‘เครือข่ายภาคประชาชน’ เรียกร้องรัฐบาลเดินหน้าผลักดัน นโยบาย ‘บำนาญแห่งชาติ’ พร้อมชวนประชาชนร่วมให้ความเห็น ร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุและบำนาญแห่งชาติฯ
............................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25-26 ม.ค.ที่ผ่านมา สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือ สภาผู้บริโภค ร่วมกับมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ จัดกิจกรรมเวทีสรุปบทเรียน ‘โครงการพัฒนาศักยภาพสมาชิกองค์กรของผู้บริโภคให้เป็นพลเมืองตื่นรู้ (Active citizen) ร่วมผลักดันนโยบายสาธารณะบำนาญแห่งชาติ’ โดยมีเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคของสภาผู้บริโภค 4 ภูมิภาค มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ และเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ เข้าร่วมกิจกรรม
น.ส.ศิริพร ระวีกูล ผู้แทนเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ กล่าวในการนำเสนอการวิเคราะห์นโยบายการจัดระบบบำนาญแห่งชาติของพรรคการเมืองและรัฐบาล ว่า แม้ว่าประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2585 หรืออีก 19 ปีข้างหน้า แต่ปัจจุบันผู้สูงอายุในประเทศไทยเผชิญปัญหา ‘แก่ก่อนรวย’
ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานผู้สูงอายุปี 2565 ระบุว่า มีผู้สูงอายุที่มีเงินออมเพียง 54.3% ของจำนวนผู้สูงอายุทั้งหมด และในกลุ่มผู้สูงอายุเฉพาะที่มีเงินออมพบว่า 41.4% มีเงินออมต่ำกว่า 50,000 บาท ส่วนผู้ที่มีเงินออมตั้งแต่ 400,000 บาทขึ้นไปมีเพียง 11.9% เท่านั้น
ขณะที่ข้อมูลจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ผู้สูงอายุต้องมีเงินเก็บประมาณ 3 ล้านบาท จึงจะสามารถดำรงชีวิตได้อย่างไม่ลำบากจนถึงอายุ 90 ปี สอดคล้องกับการศึกษาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ระบุว่า ผู้สูงอายุต้องมีเงินออมขั้นต่ำ 3.1 ล้านบาท เพื่อการยังชีพยามเกษียณฯ
“ข้อมูลเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าการมีบำนาญแห่งชาติ เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ”น.ส.ศิริพร ระบุ
น.ส.ศิริพร กล่าวถึงนโยบายของฝั่งการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการผู้สูงอายุ ว่า ในภาพรวมพรรคการเมืองตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องรัฐสวัสดิการมากขึ้น สังเกตได้จากเมื่อปี 2562 มีพรรคการเมืองที่หาเสียงด้วยนโยบายบำนาญแห่งชาติ จำนวน 8 พรรค แต่ในการเลือกตั้งปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 30 พรรค และในจำนวนพรรคร่วมรัฐบาล 12 พรรค มีอย่างน้อย 5 พรรคการเมือง ที่มีนโยบายหาเสียงในเรื่องนี้
น.ส.ศิริพร ระบุว่า ในทางการเมืองนั้น การผลักดันเรื่องบำนาญแห่งชาติ เป็นไปได้ยากด้วยเหตุผล 4 ประการ ได้แก่ 1.การจัดสวัสดิการให้กับประชาชนตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ปี 2560 อยู่บนหลักการ ‘สงเคราะห์เฉพาะผู้ยากไร้’ 2.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลไม่เพิ่มนโยบายสวัสดิการอื่นๆ นอกจากบัตรทอง มุ่งเน้นเศรษฐกิจเติบโต
3.รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมาจากพรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีนโยบายสนับสนุนเรื่องบำนาญผู้สูงอายุ และ 4.กระทรวงการคลังมีประเด็นเรื่องการหางบประมาณสำหรับจ่ายเบี้ยยังชีพ และเสนอให้จ่ายเฉพาะคนที่เดือดร้อนยากไร้เท่านั้น
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (AIDS Access) กล่าวถึงสถานการณ์การขับเคลื่อนเรื่องบำนาญแห่งชาติว่า ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ. ผู้สูงอายุและบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่มีประชาชนร่วมลงรายมือชื่อจำนวน 42,445 รายชื่อ ได้ถูกเสนอถึงนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีได้รับร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวไปพิจารณาแล้ว เหลือเพียงสื่อสารสร้างความเข้าใจกับรัฐบาล จากนั้นจะนำเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
“สิ่งที่กลุ่มขับเคลื่อนบำนาญพื้นฐานแห่งชาติทำในปัจจุบัน คือ การสื่อสารกับทุกพรรคการเมือง เพื่อให้เห็นว่าเป็นภารกิจของฝ่ายการเมืองที่จะต้องสนับสนุนนโยบายดังกล่าว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน อย่างไรก็ดี อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด คือ เจตจำนงของรัฐบาล เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีนโยบายเกี่ยวกับบำนาญแห่งชาติ จึงอาจมองว่าเรื่องนี้เป็นการลงทุนที่ไม่สำคัญพอ ถ้าทำให้รัฐบาลเห็นว่าเรื่องนี้เป็นภารกิจสำคัญที่รัฐจะลงทุน และใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุกฎหมายนี้ ก็จะมีโอกาสเกิดขึ้นจริง” นายนิมิตร์ ระบุ
นายนิมิตร์ ยังกล่าวว่า ผู้บริโภคทุกคนสามารถผลักดันร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุและบำนาญแห่งชาติ พ.ศ. .... ได้ ด้วยการส่งเสียงและแสดงความเห็นเข้าไปในทุกช่องทางของรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลกำลังเปิดให้ประชาชนเข้าไปแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวอยู่ จึงอยากเชิญชวนให้ผู้บริโภคทุกคน ช่วยกันให้ความเห็นผ่านทางเว็บไซต์ของรัฐสภา รวมทั้งอาจสะท้อนความเห็นผ่านนักการเมืองในพื้นที่ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่ามีประชาชนที่สนใจ และทำให้เกิดการขับเคลื่อนในฝั่งการเมืองอีกด้วย
ขณะที่นายสมชาย กระจ่างแสง อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า การมีบำนาญแห่งชาติจะเป็นหลักประกันทางรายได้ให้กับผู้สูงอายุ เพราะผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะมีรายได้ลดลง แต่ในทางกลับกันตลอดระยะเวลาที่ทำงานหรือใช้ชีวิตจนถึงวัยเกษียณทุกคนต้องเสียภาษีทั้งทางตรงทางอ้อมมาตลอด จึงเป็นหน้าที่ที่รัฐควรจะจัดสรรบํานาญเพื่อดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ที่ผ่านมามีเฉพาะเบี้ยยังชีพ เริ่มต้นตั้งแต่ 600-1,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการดํารงชีพ
“คนที่ได้บํานาญจริงๆ มีเพียงคนกลุ่มเล็ก ๆ เช่น กลุ่มข้าราชการ หรือกลุ่มคนที่ใช้ประกันสังคม ซึ่งกลุ่มประกันสังคมก็ได้บำนาญต่อเดือนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับอายุการทำงานและเงินเดือน ดังนั้น จึงมีความจําเป็นที่จะต้องมีบํานาญพื้นฐานรองรับให้กับผู้สูงวัย สอดคล้องกับงานวิจัยของคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทยาลัย ที่ระบุว่าการมีให้สวัสดิการผู้สูงอายุ 3,000 บาทอย่างถ้วนหน้า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นถึง 4.17%” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย ย้ำว่า นโยบายบำนาญแห่งชาตินั้นจำเป็นต้องทำอย่างถ้วนหน้า เพราะทุกคนล้วนจ่ายภาษีให้กับรัฐ และมุมมองที่ว่า ‘คนจนไม่จ่ายภาษี’ นั้นเป็นเพียงมายาคติ เพราะหากดูสัดส่วนของภาษีที่เก็บได้ในแต่ละปีจะพบว่า ประมาณ 60% เป็นภาษีทางอ้อมที่มาจากการจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่ม ประกอบกับข้อมูลสถิติที่ว่ากลุ่มคนจนคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90 ของประชากรทั้งประเทศ ขณะที่คนรวยมีเพียง 10% ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าคนจนเป็นส่วนสำคัญที่จ่ายภาษีให้กับประเทศเช่นกัน
นอกจากนี้ การเลือกให้สวัสดิการเฉพาะคนจน จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องเส้นแบ่งความจน-ความรวย ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ละเอียดหรือแบ่งแยกได้ชัดเจน อาจทำให้มีบางคนที่ตกหล่นเป็นคนยากจนแต่ไม่ได้รับสวัสดิการ ดังนั้น การให้บำนาญแห่งชาติอย่างถ้วนหน้าจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ ในกฎหมายมีข้อที่ระบุว่า สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับเงินสวัสดิการ เนื่องจากเหตุผลต่างๆ เช่น ฐานะดีหรือมีความพร้อมในด้านการเงิน ก็สามารถปฏิเสธการรับเงินสวัสดิการดังกล่าวได้
“อยากให้ผู้บริโภคช่วยกันติดตามและขับเคลื่อนเพื่อให้เกิด พ.ร.บ.ผู้สูงอายุและบำนาญแห่งชาติ ทั้งการเข้าไปแสดงความเห็นในเว็บไซต์ของรัฐสภาเพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ และช่วยกันเผยแพร่ความรู้ สร้างความเข้าใจ ให้กับคนในครอบครัว ชุมชน หรือคนที่รู้จักให้ทราบถึงประโยชน์ของการมีบำนาญแห่งชาติ” นายสมชายย้ำ
ทั้งนี้ ปัจจุบันรัฐสภาได้เปิดรับฟังความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ผู้สูงอายุและบำนาญแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ โดยผู้บริโภคสามารถร่วมให้ความเห็นได้ที่เว็บไซต์รัฐสภา (https://www.parliament.go.th/section77/) ตั้งแต่วันนี้ถึง 23 ก.พ.2567
อ่านประกอบ :
อีกครั้งสำหรับการพัฒนา'บำนาญผู้สูงอายุ' เพื่อระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรม
ต่างกัน 4 เท่า! เทียบงบ‘เบี้ยผู้สูงอายุ-บำนาญขรก.’10ปี ก่อน‘รบ.บิ๊กตู่’รื้อเกณฑ์จ่ายคนชรา
‘จุรินทร์’ยันไม่ปรับเกณฑ์จ่าย‘เบี้ยผู้สูงอายุ’-‘นักวิชาการ’มองรัฐไม่กล้าเก็บภาษีคนรวย
รบ.แจงปรับลดเบี้ยผู้สูงวัย เฉพาะคนรวย ลดภาระงบประมาณ
รายจ่ายยากลดทอน 2 ล้านล.! เปิด‘ความเสี่ยงการคลัง’ล่าสุด หลัง‘นักการเมือง’โหม‘ประชานิยม’
สำรวจนโยบาย 'บำนาญแห่งชาติ-เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ' สู้ศึกเลือกตั้ง-เสี่ยงภาระการคลัง?
เวทีเสวนาฯชงรีดภาษีมั่งคั่ง-ขึ้นVat หางบโปะ‘บำนาญแห่งชาติ’-ห่วง‘รุ่นเกิดล้าน’แก่แล้วจน
จุดยืนล่าสุด 5 พรรคการเมือง หนุน‘บำนาญแห่งชาติ’ แต่ไม่ฟันธงได้เดือนละ 3 พันบาท ปีไหน!
ข้อเสนอ 'บำนาญถ้วนหน้า' เดือนละ 3 พันบาท ทำได้-ไม่ได้ ใช้เงินเท่าไหร่-หาเงินจากไหน?
จี้เลิกลดหย่อนภาษีคนรวย-เจ้าสัว! ‘ภาคปชช.’เคลื่อนไหวผลักดัน‘บำนาญถ้วนหน้า’ 3 พันบาท/ด.
จาก'สงเคราะห์'สู่'สวัสดิการ' เพิ่ม'เบี้ยผู้สูงอายุ' 3 พันบาท ทางเลือกที่รัฐบาลทำได้?
ครม.อนุมัติ 8.3 พันล้าน เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา 100-250 บาท 6 เดือน
ผลวิจัยฯชี้เพิ่ม‘เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ’เป็น 3 พันบาท/ด. ต้นทุนเทียบเท่าขึ้นแวต 16.9%
รมว.พม.รับข้อเสนอเครือข่ายประชาชน พัฒนา 'เบี้ยผู้สูงอายุ' เป็นระบบบำนาญ