ส่องคดีทุจริตโลก: รมต.ยธ.เลบานอน ย้ำสอบระเบิดปี 63 คืบหน้ามาก หลังเจ้าของเรือเพิ่งถูกจับ

attty

มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความล่าช้าในการสืบสวนเหตุระเบิดที่ท่าเรือเบรุต ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุระเบิดที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 218 ราย และบาดเจ็บประมาณ 7,000 คน และการระเบิดครั้งนั้นทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเบรุต

ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดท่าเรือที่กรุงเบรุต ประเทศเลบานอนเมื่อปี 2563

ocbombb

ส่องคดีทุจริตโลก:สางปมระเบิดเลบานอนสู่เจ้าของเรือปริศนา โยง บ.ค้าอาวุธที่โมซัมบิก

โดยสำนักข่าว เครือข่ายการรายงานเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมและการทุจริตหรือ OCCRP รายงานข่าวความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่านายอาเดล นาสซาร์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กล่าวว่าการสืบสวนในเรื่องเหตุระเบิดท่าเรือเบรุตนั้นเป็นไปอย่างจริงจังและรวดเร็ว หลังจากที่การสอบสวนระงับมานานหลายปี

นายนาสซาร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวดาราช (Daraj) ซึ่งเป็นพันธมิตรสื่อมวลชนของสำนักข่าว OCCRP ภายหลังจากข่าวการจับกุมชายเจ้าของเรือบรรทุกสารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ในปี 2563 แพร่สะพัดไปทั่วเมื่อสัปดาห์นี้

บุคคลที่ถูกจับคือนายอิกอร์ เกรชุชกิน (Igor Grechushkin) ถูกจับกุมที่ประเทศบัลแกเรียเมื่อวันที่ 5 ก.ย. หลังจากเขาเดินทางมาจากไซปรัสถึงบัลแกเรียได้ไม่นาน โดยตัวเขาถือหนังสือเดินทางของประเทศรัสเซีย

ด้านนายนาสซาร์กล่าวว่าเลบานอนจะพยายามขอให้มีการส่งตัวเกรชุชกิน ซึ่งเช่าเรือที่บรรทุกแอมโมเนียมไนเตรตเกือบ 3,000 ตัน เข้ามายังท่าเรือเบรุต หลังจากนั้นสิ่งของบนเรือดังกล่าวได้ถูกขนถ่ายลงไปจัดเก็บไว้ที่ไซโลท่าเรือ ก่อนที่จะระเบิด

“ขณะนี้เรากำลังเตรียมเอกสารอยู่ และเรากำลังเร่งดำเนินการ ผมกำลังติดตามอย่างใกล้ชิด เรื่องนี้เป็นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน และผมยังได้ขอเข้าพบเอกอัครราชทูตบัลแกเรียด้วย” นายนาสซาร์กล่าว

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเลบานอนอ้างว่าตัวเขากำลังดูแลเรื่องการจัดการโลจิสติกส์ เพื่อให้คำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้รับการดำเนินการโดยเร็วที่สุด และภายในสัปดาห์หน้า คำร้องขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนน่าจะไปถึงมือของทางการบัลแกเรีย

เหตุการณ์ท่าเรือกรุงเบรุต เลบานอนระเบิดเดือนปี 2563 (อ้างอิงวิดีโอจาก NBC)

ทั้งนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความล่าช้าในการสืบสวนเหตุระเบิดที่ท่าเรือเบรุต ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุระเบิดที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 218 ราย และบาดเจ็บประมาณ 7,000 คน และการระเบิดครั้งนั้นทำลายพื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเบรุต

โดยสารแอมโมเนียมไนเตรตปริมาณ 2,750 ตันซึ่งเป็นสาเหตุของการระเบิดได้ถูกส่งขึ้นเรือชื่อว่า Rhosus สัญชาติมอลโดวา เรือลำดังกล่าวมีลูกเรือชาวรัสเซียและยูเครนออกเดินทางจากท่าเรือบาตูมีในประเทศจอร์เจียในเดือน ก.ย.2556 มีจุดหมายปลายทางน่าจะเป็นประเทศโมซัมบิก

ส่วนสถาบันวิจัยด้านประชาธิปไตย Lansing เปิดเผยพบว่าไม่มีการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารเคมีดังกล่าวอีกเลย แม้ว่าสารเคมีนั้นจะไม่ได้มาถึงโมซัมบิก จึงทำให้สงสัยว่าสารเคมีดังกล่าวมีจุดประสงค์อื่นเพื่อส่งไปที่นั่น (ประเทศเลบานอน)หรือไม่ นอกจากนี้ ยังสงสัยว่าสารแอมโมเนียไนเตรตอาจมีความเชื่อมโยงอื่นๆ กับกลุ่มก่อการร้ายฮิซบุลเลาะห์ของเลบานอน

เรือลำดังกล่าวจอดเทียบท่าที่กรุงเบรุตเพื่อรับสินค้าเพิ่มเติม และไม่เคยออกเดินทางอีกเลย ในตอนแรกเรือถูกเจ้าหนี้ยึดไว้เพื่อขอให้ผู้ประกอบการชำระหนี้ และต่อมาเจ้าหน้าที่ท่าเรือได้พิจารณาว่าเรือลำนี้ไม่ปลอดภัยที่จะแล่น ในที่สุดเรือก็จมลงหลังเหตุการณ์คลื่นซัดในปี 2561

ส่วนตัวสารเคมีก็ถูกเก็บไว้ในโกดังสินค้าของท่าเรือกรุงเบรุต และไม่มีใครได้รับคำเตือน ที่เตือนออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับการจัดเก็บที่ไม่ปลอดภัยเป็นเวลาเจ็ดปี และหลังจากเหตุระเบิด ก็มีความล่าช้าในการสืบสวนมานานหลายปี

จนกระทั่งล่าสุดเมื่อต้นปี2568 หลังจากมีการจัดตั้งรัฐบาลเลบานอนชุดใหม่ ประเด็นเรื่องการสืบสวนเหตุระเบิดก็กลับกลายมาเป็นที่สนใจของสาธารณชนอีกครั้งหนึ่ง

“นับตั้งแต่ผมรับเอกสารการสอบสวน กระบวนการสอบสวนก็คืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือระหว่างผู้พิพากษากลับมาเป็นปกติแล้ว และผมเชื่อว่าครอบครัวของเหยื่อรู้ดีว่าเรื่องนี้มีความสำคัญมากเพียงใด” นายนัสเซอร์กล่าว

ด้านนางเอคาเทริน่า ดิมิโตรวา ทนายความของนายเกรชุชกินในบัลแกเรีย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่ว OCCRP ว่าลูกความของเธอได้เดินทางอย่างอิสระกับครอบครัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก่อนที่จะถูกจับกุมที่กรุงโซเฟีย เมื่อต้นเดือนนี้

“มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจคือ นายอิกอร์ เกรชุชกิน เคยเดินทางไปเลบานอนและถูกสอบสวนที่นั่น แต่เขาไม่ได้ถูกจับ” นางดิมิโตรวากล่าวและกล่าวอีกว่า “เจ้าหน้าที่สืบสวนจากเลบานอนถูกส่งไปยังไซปรัสเพื่อทำงานร่วมกับเขา (นายเกรชุชกิน) เขาเล่าทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับคดีนี้ และไม่มีการขอให้ควบคุมตัวเขา”

ด้านนายเมลเฮม คาลาฟ สมาชิกรัฐสภาเลบานอนและอดีตหัวหน้าสมาคมทนายความเบรุต กล่าวกับดาราชว่า การจับกุมนายเกรชุชกิน เป็นข้อยืนยันว่าคดีนี้ยังคงดำเนินต่อไปและดำเนินไปอย่างมีประสิทธิผลทั้งภายในและภายนอกเลบานอน

“อย่างไรก็ตาม การจับกุมนายเกรชุชกินในบัลแกเรียนั้น แม้จะสร้างแรงผลักดันและโอกาสในทางปฏิบัติในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือการสอบสวน แต่ก็ไม่ถือเป็นการเสกให้ปัญหานี้ยุติลงไปได้ เว้นแต่ว่ากระบวนการยุติธรรมจะเสร็จสิ้นโดยเร็ว และอุปสรรคภายในที่ขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจะถูกกำจัดออกไป” นายคาลาฟกล่าว

นายอิกอร์ เกรชุชกิ้น (รูปซ้าย) ผู้ซึ่งถูกระบุว่าเป็นเจ้าของเรือ Rhosus (รูปบน) และกรุงเบรุตซึ่งย่อยยับจากการระเบิด (รูปขวา) (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.sickchirpse.com/russian-businessman-beirut-cargo-ammonium-nitrate/)

ด้านนางเซน่า วากิม จากองค์กร Accountability Now ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่อุทิศตนเพื่อยุติการลอยนวลพ้นผิดในเลบานอน กล่าวว่าเธอยังรู้สึกมีกำลังใจจากการจับกุมนายเกรชุชกินเช่นกัน เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าระบบตุลาการ "สามารถเข้าถึงผู้กระทำความผิดทุกประเภท ทุกที่ในโลก หากต้องการ"

แต่เธอกล่าวเสริมว่า “ฝ่ายตุลาการจำเป็นต้องขยายการสอบสวนให้ครอบคลุมถึงเครือข่ายคอร์รัปชันที่ใหญ่ขึ้นซึ่งนำไปสู่การระเบิดครั้งนี้ และไม่ควรเน้นเฉพาะการละเลยในการจัดเก็บเท่านั้น”

“เกรชุชกินเป็นเพียงชิ้นส่วนหนึ่งของปริศนา” นางวากิมกล่าว

เรียบเรียงจาก:https://www.occrp.org/en/news/beirut-port-explosion-investigation-gains-momentum-with-extradition-request

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage