
ภายในเดือนมกราคม 2563 นายหู เสี่ยวเหว่ยก็ได้เป็นพลเมืองกัมพูชาภายใต้ชื่อเกิดของเขา สองปีต่อมา กัมพูชาแต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษา "มีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรี" ให้กับนายเฮง สัมริน นักการเมืองระดับสูงซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา(www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำความพยายามของต่างชาติในการคว่ำบาตรกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทปริ๊นซ์กรุ๊ป
โดยสำนักข่าว OCCRP (Organized Crime and Corruption Reporting Project) หรือสำนักข่าวที่ดำเนินการด้านการสืบสวนและรายงานข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมและการทุจริตได้รายงานข่าวกรณีบุคคลชื่อนายเฉิน เสี่ยวเอ๋อ (Chen Xiao’er ) หุ้นส่วนของนายเฉิน จื้อซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริษัทปรินซ์กรุ๊ป (Prince Group ) อย่างไรก็ตาม OCCRP สืบทราบข้อมูลว่านายเฉินยังคงถือครองทรัพย์สินจำนวนมากภายตอยชื่ออื่นๆ อาทิ ชื่อนายหวู อัน หมิง (Wu An Ming) แต่ชื่อปลอมดังกล่าวไม่ได้อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรโดยหน่วยงานชื่อมีอำนาจ
OCCRP ยังได้สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมว่านายเฉินอาจจะมีชื่ออื่นๆอีกสองชื่อได้ 1.นายหู ฉี (Hu Shi) และ 2.นายหู เสี่ยวเว่ย ( Hu Xiaowei) ชื่อตามสูติบัตร ผลจากการตรวจสอบชื่อดังกล่าวแสดงให้เห็นว่านายเฉิน เสี่ยวเอ๋อ หรือไม่ว่าจะชื่ออะไรก็ตาม มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับนายเฉิน จื้อและกลุ่มบริษัทนี้ มากกว่าที่หน่วยงานสหรัฐฯ ระบุไว้ ซึ่งรวมถึงการเป็นเจ้าของบริษัทสำคัญสองแห่งของปริ๊นซ์กรุ๊ป
มีรายงานว่าที่ไต้หวัน ทางการไต้หวันกำลังตรวจสอบชื่อหู เสี่ยวเว่ย ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่าบุคคลนี้อาจมีบทบาทสำคัญในบริษัทปริ๊นซ์กรุ๊ป โดยสื่อไต้หวันอ้างว่าอัยการไต้หวันได้ระบุว่านายหูนั้นเป็นผู้บัญชาการหมายเลขสองรองจากเฉิน จื้อ
แต่เจ้าหน้าที่ไต้หวันยังไม่ได้ดำเนินการเชื่อมโยงชื่อหู เสี่ยวเว่ยกับชื่อปลอมอื่นๆ
ส่วนนายเตียว กัง เหยี่ยว คลิฟฟ์ (Teo Kang Yeow Cliff ) ชายชาวสิงคโปร์ที่เคยบริหารบริษัทบางแห่งของ ปริ๊นซ์กรุ๊ป อ้างว่านายหูดำรงตำแหน่งที่สำคัญต่อนายเฉิน จื้อ
“หู เสี่ยวเว่ย คือคนที่นำเฉิน จื้อเข้ามาสู่ธุรกิจการเล่นเกมออนไลน์ เขาเป็นพี่ใหญ่ นั่นคือสิ่งที่นายเฉินบอกเสมอ เขาปฏิบัติด้วยความเคารพอย่างสูงสุดแน่นอน” นายเตียวกล่าว
สำหรับนายเตรียมถูกบริษัทในเครือปริ๊นซ์ 4 แห่งในไต้หวันฟ้องร้องด้วยข้อหายักยอกเงิน ส่วนนายเตียวกล่าวกับ OCCRP ว่าเขากลัวที่จะเดินทางไปไต้หวันและเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหา เนื้่องจากว่าเขาปฏิเสธและแพ้คดีที่นั่น จนเป็นเหตุทำให้ทางการไต้หวันออกหมายจับเขา
นายเตียวกล่าวว่าที่เขาพูดเรื่องนี้ออกมา เพราะว่าเขาเคยถูกดึงเข้าไปในธุรกิจของปริ๊นซ์กรุ๊ปโดยไม่รู้ตัว เพราะเข้าใจว่าเป็นธุรกิจถูกกฎหมาย แต่นายเตียวก็ได้แยกทางหลังจากที่มีข้อสงสัยเรื่องความถูกต้องของกิจการ
สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้ประกาศคว่ำบาตร ปริ๊นซ์กรุ๊ป ในเดือนตุลาคม โดยเป็นการดำเนินการร่วมกัน ในขณะที่เกาหลีใต้ก็ดำเนินการตามในปลายเดือนพฤศจิกายน รัฐบาลทั้งสามประเทศกล่าวหา ปริ๊นซ์กรุ๊ปว่าดำเนินการประกอบกิจการในกัมพูชาที่ซึ่งมีการกักขังแรงงานทาสและบังคับให้ดำเนินการหลอกลวงทางออนไลน์ที่ได้เงินไปหลายพันล้านดอลลาร์จากเหยื่อทั่วโลก
ปริ๊นซ์กรุ๊ป กล่าวโต้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้ "ไม่มีมูลความจริงและดูเหมือนมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความชอบธรรมอย่างผิดกฎหมายในการยึดทรัพย์สินมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์"
แต่ปริ๊นซ์กรุ๊ปไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนายหูแต่อย่างใด เช่นเดียวกับตัวนายหูเองก็ไม่ตอบคำถาม หลังจากผู้สื่อข่าวได้ส่งอีเมลไปถึงผู้ช่วยของเขา และผู้ช่วยก็ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องการที่เขามีหลายชื่อ

วิลล่าของนายหู เสี่ยวเหว่ย ในกรุงลอนดอน
สำหรับอีกชื่อได้แก่ชื่อนายหวู อัน หมิง พบว่าก่อนหน้านี้ตามรายงานของ OCCRP พบว่าเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ 44 ล้านดอลลาร์ (1,382,699,040 บาท) ในกรุงลอนดอน โดยนายหู นั้นเกิดเมื่อปี 2525 ที่มณฑลเจียงซูทางตะวันออกของจีน ตามข้อมูลจากทะเบียนบริษัท การกล่าวถึงเขาในที่สาธารณะครั้งแรกดูเหมือนจะอยู่ในรายงานของสื่อรัฐบาลจีนตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งอ้างถึงหน่วยงานที่กล่าวหาว่าเขาเป็นผู้นำกลุ่ม "Knight Attack Group" ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์อาชญากร
พฤติการณ์ของกลุ่ม Knight Attack ตามข้อกล่าวหา พบว่ามีการ แฮกเซิร์ฟเวอร์ของเกมออนไลน์ จากนั้นกลุ่มได้นำการเข้าชมออนไลน์ของเกมไปหารายได้ผ่านเซิร์ฟเวอร์ของตนเอง และโกงรายได้จากโฆษณามูลค่ากว่า 10 ล้านดอลลาร์ เจ้าหน้าที่รายงานว่าจับกุมสมาชิก 19 คนของกลุ่มในปี 2554 และบางคนถูกตัดสินว่ามีความผิดในปีถัดมา อย่างไรก็ตามนายหูกลับหลบหนีการจับกุมไปได้ และหนีออกนอกประเทศ ตามรายงานของสื่อรัฐบาลจีน
แต่ดูเหมือนว่านายหูจะเดินทางกลับมาจีนในอีกไม่กี่ปีต่อมา เนื่องจากเขาถูกจับกุมที่นั่นในปี 2559 ด้วยข้อหาดำเนินการธุรกิจพนันออนไลน์มูลค่าประมาณ 850 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามรายงานของสื่อของรัฐ
อย่างไรก้ตามนักข่าวไม่สามารถระบุผลของคดีนั้นได้ว่ามีคำตัดสินอย่างไร แต่ภายในเดือนกันยายน 2559 นายหู เสี่ยวเหว่ย พบว่าอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยที่เขาเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในบริษัทลงทุนด้านการแพทย์ชื่อบริษัท New World Technology II Inc.
ด้านนายคาร์ล เราช์ ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีชีวภาพชาวอเมริกัน ซึ่งถือหุ้น 45.5 เปอร์เซ็นต์ในบริษัทดังกล่าว กล่าวว่านายหูถูกจับกุมในข้อหาการพนันที่ผิดกฎหมายในประเทศจีน เพราะเขาปฏิเสธที่จะส่งมอบส่วนแบ่งกำไรให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต และต่อมานายหูก็ได้เปลี่ยนอัตลักษณ์และได้สัญชาติใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายของจีน
"เขาก่อตั้งบริษัทในไซปรัสเพื่อที่เขาจะได้อยู่ในสหภาพยุโรป เพราะเขามีกลุ่มคนที่เขาไม่ต้องการเจอในจีนแน่นอนว่าคือตำรวจ" นายเราช์กล่าว
บันทึกที่ไซปรัสแสดงให้เห็นว่าในปี 2560 นายหู เสี่ยวเหว่ย ได้ยื่นขอหนังสือเดินทางภายใต้โครงการสัญชาติโดยการลงทุนของประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งปัจจุบันโครงการนี้ได้ยุติลงแล้ว เขาได้รับสัญชาติไซปรัสในปี 2561 ภายใต้ชื่อเกิดของเขา “หู เสี่ยวเหว่ย” อย่างไรก็ตาม บันทึกของบริษัทที่ไซปรัสแสดงให้เห็นว่าเขาใช้ชื่อหู ฉี ในหนังสือเดินทางไซปรัสในปีถัดมา
ต่อมาในปี 2561 นายหู เสี่ยวเหว่ยได้รับสัญชาติจากเซนต์คิตส์และเนวิสภายใต้ชื่อเฉิน เสี่ยวเอ๋อ และพอถึงปี 2563 เขาได้เปลี่ยนชื่อในหนังสือเดินทางเป็นนายหวู อัน หมิง
ภายในเดือนมกราคม 2563 นายหู เสี่ยวเหว่ยก็ได้เป็นพลเมืองกัมพูชาภายใต้ชื่อเกิดของเขา สองปีต่อมา กัมพูชาแต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษา "มีตำแหน่งเทียบเท่ารัฐมนตรี" ให้กับนายเฮง สัมริน นักการเมืองระดับสูงซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติ
OCCRP ได้รับสำเนาหนังสือเดินทางของเซนต์คิตส์และเนวิส รูปถ่ายในหนังสือเดินทางตรงกับรูปภาพของ นายหู เสี่ยวเหว่ย รวมถึงรูปภาพอื่นๆ ที่โพสต์ในสื่อจีนและบนเว็บไซต์บริษัท ปีเกิดและสถานที่เกิดยังตรงกับข้อมูลสำหรับนายหู เสี่ยวเหว่ย ที่พบในทะเบียนบริษัทและบันทึกสัญชาติ

นายหู เสี่ยวเหว่ย
แน่นอนว่านายเฉิน จื้อ ก็เป็นชาวจีนอีกคนที่ได้รับสัญชาติกัมพูชาและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในประเทศนี้
เมื่อกระทรวงการคลังสหรัฐฯ มุ่งเป้าไปที่บริษัทปริ๊นซ์กรุ๊ป ก็ได้มีการคว่ำบาตรนายหู เสี่ยวเหว่ยภายใต้ชื่อเฉิน เสี่ยวเอ๋อ โดยการคว่ำบาตรเกี่ยวข้องกับบริษัทที่กำลังพัฒนาโครงการรีสอร์ทหรูในประเทศเกาะปาเลา โดยที่ปาเลา เขาใช้ชื่อเฉิน เสี่ยวเอ๋อ ร่วมมือกับนายเฉิน จื้อจัดตั้งบริษัทแห่งหนึ่ง
โดยก่อนหน้านี้นายหู หรือว่านายเฉิน เคยบอกกับ OCCRP ผ่านผู้ช่วยของเขาว่าบริษัทในปาเลาเป็นธุรกิจเดียวของเขากับนายเฉิน จื้อ
อย่างไรก็ตาม บันทึกของบริษัทแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ทางธุรกิจของพวกเขาย้อนไปอย่างน้อยในปี 2558 เมื่อทั้งคู่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท จงจิง เทคโนโลยี อินเวสต์เมนต์ จำกัด (Zhongjing Technology Investment Co Ltd.) ตามบันทึกของบริษัทจีน เขาถูกระบุว่าในบริษัทนั้น เขาใช้ชื่อหู เสี่ยวเหว่ย
ส่วนภายใต้ชื่อหู ฉี พบว่าถูกระบุว่าเป็นผู้ถือหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ของ 2 บริษัทได้แก่บริษัท อัลฟาคอนเน็กต์ อินเวสต์เมนต์ จำกัด และ บริษัท อัลฟาคอนเน็กต์ อินเวสต์เมนต์ 2 จำกัด (Alphaconnect Investment Pte Ltd. และ Alphaconect Investment Pte II Ltd) บริษัทสิงคโปร์ทั้งสองแห่งนี้เป็นหนึ่งใน 146 เป้าหมายที่ถูกคว่ำบาตรโดยกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ในฐานะส่วนหนึ่งของปริ๊นซ์กรุ๊ป
บริษัททั้งสองแห่งนี้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทไต้หวันที่ซื้ออพาร์ตเมนต์ในอาคารย่านพีซพาเลซ (Peace Palace) ในกรุงไทเปในปี 2562 ควบคู่ไปกับอีก 6 บริษัทไต้หวัน ในการซื้ออพาร์ตเมนต์ในอาคารพีซพาเลซในปีเดียวกัน
โดยบริษัททั้ง 6 แห่งมีผู้ถือหุ้นเป็น บริษัทสิงคโปร์เหมือนกัน และบริษัทสิงคโปที่เป็นเจ้าของบริษัทไต้หวันทั้ง 6 ก็ถูกควบคุมโดย ผู้บริหารระดับสูงของปริ๊นซ์กรุ๊ป ซึ่งรวมถึงนายเฉิน จื้อด้วย
ดังนั้น สรุปได้ว่ามี 8 บริษัทได้แก่บริษัทของบุคคลชื่อหู ฉี จำนวน 2 แห่ง และบริษัทอีก 6 แห่งของผู้บริหารปริ๊นซ์กรุ๊ป ที่ร่วมกันซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไต้หวัน โดยมีรากฐานการเป็นเจ้าของกลับไปที่ปริ๊นซ์กรุ๊ป
ต่อมาในช่วงเวลาประมารแค่ 2 เดือน (ไม่ได้ระบุว่าเดือนไหน) ภายในปี 2564 บริษัททั้ง 8 แห่งก็ได้ถูกโอนไปอยู่ภายใต้การควบคุมของนายเฉิน จื้อ
สหรัฐฯยังได้คว่ำบาตรนางคาเรน เฉิน ซิ่วหลิง (Karen Chen Xiuling) ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้อำนวยการของบริษัทอัลฟาคอนเน็กต์ทั้งสองแห่ง อย่างไรก็ตาม รายชื่อการคว่ำบาตรไม่ได้รวมชื่อนายหู ฉี ซึ่งระบุที่อยู่ในบันทึกของบริษัทว่าเป็นวิลล่าชายฝั่งมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์ (471,374,673 บาท) ในฮ่องกง ในบันทึกที่ดินที่เกี่ยวข้องแสดงให้เห็นด้าวยว่าเขาเป็นเจ้าของวิลล่านี้ภายใต้หนังสือเดินทางของเซนต์คิตส์และเนวิส
OCCRP ได้รายงานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการเป็นเจ้าของบริษัทให้เช่าเครื่องบินของนายหู เสี่ยวเหว่ย โดยสำนักข่าวเรดิโอฟรีเอเชียเคยรายงานข่าวว่ามีการให้เช่่าเครื่องบินเจ็ตหลายลำให้กับสายการบิน Cambodia Airways ซึ่งเป็นสายการบินพาณิชย์ของกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสารของ Cambodia Airways รายงานว่าสายการบินนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปริ๊นซ์กรุ๊ปเช่นกัน
ส่วนตอนนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่านายหู เสี่ยวเหว่ยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสมคบคิดในคำฟ้องแต่อย่างใด และเขาถูกระบุในประกาศคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ว่าเป็นบุคคลที่มีบทบาทค่อนข้างน้อย
เรียบเรียงจาก:https://www.occrp.org/en/scoop/multiple-identities-reveal-ties-between-chinese-businessman-and-cambodian-criminal-conglomerate

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา