ในส่วนหนึ่งของการค้นพบระหว่างการตรวจสอบ FINMA ตั้งข้อสังเกตว่า Reyl ล้มเหลวในการดําเนินการทันทีเกี่ยวกับ กรณีธงแดงที่เกิดจากระบบตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย การแจ้งเตือนธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงหลายการแจ้งเตือนถูกปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาสองเดือนหรือมากกว่านั้น โดยไม่มีการดำเนินการอะไร
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับธนาคาร Reyl Intesa Sanpaolo ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารเอกชนที่มีชื่อเสียงของสวิตเซอร์แลนด์ ในประเด็นที่ว่าธนาคารแห่งนี้อาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวกับข้อตกลงทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อกําหนดต่อต้านการฟอกเงิน (AML) แม้ว่าธนาคารจะอ้างตัวว่ามีมาตรการในการดำเนินการตรวจสอบที่เหนือกว่ามาเป็นระยะเวลายาวนานก็ตาม
โดยการสืบสวนเมื่อเร็ว ๆ นี้เผยให้เห็นจุดอ่อนร้ายแรงในความสามารถในการจัดการความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของบุคคลที่มีความเสี่ยงทางการเมือง (PEP) และลูกค้าที่เชื่อมโยงกับระบอบเผด็จการและการทุจริต
หัวใจสําคัญของการเปิดโปงเรื่องอื้อฉาวนี้คือการสื่อสารที่รั่วไหลระหว่างธนาคารและหน่วยงานกํากับดูแลตลาดการเงินของสวิตเซอร์แลนด์ (FINMA) ซึ่งทําให้เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับแนวทางของ Reyl ในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงิน
ภาคการธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์เป็นที่รู้จักกันมานานแล้วในด้านกฎหมายการรักษาความเป็นส่วนตัว ซึ่งปกป้องลูกค้าจากการตรวจสอบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเขตอํานาจศาลอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ตามที่การรั่วไหลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าวัฒนธรรมการเก็บความลับนี้อาจทําให้สถาบันการเงินอย่าง Reyl มีส่วนร่วมกับลูกค้าที่มีต้นกําเนิดความมั่งคั่งไม่ชัดเจนหรือเชื่อมโยงกับกิจกรรมอาชญากรรมทางการเงิน
โดยข้อมูลที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นว่า FINMA ส่งสัญญาณเตือนอย่างจริงจังเกี่ยวกับการจัดการลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงของธนาคาร ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของธนาคารได้
@การสืบสวนของ FINMA เปิดโปงอะไร
FINMA เริ่มดำเนินการสอบสวนแนวทางปฏิบัติตามข้อกำหนดการต่อต้านการฟอกเงินหรือ AML อย่างละเอียดกับธนาคาร Reyl ตั้งแต่ฤดูร้อนปี 2566
ตามข้อมูลเอกสารที่รั่วไหวซึ่งรวบรวมโดยสำนักข่าวในเครือข่ายการรายงานข่าวเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมและการทุจริตหรือ OCCRP และสำนักข่าว Le Monde ระบุว่า FINMA แสดงความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับความเสี่ยงที่ธนาคารอ้างว่ายอมรับได้ โดยอธิบายว่ามีรูปแบบของความประมาทเลินเล่อในขั้นตอนของ Reyl ในการระบุและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
ตามจดหมายโต้ตอบระหว่างธนาคารและ FINMA พบว่ามีจุดอ่อนหลายประการ ที่พบระหว่างการตรวจสอบ รวมไปถึงการจัดการการแจ้งเตือนธุรกรรมที่ส่งสงสัย ระบบการทบทวนภูมิหลังของลูกค้าหรือ KYC และการขาดความสนใจโดยรวมต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่เกิดจากบุคคลที่เป็นที่รู้จักในแวดวงการเมือง
ในส่วนหนึ่งของการค้นพบระหว่างการตรวจสอบ FINMA ตั้งข้อสังเกตว่า Reyl ล้มเหลวในการดําเนินการทันทีเกี่ยวกับ กรณีธงแดงที่เกิดจากระบบตรวจสอบกิจกรรมที่น่าสงสัย การแจ้งเตือนธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงหลายการแจ้งเตือนถูกปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาสองเดือนหรือมากกว่านั้น โดยไม่มีการดำเนินการอะไร
หน้าเว็บธนาคาร Reylt
อีกทั้งยังพบว่าบัญชีธนาคารมากกว่า 1,400 บัญชียังอยู่ในภาวะรอกระบวนการตรวจสอบตามระบบ KYC โดยบางบัญชีไม่ได้รับการตรวจสอบตัวตนของเจ้าของมานานกว่าห้าปี ความล้มเหลวเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างเป็นระบบในกรอบการต่อต้านการฟอกเงินของธนาคาร
จากการค้นพบความไม่โปร่งใสเหล่านี้ FINMA ถือว่ามาตรการการปฏิบัติตามข้อกําหนดด้านการต่อต้านการฟอกเงินของ Reyl ไม่เป็นที่น่าพอใจ และได้ยกระดับเรื่องนี้ไปยังแผนกบังคับใช้ หน่วยงานกํากับดูแลของสวิตเซอร์แลนด์ให้เตือนธนาคารว่าความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลให้มีบทลงโทษที่รุนแรง รวมถึงการเพิกถอนใบอนุญาตการธนาคาร
อย่างไรก็ตาม FINMA ยังไม่ได้ดําเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นทางการกับ Reyl แม้ว่าเรื่องที่ค้นพบจะมีความรุนแรงก็ตาม
ส่วนท่าทีของธนาคาร Reyl ก็ได้มีการออกแถลงการณ์สาธารณะ ยืนยันว่าได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับ FINMA และดําเนินการทันทีเพื่อปรับปรุงกรอบการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ธนาคารยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงกระบวนการและการควบคุมภายในเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังด้านกฎระเบียบ อย่างไรก็ตาม ความมั่นใจนี้ระงับความกังวลเกี่ยวกับข้อตกลงความเสี่ยงสูงในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้เพียงเล็กน้อย
@ลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงและความล้มเหลวในการบริหารความเสี่ยงของธนาคาร
กรณีที่ลูกค้าของธนาคาร Reyl ซึ่งรวมถึงบุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลที่มีความเสี่ยงทางการเมือง ได้ส่งสัญญาณเตือนไปยังหน่วยงานกํากับดูแลและผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการฟอกเงิน
จึงทำให้มีการสืบสวนมุ่งเน้นไปที่ลูกค้าที่มีความเสี่ยงสูงหลายราย ซึ่งหลายคนเชื่อมโยงกับระบอบเผด็จการในเอเชียกลาง รัสเซีย และอาเซอร์ไบจาน บุคคลเหล่านี้รวมถึงลูกของเผด็จการผู้มีอํานาจ นักการเมืองผู้มีอิทธิพล และอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งหลายคนสะสมความมั่งคั่งมหาศาลด้วยพฤติการณ์ที่น่าสงสัย
หนึ่งในกรณีที่น่ากังวลก็คือในประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างธนาคาร Reyl และ นางดีนารา คูลิบาเยวา (Dinara Kulibayeva) ลูกสาวของนายนูร์สุลตัน นาซาร์บาเยฟ (Nursultan Nazarbayev) อดีตประธานาธิบดีคาซัคสถาน
นางดีนารา คูลิบาเยวา
โดยบัญชีของ นางคูลิบาเยวา ที่ธนาคาร Reyl พบว่ามีความมั่งคั่งนับหลายสิบล้านฟรังค์ จนทำให้มีการสอบสวนในปี 2567 หลังจากที่หน่วยงานกํากับดูแลของสวิสตั้งคําถามเกี่ยวกับแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของเธอ
ขณะที่ธนาคาร Reyl ยืนยันว่าความมั่งคั่งของเธอนั้นได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะมาจากหุ้นของเธอในธนาคาร Halyk Bank ซึ่งเป็นสถาบันการเงินในคาซัคสถาน อย่างไรก็ตามการสอบสวนที่กำลังดำเนินอยู่ดูเหมือนจะให้ผลที่ตรงข้างกับคำชี้แจงของธนาคาร Reyl
การสืบสวนบ่งชี้ว่าธนาคาร Reyl นั้นตระหนักถึงความเสี่ยงเกี่ยวกับครอบครัวอดีตประธานาธิบดีนาซาร์บาเยฟ เนื่องจากการทุจริตและการปราบปรามทางการเมืองอย่างกว้างขวางในช่วงที่นายนาซาร์บาเยฟดํารงตําแหน่ง
แต่แม้จะมีความเสี่ยงที่ว่ามานี้ธนาคารก็ยังเลือกจะทำธุรกิจกับนางคูลิบาเยวาเป็นเวลาหลายปี แม้ในช่วงที่บัญชีของเธอจะถูกตรวจสอบโดย FINMA ก็ตาม
เอกสารที่รั่วไหลออกมาระบุว่ามีการแนะนำให้ธนาคาร Reyl ดำเนินการตรวจสอบแหล่งที่มาความมั่งคั่งของลูกสาวอดีตประธานาธิบดีคาซัคสถาน แต่การตอบสนองของธนาคารดูเหมือนจะไม่เพียงพอ
โดยในช่วงเดือน พ.ค. 2567 ธนาคาร Reyl ได้ตัดสินใจระงับบัญชีของนางคูลิบาเยวาหลังจากมีรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย สิ่งนี้ทําให้เกิดคําถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบสถานะของธนาคารว่ามีความลึกพอหรือไม่
นอกเหนือจากนางคูลิบาเยแล้ว ยังพบข้อมูลด้วยว่าธนาคาร Reyl ได้ดำเนินการจัดการบัญชีธนาคารสำหรับบุคคลอื่นๆที่เชื่อมโยงกับระบอบการปกครองที่ทุจริต รวมถึงบุคคลจากรัสเซีย อุซเบกิสถาน และอาเซอร์ไบจาน
บุคคลที่ว่านี้ก็มีอาทิลูกเขยของนายอิสลาม คาริมอฟ อดีตประธานาธิบดีอุซเบกิสถาน ตลอดจนบุตรหลานและผู้ร่วมงานของนายอิลฮัม อาลีเยฟ ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจาน
ความเชื่อมโยงของบุคคลดังกล่าวนั้นแสดงให้เห็นว่าธนาคาร Reyl มีความเต็มใจที่จะร่วมงานกับลูกค้าที่มีชื่อเสียง ที่มีความเสี่ยงในด้านการเงิน นำมาซึ่งคำถามสำคัญเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของธนาคารเกี่ยวกับการต่อต้านการฟอกเงิน
@FINMA ขยายผลความพยายามต่อต้านมาตรการต่อต้านการฟอกเงินของธนาคาร Reyl
ในขณะที่ FINMA ได้ดำเนินการสอบสวนแนวทางปฏิบัติของธนาคารเกี่ยวกับการต่อต้านการฟอกเงิน FINMA ก็ได้มีการยกระดับการตรวจสอบการควบคุมภายใน และกลไกการปฏิบัติตามระเบียบของธนาคารควบคู่กันไป
โดยจดหมายที่มีการส่งในเดือน ม.ค.2567 FINMA ได้โอนคดีนี้ไปยังแผนกบังคับการใช้กฎระเบียน เพื่อให้สอบสวนเพิ่มเติม โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องระหว่าง Reyl กับลูกค้าที่เชื่อมต่อกับภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะรัสเซีย
การสื่อสารที่รั่วไหลออกมาแสดงให้เห็นว่า FINMA มีความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับความล้มเหลวของ Reyl ในการปฏิบัติตามกระบวนการตรวจสอบสถานะกับลูกค้าที่เชื่อมโยงกับรัสเซีย สิ่งนี้น่ากังวลเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาจากบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ในขณะนั้น เนื่องจากชาวรัสเซียจํานวนมากถูกคว่ำบาตรระหว่างประเทศ
แม้จะมีความเสี่ยงเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่า Reyl จะยังคงมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าชาวรัสเซียบางราย ซึ่งบางคนถูกตั้งธงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม Reyl มีท่าทีต่อความกังวลนี้ในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยธนาคารได้ออกมาสื่อสารว่าสามารถรับรองลูกค้าของตัวเองได้ และใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างจะคลุมเครือเกี่ยวกับการปรับปรุงกระบวนการภายในของธนาคาร
ธนาคารระบุว่ามีความมุ่งมั่นที่จะยกระดับความพยายามในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และได้ดําเนินการปฏิรูปภายในหลายชุดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตัดสินใจของธนาคาร ที่จะทําธุรกิจกับบุคคลที่มีความเสี่ยงทางการเมืองจากภูมิภาคที่มีความเสี่ยงสูง
เรียบเรียงจาก:https://fincrimecentral.com/swiss-bank-reyl-aml-investigation-gaps/
- ส่องคดีทุจริตโลก:ข้อพิรุธไชน่า เรลเวย์ อินเตอร์ฯ ใช้นอมินีรับสัญญารถไฟแอฟริกาใต้หมื่น ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก: แอฟริกาใต้จ้างเอกชนจีนมีประวัติโดนขึ้นบัญชีดำในต่างแดน สร้างถนน
- ส่องคดีทุจริตโลก:ย้อนรอย บ.จีนจ้างแฟนเก่าอดีต ปธน.โบลิเวียนั่งบริหาร รับสัญญารัฐหมื่นล.
- ส่องคดีทุจริตโลก:ป.ป.ช.อินโดฯ เดินหน้าสอบบิ๊กธนาคาร เอี่ยวจ่ายคอมมิชชั่น บ.โฆษณา 449 ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก: รัฐวิสาหกิจจีนประวัติฉาว ทำสัญญาสร้างเขื่อน 1.8 หมื่นล. ที่ฮอนดูรัส
- ส่องคดีทุจริตโลก:เช็กเกียสั่งสอบ 17 ผู้ต้องหา เอี่ยวกินเปอร์เซ็นต์สัญญา รพ.มูลค่าพัน ล.
- ส่องคดีทุจริตโลก:กห.ออสซี่ทำสัญญาหมื่นล.เอกชนถูกสอบฮั้วราคาอุปกรณ์-บริการฐานทัพทหาร
- ส่องคดีทุจริตโลก:สภายูเครนผ่านร่าง กม.ซื้อเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 หมื่นล.ส่อไม่โปร่งใส
- ส่องคดีทุจริตโลก:NGO ฉ้อโกงเงิน USAIDนับร้อยล้าน-ยักยอกอาหารผู้ลี้ภัยขายผู้ก่อการร้าย
- ส่องคดีทุจริตโลก:บ.สิงคโปร์ค้าน้ำมันให้กองทัพเมียนมา ก่ออาชญากรรมสงคราม ทำรายได้ พันล.
- ส่องคดีทุจริตโลก:ซาอุฯเดินหน้าสัญญาซื้ออาวุธรัสเซีย 7.7 หมื่นล.แม้ถูกคว่ำบาตรปมบุกยูเครน
- ส่องคดีทุจริตโลก:ก.คลังสหรัฐฯ คว่ำบาตรธนาคารคีร์กีซ เหตุช่วยแบงก์รัสเซียเลี่ยงคว่ำบาตร
- ส่องคดีทุจริตโลก: CEO กรมน้ำฯแอลเอ บริหารงานล้มเหลว? ต้นเหตุหัวดับเพลิงไม่ทำงานช่วงไฟป่า
- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉแผนทรมาน ปธ.กกต.เกาหลีฯช่วงอัยการศึก บังคับประกาศเหตุโกงเลือกตั้ง สส.