ที่ประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลดัน ‘พิธา’ เป็นนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 วันที่ 19 ก.ค. 66 นี้ เผยวาระแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 เป็นวาระของก้าวไกลพรรคเดียว มั่นใจการดันต่อรอบ 2 ไม่ขัดข้อบังคับที่ 41 รับคุยพรรคร่วมรัฐบาลเดิม แต่ไม่คุยพรรคลุง แย้มช่องถอยให้ ‘เพื่อไทย’ เมื่อมีคะแนนขึ้น 10% แต่ไม่ถึง 376 เสียง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ตึกไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ มีการนัดหมายประชุมร่วม 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล โดยเริ่มต้นประชุมตั้งแต่เวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา
จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า ได้มีมติ 3 ข้อคือ 1. วันที่ 19 ก.ค. 66 นี้ จะเสนอนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง 2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 272 ให้เป็นที่ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลเสนอเอง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับอีก 7 พรรค
และ 3. กรณีที่มีวุฒิสมาชิกบางท่าน อ้างถึงข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ข้อที่ 41 ที่ว่า “ญัตติใดตกไปแล้ว ห้ามนำญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันขึ้นเสนออีกในสมัยประชุมเดียวกัน เว้นแต่ญัตติที่ยังมิได้มีการลงมติหรือญัตติที่ประธานรัฐสภาจะอนุญาต ในเมื่อพิจารณาเห็นว่า เหตุการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป” ในทางกฎหมายพิจารณาแล้วไม่น่าจะเข้ากับข้อบังคับดังกล่าว เพราะการเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ไม่ถือเป็นญัตติ
เมื่อถามว่า จะตั้งหลักอย่างไรหากยังไม่สามารถได้รับคะแนนโหวตอีก นายพิธาตอบว่า อย่างที่ได้แถลงไปเมื่อวันเสาร์ (15 ก.ค.66) หากคะแนนได้ไม่ถึงอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็พร้อมจะถอยให้กับประเทศชาติและให้กับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล แต่อีกสมรภูมิคือ การยื่นแก้ไขมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญก็จะดำเนินการต่อไป เพราะเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกลพิจารณาดำเนินการเอง
ถามอีกว่า หากในรัฐสภามีการตีความว่า การเสนอนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดข้อบังคับที่ 41 ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 ทาง 8 พรรคจะดำเนินการต่ออย่างไร นายพิธาระบุว่า มีข้อสรุปเกี่ยวกับการตีความในฝั่งของทั้ง 8 พรรคแล้ว วันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.66) จะมีการประชุมวิปอีกรอบหนึ่ง ก็น่าจะเห็นตรงกัน ต้องรอฟังทางวิปว่า ฝั่งตรงข้ามจะให้เหตุผลอย่างไร
ส่วนการเดินหน้าต่อของทั้ง 8 พรรค นายพิธายืนยันว่า ยังไปต่อ ถึงได้มีมติวันนี้ออกมา ยังเป็นไปได้ด้วยดี มีความพยายามตั้งรัฐบาลของประชาชน ส่วนที่มีการหารือกับพรรคประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนา ไม่ได้เป็นมติของทั้ง 8 พรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเตรียมรายชื่อสำรองไว้หรือไม่ นายพิธาตอบว่า ยังไม่มี ส่วนการรวบรวมเสียง ส.ว.นั้น ยังมีการพูดคุยเพิ่มเรื่อยๆ และได้แลกเปลี่ยนกับ ส.ว.ที่ไม่ได้มาด้วย ซึ่งก็มีโอกาสแลกเปลี่ยนและมีความเป็นไปได้ที่จะคุยกัน
ขณะที่กระแสข่าวการไปพูดคุยกับกลุ่มพรรคร่วมรัฐบาลเดิม นายพิธาชี้แจงว่า เป็นเรื่องปกติในการหารือประเด็นทางการเมืองทั้ง ส.ส.และส.ว. แต่ไม่ได้มีการเชิญร่วมรัฐบาล โดยคุยกับทุกพรรคการเมืองยกเว้นพรรคลุง เป็นการแลกเปลี่ยนทางการเมืองทั่วไป ไม่มีการโทรไปขอเสียง และไม่ขอวิจารณ์ถึงกระแสข่าวดังกล่าว เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามย้ำกรณีที่จะถอยให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาล หากคะแนนโหวตมีนัยยะสำคัญนับที่เท่าไหร่ นายพิธาตอบว่า สัก 10% จากครั้งที่แล้ว สัก 324 เป็น 344 - 345 เสียง ก็น่าจะเป็นไปในลักษณะแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจกั๊กไว้ แต่ต้องมีตัวเลขที่ประชาชนไม่รู้สึกฝืนสายตา
เมื่อถามอีกถึงการเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีแข่ง นายพิธามองว่า เท่าที่รับทราบจากการสัมภาษณ์ของหลายๆพรรค ทุกคนพูดตรงกันหมดว่าการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย, นายธนกร วังบุญคงชนะและนายอนุชา นาคาสัยจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็พูดตรงกัน ดังนั้น ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ส่วนกรณีมีกระแสข่าวจะผลักดันพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายพิธาตอบว่า ต้องวานนักข่าวไปถามเองแล้ว
ส่วนกระแสข่าวที่มีการซื้องูเห่าจากพรรคก้าวไกลไปร่วมโหวต นายพิธายืนยันว่า ไม่มี และได้เช็กกระแสข่าวตลอด เชื่อว่าทุกคนมีบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และทางพรรคเพื่อไทยก็คงจะคิดเช่นเดียวกัน
ขณะที่การถอยในเรื่องของการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายพิธาระบุว่า น่าจะเป็นข้ออ้างที่อยู่ข้างหน้าแต่มีหลายเรื่องที่อยู่ข้างหลัง และอาจจะกระทบไปถึงเรื่องของสัมปทาน ผลประโยชน์ การปฏิรูปกองทัพ และการปฏิรูปกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) มากกว่า เพราะฉะนั้นเรื่องการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง และถ้าเรื่องนี้หายไปก็จะอ้างเรื่องอื่นขึ้นมาอีก และที่สำคัญที่สุด ต้องการรักษาคำพูด คือก่อนหาเสียงพูดอย่างไร หลังหาเสียงก็ไม่ควรทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าสู่อำนาจ ยกเว้นแต่ว่าจะมีเรื่องที่มีน้ำหนักจริงๆเท่านั้น
อ่านประกอบ
เรื่องเกี่ยวกับกรณีที่ดิน-ทรัพย์สิน ของนายพิธา :
- เผยโฉมที่ดินแปลงงาม อ.ปราณบุรี 14 ไร่ 18 ล. ‘พิธา’ ติดคลอง 2 ด้าน
- ตามไปดูที่ดินแปลงงาม 'พิธา' 14 ไร่ อ.ปราณบุรี แจ้ง ป.ป.ช.18 ล. เพิ่งขายไป 6.5 ล.?
- ชัด! เปิดหนังสือสัญญาขายที่ดิน 14 ไร่ อ.ปราณบุรี ‘พิธา’ 6.5 ล.
- จดทะเบียนขายต่ำกว่าราคาประเมิน 2.2 ล.! ที่ดิน 14 ไร่ ปราณบุรี ‘พิธา’
- เปิดคำชี้แจง 'ผู้ซื้อ' ที่ดิน14ไร่ ‘พิธา’ 6.5 ล. ไฉนซื้อได้ต่ำกว่าราคาประเมิน?
- เปิดตัว‘ดนัย’ คนรับซื้อที่ดิน 14 ไร่ ปราณบุรี ‘พิธา’ กก.ถือหุ้น 6 บริษัท
- เปิดโฉนด 14 ไร่ ปราณบุรี ‘พิธา’ รับโอนมรดกจากพ่อ 10 เม.ย.2560 ไฉน! ไม่เหมือนหุ้นไอทีวี?
- ย้อนดูบัญชีฯ‘พิธา’137.7 ล.!คอนโดฯน้อง-รถเบนซ์แม่-ที่ดิน‘ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์’
- เหลือ 85 ล.! ทรัพย์สิน 'พิธา' พ้น ส.ส. ให้น้องกู้ยืม 15 ล. มีใบจองรถ Tesla
- ปม ผจก.มรดก! ป.ป.ช.ขอเอกสาร 'พิธา' เพิ่ม-เจ้าตัวยื่นขยายระยะเวลา เดดไลน์ 23 ก.ค.
- 'เรืองไกร' จี้กกต.สอบปมความต่าง 'โอนหุ้น ITV-ขายที่ดินปราณบุรี' ของ 'พิธา'
- โชว์ข้อมูล เงินกู้ 15 ล้าน 'พิธา' ให้ 'น้องชาย' ยืมไปชำระหนี้ คิดดอกร้อยละ 2 ต่อปี
- ที่มาหนี้ค้ำประกัน 19.9 ล.'พิธา'! ธ.ยูโอบี แจ้งโนติส บ.น้ำมันรำข้าว ผิดนัดชำระหนี้ 59 ล.
- แกะรอย! คอนโดฯ ‘พิธา - น้องชาย’ 60.5 ล. หายไปไหน ?
- โชว์ภาพ! บ่อน้ำในที่ดิน 'พิธา' -ผู้ซื้อแจงรอบ 2 ปม'ไม่ครบโฉนด' เหตุลดราคาเหลือ 6.5 ล.
- เปิดแคชเชียร์เช็ค 6 ล. ค่าที่ดินปราณบุรี จ่าย‘พิธา’ อีก 5 แสน ‘เงินสด’
- พร้อมแจง ป.ป.ช. ‘พิธา’ ไม่ตอบ ‘อิศรา’ ปมขายที่ต่ำกว่าราคาประเมิน
- ที่ดิน 14 ไร่ปราณบุรี ‘พิธา’ แจ้งวันรับโอนมรดก 3.6 ล. ไฉนยื่น ป.ป.ช. 18 ล.?
- เงื่อนปม! ไฉน‘พิธา’ยกเลิกรังวัดโฉนดที่ดินปราณบุรี
เรื่องเกี่ยวกับกรณีหุ้นไอทีวี ของนายพิธา :
- เปิดข้อมูลประกอบพิจารณา'6 ข้อ' กรณีหุ้นไอทีวี ‘พิธา’
- จ่อยื่นศาลรธน.ตีความ!'เรืองไกร' ส่งหลักฐาน'พิธา' ปมถือหุ้น ITV ให้ กกต.เพิ่ม 2 รายการ
- 'เรืองไกร' ยื่นหลักฐาน 'พิธา' ปมถือหุ้น ITV เพิ่มให้ กกต.
- ดูชัด ๆ หุ้นITV ‘พิธา’ 42,000 หุ้น ปี 2551-2566 ไม่ระบุ ‘ผจก.กองมรดก’
- ‘เรืองไกร’ ยื่นหลักฐานเพิ่มปม ‘พิธา’ ถือหุ้น ITV เทียบกรณี ‘ธัญญ์วาริน’ พ้น ส.ส.
- พลิกคำพิพากษาศาล รธน.คดีหุ้นสื่อ ส.ส.‘ธัญญ์วาริน’ เพียง‘ถือ-ประกอบการ’ ไม่รอด
- ย้อนคำพิพากษา 4 คดีหุ้นสื่อในศาลฎีกาเทียบไอทีวี‘พิธา’: ถือ-หยุดกิจการ-ไม่จดเลิก ไม่รอด
- พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ : แจงยิบปมหุ้น ITV โอนให้ทายาทอื่นแล้ว มั่นใจพร้อมชี้แจง กกต.
- เปิดแบบนำส่งงบการเงิน ITV ปี 2558 -2565 ล่าสุดระบุชัด‘สื่อโทรทัศน์’ ก่อน‘พิธา’อ้างมีพิรุธ
- เป็นผอ.สนง.อินทัช! คนทำบัญชี ITV ยังไม่แจงปม'พิธา’ชี้พิรุธแบบส.บช.3 แก้ 'สื่อโทรทัศน์'
- ให้ถามอินทัช! ผู้สอบบัญชี ITV ก็ไม่แจงปม'พิธา’ชี้พิรุธแบบส.บช.3 แก้ 'สื่อโทรทัศน์'
- ‘สถานะ’ ไอทีวีปมหุ้น ‘พิธา’ ! หมายเหตุประกอบงบฯ ฉบับล่าสุด ชัด ‘ดำเนินการค้าตามปกติ’
- พลิกธุรกิจ ‘ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์’ ตัวช่วย‘พิธา’รับโอนหุ้นร้อน ITV?
- เปิดชัดๆ รายละเอียดคำสั่งศาลแพ่ง ตั้ง 'พิธา' ผจก.มรดก ถือหุ้นไอทีวี ในบัญชีฯ แจ้ง ป.ป.ช.
- ดูชัด ๆ ‘วัตถุประสงค์’ 5 ใน 45 ข้อ ‘ไอทีวี’ จดแจ้งประกอบกิจการสื่อ
- ‘พิธา’ รับหุ้น บ.โฮลดิ้งจากบิดาปี 2553 โอนต่อให้แม่ปี 2561 ต่างจากปมไอทีวี?
- 'เรืองไกร' ยื่น กกต.จี้สอบ 'พิธา' ปมยื่นรายการทรัพย์มรดกที่ดิน ไฉนไม่เหมือนหุ้น ITV
เรื่องเกี่ยวข้องธุรกิจอื่นนายพิธา :
- แกะกระดุมธุรกิจ‘ทิม-พิธา’อดีตผู้บริหาร บ.น้ำมันรำข้าว ‘ของจริง’ในสภาฯ ?
- ที่แท้ ‘พิธา’โอนหุ้น น้ำมันรำให้แม่! ส่ง บอจ. 2 ครั้ง – แก้ไขวันลงทะเบียนใหม่
- แจ้งวัตถุประสงค์ทำสื่อ บ.โฮลดิ้ง‘พิธา’– แก้ไขบัญชีผู้ถือหุ้นหลังสมัคร ส.ส. โอนให้แม่
- เปิดธุรกิจสปา ‘พิธา-อดีต ภรรยา’ ที่มา ‘เรืองไกร’ยื่นสอบบัญชีทรัพย์สิน
- เปิดบริการอยู่! ตามไปดูธุรกิจสปา‘พิธา-อดีต ภรรยา’ ปม ‘เรืองไกร’ ยื่นสอบบัญชีทรัพย์สิน
- ตามส่อง บ.สิงคโปร์ ผู้ถือหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันรำข้าว อดีตธุรกิจ 'พิธา' ใครเจ้าของตัวจริง?
- ข้อมูลใหม่! บ.สิงคโปร์ เข้าถือหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันรำข้าว อดีตธุรกิจ'พิธา'หลังจัดตั้ง 11 วัน?
- เปิดชัด ๆ (2) เงื่อนปมหนี้ค้ำประกัน 800 ล้าน 'พิธา-ครอบครัว' ในบัญชีฯ แจ้ง ป.ป.ช.
- ข้อมูลใหม่! บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว'พิธา' ถูกสรรพากรสอบ แจ้งระงับขีดชื่อ-เสร็จชำระบัญชีแล้ว
- เปิดชัดๆ (3) ประกาศศาลล้มละลายฯ บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว 'พิธา' เคยยื่นขอฟื้นฟูกิจการจริง
- 'อาร์นี่ โอตะวะ'กก.บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว 'พิธา' ชื่อ-สัญชาติฟินแลนด์ เหมือน 'ราชาบิทคอยน์'
- หลักฐานสิงคโปร์ ชัด! 'อาร์นี่ โอตะวะ' เจ้าของหุ้นใหญ่ บ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว 'พิธา'
- ปริศนาแหล่งเงิน?'อาร์นี่ โอตะวะ' ลงทุนบ.น้ำมันรำข้าวครอบครัว'พิธา'48 ล้าน-จ่ายสด 2.9 ล.