ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘นาวิน ลาธุลี’ ส.อบจ.อุบลราชธานี จงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. ไม่ยื่นบัญชีเงินฝากธนาคารในชื่อเมีย 4 รายการ ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท -รอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า นายนาวิน ลาธุลี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) อุบลราชธานี ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบ มาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี กรณีไม่แสดงบัญชีเงินฝากธนาคาร 4 บัญชีจากจำนวน 8 บัญชี ของนางสาวสุนันทา ลาธุลี คู่สมรส ผู้ถูกกล่าวหา อยู่ในวิสัยและความคาดหมายที่จะรับรู้ถึงความมีอยู่จริงและความถูกต้องของบัญชีเงินฝากดังกล่าวได้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินส่วนนี้ต่อ ป.ป.ช. (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 9/2568 วันที่ 11 มีนาคม 2568 )
รายละอียดคำพิพากษาฉบับเต็ม
คำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อม. 12/2567 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 9/2568 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วันที่ 11 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2568 ระหว่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้ร้อง นายนาวิน ลาธุลี ผู้ถูกกล่าวหา เรื่อง การแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะที่มีอยู่จริงต่อผู้ร้อง แต่จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง กับลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81, 114 วรรคสอง (1), 167
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
@ยื่นพ้นจากตำแหน่ง-ขยายเวลาอีก 3 ครั้ง
พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวนและข้อเท็จจริงที่คู่ความรับกันในชั้นตรวจพยานหลักฐาน ประกอบสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังเป็นยุติว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2555 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2562 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และเอกสารประกอบ กรณีพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 47 ถึง 60 และยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2562 ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 61 ถึง 100 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 101 ถึง 126 ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 เอกสารหมาย ร.9 หน้า 127 ถึง 135 ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนสมรสกับนางสาวสุนันทา ลาธุลี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2557
คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สิน ประจำภาค 3 ในการประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 มีมติให้ดำเนินการตรวจสอบเพิ่มเติม เนื่องจากผู้ยื่นมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นไม่สัมพันธ์กับรายได้ ตามเอกสารหมาย ร.20 หน้า 354
กลุ่มงานตรวจสอบทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ประจำจังหวัดอุบลราชธานี ทำบันทึกที่ 40 (อบ)/0206 ลงวันที่ 11 เมษายน 2566 เพื่อขออนุมัติตรวจสอบยืนยันโดยขอทราบข้อเท็จจริงและเอกสารพยานหลักฐานไปยังหน่วยงานภายนอกที่เกี่ยวข้อง ตามเอกสารหมาย ร.20 หน้า 359 สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานีมีหนังสือ ลับ ด่วน ที่ 0040 (อบ) /1990 ลงวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ถึงผู้ถูกกล่าวหา เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 172 วันที่ 24 สิงหาคม 2566
ผู้ถูกกล่าวหามาพบเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินประจำจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ประสงค์จะชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินภายในวันที่ 7 กันยายน 2566 ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 173 ถึง 177
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี มีหนังสือลับ ด่วน ที่ ปช 0040 (อบ) /2112 ลงวันที่ 4 กันยายน 2566 ถึงผู้ถูกกล่าวหาเพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 183 ถึง 184 วันที่ 5 กันยายน 2566
ผู้ถูกกล่าวหา มีหนังสือขอขยายระยะเวลาการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปจนถึงวันที่ 23 กันยายน 2566 ตามเอกสาร หมาย ร.18 หน้า 181 สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดอุบลราชธานี มีหนังสือ ลับ ด่วน ที่ ปช 0040 (อบ)/2116 ลงวันที่ 5 กันยายน 2566 แจ้งอนุญาตขยายเวลาให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบ ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 182 วันที่ 11 กันยายน 2566 ผู้ถูกกล่าวหามาพบเจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สินประจำ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งแจ้งให้ทราบว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานีตรวจสอบทรัพย์สิน และหนี้สินแล้ว มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะสนับสนุนข้อกล่าวหาว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง จึงแจ้งข้อกล่าวหา ให้ทราบตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 และระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของ เจ้าพนักงานของรัฐ และการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 ข้อ 36 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา ลงลายมือชื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 185 ถึง 186 วันที่ 21 กันยายน 2566
ผู้ถูกกล่าวหายื่นหนังสือขอขยายระยะเวลาการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาโดยอ้างเหตุว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานีแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม จึงขอขยายระยะเวลาชี้แจงข้อกล่าวหาถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2566 ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 190
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี มีหนังสือ ลับ ด่วน ที่ ปช 0040 (อบ)/2176 ลงวันที่ 21 กันยายน 2566 ถึงผู้ถูกกล่าวหาว่าอนุญาตให้ขยายระยะเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ถึงวันที่ 7 ตุลาคม 2556 ตามเอกสารหมาย ร.18 หน้า 191 วันที่ 6 ตุลาคม 2566 ผู้ถูกกล่าวหายื่นหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหา ตามเอกสารหมาย ร.19 หน้า 192 ถึง 352
@ไม่แสดงเงินฝากธนาคาร 8 รายการ
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินประจำภาค 3 พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่แสดงรายการเงินฝากธนาคารของนางสาวสุนันทา ลาธุลี คู่สมรส จำนวน 8 บัญชี ได้แก่
1. เงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ชื่อบัญชี นางสาว สุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 4520374154 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินคงเหลือ 1,023,594.28 บาท ตามเอกสารหมาย ร.10 หน้า 137
2. เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081110095962 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินคงเหลือ 28,692.47 บาท ตามเอกสารหมาย ร.11 หน้า 139 ถึง 143
3. เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081150005171 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินคงเหลือ 210,594.64 บาท ตามเอกสารหมาย ร.12 หน้า 144 ถึง 165
4. เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081730001226 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินคงเหลือ 315,014.45 บาท ตามเอกสารหมาย ร.13 หน้า 166
5. เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081730002044 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินคงเหลือ 1,035,915.82 บาท ตามเอกสารหมาย ร.14 หน้า 167
6. เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081710002420 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินคงเหลือ 713,730.57 บาท ตามเอกสารหมาย ร.15 หน้า 168 ถึง 169
7. เงินฝาก ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081750003169 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินฝากคงเหลือ 1,058,450.27 บาท ตามเอกสารหมาย ร.16 หน้า 170
8. เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 400130000316 ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 มียอดเงินคงเหลือ 351,771.16 บาท ตามเอกสาร หมาย ร.17 หน้า 171 นั้น
เป็นกรณีที่มีพฤติการณ์จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 จึงเห็นควรเสนอเรื่องให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาและเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมืองวินิจฉัยต่อไป ตามเอกสารหมาย ร.21 หน้า 418 ถึง 432
วันที่ 22 มกราคม 2567 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นชอบตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินประจำภาค 3 เสนอ ตามเอกสารหมาย ร.22 หน้า 433 ถึง 440
สำหรับรายการ เงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081110095962 ตามเอกสารหมาย ร.11 หน้า 139 ถึง 143 ผู้ถูกกล่าวหายื่นรายการเดินบัญชีต่อผู้ร้องแล้ว เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 และยื่นเพิ่มเติมวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 101, 114, 115 และหน้า 127, 130 ตามลำดับ ส่วนรายการเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี เลขที่บัญชี 081150005171 ตามเอกสารหมาย ร.12 หน้า144 ถึง 165 ผู้ถูกกล่าวหายื่นรายการเดินบัญชีต่อผู้ร้องแล้วเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 และยื่นเพิ่มเติม วันที่ 23 ธันวาคม 2565 ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 101, 108, 109 และหน้า 127 ถึง 129 ตามลำดับ โดยเอกสารดังกล่าวทั้งสองบัญชีไม่แสดงยอดเงิน ณ วันที่ 31 มกราคม 2562 ซึ่งเป็นวันพ้นจากตำแหน่ง
@วินิจฉัยรายบัญชี
ปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้น จากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีหรือไม่
เห็นควรพิจารณา แยกเป็นรายบัญชี ดังต่อไปนี้
@บัญชีแรก: เปิดรับรายได้ขายสลาก-ยอดเงินเคลื่อนไหวต่อเนื่องยอดหลักแสน ถือปกปิด
สำหรับบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกรุงไทย บัญชีเลขที่ 4520374154 ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 1 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความสอดคล้อง กับนางสาวสุนันทาว่า เดิมเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 นางสาวสุนันทา เปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 2870018568 ตามเอกสารหมาย ค.3 ไว้เพื่อใช้จ่ายส่วนตัวมาตั้งแต่ก่อนสมรส เป็นเงินเก็บสะสมที่ได้มาจากเงินเดือน ภายหลังจากสมรสก็ใช้เป็นบัญชีใช้จ่ายและเก็บเงินจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลหน้าร้านที่ดูแลให้สามี จากนั้นประมาณเดือนกันยายน 2558 นางสาวสุนันทา ได้รับคำเชิญชวนจากพนักงานธนาคารว่ามีโปรโมชั่นเงินฝากประจำซึ่งจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราสูง จึงเปิดบัญชีเงินฝากประจำ 8 เดือน บัญชีเลขที่ 4522011199 และเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 4520374154 บัญชีเงินฝากรายการที่ 1 เพื่อรับดอกเบี้ยและต้นเงินคืนเมื่อบัญชี เงินฝากประจำดังกล่าวครบกำหนดในวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 นั้น
เห็นว่า เมื่อพิจารณารายการเดินบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ บัญชีเลขที่ 2870018568 ตามเอกสารหมาย ค.4 หน้า 54 ถึง 199 แล้ว ปรากฏรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นเงินฝากจำนวนหลักแสนบาทและหลายแสนบาทต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ภายหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาสมรสกับนางสาวสุนันทาเรื่อยไปจนกระทั่งมีการถอนเงินออกจากบัญชีนี้เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2558 จำนวน 1,000,000 บาท บัญชีนี้ก็ยังคงมีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีต่อเนื่องเรื่อยมา เพียงแต่ยอดเงินในบัญชีคงเหลือน้อยลงมาตามลำดับ ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าเงินจำนวน 1,000,000 บาท ที่ถอนออกไปเพื่อนำฝากเข้าบัญชีเงินฝากประจำ 8 เดือน ซึ่งภายหลังถูกถอนและโอนฝากอัตโนมัติเข้าไปยังบัญชีเงินฝากรายการที่ 1 นั้น รวมถึงเงินส่วนที่ เป็นสินสมรสหรือรายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลหน้าร้านดังที่ผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความระคนปนอยู่เป็นจำนวนเดียวกันอย่างแยกไม่ออก เมื่อผู้ถูกกล่าวเองก็เบิกความยอมรับว่า ผู้ถูกกล่าวหาให้คู่สมรสเป็นผู้ดูแลเงินสดทั้งหมด ไม่เคยตรวจสอบบัญชี คู่สมรสแจ้งว่ามีเงินผลกำไร จากการขายเท่าไหร่ และนำเงินที่ได้แต่ละงวดเข้าบัญชีเท่าไหร่ ผู้ถูกกล่าวหาก็ทราบตามที่คู่สมรส แจ้งโดยไม่เคยสงสัยหรือตรวจสอบยอดเงินเลย ดังนี้ จึงเชื่อได้ว่าอยู่ในวิสัยและความคาดหมาย ที่ผู้ถูกกล่าวหาจะรับรู้ถึงความถูกต้องและความมีอยู่จริงของบัญชีเงินฝากรายการนี้ได้เป็นอย่างดี
@บัญชีที่ 2 : เคลื่อนไหวไม่มาก-ยื่นเพิ่มแล้ว ถือว่าไม่จงใจปกปิด
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ บัญชีเลขที่ 081110095962 ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 2 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความ สอดคล้องกับนางสาวสุนันทาว่า เป็นบัญชีรับเงินเดือนของนางสาวสุนันทาในฐานะลูกจ้างของธนาคาร มีการเคลื่อนไหวทางบัญชีอย่างสม่ำเสมอ และเคยยื่นในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 โดยนำส่งสำเนาบัญชีธนาคารตามเอกสาร หมาย ร.9 หน้า 101, 114 และ 115 และยื่นเพิ่มเติมครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 โดยส่งสำเนารายการเดินบัญชี 1 แผ่น ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 127 และ 130 นั้น
องค์คณะ ผู้พิพากษาเสียงข้างมาก เห็นว่า เมื่อพิจารณาหลักฐานการยื่นคำขอเปิดบัญชีตามเอกสารหมาย ค.6 หน้า 236 แล้ว ปรากฏว่ามีการยื่นคำขอเปิดบัญชีเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554 ซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนสมรสกับนางสาวสุนันทา ประกอบกับเมื่อพิจารณารายการเดินบัญชีตามเอกสารหมาย ร.11 หน้า 138 ถึง 143 แล้ว มีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีสม่ำเสมอโดยเฉพาะเป็นการฝากเงินจำนวนไม่มาก บางครั้งหลักพันบาทและบางครั้งหลักหมื่นบาท โดยเฉพาะ ณ วันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งมีเงินฝากคงเหลือในบัญชีเพียง 28,692.47 บาท เมื่อผู้ร้อง มีหนังสือถึงผู้ถูกกล่าวหาให้ยื่นเอกสารประกอบเพิ่มเติม ผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวสุนันทาก็แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ตามใบรับเอกสารเพิ่มเติมครั้งที่ 2 หมาย ร.9 หน้า 101 และ 127 ส่วนที่ธนาคารจะส่งเอกสารหลักฐานมาให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาอย่างไร จะสื่อสารกันโดยคลาดเคลื่อนระหว่างผู้ร้องกับผู้ถูกกล่าวหา หรือระหว่างผู้ถูกกล่าวหากับธนาคาร หรือไม่ อย่างไรก็เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวสุนันทา โดยพยานหลักฐานจึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ขวนขวายใส่ใจต่อหน้าที่แล้ว ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอให้ฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจที่จะไม่ยื่นแสดงบัญชีเงินฝากธนาคารรายการนี้
@บัญชีที่ 3 : เปิดรับเงินเดือนฐานะพนักงานธนาคาร ยอดเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ แต่ได้ยื่นเพิ่ม ถือว่าไม่จงใจ
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ บัญชีเลขที่ 081150005171 ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 3 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความสอดคล้องกับนางสาวสุนันทาว่า เป็นบัญชีรับเงินเดือนของนางสาวสุนันทาในฐานะพนักงานธนาคาร มีการเคลื่อนไหวทางบัญชีอย่างสม่ำเสมอ และเคยยื่นไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินเพิ่มเติมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2562 โดยนำส่งสำเนาบัญชีธนาคารและรายการเดินบัญชี ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 101, 108 และ 109 และยื่นเพิ่มเติมครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2565 โดยส่งสำเนารายการเดินบัญชีตามคำแนะนำของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามเอกสารหมาย ร.9 หน้า 127, 128 และ 129 ทำนองเดียวกับบัญชีเงินฝากรายการที่ 2 นั้น
องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก เห็นว่า เมื่อพิจารณาหลักฐานการยื่นคำขอเปิดบัญชีตามเอกสารหมาย ค.8 หน้า 242 แล้ว ปรากฏว่า มีการยื่นคำขอเปิดบัญชีเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2558 ซึ่งแม้จะเป็นเวลาภายหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนสมรสกับนางสาวสุนันทาแล้ว แต่เมื่อพิจารณารายการเดินบัญชีตามเอกสารหมาย ร.12 หน้า 144 ถึง 165 ปรากฏรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยเฉพาะรายการ เงินฝากซึ่งมีจำนวนไม่มาก และเงินคงเหลือในบัญชี ณ วันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งมีเพียง 210,594.64 บาท ประกอบกับเมื่อผู้ร้องมีหนังสือขอให้ผู้ถูกกล่าวหายื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวสุนันทาก็ยินยอมส่งมอบหลักฐานซึ่งแสดงถึงมีความมีอยู่จริงและความถูกต้องแห่งบัญชีดังกล่าวต่อผู้ร้องด้วยดีเช่นเดียวกันกับบัญชีเงินฝากรายการที่ 2 โดยพยานหลักฐาน จึงยังไม่เพียงพอให้ฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจที่จะไม่ยื่นแสดงบัญชีเงินฝากธนาคารรายการนี้
@บัญชีที่ 4 :เงินส่วนตัว-ไม่เคลื่อนไหวต่อเนื่อง –เมียไม่แจ้งให้ทราบ ฟังขึ้น/ไม่เจตนาปกปิด
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ บัญชีเลขที่ 081730001226 ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 4 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความสอดคล้องกับนางสาวสุนันทาว่าเป็นเงินส่วนตัวของนางสาวสุนันทา เปิดบัญชีเงินฝากตั้งแต่ก่อนสมรส ตามหนังสือแจ้งข้อเท็จจริงและจัดส่งเอกสารหลักฐานของธนาคารอาคารสงเคราะห์ เอกสารหมาย ร.11 หน้า 138 หลังเปิดบัญชีผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวสุนันทาไม่เคยทำธุรกรรมใด ๆ กับบัญชีนี้ และนางสาวสุนันทาไม่เคยแจ้งให้ทราบว่าเป็นเจ้าของบัญชี นั้น
องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก เห็นว่า เมื่อพิจารณารายการเดินบัญชี เอกสารหมาย ร.13 หน้า 166 ปรากฏว่า ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ซึ่งเป็นวันเปิดบัญชีเงินฝาก มีรายการฝากเงิน 10,000 บาท และวันที่ 3 ตุลาคม 2557 ก่อนจดทะเบียนสมรส มีรายการฝากเงินเพิ่มอีก 290,000 บาท จากนั้นคงมีเพียงรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นดอกเบี้ยหลักพันบาท และมีเงินคงเหลือ ณ วันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจาก ตำแหน่ง 315,014.45 บาท ซึ่งไม่ปรากฏรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นการฝากเงินจำนวนมากและต่อเนื่องกัน อีกทั้งมิใช่บัญชีเงินเดือนของนางสาวสุนันทาหรือปรากฏข้อเท็จจริงอื่นว่าเป็นบัญชี สำหรับใช้เก็บออมรายได้จากขายสลากกินแบ่งรัฐบาลหน้าร้านดังเช่นบัญชีเงินฝากรายการที่ 1 ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ผู้ถูกกล่าวหาจะทราบได้ ดังนั้น หากนางสาวสุนันทามิได้แจ้งถึงความมีอยู่จริงของบัญชีเงินฝากรายการนี้ เพราะต้องการเก็บไว้ใช้ส่วนตัวในยามฉุกเฉินและจำเป็นก็ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้ที่ผู้ถูกกล่าวหาจะไม่ทราบ ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอให้ฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาที่จะไม่ยื่นแสดงบัญชีเงินฝากธนาคารรายการนี้
@บัญชีที่ 5 : ยอดล่าสุดกว่า 1 ล้าน /เคลื่อนไหวต่อเนื่อง ถือ ปกปิด
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ บัญชีเลขที่ 081730002044 ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 5 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความทำนองเดียวกับนางสาวสุนันทาว่า ตั้งแต่นางสาวสุนันทาเปิดบัญชีเงินฝากมาจนกระทั่งปัจจุบัน ผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวสุนันทาไม่เคยทำธุรกรรมใด ๆ กับบัญชีเงินฝากรายการนี้เลย รายกา เคลื่อนไหวทางบัญชีที่มีอยู่สม่ำเสมอเป็นรายการดอกเบี้ยเงินฝากนั้น
เห็นว่า นางสาวสุนันทาเปิด บัญชีเงินฝากนี้ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2558 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากที่สมรสกับผู้ถูกกล่าวหาแล้ว โดยมีรายการฝากเงิน ณ วันที่เปิดบัญชี 42,000 บาท ประกอบกับตามรายการเดินบัญชีเอกสาร หมาย ร.14 หน้า 167 ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 มีรายการฝากเงิน 290,000 บาท วันที่ 24 กันยายน 2558 มีรายการฝากเงิน 72,000 บาท และวันที่ 9 ตุลาคม 2558 มีรายการ ฝากเงินเพิ่มอีก 600,000 บาท ซึ่งนับได้ว่าเป็นเงินจำนวนที่มากและต่อเนื่องกัน ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางสาวสุนันทาเบิกความว่า เงินบัญชีนี้ได้มาจากการซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลหน้าร้าน อีกทั้งจำนวนเงินคงเหลือ ณ วันที่ ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งมีมากถึง 1,035,915.82 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเงินในบัญชี เงินฝากธนาคารรายการที่ 2 และที่ 3 ของนางสาวสุนันทายังถือได้ว่าเป็นเงินจำนวนมาก ดังนี้ จึงเชื่อได้ว่าอยู่ในวิสัยและความคาดหมายที่ผู้ถูกกล่าวหาจะรับรู้ถึงความถูกต้องและความมีอยู่จริง ของบัญชีเงินฝากรายการนี้ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกันกับบัญชีเงินฝากรายการที่ 1
@บัญชีที่ 6 : เปิดรับรายได้ขายสลากกินแบ่ง ยอดเคลื่อนไหวต่อเนื่อง ถือปกปิด
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ บัญชีเลขที่ 081710002420 ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 6 ผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความทำนองเดียวกับนางสาวสุนันทาว่า นางสาวสุนันทาเปิดบัญชีเงินฝากรายการนี้ไว้เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2557 ก่อนจดทะเบียนสมรส เป็นเงินส่วนตัวของนางสาวสุนันทา ตั้งแต่เปิดบัญชีผู้ถูกกล่าวหาและ นางสาวสุนันทาไม่เคยทำธุรกรรมใด ๆ กับบัญชีนี้เลย ผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่ทราบถึงความมีอยู่จริงของบัญชีดังกล่าวนั้น เมื่อพิจารณารายการเดินบัญชีเอกสารหมาย ร.15 หน้า 168 ร.16 หน้า 170 ประกอบเอกสารหมาย ค.13 หน้า 255 ซึ่งมีรายละเอียดตรงกันแล้ว ปรากฏว่ามีรายการฝากเงิน ครั้งแรกในวันที่เปิดบัญชีจำนวน 424,000 บาท แม้นางสาวสุนันทาเบิกความอ้างว่าเงินที่ฝาก เข้าบัญชีในช่วงวันที่ 13 มิถุนายน 2557 ถึงวันที่ 26 สิงหาคม 2557 จำนวน 669,579.23 บาท เป็นเงินส่วนตัวที่มีอยู่ก่อนสมรส นั้น
เห็นว่า ตามรายการเดินบัญชีดังกล่าวยังคงปรากฏว่ามีรายการฝากเงินหลักแสนบาทและหลายแสนบาทในช่วงเวลาไล่เลี่ยและต่อเนื่องกันภายหลังจากที่ผู้ถูกกล่าวหาและนางสาวสุนันทาจดทะเบียนสมรสกัน ข้อกล่าวอ้างว่าตั้งแต่เปิดบัญชีไม่เคยมีการทำธุรกรรมใด ๆ เกี่ยวกับบัญชีนี้ จึงขัดต่อพยานเอกสาร อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาเองเบิกความยอมรับ ว่าให้นางสาวสุนันทาเป็นผู้ดูแลรับเงินสดจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล คู่สมรสแจ้งว่ามีเงินผลกำไร เท่าใดและนำเงินที่ได้แต่ละงวดเข้าบัญชีเท่าไหร่ ก็รับทราบตามที่คู่สมรสแจ้ง เช่นเดียวกันกับ บัญชีเงินฝากรายการที่ 1 และที่ 5 และนอกจากรายได้ของนางสาวสุนันทาในการประกอบอาชีพเป็นพนักงานธนาคารแล้ว ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีรายได้อื่นใดอีก เว้นแต่รายได้จากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่หน้าร้าน ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าบัญชีเงินฝากรายการที่ 6 เป็นรายได้ส่วนใหญ่ที่มาจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่หน้าร้าน ดังนี้ จึงเชื่อได้ว่าอยู่ในวิสัยและความคาดหมายที่ผู้ถูกกล่าวหาจะรับรู้ถึงความถูกต้องและความมีอยู่จริงของบัญชีเงินฝากรายการนี้ได้เป็นอย่างดี
@บัญชีที่ 7 : มีเงินฝากต่อเนื่อง ถือปกปิด
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ บัญชีเลขที่ 081750003169 ชื่อบัญชี นางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 7 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความสอดคล้องกับนางสาวสุนันทาว่า นางสาวสุนันทาถอนเงินฝากจำนวน 1,000,000 บาท จากบัญชี เงินฝากรายการที่ 6 มาเปิดเป็นบัญชีเงินฝากรายการที่ 7 เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2558 ตามเอกสาร หมาย ค.15 หน้า 169 หลังจากนั้นไม่เคยทำธุรกรรมใด ๆ กับบัญชีนี้เลย นั้น
เห็นว่า เมื่อพิจารณา รายการเดินบัญชีเงินฝากรายการที่ 6 ซึ่งยังคงปรากฏว่ามีรายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นรายการ ฝากเงินต่อเนื่องเรื่อยมาและมีเงินฝากคงเหลือจำนวน 700,000 บาทเศษ ในวันที่ถอนเงินจำนวน 1,000,000 บาท ออกจากบัญชีตามที่อ้าง จึงฟังได้ว่าบัญชีเงินฝากรายการที่ 7 ตามเอกสารหมาย ร.15 หน้า 168 จำนวน 1,058,450.27 บาท เป็นผลประโยชน์ตอบแทนหรือรายได้อย่างอื่นที่ สืบเนื่องมาจากบัญชีเงินฝากรายการที่ 6 เมื่อเปรียบเทียบจำนวนเงินคงเหลือทั้งสองบัญชีดังกล่าว ในวันที่ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตำแหน่งกับจำนวนเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากรายการที่ 2 และที่ 3 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสยื่นบัญชีแสดงต่อผู้ร้องโดยถูกต้องนั้น นับได้ว่าเป็นจำนวนที่แตกต่าง กันมากอย่างมีนัยสำคัญ ดังนี้ จึงเชื่อได้ว่าอยู่ในวิสัยและความคาดหมายที่ผู้ถูกกล่าวหาจะรับรู้ถึงความถูกต้องและความมีอยู่จริงของบัญชีเงินฝากรายการนี้ได้เป็นอย่างดีเช่นเดียวกันกับ บัญชีเงินฝากรายการที่ 1 ที่ 5 และที่ 6
@บัญชีที่ 8 : เปิดเพื่อช่วยพนักงานธนาคาร เคลื่อนไหวหลักพันบาท ไม่มีเจตนาปกปิด
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์ บัญชีเลขที่ 400130000316 ชื่อบัญชีนางสาวสุนันทา ลาธุลี บัญชีเงินฝากรายการที่ 8 ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาให้การและเบิกความสอดคล้องกับนางสาวสุนันทาว่า เป็นเงินส่วนตัวของนางสาวสุนันทา ซึ่งเปิดบัญชีไว้ตั้งแต่ วันที่ 27 สิงหาคม 2556 ซึ่งเป็นเวลาก่อนสมรส โดยเฉพาะนางสาวสุนันทาเบิกความอธิบายว่าเป็น การเปิดบัญชีเพื่อช่วยเหลือเพื่อนพนักงานธนาคารต่างสาขาตามนโยบายเร่งรัดของธนาคารเพื่อหาลูกค้ามาเปิดบัญชีเงินฝาก ผู้ถูกกล่าวหาไม่เคยทราบและพยานก็ไม่เคยแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาทราบว่ามี บัญชีนี้อยู่นั้น
องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก เห็นว่า เมื่อพิจารณารายการเดินบัญชี เอกสารหมาย ค.16 หน้าที่ 269 ถึง 271 แล้ว มียอดเงินฝากตั้งแต่วันเปิดบัญชี 325,000 บาท หลังจากนั้น คงมีแต่รายการเคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นเพียงรายการดอกเบี้ยหลักพันบาท ซึ่งไม่ปรากฏรายการ เคลื่อนไหวทางบัญชีเป็นรายการฝากเงินเป็นจำนวนมากดังเช่นบัญชีเงินฝากรายการที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 ประกอบกับผู้ถูกกล่าวหามีนายชากร สุขเกษม เพื่อนร่วมงานของนางสาวสุนันทา มาเบิกความเป็นพยานต่อศาลเพื่ออธิบายถึงที่มาของการเปิดบัญชีสนับสนุนข้อต่อสู้ให้มีน้ำหนัก น่าเชื่อถือ เช่นนี้ หากนางสาวสุนันทามิได้แจ้งถึงความมีอยู่จริงของบัญชีเงินฝากรายการนี้ เพราะต้องการเก็บไว้ใช้ส่วนตัวในยามฉุกเฉินและจำเป็น ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ผู้ถูกกล่าวหา จะไม่ทราบ ทั้งมิใช่บัญชีเงินเดือนของนางสาวสุนันทาหรือปรากฏข้อเท็จจริงอื่นว่าเป็นบัญชีสำหรับใช้เก็บออมรายได้จากขายสลากกินแบ่งรัฐบาลหน้าร้านดังเช่นบัญชีเงินฝากรายการที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ผู้ถูกกล่าวหาจะทราบได้ ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงยังไม่เพียงพอให้ฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาที่จะไม่ยื่นแสดงบัญชีเงินฝากธนาคารรายการนี้
@ ข้อเท็จจริงรับรู้-จงใจปกปิด 4 บัญชีเงิน
เมื่อผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4 มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งตามมาตรา 102 (9) และมาตรา 105 ประกอบประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่น และสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 (9) พ.ศ. 2561 โดยเฉพาะปรากฏหลักฐานว่าผู้ถูกกล่าวหา เคยยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่งมาแล้ว ตามใบรับบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เอกสารหมาย ร.8 หน้า 38 ถึง 46 ย่อมทราบดีว่ามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามที่มีอยู่จริง อันเป็นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่งเป็นมาตรการที่กฎหมายบัญญัติเพื่อให้เกิดการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของเจ้าพนักงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ ประกอบกับข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่วินิจฉัยไว้ข้างต้นว่า ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในวิสัย และความคาดหมายที่จะรับรู้ถึงความมีอยู่จริงและความถูกต้องของบัญชีเงินฝากธนาคารรายการที่ 1 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 ของนางสาวสุนันทา ลาธุลี คู่สมรสได้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินส่วนนี้ จึงฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมี พฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น ส่วนบัญชีเงินฝากธนาคารรายการที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่ 8 เมื่อได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้วว่าผู้ถูกกล่าวหามิได้มีเจตนาที่จะไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากธนาคาร รายการดังกล่าว จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากธนาคารรายการดังกล่าว กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ปกปิดที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้นอีก ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้องถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไปตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบมาตรา 114 วรรคสาม และการกระทำของผู้ถูกกล่าวหายังเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินกรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานีตามมาตรา 167 ด้วย
@ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท -รอลงโทษ 1 ปี
พิพากษาว่า นายนาวิน ลาธุลี ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตลอดไป ตามมาตรา 81 วรรคหนึ่งและวรรคสอง ประกอบ มาตรา 114 วรรคสาม กับมีความผิดตามมาตรา 167 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30.
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเผยแพร่ ปี 2568
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘พรชัย’ นายก อบจ.อุบลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ นับโทษต่อ 2 คดีทุจริต (12)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน นายก อบต.ดงรัก จ.ศรีสะเกษ ไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้รอลงโทษ (11)
- องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ฯแก้โทษให้รอลงอาญา 2 ปี รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ (10
- ศาลฎีกาฯพิพากษานายก อบต.สมสะอาด จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน –รอลงโทษ (9)
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก อบต.นาคำใหญ่ จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน-รอลงโทษ (8)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ รองนายก อบต.บางกุ้ง จ.ตรัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง (7)
- ศาลฎีกาฯพิพากษา ‘อาแซ มาหะมะ’ นายกเทศฯ ต.ตอหลัง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ (6)
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘อนุชิต’ สท.เมืองบึงยี่โถ จ.ปทุมฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ จําคุก 2 เดือน รอลงโทษ (5)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน นายก อบต.หนองแสงใหญ่ จ.อุบลฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(4)
- ศาลฎีกาฯพิพากษาคุก 1 เดือน ‘ขนบ’ นายกอบต.โนนทัน จ.หนองบัวฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(3)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน ‘สมพงษ์’รองนายก อบต.ดอนกลาง มหาสารคาม ไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ(2)
- ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน ‘ชัชวาลย์ ’รองนายก อบจ.ตาก ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ-รอลงโทษ(1)
ข่าวคดีบัญชีทรัพย์สินผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรอบปี 2567 (เผยแพร่ 28 ม.ค.2567-12 ม.ค.2568)
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สิน 35 นักการเมืองท้องถิ่นปี 2567
- สรุปยอดคดีบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองท้องถิ่นปี 2567 มีความผิด 35 ราย คุกจริง 2 คน
- ศาลฎีกาฯจําคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองฉาง จ.อุทัยฯ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ รองนายกทต.ธาตุพนม ยื่นบัญชีฯเท็จ
- จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ อ้างป่วย! ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายก อบจ.สมุทรสาคร-รอลงโทษ
- จำคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ ‘นันทนิตร’ สท.เมืองศิลา ขอนแก่น จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.ถ้ำ จ.พังงา ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ‘มะหมัดนีซัม บิลังโหลด’นายกเทศฯ ต.เจ๊ะบิลัง สตูล ยื่นบัญชีเท็จ จำคุก 1 ด.-รอลงโทษ
- ศาลพิพากษา ‘ทรงยศ’ รองนายกเทศฯ ต.นาชะอัง ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ‘บุญชัย สีนานันท์’รองนายก อบต.ดอนจิก จ.อุบลฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม ‘ไพร พัฒโน’ นายกฯนครหาดใหญ่ ยื่นบัญชีฯเท็จจำคุก 1 เดือน
- ศาลฎีกาพิพากษา ‘ศิริชัย กุลาศรี’ ส.อบจ.มหาสารคาม ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง ศาลฎีกาฯ จำคุก 2 เดือน! รองนายก อบต.คลองโคน ยื่นบัญชีเท็จ-รอลงโทษ
- ให้พ้นตำแหน่ง! รองนายก อบต.น้ำผุด จ.สตูล จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 2 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาให้รองนายกเทศฯ ต.แพรกษา พ้นตำแหน่ง ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- คดีที่สอง!ศาลฎีกาฯจำคุก 2 เดือน นายก ทต.สระโบสถ์ จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ-รอลงโทษ
- ฉบับเต็ม!องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ ยืนยกคำร้อง รองนายก อบต.กันจุ ไม่ยื่นบัญชีฯอดีตเมีย
- รองนายก อบต.หนองบัวใต้ หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง จําคุก 2 เดือน ให้รอลงโทษ
- รองนายก อบต.เฉลียง จ.นครราชสีมา จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน จำคุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘พนมศิลป์’รองนายก ทต.ท่าอุเทน ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา‘สุรางค์ทิพย์’ส.อบจ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯ พิพากษา ส.อบจ.เพชรบูรณ์ ซุกเงินฝาก ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายกเทศฯต.โคกล่าม จ.ร้อยเอ็ด ไม่ยื่นบัญชีฯ คุก 1 เดือน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษา รองนายก อบต.วัด จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายกเทศฯ ต.โพธิ์ชัย ร้อยเอ็ด ยื่นบัญชีฯเท็จ
- พลิกคดีเก่า รองนายก อบจ.สกลฯ ยื่นบัญชีเท็จ 5 ครั้ง ก่อนทำผิดซ้ำ คราวนี้คุกจริง 6 เดือน
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกจริง 6 เดือน รองนายก อบจ.สกลนคร จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ-ทำผิดซ้ำ
- ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุก 1 เดือน‘เจริญพงษ์’ส.อบจ.พังงา ปกปิดทรัพย์สินฯ 11 รายการ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯจําคุก 2 เดือน ที่ปรึกษานายก อบจ.ร้อยเอ็ด จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุก 1 เดือน เลขาฯนายกท.นครสุราษฎร์ฯ ยื่นบัญชีฯเท็จ-รอลงโทษ
- ศาลฎีกาฯพิพากษารองนายก ทต.บ้านกล้วย ชัยนาท ยื่นบัญชีฯเท็จ คุก 1 เดือน ให้รอลงโทษ
- จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ รองนายก อบต.หนองแรต จ.ปัตตานี ไม่ยื่นบัญชีฯ ป.ป.ช.
- ศาลฎีกาฯจำคุก 1 เดือน รอลงโทษ สท.เมืองเขาสามยอด จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
- ศาลฎีกาฯพิพากษา สท.เมืองท่าใหม่ จันทบุรี ปกปิดทรัพย์สิน 12 ล. คุก 1 ด. รอลงโทษ
- ศาลฎีกาพิพากษารองนายก อบต.ชิงโค สงขลา ยื่นบัญชีฯเท็จ ปมเงินกู้ 2 ล. รอลงโทษจำคุก
- คุก 1 ด. รอลงโทษ! ศาลฎีกาฯพิพากษา นายก อบต.โคกกรวด นครนายก ยื่นบัญชีฯเท็จ
- ศาลฎีกาฯให้พ้นตำแหน่ง-ถอนสิทธิ์สมัครเลือกตั้ง! รองนายก อบต.ดูกอึ่ง ไม่ยื่นบัญชีฯป.ป.ช.
- ศาลฎีกาสั่งจำคุก 1 เดือน -รอลงโทษ รองนายก อบต.สักหลง จ.เพชรบูรณ์ ไม่ยื่นบัญชี
- ศาลฎีกาจำคุก 2 เดือน-รอลงโทษ นายก อบต.ด่านช้าง หนองบัวลำภู ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน