'วิชา' แถลงผลสอบคดี 'บอส อยู่วิทยา' ชงเอาผิดวินัย-อาญาคน 8 กลุ่ม พบพยานหลักฐานใหม่ แฉขบวนการสมยอมในการสอบสวน เขียนวันสอบปากคำเท็จ - เปลี่ยนความเร็วรถ เสนอสอบจริยธรรมร้ายแรงบุคคล 'ระดับผู้นำองค์กร'
---------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ย. คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไมฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่มีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน แถลงสรุปผลการค้นหาความจริงกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ปี 2555
นายวิชา กล่าวว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับบุคคลและองค์กรที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม แม้แต่คนไทยเองก็ตามที่ต้องรู้เรื่องจากฝรั่งว่า คดีของนายวรยุทธ ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต จนเกิดผลจากสั่งฟ้องกลายเป็นสั่งไม่ฟ้อง คณะกรรมการฯได้ทำงานมาตั้งแต่ 1 ส.ค. – 30 ส.ค. จนสามารถส่งข้อเสนอแนะได้ตามกำหนดเวลา และข้อมูลที่เราได้มา ขอเรียนว่ายังเป็นข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็เป็นกังวลว่า หากเผยแพร่หรือเปิดเผยออกไปจะกระทบถึงเขาหรือไม่อย่างไร ฉะนั้นในสรุปรายงานที่ให้กับสื่อมวลชนครบเหมือนที่บอกไว้ บอกหมดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร เข้ามาในกระบวนการได้อย่างไร มีพฤติกรรมอย่างไร บอกโดยละเอียดทั้งหมด และเป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรีต้องไปดำเนินการต่อและสิทธิ์ของท่านที่จะพิจารณาเผยแพร่ต่อไป
“สำหรับเอกสารที่สรุปให้กับสื่อมวลชนจะทำให้เห็นกระบวนการทั้งหมด แต่ตัวละครต่างๆ จะขอใช้อักษรย่อ พร้อมระบุตำแหน่งให้ แต่เป็นบุคคลที่คุณก็รู้ว่าใครเหมือนแฮรี่พอตเตอร์ ซึ่งท่านสามารถไปสืบหาต่อได้เลยว่าเป็นใคร” นายวิชา กล่าว
@สำนวนผิดตั้งแต่แรกนำชื่อคนตายมาเป็นจำเลย
นายวิชา กล่าวด้วยว่า เราเห็นพฤติกรรมที่เริ่มตั้งแต่ทำสำนวนบกพร่อง เพราะการที่ตั้งข้อหาสำหรับคนตาย โดยเฉพาะ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู๋งานปราบปราม สน.ทองหล่อ ที่ถูกนายวรยุทธ ขับรถชนจนเสียชีวิต ถือว่าไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่มีสิทธิ์ต่อสู้คดี แม้ว่าเขาจะได้รับเงินเยียวยา แต่ก็ทำให้รูปคดีเสียหายอย่างหนัก ผู้เชี่ยวชาญสอนกันมาตั้งแต่อดีตว่า หากตำรวจตั้งรูปคดีแบบนี้แสดงว่าไม่ได้จริงจังหรือจริงใจในการทำสำนวน
“กระบวนการเหล่านี้เราเห็นภาพว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำอย่างมืออาชีพ เพราะบางข้อกล่าวหาไม่ได้ใส่ไว้ในสำนวน สอบไว้เพียงแค่ให้รู้ว่าสอบ แต่ไม่ได้จริงจัง และก็สั่งไม่ฟ้องสำหรับข้อกล่าวหานั้น เช่นเรื่องเมาแล้วขับ ซึ่งประเด็นนี้ นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาแล้วขับ ก็ต่อสู้เรื่องนี้มานาน และท่านเสียใจมากว่าจะกลายเป็นเรื่องที่ขับแล้วเมา ซึ่งจะเป็นตัวอย่างในการต่อสู้คดีในอนาคตและทำให้หลุดคดีทั้งหมด” นายวิชากล่าว
@ใช้หลักฐานเก่าขอความเป็นธรรม 14 ครั้ง
นายวิชา กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญคือการใช้ระยะเวลายาวนานมากในการสอบสวน คือกินเวลากว่า 6 เดือน และไม่ได้นำตัวมาส่งฟ้องศาล ตามที่อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องตั้งแต่แรก อย่างไรก็ตามเรืองนี้ต้องขอบคุณอัยการหลายท่านที่เป็นคนดีขององค์กร และต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอดไม่ว่าจะถูกกดดันเพียงใด ในกรณีนี้มีอยู่ท่านหนึ่งซึ่งเป็นอัยการในระดับที่ไม่ใหญ่นัก แต่ว่าเขายืนหยัดต่อสู้ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องขอบคุณ อย่าเห็นว่าองค์กรจะมีแต่คนเลว
นายวิชา กล่าวด้วยว่า คดีนี้มีการร้องขอความเป็นธรรม 14 ครั้ง โดยไม่ประสบความสำเร็จ 13 ครั้ง ส่วนการร้องขอความเป็นธรรมครั้งที่ 14 มีการยื่นพยานหลักฐานที่ก่อนหน้านีได้มีการปฏิเสธไปแล้ว ซึ่ง ร.ต.พงศ์นิวัติ ยุทธภัณฑ์บริการ อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) ได้ปฏิเสธพยานหลักฐานที่นำมาร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว นอกจากนั้น น.ส.นิภาพร รุจนรงศ์ รองอัยการสูงสุด ก็ได้ปฏิเสธการร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว 2 ครั้ง และครั้งสุดท้ายอย่างที่เรารู้กันอยู่ว่า ท่านรองอัยการสูงสุดที่รับผิดชอบเรื่องนี้หยิบยกพยานหลักฐานที่ถูกปฏิเสธไปแล้วมาถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่ที่มั่นคง นอกจากนั้นยังมีอดีต อสส.อีก 4 คน ที่ให้ข้อมูลว่าการร้องขอความเป็นธรรมจะต้องใช้พยานหลักฐานใหม่เท่านั้น
@สมยอมในการสอบสวน วันที่สอบปากคำเท็จ-เปลี่ยนความเร็วรถ
นายวิชา กล่าวอีกว่า เรายังพบว่าในการร้องขอความเป็นธรรมครั้งที่ 8 วันที่ 16 มิ.ย.58 เป็นครั้งที่เราถือได้ว่าเป็นการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันจนผิดปกติที่สุดในกระบวนการทำสำนวนในลักษณะของการสมยอมในการสอบสวน และเรายังพบว่าวันที่ก็ผิด ไม่ได้เป็นวันที่จริง เพราะเรารู้กันอยู่ว่า วันที่สอบพยานผู้เชี่ยวชาญทางด้านความเร็ว ซึ่ง พ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานในคดี และ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือที่ทำให้กลับความเห็นเรื่องความเร็ว ซึ่ง พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยืนยันว่า มันมีการกระทำในลักษณะที่ถูกกดดันด้วย
“ต้องขอบคุณ พ.ต.อ.ธนสิทธิ และนายสายประสิทธิ์ ที่ให้ข้อมูล เพราะวันที่สอบปากคำทั้งวันที่ 26 ก.พ.2559 และ 2 มี.ค.2559 ถือเป็นวันเท็จ เพราะวันที่มีการสอบปากคำจริงๆ คือ วันที่ 29 ก.พ.2559 เรามีหลักฐานยืนยันชัดเจน และเป็นหลักฐานที่ทำให้เราเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย และทั้งสองคนก็เข้าอยู่กระบวนการคุ้มครองพยานในทันที”
เมื่อถามว่าพยานหลักฐานอะไรที่ยืนยันว่ามีการแก้เปลี่ยนแปลงวันที่ และวันที่ 26 ก.พ.2559 เป็นวันเท็จ นายวิชาตอบว่า “เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์”
เมื่อถามย้ำว่าหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์พิสูจน์อย่างชัดเจนใช่หรือไม่ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นวันที่ 29 ก.พ.2559 นายวิชา ตอบว่า “เอาเป็นว่า เป็นหลักฐานที่เราได้ส่งพิสูจน์ตามกระบวนการนิติวิทยาศาสตร์แล้ว และได้รับการยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 29 ก.พ.2559”
@เสนอรื้อคดี-เริ่มสอบสวนใหม่
นายวิชา กล่าวต่อด้วยว่า แม้ว่านายสายประสิทธิ์จะเป็นผู้ให้ข้อมูลจนทำให้ความเร็วบิดผัน แต่ท่านยืนยันว่าเป็นการคำนวณตามหลักวิศวกรรม อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าไม่ได้ไปดูที่เกิดเหตุ ไม่ได้คำนวณที่ถนน และไม่ได้ทดสอบอะไร เพียงแต่คำนวณความเร็วทั้งหมดจากกระดาษบนโต๊ะทำงานเท่านั้น ฉะนั้นไม่ใช่ข้อมูลความเร็วที่เป็นจริงเหมือนที่ พ.ต.อ.ธนสิทธิ คำนวณไว้ว่าความเร็วรถนายวรยุทธอยู่ที่ 177 กม./ชม. ซึ่งคนที่ให้ข้อมูลที่แท้จริงเรื่องนี้คือ นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่ได้นำเอกสารที่ท่านทดสอบไปใส่ไว้ในสำนวนคดีด้วย จึงเห็นได้ว่าเป็นข้อพิรุธในสำนวน กระบวนการเหล่านี้ เราเห็นว่ามีการหยิบยกพยานหลักฐานที่สร้างขึ้นมาอันเป็นเท็จ ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ ทนายความ มีอัยการท่านหนึ่งอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย ซึ่งนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ รู้ดีว่าเป็นใคร ขอให้ไปถามนายประสงค์ได้เลย ไม่มีข้อสงสัยในข้อนี้ เพราะอยู่ในพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่เราจะต้องตรวจสอบต่อไป
“คณะกรรมการจึงมีความเห็นตรงกันว่า เป็นการทำ อันเป็นการสมยอม ไม่สุจริต ร่วมมือกันแบบที่เรียกว่า ตามทฤษฎีสมคบคิด ทำให้สำนวนเสียไปตั้งแต่ต้น เหมือนที่เราพูดว่า เรื่องนี้เป็นต้นไม้พิษ สร้างผลไม้อันเป็นพิษ บริโภคไม่ได้ ต้องเสียไปทั้งหมด ในทางกระบวนการเราเห็นว่าให้มีการสอบสวนใหม่ ไม่ใช่ว่าสอบสวนพยานหลักฐานใหม่ตาม ป.วิอาญา มาตรา 147 แต่เราเห็นยิ่งกว่านั้นคือต้องนับหนึ่งใหม่ แต่เนื่องจากบางข้อหาขาดอายุความไปแล้ว คงช่วยไม่ได้ในส่วนนี้เราจึงได้เสนอด้วยว่า หลังจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องอายุความ ที่เราเสนอว่าต้องแก้โดยเร่งด่วน ให้อายุความ หยุดลงเมื่อผู้ต้องหาหลบหนี แบบเดียวกับคดีทุจริตที่อายุความหยุดลงตราบใดที่ยังหลบหนีอยู่” นายวิชา กล่าว
@ชงสอบจริยธรรมร้ายแรงระดับ ‘ผู้นำองค์กร’
นายวิชา กล่าวอีกว่า มีเรื่องที่ต้องดำเนินการสำหรับบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสูง และเป็นผู้นำองค์กร เราอาจจะไม่ได้ข้อมูลที่แท้จริงในเรื่องของทางอาญา หรือทางวินัย แต่ว่าเราสามารถดำเนินการได้ในแง่ของจริยธรรม เพราะรัฐธรรมนูญปี 2560 พูดถึงเรื่องจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดย ป.ป.ช.เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ และอาจจะให้พ้นจากตำแหน่งได้โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ประมาณ 10 คนขึ้นไป
สำหรับข้อเสนอของคณะกรรมการ ประกอบด้วย 1.ต้องเริ่มกระบวนการสอบสวนใหม่ให้ถูกต้องในข้อหาที่ยังไม่ขาดอายุความ โดยเฉพาะข้อหายาเสพติดให้โทษ ข้อหาขับขี่รถชนในขณะเมาสุราและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
2.ต้องมีการดำเนินการทางวินัยและทางอาญาต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐและบุคคลอื่นที่ร่วมขบวนการ ซึ่งมีทั้งหมด 8 กลุ่ม ดังนี้
1) พนักงานสอบสวนซึ่งเกี่ยวข้องกับสำนวน
2) พนักงานอัยการซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
3) ผู้บังคับบัญชาซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่
4) สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่
5) ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่
6) ทนายความซึ่งกระทำผิดกฎหมาย
7) พยานซึ่งให้การเป็นเท็จ
8) ตัวการ ผู้ใช้ และผู้สนับสนุนในการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การดำเนินการกับบุคคลระดับผู้บังคับบัญชาจะรวมถึงบุคคลที่อยู่ในระดับผู้นำองค์กรด้วยหรือไม่ นายวิชา ตอบว่า ถ้าเผื่อเขาสอบไปว่าถ้ามายุ่งเกี่ยวด้วยก็ต้องเข้าด้วย แล้วแต่ว่ากระบวนการในการสอบสวนหรือไต่สวนในการดำเนินการเพื่อให้ได้ความจริง
เมื่อถามย้ำว่าในการค้นหาความจริงของคณะกรรมการ ยืนยันว่ามีผู้นำองค์กรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยใช่หรือไม่ นายวิชาตอบว่า “มี”
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง พยานคนสำคัญในคดี จากการสวบสวนมีความเชื่อมโยงกับนายวรยุทธหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า จากที่เราได้มามีความเชื่อมโยงพอสมควร และเป็นที่รู้กันอยู่ เหมือนในโซเชียลมีเดียก็ยังรู้ล่วงหน้าว่าใครเป็นผู้อุปถัมภ์นายจารุชาติ มีทั้งบุคคลที่มีความเกี่ยวพันกับนายวรยุทธ และกับผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ทางภาคเหนือ ซึ่งเราก็รู้กันอยู่ ดังนั้นทางตำรวจภาค 5 กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ว่าทำไมถึงมีการทำลายมือถือของนายจารุชาติ เพราะมันไม่น่าจะต้องทำลายถึงขนาดนั้น ก็กำลังตรวจสอบอยู่
เมื่อถามว่า ขอความชัดเจนเรื่องความเร็วรถของนายวรยุทธและจุดเกิดเหตุของมอเตอร์ไซค์ของ ด.ต.วิเชียร และรถยนต์ของนายวรยุทธ นายวิชา กล่าวว่า ในสำนวนเขียนไว้ชัดเจนขอให้อ่านในรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเขียนไว้ชัดเจนในเรื่องความเร็ว ซึ่งจากการที่นักวิชาการได้คำนวณไว้แต่แรก 177 กม./ชม. ที่มีนายสธน วิจารณ์วรรณลักษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ช่วยพิจารณาด้วยนั้นก็เป็นกระบวนการที่น่าเชื่อถือ เพราะการที่นายจารุชาติมาให้ถ้อยคำว่าชนไม่แรง และเป็นการใช้ความเร็ว 50-60 กม./ชม. คือการกลับคำให้การเดิม ซึ่งเขาเคยให้ถ้อยคำไว้ไม่ใช่แบบนี้
“ส่วนจุดเกิดเหตุระหว่างรถยนต์กับมอเตอร์ไซค์ภาพมันก็ฟ้องอยู่ ตั้งแต่แรกแล้วคือการชนซ้อนเข้าไปด้านหลัง ไม่ได้เบี่ยงมาจากด้านข้าง แต่เป็นการชนตรง และผู้ตายกระเด็นเข้าไปหน้ากระจกรถยนต์และยังถูกลากพาไป 60 กว่าเมตร รถเฟอร์รารีก็หยุดไม่ได้ 90 กว่าเมตรเมื่อบวกกันแล้วก็เกินกว่า 100 เมตร ซึ่งตรงนี้ในการสรุปเขียนไว้ชัดเจนว่ามันแสดงให้เห็นว่ามีความผิดปกติ และมีการให้ข้อมูลว่าการที่หยุดรถไม่ได้ในทันที แล้วครูดไป ลากไป แล้วผู้ตายกระเด็นไปขนาดนี้มันน่าจะเป็นการทำให้คนตายด้วยเจตนาด้วยซ้ำไป”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการสอบสวนพบความเชื่อมโยงของทนายความของนายวรยุทธอย่างไร นายวิชา กล่าวว่า ต้องมีการให้สภาทนายความไปสอบต่อเพื่อให้เห็นภาพเชื่อมโยงว่าทางเจ้าตัวเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ ทนาย ธ. คนนี้เลย ยังไม่ปรากฏตัว และยังตามตัวไม่พบ เพราะฉะนั้นยังหาข้อมูลเชื่อมโยงไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการสอบสวนพบหรือไม่ว่าคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รายใดมีความเกี่ยวโยงด้วยหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า รายละเอียดมีอยู่ในรายงาน แต่เป็น กมธ.บางคน ไม่ใช่ทุกคน
นายวิชา กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอบคุณสื่อที่ติดมาตลอด 30 วันของการทำงาน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นไว้วางใจ ทางคณะกรรมการจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้เกิดประโยชน์กับประเทศของเรา
อ่านประกอบ :
‘สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง’ อยู่หรือไม่?! สรุปผลสอบ 'วิชา’ งัดหลักฐานชี้ขาดใครพลิกความเร็วคดี 'บอส'
ผิดพลาดบกพร่องมากกว่า 10 ราย!'วิชา' ชงรื้อคดี 'บอส อยู่วิทยา' ส่งนายกฯ 31 ส.ค.นี้
ทำทุกวิถีทางที่ให้เกิดเรื่องนี้!'วิชา'เผยมหากาพย์คดี 'บอส' มีผู้ร่วมในขบวนการทุกภาคส่วน
รู้อยู่แก่ใจใครต้องรับผิดชอบ!'วิชา'เตรียมส่งรายงานคดี'บอส'ให้นายกฯ 31ส.ค.นี้
2 ข้อหาอายุความ 15 ปี! ศาลอนุมัติหมายจับ 'บอส' หลัง ตร.ใช้หลักฐานใหม่ยื่นคำร้อง
ปริศนาใครถอนหมายแดง ‘บอส อยู่วิทยา’!อินเตอร์โพล ตอบอีเมลอิศรา แนะให้ถาม ตร.ไทย
เลือกปธ.ฟีฟ่าอยู่สวิส!'สมยศ' กางหลักฐานโต้พา 'สายประสิทธิ์' ให้ข้อมูลความเร็วรถบอส
ถูกกดดันจนไม่มีเวลาคิด!'ธนสิทธิ'แจงเหตุเปลี่ยนความเร็วรถคดี'บอส'-เรียก'สมยศ'แจงคิวต่อไป
ตร.เจ้าของสำนวน'บอส'ยอมรับแต่งตัวเลขสอบ'ธนสิทธิ' 2 ครั้งทั้งที่ทำจริงหนเดียว
17 วันค้นหาความจริง 'บอส' กก.สางคดีของ 'วิชา' พบอะไร ?
กาง กม.-ไทม์ไลน์ตำแหน่ง‘เนตร’จากอธิบดีอัยการฯ-รอง อสส.สั่งไม่ฟ้องคดี‘บอส’ตอนไหน?
Exclusive : 'อิศรา' ถาม 'ร.อ.สอาด' ตอบ ข้อเท็จจริงคดีบอส "ไม่เคยได้ไปหาจักรกฤชเลย"
ยังไม่เป็นโดยสมบูรณ์!'อรรถพล' เผย 'เนตร' แค่รักษาราชการรอง อสส.ขณะสั่งคดี'บอส'
โรมโชว์หลักฐาน‘ตัวละครลับ’ชนวนเหตุเปลี่ยนวิธีคำนวณความเร็วรถคดี‘บอส อยู่วิทยา’?
‘สิระ’เตือน‘ธานี’ถ้าไม่แจง กมธ.อาจออกคำสั่งเรียก-เชิญ 3 คณะทำงานฯสางคดี‘บอส’ด้วย
พร้อมให้สอบเส้นทางเงิน! ‘เนตร’แจง 2 กมธ.สภาฯ-ยันใช้ดุลพินิจตามสำนวนจึงไม่สั่งฟ้อง‘บอส’
เป็นทางการ!'เนตร'ไขก๊อกรอง อสส.-ตั้งคณะทำงานสอบการใช้ดุลพินิจไม่สั่งฟ้อง'บอส'
ละเอียด!แกะ 3 ปมคณะทำงานอัยการฯชง อสส.สอบต่อคดี‘บอส’-เบื้องหลัง‘เนตร’สั่งไม่ฟ้อง?
เส้นทางชีวิต ‘จารุชาติ’ พยานพลิกคดี'บอส' ให้การปี55-ไปไต้หวัน-ให้การปี 62-ตายต้นปี 63
INFO: เส้นทางชีวิต ‘จารุชาติ มาดทอง’ พยานคดี 'บอส อยู่วิทยา' ก่อนเสียชีวิตกะทันหัน
INFO : สรุปคดี 'บอส อยู่วิทยา' ก่อนอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง
รองอสส.ถือว่าทำผิดกม.! 'คณิต' ชี้คดี 'บอส' อัยการสูงสุดสั่งฟ้องไปแล้วเปลี่ยนไม่ได้
ร่วมทำบุญผ้าป่า-เดินทางไปงานบวช! ไขข้อมูล 'ส.ว.ก๊อง - อสส.' รู้จักกันจริงไหม?
ผบช.ภ.5แถลงสอบลูกน้อง‘ชูชัย’ สารภาพ ทำลายโทรศัพท์‘จารุชาติ’พยานคดีบอส อ้างมีรูปตัวเองเยอะ
ถอดคลิป18 ช็อต! อุบัติเหตุ 'จารุชาติ' พยานคดี 'บอส อยู่วิทยา' ตำรวจตั้งข้อหาถูกแล้วหรือ?
เจาะ บ.นิติชัยฯ นายจ้าง 'จารุชาติ' - อดีต ส.ว.ก๊อง รวมก่อตั้ง - แจ้งมีเงินให้กก.กู้ยืม 7.1 ล.
ก่อนเล่าหลังฉากพยานคดี‘บอส’!โพรไฟล์ ‘ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร’อ้างรู้จัก‘เฉลิม อยู่วิทยา’?
ชำแหละคำแถลงคณะทำงาน อสส.แค่’เอาตัวรอด-โยนความผิด’?ไร้ผลนำ‘บอส’ขึ้นศาล
ใครเป็นใคร? เปิดชื่อ-หน้าที่ 3 คณะทำงาน-4 กมธ.2 สภาลุยสอบปมไม่ฟ้องคดี‘บอส อยู่วิทยา’
ผบก.ป.ตั้ง 2 สมมติฐานชันสูตรศพ‘จารุชาติ’-ลั่นหลักฐานต้องชัดเจนไม่ว่าผลเป็นอย่างไร
ผู้การเชียงใหม่'เร่งรัดผลตรวจหาสารในร่าง'จารุชาติ'-กองปราบฯ ลงพท.สืบปมการตาย
ทางการ! 'บิ๊กตู่'สั่งอายัดศพ'จารุชาติ'พยานคดี'บอส'ชันสูตรหาสาเหตุเสียชีวิตใหม่แล้ว
'บวรศักดิ์'จี้ชันสูตรศพพยานคดี’บอส’ให้ชัดเจน ก่อนญาติฌาปนกิจพรุ่งนี้
ตายเพราะอุบัติเหตุกะทันหัน! ‘จารุชาติ มาดทอง’ พยานปากเอก พลิกคดี ’บอส อยู่วิทยา’
ฉบับเต็ม! สำนวนลับอัยการสั่งไม่ฟ้อง ‘บอส อยู่วิทยา’ พยาน 2 รายใหม่ อ้างขับรถแค่ 50-60กม.
เปิดอาณาจักร 62 บ.‘อยู่วิทยา’ ปี 62 ‘ที.ซี.ฟาร์มาฯ-กระทิงแดง’รายได้ 4 หมื่นล.
มูลนิธิเมาไม่ขับจี้ อสส.-ผบ.ตร.! ชี้แจงหลักการ-เหตุผลไม่สั่งฟ้อง‘วรยุทธ อยู่วิทยา’
โชว์หนังสืออัยการสั่งไม่ฟ้อง‘บอส อยู่วิทยา’ผบ.ตร.ไม่แย้ง-สตช.ยื่นศาลถอนหมายจับ
อสส. แจงอิศรายังไม่ทราบเรื่อง! ซีเอ็นเอ็น ตีข่าว 'อัยการ' ไม่สั่งฟ้อง 'บอส อยู่วิทยา'
ป.ป.ช.ฟันวินัยไม่ร้ายแรงอดีต‘ผบก.น.5-พวก’ปมช่วยเหลือ-ไม่ออกหมายจับ‘บอส กระทิงแดง’
ทายาทกระทิงแดงขอสอบพยานเพิ่มทำคดีขับชน ตร.ตายช้า! อสส.เร่งส่งฟ้องศาล
ไทม์ไลน์ทายาท‘กระทิงแดง’ขอเลื่อนพบอัยการ 7 ครั้งก่อนจ่อถูกหมายจับ?
เจาะอาณาจักรธุรกิจหมื่นล.‘อยู่วิทยา’ -‘วรยุทธ’กก. 3 บริษัทรายได้รวม 914 ล
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage