
“….การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 (พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ ,ศ.ดร.พิรงรอง, รศ.ดร.ศุภัช และ รศ.สมภพ) มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่โจทก์ (นายไตรรัตน์) โดยมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย จึงเป็นการพิจารณาเรื่องที่เสนอตามวาระการประชุม ชอบด้วย พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ….”
.......................................
จากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 155/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 64/2568 ซึ่งเป็นคดีที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) (โจทก์)
ยื่นฟ้อง พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 1) ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 2) , รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 3) ,รศ.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ กรรมการ กสทช. (จำเลยที่ 4) และ ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. (จำเลยที่ 5)
ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 กรณีแต่งตั้ง ‘คณะกรรมการสอบสวนทางวินัย’ นายไตรรัตน์โดยไม่ชอบ และเป็นเหตุในการปลดนายไตรรัตน์พ้นจากตำแหน่ง ‘รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.’
โดยคดีนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษา ‘ยกฟ้อง’ จำเลยทั้ง 5 เนื่องจากพยานหลักฐานของโจทก์ (นายไตรรัตน์) ยังไม่มีน้ำหนักมั่นคงให้รับฟังได้ว่าจําเลยทั้ง 5 กระทำผิดตามฟ้อง นั้น (อ่านประกอบ : สรุปคำพิพากษา! ยกฟ้อง 4 กสทช.คดี ‘ไตรรัตน์’ เสียงแตก1:1 ยกประโยชน์ให้จำเลย)
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงขอนำเสนอคำวินิจฉัยของศาลฯในคดีดังกล่าว (คดีหมายเลขดำที่ อท 155/2566 คดีหมายเลขแดงที่ อท 64/2568) มีรายละเอียด ดังนี้
@‘ไตรรัตน์’เข้าข่าย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยชอบด้วยกม.
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยทั้งห้า เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต หรือไม่
เห็นว่า ....คดีนี้ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค.2566 ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้มีคำสั่ง กสทช. (ลับ) ที่ 7/2566 เรื่อง แต่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทั้งนี้ เป็นไปตามมติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 11 ม.ค.2566
โดยคำสั่งดังกล่าวให้อำนาจอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. กับการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final) 2022
อันอาจมีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศที่เกี่ยวข้องและมติที่ประชุม กสทช. รวมทั้งข้อเสนอของ กกท. ซึ่งขอรับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ตลอดจนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ที่ กกท. ทำไว้กับสำนักงาน กสทช. ตามเอกสารหมาย จ.23 หน้าที่ 589 ถึงหน้าที่ 592
ซึ่งตามรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เสียงข้างมาก มีความเห็นว่า
การกระทำของนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. โจทก์คดีนี้ เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย อาจมีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศที่เกี่ยวข้อง ตามเอกสารหมาย จ.23 หน้าที่ 28 ถึงหน้าที่ 97
และมติที่ประชุม กสทช. รวมทั้งข้อเสนอของ กกท. ที่ได้ยื่นการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ตลอดจนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ที่ได้ทำไว้กับสำนักงาน กสทช.
ทั้งนี้ เนื่องจากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า โจทก์ (นายไตรรัตน์) มีส่วนให้ส่วนงานเลขานุการเลขาธิการ กสทช. มีหนังสือตอบหนังสือ กกท. สืบเนื่องมาจากปัญหาการร้องเรียนของผู้ได้รับใบอนุญาตรายอื่นเกี่ยวกับปัญหาการถ่ายทอดสด ตามหนังสือ กสทช. ด่วนที่สุด ที่ กสทช. 2000/52627 ลงวันที่ 20 พ.ย.2565 ที่มีข้อความว่า
“ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามข้อ 7 ของประกาศดังกล่าว (ประกาศ Must Carry) ซึ่งรวมถึงกฎหมายว่าด้วยลิขสิทธิ์” ตามเอกสารหมาย ล.126 หน้าที่ 4 และหน้าที่ 5
และปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2565 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ได้มีการประชุมระหว่างโจทก์ (นายไตรรัตน์) กับ กกท. ทำให้ กกท. นำผลการประชุมและหนังสือสำนักงกงาน กสทช. ด่วนที่สุด ที่ กสทช. 2000/52627 ลงวันที่ 20 พ.ย.2565 ไปดำเนินการ
เพื่อให้ บริษัทในเครือ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวอ้างถึงลิขสิทธิ์ ทำให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ ให้บริการโครงข่ายในระบบไอพีทีวีจาก กสทช. และผู้ให้บริการโทรทัศน์ที่ให้บริการเป็นการทั่วไปไม่สามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศ Must Carry ได้
ขัดกับมติ กสทช. ในการประชุมครั้งที่ 30/2565 เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2565 ซึ่งอนุมัติให้เงินสนับสนุน กกท. ในการซื้อลิขสิทธิ์และเห็นชอบให้ดำเนินการถ่ายทอดสุดเป็นไปอย่างเสมอภาค ทั่วถึง และเท่าเทียม ตามเอกสารหมาย จ.23 หน้าที่ 315 และหน้าที่ 316
การกระทำของโจทก์ (นายไตรรัตน์) ในฐานะรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เข้าข่ายไม่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุม กำกับดูแล และใช้สิทธิการถ่ายทอดฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ให้เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ และมติ กสทช. เพื่อให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์มิควรได้
@ผลการตรวจสอบ‘อนุกรรมการ’มิได้มีข้อพิรุธแต่ประการใด
นอกจากนั้น ยังปรากฎข้อเท็จจริงอีกว่า การทำหนังสือสำนักงาน กสทช. ด่วนที่สุด ที่ กสทช. 2000/52627 ลงวันที่ 20 พ.ย.2565 นั้น ตามเอกสารหมาย ล.126 หน้าที่ 4 และหน้าที่ 5 เป็นหนังสือที่โจทก์มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของสำนักกฎหมายโทรคมนาคม เป็นผู้ร่าง มิใช่หนังสือที่ยกร่างขึ้นโดยส่วนงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงในเรื่องนี้แต่อย่างใด
เห็นได้ว่า คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาให้ความเห็น ตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก กสทช. ตามคำสั่ง กสทช. (ลับ) ที่ 7/2566 ตามเอกสารหมาย ล.31 หน้าที่ 884 ถึงหน้าที่ 892
โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วนเป็นขั้นเป็นตอน สุดท้ายได้พิจารณาและสรุปความเห็นเสนอต่อ กสทช. ตามลำดับ โดยมีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 7 ครั้ง รวมเวลาเกือบ 3 เดือน ดังนี้
การประชุมครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 2 ก.พ.2566 มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย
การเรียกเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สำนักงานอัยการสูงสุด ผู้ประกอบกิจการที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ จากการที่ กกท. ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และสำนักงาน กสทช. ตามเอกสารหมาย จ.38 หน้าที่ 65 ถึงหน้าที่ 69
การประชุมครั้งที่ 2/2566 เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2566 มีสาระสำคัญเป็นการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเอกสารหลักฐานที่หน่วยงานต่างๆ รวมถึงสำนักงาน กสทช. นำส่งต่อคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย พร้อมกำหนดแนวทางในการแสวงหาข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ของ กกท. และสำนักงาน กสทช. ตามเอกสารหมาย จ.38 หน้าที่ 70 ถึงหน้าที่ 80
การประชุมครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 มีสาระสำคัญเป็นการสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่ กกท. จำนวน 6 คน ตามเอกสารหมาย จ.38 หน้าที่ 81 ถึงหน้าที่ 123
การประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2566 มีสาระสำคัญเป็นการสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. เพิ่มเติมอีก 2 คน ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ได้เชิญโจทก์ (นายไตรรัตน์) มาชี้แจงข้อเท็จจริงและให้ข้อมูลด้วย ตามเอกสารหมาย จ.38 หน้าที่ 124 ถึงหน้าที่ 155
การประชุมครั้งที่ 5/2566 เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2566 มีสาระสำคัญเป็นการสอบถามข้อเท็จจริงจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสทช. เพิ่มเติมอีก 5 คน ตามเอกสารหมาย จ.38 หน้าที่ 156 ถึงหน้าที่ 189
ส่วนการประชุมครั้งที่ 6/2566 เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2566 ตามเอกสารหมาย จ.38 หน้าที่ 190 ถึงหน้าที่ 194 และ การประชุมครั้งที่ 7/2566 เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2566 เป็นการพิจารณาพยานหลักฐานและสรุปความเห็น ตามเอกสารหมาย จ.38 หน้าที่ 195 ถึงหน้าที่ 198 เหตุที่การประชุมครั้งที่ 7/2566 ได้เพิ่มเติมรายละเอียดของมติที่ประชุมครั้งที่ 6/2566 เนื่องจากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า
“การกระทำของโจทก์อาจเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศที่เกี่ยวข้อง และมติที่ประชุม กสทช. รวมทั้งข้อเสนอของ กกท. ที่ได้ยื่นการขอรับการสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ (กองทุน กทปส.) ตลอดจนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ที่ กกท. ได้ทำไว้กับสำนักงาน กสทช.”
เป็นกรณีการสรุปความเห็นครั้งสุดท้ายของอนุกรรมการตรวจสอบ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย จากพยานหลักฐานทั้งหมด โดยเป็นการเพิ่มเติมรายละเอียดของมติที่ประชุมโดยชอบ มิได้มีข้อพิรุธแต่ประการใด
@‘4 กสทช.’ลงมติแต่งตั้งกก.สอบวินัยฯ‘ไตรรัตน์’ชอบด้วยกม.
ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 13 เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2566 ได้มีการนำรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของ สำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายดังกล่าว ที่มีความละเอียดชัดเจนและนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารประกอบการประชุมเข้าพิจารณาในระเบียบวาระที่ 5.22
โดยผลของการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ระบุว่าโจทก์ (นายไตรรัตน์) ในฐานะเลขาธิการ กสทช. อาจมีการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายประกาศที่เกี่ยวข้อง และมติ กสทช.
จึงมีมูลว่า มีการกระทำที่ฝ่าฝืนข้อปฏิบัติของพนักงานที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎ และระเบียบ ประกาศ หลักเกณฑ์ คำสั่งหรือข้อข้อกำหนดใดๆ ที่ กสทช. กำหนด ซึ่งเป็นความผิดวินัยตามข้อ 50 และข้อ 52 แห่งระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยการบริหารงานบุคคลพ.ศ.2565 ตามเอกสารหมาย จ.5 หน้าที่ 40 ถึงหน้าที่ 50
การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 (พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ ,ศ.ดร.พิรงรอง, รศ.ดร.ศุภัช และ รศ.สมภพ) มีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่โจทก์ (นายไตรรัตน์) โดยมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย จึงเป็นการพิจารณาเรื่องที่เสนอตามวาระการประชุม
ชอบด้วย พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 27 ประกอบระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2555 ข้อ 18 และข้อ 29 วรรคหนึ่ง
@เปลี่ยน‘รักษาการ เลขาฯกสทช.’เป็นผลต่อเนื่อง-ชอบด้วยระเบียบ
ส่วนที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มีมติเห็นชอบให้มีการเปลี่ยนตัวรองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.โจทก์คดีนี้ และลงมติเห็นชอบให้แต่งตั้งรองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ จำเลยที่ 5 (ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์) เป็นผู้รักษาการแทนโจทก์ นั้น
เป็นการพิจารณาต่อเนื่องจากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ในเรื่องเพื่อพิจารณาในระเบียบวาระที่ 5.22 เพื่อให้การดำเนินงานของสำนักงาน กสทช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและต่อเนื่อง จึงเป็นการพิจารณาเรื่องที่เสนอตามวาระการประชุม ที่ชอบด้วยบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวข้างต้นเช่นเดียวกัน
โดยถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ในฐานะ กสทช. ซึ่งมีมติเสียงข้างมาก เสนอให้ความเห็นชอบแก่ ศ.คลินิก นพ.สรณ ประธานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พิจารณาแต่งตั้งจำเลยที่ 5 รองเลขาธิการ กสทช. อีกคนหนึ่ง เป็นผู้รักษาการแทนโจทก์ (นายไตรรัตน์) ตามที่ ศ.คลินิก นพ.สรณ เห็นสมควร
จึงชอบด้วยระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยการรักษาการแทนการปฏิบัติการแทน และการปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทน ในตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และพนักงานของสำนักงาน กสทช. พ.ศ.2555 ข้อ 6
@ไม่ปรากฏพฤติการณ์‘4 กสทช.’จงใจเร่งรัดตามที่กล่าวอ้าง
แม้ปรากฏว่าในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2566 ได้มีการสลับวาระการประชุมระเบียบวาระที่ 5.22 ขึ้นมาพิจารณาก่อนระเบียบวาระที่ 5 ในเรื่องพิจารณาอื่นๆ หรือระเบียบวาระที่ค้างพิจารณาในการประชุม กสทช. ครั้งก่อน
ก็เป็นอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวของ ศ.คลินิก นพ.สรณ ในฐานะประธานในการประชุมในวันดังกล่าว หากเห็นว่า วาระการประชุมเรื่องใดเป็นข้อสำคัญ ซึ่งปรากฏว่าการประชุมในวันดังกล่าว ศ.คลินิก นพ.สรณ ได้ใช้อำนาจสลับวาระการประชุมระเบียบวาระที่ 5.22 ขึ้นมาพิจารณาก่อนระเบียบวาระที่ 5 ในเรื่องพิจารณาอื่นๆ และระเบียบวาระที่ค้างพิจารณาในการประชุม กสทช. ครั้งก่อน
โดยให้ประชุมแบบจำกัดจำนวนผู้เข้าฟัง (ประชุมลับ) ซึ่งเป็นการดำเนินการประชุม โดยชอบตามระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ.2555 ข้อ 29 วรรคสอง
ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 (พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ ,ศ.ดร.พิรงรอง, รศ.ดร.ศุภัช และ รศ.สมภพ) ตรวจพิจารณาร่างรายงานการประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 แล้วมีบันทึกข้อความส่งคืนให้แก่จำเลยที่ 5 ก็เป็นไปตามลำดับขั้นตอนปกติธรรมดา ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 จงใจเร่งรัดเรื่องของโจทก์ตามที่โจทก์กล่าวอ้าง
@เซ็นคำสั่งตั้งคกก.สอบ‘ไตรรัตน์’เป็นไปปฏิบัติตามมติ‘กสทช.’
สำหรับจำเลยที่ 5 (ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์) นั้น ปรากฏว่าโจทก์ (นายไตรรัตน์) ได้มีคำสั่ง กสทช. ที่ 568/2566 ลงวันที่ 29 พ.ค.2566 แต่งตั้งจำเลยที่ 5 เป็นผู้รักษาการแทนโจทก์ ระหว่างวันที่ 12 ถึง 18 มิ.ย.2566 เนื่องจากโจทก์ต้องเดินทางไปศึกษาดูงานภาคตะวันออกในหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร
ดังนั้น ในช่วงเวลาดังกล่าว คือ ระหว่างวันที่ 12 ถึงวันที่ 18 มิ.ย.2566 จำเลยที่ 5 จึงมีอำนาจหน้าที่ในฐานะเลขาธิการ กสทช. ซึ่งตนรักษาการแทนในตำแหน่ง ตามระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยการรักษาการแทน การปฏิบัติการแทน และการปฏิบัติงานเฉพาะอย่างแทน ในตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และพนักงานของสำนัก กสทช. พ.ศ.2555 ข้อ 8 ซึ่งต้องปฏิบัติตามมติ กสทช. ในการประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 ระเบียบวาระที่ 5.22 ที่ได้มีการรับรองมติดังกล่าวในทันที เมื่อการประชุมแล้วเสร็จ
การที่จำเลยที่ 5 มีคำสั่ง กสทช. ที่ 629/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ลงวันที่ 16 มิ.ย.2566 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยแก่โจทก์ จึงเป็นการปฏิบัติตามมติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 ดังกล่าว ชอบด้วยระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2565 ข้อ 9 (1) และข้อ 59 วรรคสอง
ส่วนที่จำเลยที่ 5 ร่างหนังสือคำสั่งแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ถึงประธาน กสทช. ก็เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่รับผิดชอบงานธุรการ เพื่อให้เป็นไปตามมติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 13/2566 ชอบด้วยระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2565 ข้อ 9
@พยานหลักฐานไม่มีน้ำหนักฟังได้ว่า‘4 กสทช.’ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
ดังนั้น พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักมั่นคงให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งห้า เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระที่ชอบด้วยกฎหมาย จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาอื่นๆ ตามฟ้องโจทก์ และไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของจำเลยทั้งห้าอีกต่อไป เพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
อนึ่ง คดีนี้ในการประชุมเพื่อมีคำพิพากษา มีความเห็นแย้งกันเป็นสองฝ่ายหาเสียงข้างมากมิได้ จึงให้ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยมาก ยอมเห็นด้วยผู้พิพากษา ซึ่งมีความเห็นเป็นผลร้ายแก่จำเลยน้อยกว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีความอาญา มาตรา 184 ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 วรรคหนึ่ง
พิพากษายกฟ้อง
เหล่านี้เป็นรายละเอียดของคำวินิจฉัยของศาลฯ ในคดีที่ นายไตรรัตน์ ที่ปัจจุบันทำหน้าที่ ‘รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช.’ ยื่นฟ้อง ‘4 กรรมการ กสทช. กับพวก’ กรณีการแต่งตั้ง ‘คณะกรรมการสอบสวนวินัย’ แก่นายไตรรัตน์ และการลงมติให้นายไตรรัตน์ พ้นจากตำแหน่ง รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. ซึ่งศาลฯมีคำพิพากษา ‘ยกฟ้อง’
อย่างไรก็ดี เนื่องจากคดีนี้ มีผู้พิพากษา 1 ราย มี ‘ความเห็นแย้ง’ ในคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา จะนำเสนอบันทึกความเห็นแย้งคำพิพากษาของ ผู้พิพากษารายนี้ โปรดติดตามในตอนหน้า!
อ่านประกอบ :
- สรุปคำพิพากษา! ยกฟ้อง 4 กสทช.คดี ‘ไตรรัตน์’ เสียงแตก1:1 ยกประโยชน์ให้จำเลย
- ยกฟ้อง! 4 กสทช. คดี ‘ไตรรัตน์’ กล่าวหาลงมติปลดพ้นเก้าอี้มิชอบ-พ.1 ราย เห็นแย้งว่าผิด
- ‘ศาลคดีทุจริตฯ’นัดชี้ชะตาคดี‘ไตรรัตน์’ฟ้อง‘4 กสทช.’เด้งพ้น‘รักษาการเลขาฯ’มิชอบ 8 เม.ย.
- 'พิรงรอง เอฟเฟกต์': สะท้อนปัญหาวงการสื่อ: เสรีภาพ ทุนผูกขาด และอนาคต กสทช.
- สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ : อะไรคือผลกระทบระยะยาว จากคดีพิรงรอง ?
- ชำแหละคดี 'ทรูไอดี' ฟ้อง กสทช. 'พิรงรอง' โทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา เหมาะสมหรือไม่?
- พิรงรอง รามสูต: ทีวีไทยต้องไปต่อ ทำหน้าที่เป็นกลาง เชื่อถือได้-เชื่อมโยงสังคม
- วิเคราะห์คำพิพากษาคดี ‘พิรงรอง’ ใช้เหตุผล-ตรรกะขัดแย้งกันเอง?
- ‘สำนักงาน กสทช.’แถลงการณ์ปกป้องสิทธิฯ‘พนง.’ถูกอ้าง‘ชื่อ-รูปถ่าย’โดยมิชอบ โยงคดี‘พิรงรอง’
- ‘ภาคปชช.’ชี้คดี‘พิรงรอง’สะเทือนกระบวนการ‘ยุติธรรม’-จับตา‘กสทช.’ส่อถูก‘กลุ่มทุน’แทรกแซง
- 'พิรงรอง Effect' : กฎหมาย กสทช.ล้าหลัง ไม่ตอบโจทย์-ไร้อำนาจคุม OTT
- วารสารฯ มธ.-นิเทศฯ ม.อ.ปัตตานี แถลงการณ์ ‘พิรงรอง’ การพิทักษ์ผลประโยชน์สาธารณะคือสิ่งสำคัญ
- วงเสวนานิเทศจุฬาฯชี้ 'พิรงรอง Effect' กระทบการกำกับดูแลในอนาคต เหตุ จนท.เสี่ยงถูกฟ้อง
- นิเทศจุฬาฯ โชว์จุดยืนสนับสนุน 'พิรงรอง' จัดเสวนาด่วน Effect ทิศทางคุ้มครองผู้บริโภคสื่อ
- เปิดใจ พิรงรอง ก่อนโดนคุก 2 ปี
- ฉบับเต็ม! คำพิพากษาคุก 2 ปี ‘พิรงรอง’ อ้าง 'ตลบหลัง-ล้มยักษ์' พูดหลังประชุมแค่เปรียบเปรย
- ‘ศาลคดีทุจริตฯ’นัดฟังคำพิพากษาคดี‘ทรู ดิจิทัลฯ’ฟ้อง‘กก.กสทช.’ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ 6 ก.พ.
- ‘ศาลอาญาคดีทุจริตฯ’ยกคำร้อง‘ทรู ดิจิทัล’ ขอสั่ง‘พิรงรอง’หยุดปฏิบัติหน้าที่‘กสทช.’
- อาจเข้าข่ายฟ้องปิดปาก! ‘สภาผู้บริโภค’ออกแถลงการณ์จี้‘ทรู ดิจิทัล’ถอนฟ้อง‘กรรมการ กสทช.’
- ‘ไตรรัตน์’ฟ้อง'4 กสทช.-พวก’ ปมสอบค่าซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก-เปลี่ยน‘รักษาการเลขาธิการฯ’มิชอบ
- เปิดสรรหาฯใหม่! บอร์ดมีมติ 4 ต่อ 3 ไม่เห็นชอบตั้ง‘ไตรรัตน์’นั่งเก้าอี้‘เลขาธิการ กสทช.’
- จับตาถกบอร์ด กสทช.เคาะชื่อ‘เลขาธิการฯ’คนใหม่ ส่อวุ่น-พบชงหนังสือ‘ไตรรัตน์’ค้าน 4 กก.โหวต
- บรรจุเป็นวาระพิเศษ! ‘ประธาน กสทช.’นัด‘กรรมการ’ถกแต่งตั้ง‘เลขาธิการฯ’คนใหม่ 17 ม.ค.นี้
- ไม่ได้ขัดแย้งส่วนตัว! 4 กสทช. แถลงร่วมยก 6 พฤติกรรม‘ปธ.’ทำภารกิจบอร์ดฯติดขัด-งานไม่เดิน
- ได้ข้อมูล‘ทรู’ฝ่ายเดียว! ‘บอร์ด กสทช.’ยังไม่สรุปค่าบริการมือถือลด 12% หลังควบ TRUE-DTAC
- ‘ภูมิศิษฐ์’ร้อง‘ปธ.วุฒิ’ตรวจสอบคุณสมบัติ‘ประธาน กสทช.’-‘โฆษกฯ’ชี้แจงไม่มีลักษณะต้องห้าม
- ศาลฯรับไต่สวนมูลฟ้อง คดี‘ไตรรัตน์’ฟ้อง‘4 กสทช.-พวก’ ปมตั้งกก.สอบ-เปลี่ยนตัวรักษาการเลขาฯ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา