‘กมธ.ไอซีที’จ่อสรุปผลสอบฯลักษณะต้องห้าม‘ปธ.กสทช.’-'สรณ'ยันคุณสมบัติถูกต้องก่อนทูลเกล้าฯ

tcc 28 05 24 pic

‘ครป.-สภาผู้บริโภค’ ยื่นหนังสือ ‘กมธ.ไอซีที’ วุฒิสภา ขอให้เปิดรายงานผลสอบฯปมลักษณะต้องห้าม ‘ประธาน กสทช.’ ขณะที่ ‘พล.อ.อนันตพร’ เผยเตรียมสรุปผลสอบฯวันนี้ ก่อนเสนอ ‘ประธานวุฒิสภา’ ชี้ขาด ขณะที่ 'นพ.สรณ' ยันไม่ได้รักษาคนไข้แล้ว หลังจากเป็น 'ประธาน กสทช.' ยกเว้นมีเหตุเร่งด่วน-จำเป็นต้องรักษาชีวิต

.....................................

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา นางลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) พร้อมด้วย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค และตัวแทนจากสภาองค์กรของผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ขอให้คณะกรรมาธิการฯ เปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

นางลัดดาวัลย์ กล่าวระหว่างการยื่นหนังสือฯต่อ พล.อ.อนันตพร ว่า ครป.และสภาองค์กรของผู้บริโภค ขอให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธาน กสทช. ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร และ ประธาน กสทช. มีลักษณะต้องห้ามตามที่ปรากฏเป็นข่าวหรือไม่ หรือมีข้อเท็จจริงประการใด เพื่อที่จะได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป

“คณะกรรมาธิการฯ ได้ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ ศ.คลินิก นพ.สรณ ประธาน กสทช. และพบข้อมูลว่า ศ.คลินิก นพ.สรณ มีสถานะเป็นลูกจ้าง และยังคงทำหน้าที่ตรวจและรักษาคนไข้ของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐ ศ.คลินิก นพ.สรณ ซึ่งได้รับความเห็นชอบคัดเลือกจากวุฒิสภา เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2564 จึงมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ

เพราะในมาตรา 8 ระบุว่า กรรมการ กสทช. จะต้องไม่เป็นลูกจ้างหรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ และถ้าลาออกแล้ว จะต้องแสดงหลักฐานการลาออกหรือการเลิกประกอบอาชีพต่อประธานวุฒิสภาภายในเวลาที่กำหนด หรือภายในวันที่ 10 ม.ค.2565 ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 18 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ทั้งนี้ แม้ว่า ศ.คลินิก นพ.สรณ ได้แจ้งว่าได้ลาออกจากตำแหน่งรองอธิการบดีแล้ว

แต่ในเอกสารของมหาวิทยาลัยมหิดล ยังปรากฏว่าตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2564 ถึงวันที่ 12 เม.ย.2565 ศ.คลินิก นพ.สรณ มีสถานะเป็น ‘พนักงานมหาวิทยาลัย’ และเป็นมีสถานะเป็น ‘แพทย์ค่าตอบแทนรายชั่วโมง’ ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2565 ถึงวันที่ 12 เม.ย.2565 สรุปก็คือ ศ.คลินิก นพ.สรณ ยื่นลาออกจากตำแหน่งรองอธิการบดีแล้ว แต่ก็ยังคงปฏิบัติงานเป็นลูกจ้างรายชั่วโมง ซึ่งขัดต่อกฎหมายที่กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ กสทช.

เมื่อมีหลักฐานปรากฏเช่นนี้ จึงอยากให้คณะกรรมาธิการฯพิจารณาว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นอย่างไร และขอให้ช่วยเปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ทั้งก่อนและหลังการดำรงตำแหน่งของ ประธาน กสทช. ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใสและเพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสังคมในการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หากพบว่า ศ.คลินิก นพ.สรณ มีลักษณะต้องห้ามและพ้นจากตำแหน่ง ก็จะได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที” นางลัดดาวัลย์ กล่าว

ด้าน พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ขอรับเรื่องไว้ ส่วนการพิจารณาในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ ประธาน กสทช. นั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ตามที่ประธานวุฒิสภา มอบหมาย โดยวันนี้ (28 พ.ค.) คณะกรรมาธิการฯจะพิจารณาเรื่องนี้เป็นวันสุดท้าย และเมื่อพิจารณาเสร็จแล้ว คณะกรรมาธิการฯ จะเสนอเรื่องไปให้ประธานวุฒิสภาพิจารณาดำเนินการต่อไป

“เราพิจารณาตามหลักฐาน ข้อเท็จจริง ไม่ได้มีการตั้งเป้าว่า จะผิดหรือถูกอย่างไร ขอให้เอกสารและหลักฐานชัดเจน เราจะพิจารณาตามนั้น วันนี้ (28 พ.ค.) น่าจะเป็นวันสุดท้ายที่เราจะพิจารณา เมื่อพิจารณาแล้วเสร็จ จะนำเรียนประธาน กสทช. และประธานวุฒิสภาจะเป็นคนพิจารณาต่อไปว่า ข้อเสนอที่เราเสนอไปนั้น จะพิจารณาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ และดำเนินการต่อไปอย่างไร ก็คิดว่าจะทำงานให้เต็มที่” พล.อ.อนันตพร กล่าว

ขณะเดียวกัน น.ส.สารี ได้กล่าวกับ พล.อ.อนันตพร ว่า เป็นไปหรือไม่ ที่คณะกรรมาธิการฯจะเปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติ ประธาน กสทช. เพื่อให้สาธารณะได้เข้าถึงข้อมูลรายงานฯชุดนี้ ซึ่ง พล.อ.อนันตพร ตอบว่า การประชุมคณะกรรมาธิการฯ ปกติก็เปิดเผยอยู่แล้ว ยกเว้นการประชุมลับ ซึ่งหลังจากประชุมเสร็จแล้วและได้ข้อยุติ ก็สามารถเปิดเผยได้ แต่เนื่องจากตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณา บางเรื่องที่ยังเป็นข้อพิจารณาอยู่จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้

“หลังจากเราประชุมเสร็จและได้ข้อยุติแล้ว ก็สามารถเปิดเผยได้ ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นการพิจารณา บางเรื่องเป็นข้อพิจารณาอยู่ จะยังไม่เปิดเผย เพราะอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ เนื่องจากยังไม่เป็นมติ อาจมีการจับบางประเด็นไปเสนอข่าว ซึ่งการเสนอข่าวอาจจะไม่ถูกต้อง คิดว่าหลังจากเราประชุมเสร็จแล้ว มีมติแล้ว ก็ดำเนินการได้ ก็รับไว้พิจารณา และจะดำเนินการให้ดีที่สุด” พล.อ.อนันตพร กล่าว

นอกจากนี้ พล.อ.อนันตพร ได้ย้ำว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการฯยังไม่มีเคยมีมติว่า ศ.คลินิก นพ.สรณ มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ประธาน กสทช. หรือไม่ โดยจะมีการสรุปรายงานฯส่งให้ประธาน กสทช. ส่วนจะเปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบฯได้เมื่อใดนั้น จะเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม

@‘นพ.สรณ’ยันไม่ได้รักษาคนไข้แล้ว-ยกเว้นมีเหตุด่วน

ด้าน ศ.คลินิก นพ.สรณ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา จะพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งประธาน กสทช. ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบความคืบหน้าใดๆ เห็นเพียงข่าวที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆเท่านั้น ส่วนตัวมิได้นิ่งนอนใจ พยายามสอบถามไปยังประธานวุฒิสภาแล้ว แต่ท่านก็ไม่ทราบเช่นกัน จึงยังไม่มีรายละเอียด

“การเข้ามาดำรงตำแหน่ง ประธานกสทช.ในช่วง 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ถือว่าได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและผ่านกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติโดยวุฒิสภาอย่างถูกต้อง ก่อนที่ประธานวุฒิสภาจะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ” ศ.คลินิก นพ.สรณ กล่าว

ศ.คลินิก นพ.สรณ ระบุว่า สำหรับประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่าตนเองรับตำแหน่งกรรมการ ธนาคารกรุงเทพด้วยนั้น ยืนยันว่า ไม่เคยทำหน้าที่กรรมการธนาคารกรุงเทพ ตามที่ข่าวกล่าวอ้าง พร้อมทั้งยังมีหนังสือยืนยันธนาคารกรุงเทพอีกด้วย

ส่วนประเด็นที่กล่าวหาว่ายังรับงานตรวจรักษาคนไข้ที่โรงพยาบาลรามาธิบดีนั้น ศ.คลินิก นพ.สรณ กล่าวว่า หลังเข้ารับตำแหน่ง ประธาน กสทช. แล้ว ก็ไม่ได้ทำหน้าที่แพทย์รักษาคนไข้อีก ยกเว้นมีเหตุด่วนหรือความจำเป็นที่ต้องรักษาชีวิต หรือให้คำปรึกษาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ทั้งหมดทำโดยยึดหลักมนุษยธรรมและจรรยาบรรณ มิได้รับค่าตอบแทนแต่ประการใด

“ความเป็นแพทย์ ผมคิดว่าไม่ได้ขัดต่อคุณสมบัติหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนใดๆ กับกิจการโทรคมนาคมอยู่แล้ว อีกทั้งคำนำหน้าชื่อของผมก็เป็น ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์ ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่า กรรมาธิการไอซีที มีอำนาจหน้าที่ใด หรือจะทำเกินกว่าสิ่งที่ประธานวุฒิสภาได้ตรวจสอบคุณสมบัติแล้วหรือไม่” ศ.คลินิก นพ.สรณ กล่าว

ศ.คลินิก นพ.สรณ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ ได้ถูกเอกชนฟ้องร้องและเป็นจำเลยในคดีมาตรา 157 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ว่า ขณะนี้ได้รับทราบตามเอกสารที่บริษัทแจ้งมาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา จึงอยากให้ ศ.กิตติคุณ ดร.พิรงรอง ได้ปฎิบัติหน้าที่ของตนเองตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

อ่านประกอบ :

'ครป.-สภาผู้บริโภค'ออกแถลงการณ์ เรียกร้องเปิด'หลักฐาน'คุณสมบัติต้องห้าม‘ประธานฯกสทช.’

เลขาฯโชว์คำสั่ง‘สรณ’ลาออก‘รพ.รามาฯ’มีผล 8 ม.ค.65 ตอกย้ำ‘ปธ.กสทช.’ไม่มีลักษณะต้องห้าม

เลขาฯยัน‘สรณ’ไม่มีลักษณะต้องห้าม-'ม.มหิดล’แจงเป็น‘พนง.มหาวิทยาลัย’ก่อนเป็น'ปธ.กสทช.'1 วัน

‘วุฒิสภา’มีมติส่งผลศึกษาฯปมสรรหา‘เลขาฯกสทช.’ช้า ให้‘ป.ป.ช.’-สว.เผย‘นพ.สรณ’ส่อพ้นเก้าอี้

'นพ.สรณ' ร้อง ‘ปธ.วุฒิสภา’ ตรวจสอบ ‘กมธ.เทคโนโลยีฯ’ ก้าวก่าย-แทรกแซงหน้าที่ ‘ปธ.กสทช.’

ชง‘วุฒิสภา’ 1 เม.ย.ถกผลศึกษาฯปมแต่งตั้ง‘เลขาธิการ กสทช.’ล่าช้า-เสนอ‘ป.ป.ช.’เปิดไต่สวนฯ

จับตาถกบอร์ด กสทช.เคาะชื่อ‘เลขาธิการฯ’คนใหม่ ส่อวุ่น-พบชงหนังสือ‘ไตรรัตน์’ค้าน 4 กก.โหวต

บรรจุเป็นวาระพิเศษ! ‘ประธาน กสทช.’นัด‘กรรมการ’ถกแต่งตั้ง‘เลขาธิการฯ’คนใหม่ 17 ม.ค.นี้

ไม่ได้ขัดแย้งส่วนตัว! 4 กสทช. แถลงร่วมยก 6 พฤติกรรม‘ปธ.’ทำภารกิจบอร์ดฯติดขัด-งานไม่เดิน

ได้ข้อมูล‘ทรู’ฝ่ายเดียว! ‘บอร์ด กสทช.’ยังไม่สรุปค่าบริการมือถือลด 12% หลังควบ TRUE-DTAC

‘ภูมิศิษฐ์’ร้อง‘ปธ.วุฒิ’ตรวจสอบคุณสมบัติ‘ประธาน กสทช.’-‘โฆษกฯ’ชี้แจงไม่มีลักษณะต้องห้าม