'อัยการ ช.' คือใคร ? ทำไม ก.อ.ตั้งกรรมการสอบพร้อม 'เนตร นาคสุข' กรณีสั่งไม่ฟ้องคดีบอส

22092564 news 02

"...'อัยการ ช.' ปรากฏเป็นข้อมูลครั้งแรกในการแถลงสรุปการค้นหาความจริงของ นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแบะข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนโดยหลังจากค้นหาความจริงคดีบอสมากว่า 1 เดือน นายวิชา ได้แจกเอกสาร 7 หน้า และแถลงสรุปผลงานต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2563..."

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้วว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2564 ที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) มีมติเอกฉันท์ เห็นควรสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด กรณีมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555

มติเอกฉันท์ 9 เสียง จากที่ประชุมทั้งหมด 15 เสียง โดยมี ก.อ. 4 คน งดออกเสียง และอีก 2 คน ลาไม่เข้าร่วมประชุม ซึ่งหนึ่งในนั้นไปชี้แจงภารกิจกับคณะรัฐมนตรี (ครม.)

มติดังกล่าว ยังได้แต่งตั้งให้ นายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธานการสอบวินัยร้ายแรง โดยจะมีระยะเวลาสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น 60 วัน และสามารถขอขยายระยะเวลาได้อีก 2-3 ครั้ง รวมเป็น 180 วัน

วันเดียวกัน นายพชร ยุติธรรมดํารง ประธาน ก.อ. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนตอนหนึ่งว่า นอกจากการสอบวินัยร้ายแรงนายเนตรแล้ว ยังได้สั่งให้คณะกรรมการชุดเดียวกัน ดำเนินการสอบสวนอัยการอีกคนด้วย

เมื่อถามย้ำว่า อัยการคนดังกล่าวมีชื่อ ช. ใช่หรือไม่ นายพชร กล่าวว่า “ใช่” ส่วนสุดท้ายจะเป็นเรื่องของวินัยร้ายแรงหรือไม่ ต้องว่ากันอีกทีหนึ่ง

นอกจาก นายเนตร ที่เกี่ยวข้องในคดีบอส อัยการอีกคน ชื่อย่อว่า ช. เป็นใคร ?

'อัยการ ช.' ปรากฏเป็นข้อมูลครั้งแรกในการแถลงสรุปการค้นหาความจริงของ นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแบะข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน

โดยหลังจากค้นหาความจริงคดีบอสมากว่า 1 เดือน นายวิชา ได้แจกเอกสาร 7 หน้า และแถลงสรุปผลงานต่อสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 ก.ย.2563

นายวิชา กล่าวตอนหนึ่งว่า มีกระบวนการหยิบยกพยานหลักฐานที่สร้างขึ้นมาอันเป็นเท็จ ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ ทนายความ และมีอัยการท่านหนึ่งในกระบวนการนี้ และข้อมูลที่ได้มาเป็นพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้

แหล่งข่าวยืนยันว่า ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานของคณะกรรมการ ได้มาจากหลักฐานสำคัญซึ่งก็คือ 'เทปบันทึกเสียง' ที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ผู้คำนวณความเร็วรถของนายวรยุทธได้ 177 กม./ชม. ก่อนเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงความเร็วเหลือไม่เกิน 80 กม./ชม. เป็นผู้นำมามอบให้กับคณะกรรมการ

สำหรับเอกสาร 7 หน้าที่เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน พบว่า หน้าที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงเหตุการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ ระบุด้วยว่า ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจนว่า มีบุคคลจำนวนหนึ่งได้ร่วมกันจัดให้รองศาสตราจารย์ ส. (นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม) ได้พบกับพันตำรวจโท ธ. (พ.ต.อ.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ขณะนั้นมียศเป็น พ.ต.ท.) เพื่อนำเสนอวิธีการคำนวณความเร็วใหม่และมีการสอบปากคำพันตำรวจโท ธ. ภายใต้การกำกับของ 'พนักงานอัยการไม่ทราบชื่อ' เพื่อจัดทำพยานหลักฐานเท็จ โดยแก้ไขวันที่สอบปากคำให้เป็นวันที่ 26 ก.พ.2559 และ วันที่ 2 มี.ค.2559 สำหรับใช้ในการร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการและต่อคณะกรรมาธิการในเวลาต่อมา

'พนักงานอัยการไม่ทราบชื่อ' เป็น 1 ใน 2 คน 'คนนอก' ที่ปรากฏตัวในห้องที่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถในคดีบอส

22092564 news 01 (นายวิชา มหาคุณ แถลงสรุปการค้นหาความจริง ณ ทำเนียบรัฐบาล)

ก่อนหน้านี้ช่วงเช้าวันที่ 3 ก.ย.2563 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยัง อัยการรายนี้ เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎเป็นข่าว ได้รับการยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย เพราะไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องอะไร และขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานตรวจสอบแห่งไหน ติดต่อมาให้ไปชี้แจงข้อมูลอะไรด้วย

เมื่อถามว่า จำได้หรือไม่ว่า วันที่ 29 ก.พ.2559 อยู่ที่ไหน อัยการรายนี้ ตอบว่า จำไม่ได้ เพราะนานมาแล้ว ซึ่งโดยปกติก็มาทำงานและก็กลับบ้าน แต่ยอมรับว่ามีการทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ด้วย

เมื่อถามว่า รู้จักใคร ในกลุ่มบุคคล 5 ราย ที่ถูกระบุว่าเข้าไปนั่งหารือกันในห้องทำงานเพื่อร่วมกันหารือคดีนายวรยุทธ หรือไม่ อัยการรายนี้ ตอบว่า ไม่รู้จักใคร แต่ส่วนตัวรู้จักกับอดีตนายตำรวจระดับสูง เพราะเป็นเพื่อนกับนักธุรกิจรายหนึ่งที่ตนรู้จักซึ่งร่วมเล่นแชร์กัน ส่วนคนอื่นไม่รู้จัก

เมื่อถามย้ำว่า แต่มีข้อมูลยืนยันว่าในการสอบสวนคดีนี้ มีรูปถ่ายและเสียงเทปบันทึกคำสนทนาเป็นหลักฐาน อัยการรายนี้ ตอบว่า

"ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ไม่ได้ไปอยู่ในห้องด้วย ไม่ได้ไปเกี่ยวข้อง และถ้าหากมีใครพาดพิงอะไรผม ผมก็พร้อมจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของผม และในความเป็นจริงเราไม่ควรไปเชื่อหลักฐานอะไร จากคนที่ถูกตรวจสอบและต้องการจะเอาตัวรอด"

ต่อมา สำนักข่าวอิศรา ได้เปิดเผย เทปบันทึกเสียง และร่างเอกสารที่มีการถอดเทป ในห้องที่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ ที่พบว่า บางช่วงบางตอนที่เกิดขึ้นในวันที่ 29 ก.พ.2559 ปรากฏบทสนทนาของ 'อัยการไม่ทราบชื่อ' ร่วมด้วยอยู่ด้วย

หน้า 11/18 ในช่วงที่มีการเตรียมการถ่ายข้อมูลเพื่อเตรียมคำนวณความเร็วใหม่ พล.ต.ท. ได้สนทนากับ อัยการปริศนา

พล.ต.ท. : นี่อัยการ ตอนนี้อยู่ที่ไหนฮะ

อัยการ : อยู่กองคดีอาญา 6

พล.ต.ท. : กองคดีอาญา 6 คุมที่ไหนอะฮะ

อัยการ : แถวหัวหมาก

พล.ต.ท. : อ๋อ โซนนั้น

อัยการ : วังทองหลาง และกองปราบ แล้วก็ปากคลองตลาด ตอนนี้ผมอยู่คดีพิเศษ

พล.ต.ท. ฮะ ฮะ

อัยการ : ของผมก็ 2 ปีกว่าแล้ว

หน้า 13/18 มีช่วงหนึ่งของการพูดคุยที่ปรากฎเสียงของอัยการ และทนายความ ร่วมวงสนทนาอยู่ด้วย

พล.ต.ท. : ใช้สูตรละคนสูตรเหรออาจารย์

นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม : อันเดียวกัน ก็คือใช้หลักการเดียวกัน ดูจำนวนเฟรมที่เกิดขึ้น แล้วก็ช่วง...แต่ที่ทางท่านรองหนูแกทำคือ ระยะทางยาวกว่า มันอาจมีการพลาดนิดหน่อยในช่วงการหาความเร็ว ตอนนี้เราใช้วิธีการเดียวกัน คือรถผ่านเอาความยาวของตัวรถเป็นตัวตั้ง และระยะเวลาที่ผ่านของตัวรถ ก็เป็นความเร็ว

พล.ต.ท. : ดูสิความเร็วจะลดลงไม๊ เอ๊ะคดีบน tollway ติดคุกไม๊ รอลงอาญา

พ.ต.อ. ว.คนที่ 1 : รอครับ

พล.ต.ท. : ที่ตายเยอะๆ อะนะ ไม่คดียุคนี้ไม่มีติดคุก แต่ทางพี่ (ปกปิดชื่อ - เป็นชื่อเล่นของ พล.ต.อ.) อยากให้จบในชั้นอัยการ จะได้จบเลยไม่ต้องสืบ

อัยการ : คดีนี้ผู้เสียหายเค้าไม่ได้อะไรนะครับ

พล.ต.ท. : ใช่ๆ จบเลยใช่ไม๊ เค้าก็ลืมไปแล้วคดีนี้ตั้งแต่ปี 55

อัยการ : แล้ว ทางกระทิงแดงเค้าไปสร้างทำบุญสร้างโบสถ์ สร้างอะไรเนี่ย ช่วยเหลืออุทิศส่วนกุศลให้กับคนตายอย่างมาก ที่นครพนมใช่ไม๊

ทนาย : ที่สกลนคร

อัยการ : แล้วท่านก็พร้อมที่จะช่วยเหลือกุศลต่างๆ

ทนาย : ที่ไปคณะกับท่านเจ้าคุณ เจ้าคุณเพชรหรือเปล่าฮะที่ไปอินเดีย

พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น : อินเดีย ผมไปกับสมเด็จพระธีรญาณมุนีครับ

นอกจากนี้ เทปบันทึกเสียง วันที่ 1 มี.ค.2559 ยังพบว่า 'อัยการไม่ทราบชื่อ' ได้โทรศัพท์สนทนากับ 'บิ๊กสีกากี' อีกด้วย

** ระหว่างการสนทนา นาทีที่ 1:10:03 อัยการรับโทรศัพท์แล้วแจ้งทางปลายสายว่า “...สวัสดีครับพี่ (ปกปิดชื่อ - เป็นชื่อเล่นของ พล.ต.อ.) ครับ ดีมากเลยครับ ครับผม อ๋อไม่เป็นไรครับพี่ ผมอยู่ห้องท่านผู้บัญชาการ (ปกปิดชื่อ) ... ครับผม แจ๋วครับ เข้าใจ แน่นอน ถูกต้อง รับรองพี่...”

พล.ต.ต. : วันนี้รับซีดีมาตรวจก่อน วันนี้สอบปากคำ คือรับซีดีมาตรวจเพิ่มก่อนใช่ไหมครับ

พ.ต.อ. ว.คนที่ 1 ครับ วันแรกก่อน

ขณะที่หน้าที่ 12/16 และ หน้าที่ 13/16 ได้มีข้อถกเถียงเกี่ยวกับการใส่ตัวเลขความเร็วรถในสำนวนคดี

อัยการ : วิธีที่คำนวณครั้งที่แล้วผู้ตรวจพิสูจน์คำนวณความเร็วสูงสุดที่จะเป็นไปได้โดยพนักงานสอบสวน แจ้งวัตถุประสงค์ไปอย่างนั้น จึงได้คำนวณออกมา 177

พ.ต.อ. ว.คนที่ 2 : จึงได้คำนวณแบบมากสุด

อัยการ : แบบมากสุด แต่วันนี้จะคำนวณตามคำสั่งอัยการสูงสุด ก็มาคำนวณได้แล้วออกมาได้ความเร็วที่แท้จริง อย่าใช้ความเร็วต่ำสุดเลย เอาความเร็วที่แท้จริง เพราะว่าคำนวณมาจากความยาวของรถที่ถูกต้อง ที่แน่นอนเลย

พ.ต.อ. ว.คนที่ 2 : เพราะตอนนั้นเราไม่มีข้อมูลเรื่องความยาวของรถ

อัยการ : เราไม่มีข้อมูลเรื่องความยาวของรถนะฮะ เมื่อคำนวณแล้วอันนั้นมันเป็นความเร็วสูงสุดแต่อันนี้เป็นความเร็วที่แท้จริง ขณะที่เวลาตามกำหนดในภาพได้ความเร็ว 74 ไม่ใช่หมายความว่าตรงนั้นผิดนะ

ทั้งหมดเป็นข้อมูลของ 'อัยการไม่ทราบชื่อ' ที่เริ่มต้นจากรายงานค้นหาความจริงของนายวิชา ก่อนที่จะทราบกันในภายหลังว่าคือ 'อัยการ ช.' ที่กำลังถูกสอบพร้อม นายเนตร นาคสุข

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับคดีบอส :

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage