพธนาคม’ สู้ต่อ เตรียมยื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอพิจารณาคดีใหม่ ด้านกทม.ไม่ตามไปด้วย ขอจ่ายหนี้ 1.4 หมื่นล้าน เตรียมออกเช็คไปวางที่ศาลฯก่อนปีใหม่ ส่วนหนี้ก้อนอื่น จ่อตั้งโต๊ะเจรจา

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 28 ธันวาคม 2567 นายธงทอง จันทรางศุ คณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ บจ.กรุงเทพธนาคม (KT) เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาายืนตามศาลปกครองกลางที่ให้กรุงเทพมหานคร กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัท ขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรณีผิดสัญญาชำระค่าตอบแทนการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในส่วนต่อขยายที่ 1 (ช่วงสะพานตากสิน-บางหว้า และช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง) และในส่วนต่อขยายที่ 2 (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) พร้อมดอกเบี้ย รวมเป็นเงิน 11,755,077,952.10 บาท เมื่อช่วงเดือน ก.ค. 2567 ที่ผ่านมา

โดยท่าทีล่าสุด แม้ทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะดำเนินการผลักดันข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 พ.ศ. .... วงเงิน 14,000 ล้านบาทจนมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้วนั้น

@กรุงเทพธนาคม สู้ต่อ - กทม.ยอมจ่าย หวั่นภาระดอกเบี้ย

ประธานกรรมการ บจ.กรุงเทพธนาคม เปิดเผยว่า ในส่วนของกรุงเทพธนาคมได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาคดีดังกล่าวใหม่อีกครั้ง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะรับคำร้องของกรุงเทพธนาคมหรือไม่ ซึ่งทางกรุงเทพธนาคมกำลังรอฟังผลการพิจารณาอยู่ โดยได้ยื่นคำร้องไปเมื่อ 1-2 เดือนนี้

ด้านแหล่งข่าวจากกทม.กล่าวกับสำนักข่าวอิศราว่า การยื่นคำร้องของกรุงเทพธนาคมเป็นสิ่งที่ กทม. เคยดำเนินการมาก่อน แต่ผลสุดท้ายคือ ศาลปกครองไม่รับพิจารณาและยืนยันตามคำพิพากษาเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ปรึกษากับทางสำนักงานอัยการสูงสุดก็เห็นด้วยที่จะให้ กทม.ทำตามคำพิพากษาดีกว่าขอยื่นคำร้องสู้คดีอีก ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวของกรุงเทพธนาคม จะไม่มีผลกับการที่ กทม. จะดำเนินการจ่ายหนี้ตามคำพิพากษาให้ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) แน่นอน

“ถ้าไม่เร่งการจ่ายให้เร็วขึ้น ดอกเบี้ยจะบานอีกเยอะเลย เราก็กลัวว่าแค่นี้ดอกเบี้ยก็เยอะหลายพันล้านบาทแล้ว ก็รีบจ่ายดีกว่า อย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที” แหล่งข่าวกทม.ระบุ

ขณะที่การชำระหนี้ตามคำพิพากษา แหล่งข่าวจากกทม.เปิดเผยว่า หลังจากที่ข้อบัญญัติประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ก็เริ่มกระบวนการในการขออนุมัติการเบิกจ่าย โดยตามขั้นตอนจะต้องเสนอให้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม.อนุมัติ เมื่ออนุมัติแล้วก็จะนำเช็คเงินสดไปวางไว้ที่ศาลปกครอง เพื่อให้ BTSC ไปรับเช็คที่ศาลฯ โดยคาดว่าจะนำเช็คไปวางช่วงก่อนปีใหม่นี้

ส่วนหนี้อีก 3 ก้อนที่ทางเอกชนอ้างถึง อันประกอบด้วย ยอดหนี้ที่บีทีเอสได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 ให้กทม. และ KT ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงให้กับ BTSC ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 (หนี้ค่าจ้างตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ถึง ตุลา คม 2565) เป็นเงินจำนวนกว่า 11,811 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง

2.ยอดหนี้ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 ถึง มิถุนายน 2567 ที่ยังค้างชำระ เป็นเงินจำนวนกว่า 13,513 ล้านบาท

และ 3. ค่าจ้างงานเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในเส้นทางส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ในอนาคต ตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงสิ้นสุดสัมปทาน ปี พ.ศ. 2585นั้น

แหล่งข่าวจากกทม.กล่าวว่า ประเด็นนี้ได้นำเข้าหารือกับคณะกรรมาธิการของสภากรุงเทพมหานคร (สภากทม.) แล้ว ทางออกอาจจะเป็นการขอเจรจากับ BTSC เพื่อขอผ่อนชำระเป็นรายปี โดยจะต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารต้องไปคุย อาจจะยื่นข้อเสนอขอลดดอกเบี้ย หรือไม่ก็ขอลดค่าจ้างบางส่วนได้หรือไม่ แต่เบื้องต้นต้องให้กรุงเทพธนาคมไปเจรจาเพื่อดูท่าทีก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด มีกรุงเทพมหานครถือหุ้น 99.98 % เป็น “วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร” หรือเป็นกิจการที่อยู่ในอำนาจควบคุมหรือกำกับของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นส่วนราชการท้องถิ่นโดยมีภารกิจที่สำคัญในการดำเนินกิจการ การบริหารจัดการสาธารณูปโภคและกิจการอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยการดำเนินงานที่ผ่านมามีทั้งโครงการที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้นเองและที่ได้รับมอบหมายภารกิจหรือการว่าจ้างจากกรุงเทพมหานคร

เดิมบจ.กรุงเทพธนาคมใช้ชื่อว่า บริษัท สหสามัคคีค้าสัตว์ จำกัด ได้จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2498 มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการ 6 ข้อ มีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท

ต่อมาบริษัทมีมติที่ประชุมวิสามัญครั้งที่ 2/2502 ลงวันที่ 7 กันยายน 2502 ได้เพิ่มเติม เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท มีเทศบาลนครกรุงเทพเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวนเงิน 49,994,000.- บาท คิดเป็นมูลค่าร้อยละ 99.98 ของทุนจดทะเบียน และส่วนที่เหลือร้อยละ 0.02 มีเอกชนเป็นผู้ถือหุ้น โดยได้ขอจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด” และได้ขอเพิ่มวัตถุประสงค์ของบริษัทเป็น 41 ข้อ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2537 ซึ่งการที่กรุงเทพมหานครถือหุ้นในบริษัทเกินกว่าร้อยละห้าสิบดังกล่าว ทำให้การดำเนินงานทั้งปวงของบริษัทอยู่ในอำนาจควบคุมหรือกำกับของกรุงเทพมหานครไม่ต่างจากรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลที่จัดตั้งเป็นบริษัทที่ถือเป็นวิสาหกิจของรัฐ เพียงแต่บริษัทที่กรุงเทพมหานครหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นจัดตั้งไม่มีชื่อเรียกตามกฎหมายดังเช่นรัฐวิสาหกิจที่มีชื่อเรียกตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ.2502 เท่านั้น จึงถือว่าบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เป็นวิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร

ในการดำเนินกิจการของบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัดนั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นเรื่องการทำกิจการของกรุงเทพมหานครตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานครพ.ศ.2528มาตรา94(1)ว่าบทบัญญัติที่กำหนดกรอบสำหรับกรุงเทพมหานครในการร่วมก่อตั้งหรือเข้าไปถือหุ้นในบริษัทโดยบริษัทนั้นจะต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการสาธารณูปโภคเท่านั้นแต่ไม่กระทบกระเทือนถึงกิจการที่กรุงเทพมหานครได้กระทำอยู่ก่อนวันพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลบังคับใช้

อ่านประกอบ

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage