ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รับคดีฟ้อง 7 กกต.แกล้ง ‘พิธา’ ปมหุ้นสื่อ ITV บรรยายพฤติการณ์โจทก์กล่าวหา กกต.ทั้ง 7 ไม่ชอบพามากลนับตั้งแต่ประกาศเลือกตั้ง, การนับคะแนนล่าช้า และการไม่รับความช่วยเหลือในการนับคะแนน ส่วนเรื่องหุ้นสื่อ ITV ยกเคส ‘ชาญชัย อิสระเสนารักษ์’ เทียบเป็นบรรทัดฐาน คล้ายกลั่นแกล้ง ‘พิธา’ โดยศาลนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา 8 ส.ค.นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 18 กรกฎาคม 2566 ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เผยแพร่ข่าวว่า นายยงยุทธ เสาแก้วสถิต ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ 1 กับพวก รวม 7 คนว่า โจทก์ (นายยงยุทธ) เป็นหนึ่งในจำนวนคนไทยหลายหมื่นที่ลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ เขต 8 มีนบุรี กรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคก้าวไกล เช่นเดียวกับประชาชนชาวไทยผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศที่เลือกผู้สมัครและพรรคก้าวไกลรวมมากกว่า 14 ล้านคน เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 โดยคาดหวังว่าพรรคก้าวไกลจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และได้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ซึ่งมีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศไทยคนต่อไป โจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีนี้
จำเลยที่ 1 (นายอิทธิพร) เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการเลือกตั้ง ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหลายฉบับ เช่น ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560, พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561มีหน้าที่กำกับดูแลงานในความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและของคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ
จำเลยที่ 2-6 เป็นกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหลายฉบับเช่นเดียวกับจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 7 เป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและนายทะเบียนพรรคการเมือง มีหน้าที่กำกับ ดูแลงานโดยทั่วไป งานธุรการ ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ประกาศและมติของคณะกรรมการการเลือกตั้ง งานในหน้าที่นายทะเบียนพรรคการเมือง กำกับดูแลพรรคการเมือง/การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมืองโดยจำเลยที่ 7 ขึ้นการบังคับบัญชากับจำเลยที่ 1
@กล่าวหา กกต.ออกกฎเอื้อรัฐบาลเดิม
ระหว่างวันที่ 31 ม.ค. ต่อเนื่องถึงวันที่ 13 ก.ค. 2566เวลากลางวันและกลางคืน วันเวลาใดไม่ปรากฎชัด จำเลยทั้ง 7 ได้บังอาจกระทำผิดเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนา ร่วมกันออกประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2566 ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา โดยจำเลยที่ 1 (นายอิทธิพร) เป็นผู้ลงนามในประกาศดังกล่าว กำหนดวันรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ตลอดจนรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจำเลยทั้ง 7 โดยทุจริต เจตนาร่วมกันแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ออกแบบบัตรเลือกตั้งทั้งการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อให้แตกต่างจากการเลือกตั้งหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา พิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่า 7 ล้านใบ ทำให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตลอดจนประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศไม่เข้าใจ หรือสับสน วุ่นวาย รวมทั้งออกระเบียบ ประกาศต่างๆ ในลักษณะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้พรรครัฐบาลเดิมชนะการเลือกตั้งและได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งหรือเป็นรัฐบาลสมัยที่ 2
@กกต.ปล่อย ไม่ตรวจคุณสมบัติ ส.ส.ของ 'พิธา' ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว
จำเลยทั้ง 7 ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า ก่อนการเลือกตั้ง ประชาชนนิยมฝ่ายรัฐบาลน้อยกว่าฝ่ายค้าน โดยก่อน ขณะ หรือหลังรับสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง จำเลยทั้ง 7 มีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนว่าผู้ใดไม่มีคุณสมบัติและ/หรือขาดคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามกฎหมาย แต่จำเลยทั้ง 7 หาได้ทำตามอำนาจหน้าที่ของพวกตนไม่
จนปล่อยล่วงเลยมาจนถึงวันเลือกตั้งทั่วไป คือวันที่ 14 พ.ค. 66 มีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองหนึ่ง มายื่นคำร้องต่อจำเลยทั้งเจ็ดกล่าวหาว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นสื่อไอทีวี จำนวนเพียงประมาณ 42,000 หุ้น ในจำนวนหลายล้านหุ้น จึงอาจหรือขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และต่อมา มีผู้ยื่นข้อกล่าวหาในลักษณะเดียวกันอีกหลายคน แต่จำเลยก็ไม่ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยโดยพลันตามกฎหมาย หรือไม่ส่งเรื่องให้ศาลฎีกามีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามกฎหมาย
@ยกเคส 'ชาญชัย' เทียบ ชง กกต.ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ซึ่งจำเลยทั้ง 7 ก็ทราบดีว่าคล้ายกับกรณีของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎร จังหวัดนครนายก ที่ถูกพวกจำเลยทั้ง 7 เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ต่อมาเมื่อ วันที่ 2 พ.ค. 66 ศาลฎีกามีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ ลต.สสข.9/2566 คดีหมายเลขแดงที่ ลต.สสข.24/2566 คืนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งให้แก่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จังหวัดนครนายก กรณีถูกกล่าวหาว่า นายชาญชัย ถือหุ้นสื่อเพียงประมาณ 200 หุ้นในจำนวนหลายล้านหุ้น ทั้งโจทก์ได้ส่งหนังสือคัดค้านและชี้แจงให้จำเลยที่ 1 และ 7 ฉบับลงวันที่ 26 พ.ค. 2566 จำเลยทั้ง 7 ได้มีหนังสือด่วนที่สุดไปถึงนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์และผู้เกี่ยวข้อง แจ้งคำสั่งศาลฎีกาคืนสิทธิให้แก่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ดังกล่าว
ทั้งนายพิธาเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 4 ปี หรือ 1 สมัยจนครบวาระ ครั้งนี้เป็นการสมัครรับเลือกตั้งเป็นครั้งที่ 2 ของนายพิธา การกระทำของจำเลยทั้ง 7 ดังกล่าวข้างต้นที่ไม่รีบดำเนินการสืบสวน ไต่สวน วินิจฉัย หรือส่งศาลฎีกา มีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไปตามกฎหมาย
กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกร้องเรียนดังกล่าว จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้บุคคลอื่นคือโจทก์หรือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับความเสียหาย เมื่อระหว่างวันที่ 14 พ.ค. 2566 ต่อเนื่องกันถึงวันที่ 13 ก.ค. 2566จำเลยทั้ง 7 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ กระทำการในฐานะเจ้าพนักงานของรัฐ โดยทุจริต เจตนาร่วมกันก่อนประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำเลยทั้งเจ็ดมีพฤติการณ์ที่น่าเคลือบแคลงสงสัยหลายประการ เช่น ประกาศผลการเลือกตั้งได้ช้ากว่าที่ควร จำเลยทั้ง 7 ปฏิเสธไม่รับความช่วยเหลือจากหน่วยหรือองค์กรเอกชน และไม่เลือกใช้การสื่อสารที่ทันยุคทันสมัยแต่อย่างใด
โดยผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ปรากฏว่าประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งมากกว่า 14 ล้านคนรวมทั้งโจทก์ด้วยเลือกพรรคก้าวไกล จนพรรคก้าวไกลได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากเป็นอันดับหนึ่งคือได้จำนวน 151 คน โดยโจทก์และผู้ลงคะแนนเสียงเลือกนายพิธา และ
พรรคก้าวไกล เหตุเพราะเห็นว่านายพิธา เป็นคนมีความรู้ความสามารถสูงเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมุ่งหวังจะให้พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
@ชงเรื่องถึงศาลรธน.แกล้ง 'พิธา'/ศาลนัด 8 ส.ค.ฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา
แต่จำเลยทั้ง 7 โดยทุจริต เจตนาร่วมกัน กลั่นแกล้งนายพิธา ด้วยการประชุมวินิจฉัย ลงมติ หรือมีความเห็นร่วมกันส่งเรื่องที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลถูกร้องเรียนว่าถือหุ้นสื่อไอทีวี ต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลการเมือง อย่างเร่งรีบ เพื่อให้วินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่มีคุณสมบัติและ/หรือขาดคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพราะถือหุ้นสื่อ และขอให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง โดยจำเลยทั้ง 7 มิได้ดำเนินการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยให้ละเอียดรอบคอบเสียก่อน ตามอำนาจหน้าที่ หรือตามขั้นตอนของกฎหมายแต่อย่างใด อันเป็นการดำเนินการก่อนหรือขณะวันโหวตเลือกนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค. 2566 เพื่อลดความน่าเชื่อถือของนายพิธา และพรรคก้าวไกล ต่อสมาชิกรัฐสภา ทั้งที่นายพิธา เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาจนครบ 1 สมัยหรือ 4 ปีแล้ว
ที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีผู้ใดร้องคัดค้านแต่อย่างใด จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้บุคคลอื่นคือโจทก์และ/หรือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำสั่งให้รับคดีไว้เพื่อตรวจฟ้อง ให้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา วันที่ 8 สิงหาคม 2566 เวลา 9.30 น.
อ่านประกอบ
- ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาคำร้องหุ้นสื่อ ‘พิธา’ 19 ก.ค.นี้
- มัดรวม 4 เรื่อง! บัญชีทรัพย์สิน - ธุรกิจ บ.น้ำมันรำข้าว ที่ ‘พิธา’ ไม่ตอบ ?
เรื่องเกี่ยวกับกรณีที่ดิน-ทรัพย์สิน ของนายพิธา :
- เผยโฉมที่ดินแปลงงาม อ.ปราณบุรี 14 ไร่ 18 ล. ‘พิธา’ ติดคลอง 2 ด้าน
- ตามไปดูที่ดินแปลงงาม 'พิธา' 14 ไร่ อ.ปราณบุรี แจ้ง ป.ป.ช.18 ล. เพิ่งขายไป 6.5 ล.?
- ชัด! เปิดหนังสือสัญญาขายที่ดิน 14 ไร่ อ.ปราณบุรี ‘พิธา’ 6.5 ล.
- จดทะเบียนขายต่ำกว่าราคาประเมิน 2.2 ล.! ที่ดิน 14 ไร่ ปราณบุรี ‘พิธา’
- เปิดคำชี้แจง 'ผู้ซื้อ' ที่ดิน14ไร่ ‘พิธา’ 6.5 ล. ไฉนซื้อได้ต่ำกว่าราคาประเมิน?
- เปิดตัว‘ดนัย’ คนรับซื้อที่ดิน 14 ไร่ ปราณบุรี ‘พิธา’ กก.ถือหุ้น 6 บริษัท
- เปิดโฉนด 14 ไร่ ปราณบุรี ‘พิธา’ รับโอนมรดกจากพ่อ 10 เม.ย.2560 ไฉน! ไม่เหมือนหุ้นไอทีวี?
- ย้อนดูบัญชีฯ‘พิธา’137.7 ล.!คอนโดฯน้อง-รถเบนซ์แม่-ที่ดิน‘ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์’
- เหลือ 85 ล.! ทรัพย์สิน 'พิธา' พ้น ส.ส. ให้น้องกู้ยืม 15 ล. มีใบจองรถ Tesla
- ปม ผจก.มรดก! ป.ป.ช.ขอเอกสาร 'พิธา' เพิ่ม-เจ้าตัวยื่นขยายระยะเวลา เดดไลน์ 23 ก.ค.
- 'เรืองไกร' จี้กกต.สอบปมความต่าง 'โอนหุ้น ITV-ขายที่ดินปราณบุรี' ของ 'พิธา'
- โชว์ข้อมูล เงินกู้ 15 ล้าน 'พิธา' ให้ 'น้องชาย' ยืมไปชำระหนี้ คิดดอกร้อยละ 2 ต่อปี
- ที่มาหนี้ค้ำประกัน 19.9 ล.'พิธา'! ธ.ยูโอบี แจ้งโนติส บ.น้ำมันรำข้าว ผิดนัดชำระหนี้ 59 ล.
- แกะรอย! คอนโดฯ ‘พิธา - น้องชาย’ 60.5 ล. หายไปไหน ?
- โชว์ภาพ! บ่อน้ำในที่ดิน 'พิธา' -ผู้ซื้อแจงรอบ 2 ปม'ไม่ครบโฉนด' เหตุลดราคาเหลือ 6.5 ล.
- เปิดแคชเชียร์เช็ค 6 ล. ค่าที่ดินปราณบุรี จ่าย‘พิธา’ อีก 5 แสน ‘เงินสด’
- พร้อมแจง ป.ป.ช. ‘พิธา’ ไม่ตอบ ‘อิศรา’ ปมขายที่ต่ำกว่าราคาประเมิน
- ที่ดิน 14 ไร่ปราณบุรี ‘พิธา’ แจ้งวันรับโอนมรดก 3.6 ล. ไฉนยื่น ป.ป.ช. 18 ล.?
- เงื่อนปม! ไฉน‘พิธา’ยกเลิกรังวัดโฉนดที่ดินปราณบุรี
เรื่องเกี่ยวกับกรณีหุ้นไอทีวี ของนายพิธา :
- เปิดข้อมูลประกอบพิจารณา'6 ข้อ' กรณีหุ้นไอทีวี ‘พิธา’
- จ่อยื่นศาลรธน.ตีความ!'เรืองไกร' ส่งหลักฐาน'พิธา' ปมถือหุ้น ITV ให้ กกต.เพิ่ม 2 รายการ
- 'เรืองไกร' ยื่นหลักฐาน 'พิธา' ปมถือหุ้น ITV เพิ่มให้ กกต.
- ดูชัด ๆ หุ้นITV ‘พิธา’ 42,000 หุ้น ปี 2551-2566 ไม่ระบุ ‘ผจก.กองมรดก’
- ‘เรืองไกร’ ยื่นหลักฐานเพิ่มปม ‘พิธา’ ถือหุ้น ITV เทียบกรณี ‘ธัญญ์วาริน’ พ้น ส.ส.
- พลิกคำพิพากษาศาล รธน.คดีหุ้นสื่อ ส.ส.‘ธัญญ์วาริน’ เพียง‘ถือ-ประกอบการ’ ไม่รอด
- ย้อนคำพิพากษา 4 คดีหุ้นสื่อในศาลฎีกาเทียบไอทีวี‘พิธา’: ถือ-หยุดกิจการ-ไม่จดเลิก ไม่รอด
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ : แจงยิบปมหุ้น ITV โอนให้ทายาทอื่นแล้ว มั่นใจพร้อมชี้แจง กกต.
- เปิดแบบนำส่งงบการเงิน ITV ปี 2558 -2565 ล่าสุดระบุชัด‘สื่อโทรทัศน์’ ก่อน‘พิธา’อ้างมีพิรุธ
- เป็นผอ.สนง.อินทัช! คนทำบัญชี ITV ยังไม่แจงปม'พิธา’ชี้พิรุธแบบส.บช.3 แก้ 'สื่อโทรทัศน์'
- ให้ถามอินทัช! ผู้สอบบัญชี ITV ก็ไม่แจงปม'พิธา’ชี้พิรุธแบบส.บช.3 แก้ 'สื่อโทรทัศน์'
- ‘สถานะ’ ไอทีวีปมหุ้น ‘พิธา’ ! หมายเหตุประกอบงบฯ ฉบับล่าสุด ชัด ‘ดำเนินการค้าตามปกติ’
- พลิกธุรกิจ ‘ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์’ ตัวช่วย‘พิธา’รับโอนหุ้นร้อน ITV?
- เปิดชัดๆ รายละเอียดคำสั่งศาลแพ่ง ตั้ง 'พิธา' ผจก.มรดก ถือหุ้นไอทีวี ในบัญชีฯ แจ้ง ป.ป.ช.
- ดูชัด ๆ ‘วัตถุประสงค์’ 5 ใน 45 ข้อ ‘ไอทีวี’ จดแจ้งประกอบกิจการสื่อ
- ‘พิธา’ รับหุ้น บ.โฮลดิ้งจากบิดาปี 2553 โอนต่อให้แม่ปี 2561 ต่างจากปมไอทีวี?
- 'เรืองไกร' ยื่น กกต.จี้สอบ 'พิธา' ปมยื่นรายการทรัพย์มรดกที่ดิน ไฉนไม่เหมือนหุ้น ITV
เรื่องเกี่ยวข้องธุรกิจอื่นนายพิธา :
- แกะกระดุมธุรกิจ‘ทิม-พิธา’อดีตผู้บริหาร บ.น้ำมันรำข้าว ‘ของจริง’ในสภาฯ ?
- ที่แท้ ‘พิธา’โอนหุ้น น้ำมันรำให้แม่! ส่ง บอจ. 2 ครั้ง – แก้ไขวันลงทะเบียนใหม่
- แจ้งวัตถุประสงค์ทำสื่อ บ.โฮลดิ้ง‘พิธา’– แก้ไขบัญชีผู้ถือหุ้นหลังสมัคร ส.ส. โอนให้แม่
- เปิดธุรกิจสปา ‘พิธา-อดีต ภรรยา’ ที่มา ‘เรืองไกร’ยื่นสอบบัญชีทรัพย์สิน
- เปิดบริการอยู่! ตามไปดูธุรกิจสปา‘พิธา-อดีต ภรรยา’ ปม ‘เรืองไกร’ ยื่นสอบบัญชีทรัพย์สิน
- ตามส่อง บ.สิงคโปร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันรำข้าว อดีตธุรกิจ 'พิธา' ใครเจ้าของตัวจริง?
- ข้อมูลใหม่! บ.สิงคโปร์ เข้าถือหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันรำข้าว อดีตธุรกิจ'พิธา'หลังจัดตั้ง 11 วัน?
- เปิดชัด ๆ (2) เงื่อนปมหนี้ค้ำประกัน 800 ล้าน 'พิธา-ครอบครัว' ในบัญชีฯ แจ้ง ป.ป.ช.
- ข้อมูลใหม่! บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว'พิธา' ถูกสรรพากรสอบ แจ้งระงับขีดชื่อ-เสร็จชำระบัญชีแล้ว
- เปิดชัดๆ (3) ประกาศศาลล้มละลายฯ บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว 'พิธา' เคยยื่นขอฟื้นฟูกิจการจริง
- 'อาร์นี่ โอตะวะ'กก.บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว 'พิธา' ชื่อ-สัญชาติฟินแลนด์ เหมือน 'ราชาบิทคอยน์'
- หลักฐานสิงคโปร์ ชัด! 'อาร์นี่ โอตะวะ' เจ้าของหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว 'พิธา'
- ปริศนาแหล่งเงิน?'อาร์นี่ โอตะวะ' ลงทุนบ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว'พิธา'48 ล้าน-จ่ายสด 2.9 ล.