รมว.พม.รับข้อเสนอการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน จากเครือข่ายภาคประชาชน พร้อมย้ำทุกคนจะยังได้รับสิทธิเหมือนเดิม จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2564 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) รับหนังสือข้อเสนอเรื่องการพัฒนาเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน จากตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และเครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ โดยมีผู้ร่วมชุมนุมเรียกร้อง จำนวน 300 คน ณ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สะพานขาว ถนนกรุงเกษม กทม.
นายจุติ กล่าวว่า วันนี้ เครือข่ายภาคประชาชนที่ติดตามนโยบายสวัสดิการสังคมของภาครัฐ ได้มายื่น 5 ข้อเสนอ ได้แก่ 1) ให้รัฐบาลยกระดับและพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นระบบบำนาญประชาชน เพื่อเป็นหลักประกันรายได้พื้นฐานและเป็นสิทธิสวัสดิการถ้วนหน้าขั้นพื้นฐานของประชาชน อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยใช้อัตราไม่ต่ำกว่าเส้นความยากจน ผู้สูงอายุจะมีความเสี่ยงน้อยจากการตกหล่นจากระบบคัดกรองความยากจน
2) การกำหนดอัตราเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุในปัจจุบัน ไม่สอดคล้องกับเกณฑ์รายได้ที่เพียงพอแก่การยังชีพ ซึ่งต่ำกว่าเส้นความยากจน 3 - 5 เท่า จากข้อมูลเฉลี่ยทั่วประเทศ 2,763 บาทต่อคนต่อเดือน ปี 2,562 และอัตราเบี้ยยังชีพ ทั้งนี้ ผู้สูงอายุไม่มีการปรับขึ้นมานับตั้งแต่ ปี 2554
3) ให้คณะกรรมการผู้สูงอายุนำ ร่าง พ.ร.บ.บำนาญแห่งชาติ พ.ศ.... ฉบับประชาชน และ ผู้สูงอายุและบำนาญพื้นฐานแห่งชาติ ฉบับที่... พ.ศ... ของคณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม มาพิจารณา เพื่อให้เกิดการพัฒนานโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นกฎหมายบำนาญประชาชน
4) ให้คณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ (ใหม่) ยกเลิกแนวทางการกำหนดการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบกำหนดกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะให้จัดสรรเบี้ยยังชีพเฉพาะกลุ่มคนยากจน หรือพิจารณาจากเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ โดยผู้ที่ได้รับต้องแสดงตัวตนและรายได้ และประกาศรายชื่อให้สาธารณชนรับรู้
5) ให้เปิดเผยการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง ให้สาธารณชนได้รับทราบ
นายจุติ กล่าวอีกว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นของประชาชนทุกคน ซึ่งเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนเองได้ลงมารับหนังสือกับตัวแทนเครือข่ายสลัม 4 ภาค และได้เสนอไปว่าให้นำผลดี ผลเสีย ผลกระทบของแต่ละข้อมาเสนอในวันนี้ โดยตนจะนำไปอ่านและส่งให้กับคณะอนุกรรมการกำหนดนโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่กำลังศึกษาเรื่องนี้
ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ ต้องนำไปเสนอยต่อคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จากนั้น จะเสนอความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป หากจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมายจะต้องเสนอกลับเข้าไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระบวนการนี้ไม่สามารถตัดสินใจเพียงผู้เดียวได้ สำหรับวันนี้ทุกคนได้มายื่นหนังสือแล้ว หากตนมีข้อสงสัยหรือหารือเพิ่มเติม จะขอเรียนเชิญท่านมาพูดคุยกัน
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า บ้านเมือง 10 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงไป ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สภาวะสังคมและเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป ฉะนั้น ผลกระทบมีทั้งบวกและลบ เราจะนำมาประกอบการพิจารณา เพื่อให้เกิดความทั่วถึงและเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ตนยินดีและพร้อมรับฟังความเห็นของทุกคน เราจะคุยกันอย่างสันติและเป็นมิตร เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นให้สร้างสรรค์กับส่วนรวม
และขอย้ำว่าการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ปัจจุบันยังคงจ่ายตามเกณฑ์เดิม ทุกคนจะได้รับเหมือนเดิมจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ จะด้วยกฎหมายหรือมติคณะรัฐมนตรีก็ตาม จะต้องมีขั้นตอน ทั้งนี้ อยากเรียนให้ทราบว่า วันนี้ไม่มีการตัดสิทธิใครทั้งสิ้นที่เคยได้รับอยู่เดิม ตามที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายไว้ว่า ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไร คนที่เคยได้สิทธิเดิมก็ขอให้ได้สิทธิจนกระทั่งเสียชีวิต
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage