กนง.มีมติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% ต่อปี หนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอนสูง หั่นเป้าจีดีพีปี 64 เหลือ 3% จากเดิม 3.2% เซ่นโควิดระลอก 2-นักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ 3 ล้านคน แต่ได้แรงสนับสนุนจาก ‘ส่งออก’ ที่จะเติบโต 5.2%
..................
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ว่า คณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 0.50 ต่อปี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่เผชิญกับความเสี่ยงด้านต่ำและความไม่แน่นอนสูงในระยะข้างหน้า จึงยังต้องการแรงสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งนี้ และรักษาขีดความสามารถในการดำเนินนโยบายการเงินที่มีจำกัดเพื่อใช้ในจังหวะที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 3.0 และ 4.7 ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ โดยขยายตัวต่ำกว่าประมาณการเดิมบ้างจากการปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยว และผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 แต่ได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวเร็วตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี การฟื้นตัวของแต่ละภาคเศรษฐกิจยังมีความแตกต่างกัน โดยมีความเสี่ยงสำคัญจากประสิทธิผลและการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงความต่อเนื่องของแรงสนับสนุนจากภาครัฐ ด้านระบบการเงินมีเสถียรภาพ แต่ยังมีความเปราะบางในบางจุดจากผลกระทบของการระบาดระลอกใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่มีรายได้น้อยและธุรกิจ SMEs
@เงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมายกลางปี 64
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงกลางปี 2564 และจะอยู่ใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายตลอดช่วงประมาณการ โดยการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย
สภาพคล่องโดยรวมอยู่ในระดับสูงและต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ แต่การกระจายตัวยังไม่ทั่วถึงจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้นตามฐานะการเงินที่เปราะบาง โดยเฉพาะธุรกิจที่ฟื้นตัวช้าและครัวเรือนที่ถูกกระทบเพิ่มเติมจากการระบาดระลอกใหม่ ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทยปรับสูงขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ. เคลื่อนไหวอ่อนค่าสอดคล้องกับเงินสกุลภูมิภาค คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ติดตามพัฒนาการของตลาดการเงินและนัยต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าอย่างใกล้ชิด รวมถึงผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem) อย่างต่อเนื่อง
คณะกรรมการฯ เห็นว่า ความต่อเนื่องของมาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายระหว่างหน่วยงานมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะถัดไป โดยนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่อง และสนับสนุนให้เร่งดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือเพื่อฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 ที่ออกมาเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้สามารถกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ได้รับผลกระทบให้ตรงจุด ลดภาระหนี้ และสนับสนุนเศรษฐกิจช่วงฟื้นฟูในอนาคต ควบคู่กับการผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้
ขณะที่มาตรการทางการคลังต้องพยุงเศรษฐกิจโดยไม่ขาดช่วง โดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสามารถควบคุมการระบาดระลอกใหม่ได้ ควบคู่กับดำเนินการนโยบายด้านอุปทานเพื่อปรับรูปแบบธุรกิจและยกระดับทักษะแรงงาน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยั่งยืน
@พร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินเพิ่ม ‘หากจำเป็น’
ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ รวมถึงจะติดตามความเพียงพอของมาตรการภาครัฐและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะสถานการณ์การระบาดทั้งในและต่างประเทศ ในการดำเนินนโยบายการเงิน
ในระยะข้างหน้า โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น
@กนง.ลดเป้าจีดีพีปี 64 เหลือโต 3%-ปีหน้า 4.7%
นายทิตนันทิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการประชุมกนง.รอบนี้ ที่ประชุมได้ปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2564 เหลือ 3% จากเดิม 3.2% เนื่องจากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง และการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติช้ากว่าที่คาดไว้ โดยปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 3 ล้านคน จากเดิม 5.5 ล้านคน ส่วนปี 2565 คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 4.7% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 4.8%
“เศรษฐกิจในประเทศยังขยายตัว แม้ว่าจะถูกกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือที่รวดเร็วตรงจุด และมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดไม่เข้มงวดเหมือนปีที่แล้ว ทำให้เศรษฐกิจค่อยๆทยอยฟื้นตัวได้ ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้เดิม ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เราได้ปรับลดประมาณการลงเหลือ 3 ล้านคน จากเดิมเราคาดว่าจะมี 5 ล้านคน” นายทิตนันทิ์กล่าว
@สหรัฐกระตุ้นศก.หนุนส่งออกไทยโต 5.2%-ปีหน้าโต 13.9%
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2564 ยังคงได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากการส่งออกปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 5.2% เทียบกับประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะเติบโต 3.6% เนื่องจากพลวัตรการส่งออกไทยปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ประกอบกับการที่สหรัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจคู่ค้า และจะทำให้การส่งออกสินค้าไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับการส่งออกไทยในปี 2565 นั้น คาดว่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 13.9% จากประมาณการครั้งก่อนที่คาดว่าจะเติบโตที่ 12.3%
ทั้งนี้ ที่ประชุมกนง.และธปท. ประเมินว่า ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในปี 2564 จะลดลงมาอยู่มาที่ 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 11,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีสาเหตุจาก 4 ปัจจัย ได้แก่ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น การส่งออกทองคำที่จะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว การนำเข้าเพิ่มขึ้นตามการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และดุลบริการที่ลดลงเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3 ล้านคน จากปีที่แล้ว 6.7 ล้านคน
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 คาดว่าจะขยายตัว 1.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1% จากราคาน้ำมันดิบดูไบที่คาดว่าจะอยู่ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 47.3 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
นายทิตนันทิ์ ระบุว่า ระดับจีดีพีของจะค่อยๆสูงขึ้น และกลับสู่ระดับก่อนโควิด กลางปี 2565 หรือต้องใช้เวลาฟื้นตัว 2 ปีครึ่ง จากปลายปี 2562 และแม้ว่าเราจะเห็นเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่หากเทียบเศรษฐกิจไทยกับต่างประเทศ จะพบว่าไทยฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาช้า ขณะที่ความเสี่ยงสำคัญในระยะต่อไป คือ ประสิทธิผลการกระจายวัคซีน การกลายพันธุ์ชของไวรัส และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
“แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวที่แตกต่างกัน ดังนั้น เศรษฐกิจยังจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจไทยยังไม่เข้มแข็ง” นายทิตนันทิ์ กล่าวและว่า “กนง.ได้พูดถึงมาตรการที่รัฐบาลประกาศเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) โดยขอให้เร่งรัดมาตรการฯ เพื่อช่วยกระจายสภาพคล่องให้ตรงจุด เพราะแม้ว่าสภาพคล่องในระบบจะอยู่ในระดับสูง แต่ยังไปไม่ถึงบางจุด โดยเฉพาะเอสเอ็มอี รวมทั้งเร่งรัดมาตรการลดภาระหนี้บางกลุ่ม”
นอกจากนี้ ที่ประชุมกนง. ยังหารือถึงการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยเห็นว่าการทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและเข้มแข็งนั้น จะต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขณะที่นโยบายภาครัฐต้องมีมาตรการที่จำเป็นและเพียงพอ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยให้มีความยั่งยืน
อ่านประกอบ :
ให้กู้ยาว 5 ปี! ครม.ปลดล็อก ‘ซอฟต์โลน’ อุ้มเอสเอ็มอี-เทแสนล.หนุน ‘พักทรัพย์ พักหนี้’
แบงก์ทุนแกร่ง-สภาพคล่องล้น! ธปท.มอง NPL ปี 64 ขยับอีก-ถก'คลัง'ผุด'โกดังเก็บหนี้'
เปิดรายงาน กนง. : แนะรัฐบาล 'ออกแรง' กระตุ้นทางการคลังเพิ่ม
หั่นจีดีพีปี 64! กนง.คาดโตต่ำกว่า 3.2%-มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5%
พร้อมใช้ในจังหวะ ‘เหมาะสม’! กนง.คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5%-หั่นเป้าจีดีพีปี 64 เหลือโต 3.2%
บาทแข็งเร็วกระทบศก.ฟื้นตัว! กนง.กำชับ 'ธปท.' ทบทวนมาตรการ-มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.5%
จีดีพีไตรมาส 3 ลบ 6.4%! สภาพัฒน์ฯคาดทั้งปีหดตัวร้อยละ 6 จับตา 'โควิดรอบ 2-การเมือง'
ไฟเขียวแบงก์ปันผล! ‘ธปท.’ ให้จ่ายได้ไม่เกิน 50% ของกำไร-ต้องไม่มากกว่าปี 62
สร้างกันชน-รักษาภูมิคุ้มกันศก.! 'วิรไท' แจงเหตุขอแบงก์ 'งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล-ซื้อหุ้นคืน'
ช่วยลูกหนี้ระยะสอง! ธปท.ประกาศลดดบ. ‘บัตรเครดิต-พีโลน’ 2-4% พ่วงขยายวงเงินเป็น 2 เท่า
งดจ่ายปันผลระหว่างกาล-ซื้อหุ้นคืน! ธปท.ให้แบงก์ รักษา 'เงินกองทุน' รองรับความเสี่ยง 1-3 ปี
ห่วงธุรกิจไปไม่รอด-เมินปล่อยกู้! 2 สมาคมฯท้วงธปท.ลดเพดานดบ. ‘พีโลน-จำนำทะเบียนรถ’
รับรู้รายได้ ดบ.ปกติ! เผยวิธีบันทึกงบฯ‘สถาบันการเงิน’ช่วงพักชำระหนี้-ทำให้ฐานะอ่อนแอ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/