‘ภูมิศิษฐ์’ฟ้อง‘ปธ.กสทช.’ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ฯ ไม่เซ็นตั้ง‘รักษาการเลขาธิการ’ตามมติบอร์ด

nbtc 02 10 23 pic 2

‘รองเลขาธิการ กสทช.’ ยื่นฟ้อง ‘นพ.สรณ’ ต่อศาลอาญาคดีทุจริต ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปมไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็น ‘รักษาการแทนเลขาธิการฯ’ ตามมติบอร์ด กสทช.

...................................

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เผยแพร่เอกสารข่าว โดยมีเนื้อหาว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2566 นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. เป็นจำเลย คดีหมายเลขคดีดำที่ อท 168/2566

ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

โดยโจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นรองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ และเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. จําเลย เป็นประธานคณะกรรมการ กสทช. จําเลย มีหน้าที่ในการแต่งตั้งโจทก์ ในฐานะรองเลขาธิการ กสทช. เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. กรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการฯ เพื่อให้เป็นไปตามความเห็นชอบจาก กสทช. ในการประชุมครั้งที่ 13/2566

เหตุคดีนี้ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 คณะกรรมการ กสทช. โดยเสียงข้างมากได้มีมติการประชุมดังกล่าว ตามวาระที่ 5.22 รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง กรณีการดำเนินการของสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย มีมติให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ตามระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2565

กรณีการดำเนินการของการกระทำเกี่ยวกับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย อาจมีการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศที่เกี่ยวข้อง และมติที่ ประชุม กสทช. รวมทั้งข้อเสนอของการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ “กกท.” ที่ได้ยื่นขอรับการสนับสนุน จากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์ สาธารณะ หรือ “กองทุน กทปส”

ตลอดจนบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ที่ได้ทำไว้กับสำนักงาน ในการประชุมครั้งดังกล่าว กสทช. เสียงข้างมากมีมติไม่เห็นชอบให้นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล ซึ่งเป็น รองเลขาธิการ กสทช. สายยุทธศาสตร์และกิจการองค์กร ณ ขณะนั้น ดำรงตำแหน่งรักษาการเลขาธิการ กสทช. จนกว่าจะมีการสอบสวนทางวินัยเสร็จสิ้น และมีมติให้เปลี่ยนตัวรองเลขาธิการ กสทช. รักษาการ แทนเลขาธิการ กสทช.

และมีมติเห็นชอบให้โจทก์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. จนกว่าการสอบสวนวินัยจะเสร็จสิ้น ภายหลังจากการพิจารณาวาระดังกล่าว นายสมบัติ ลีลาพตะ ซึ่งขณะนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ได้รับแจ้งและประสานงานจากสำนัก ทรัพยากรบุคคล หรือ (บ.ย.) และฝ่ายเลขานุการที่ประชุม ดำเนินการร่างคำสั่งแต่งตั้งพนักงาน เป็นผู้รักษาการ แทนเลขาธิการ กสทช. กรณีไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง ตามมติที่ประชุม กสทช. เพื่อเสนอต่อจำเลยในฐานะ ประธาน กสทช. ภายในวันที่ 9 มิ.ย.2566

โดยมีสำนักทรัพยากรบุคคล (บย.) เป็นผู้จัดทำและเสนอบันทึกพร้อมร่างคำสั่งฯ ซึ่งแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ซึ่งนายสมบัติ ลีลาพตะ ได้มีการลงนามในบันทึกข้อความเพื่อเสนอร่างคำสั่งแต่งตั้งตามระเบียบและแนวปฏิบัติในการเสนอเรื่อง ต่อจำเลย (ครั้งที่ 1) แต่ปรากฏว่าจำเลย ไม่ได้ดำเนินการลงนามแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งรักษาการ แทนเลขาธิการ กสทช. แต่อย่างใด

เมื่อช่วงวันที่ 12-18 มิ.ย.2566 ช่วงเวลาที่โจทก์ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงาน ผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ตามคำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 569/2566 ฉบับลงวันที่ 29 พ.ค.2566 โจทก์ ได้ดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมติการประชุมครั้งที่ 13/2566 ในวาระที่ 5.22 กล่าวคือ ดำเนินการเกี่ยวกับคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย

และโจทก์มีบันทึก ข้อความ (ครั้งที่ 2) เพื่อแจ้งให้แก่สำนักทรัพยากรบุคคล (บย.) ดำเนินการพิจารณาร่างหนังสือแต่งตั้งโจทก์เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แต่ปรากฏว่าจำเลยเพิกเฉยมิได้ดำเนินการ ลงนามแต่งตั้งให้โจทก์ดำรงตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการฯ

เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2566 ได้มีการออกประกาศข่าวประชาสัมพันธ์ของเลขานุการประจำ ของจำเลย พร้อมมีประกาศว่า จำเลยยังไม่มีคำสั่งยกเลิกหรือเพิกถอนแต่งตั้งนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล จากการเป็นรักษาการเลขาธิการ กสทช. และจำเลยยังไม่มีคำสั่งแต่งตั้งโจทก์ให้รักษาการแทนเลขาธิการฯ แทนนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล แต่อย่างใด และประกาศว่านายไตรรัตน์ ยังคงต้องปฏิบัติ หน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และมีอานาจหน้าทีเช่นเดียวกับเลขาธิการ กสทช. ทุกประการ

โจทก์ได้มีบันทึกข้อความถึงจำเลยเพื่อพิจารณาสั่งการตามมติการประชุมดังกล่าว และดำเนินการรายงานการกระทำของนายไตรรัตน์ เกี่ยวกับกรณีที่นายไตรรัตน์ยังคงปฏิบัติ หน้าที่บริหารจัดการในฐานะรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. และกรณีที่นายไตรรัตน์แทรกแซง การปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ร้องขอให้จำเลยพิจารณาสั่งการเพื่อความชัดเจน และให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการตามมติที่ประชุม กสทช. ต่อไปได้อย่างครบถ้วน

แต่ปรากฏว่าจำเลย ยังคงละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิได้พิจารณาสั่งการให้เกิดความชัดเจน หรือลงนามในคำสั่งแต่งตั้งให้โจทก์ เป็นรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. ครั้งที่ 13/2566 แต่อย่างใด

พฤติการณ์ของจําเลยเป็นกรณีจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย มิชอบตามมาตรา 6 ของระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการรักษาการแทน การปฏิบัติการแทน และการปฏิบัติงาน เฉพาะอย่างแทนในตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. และพนักงานของ กสทช. พ.ศ.2555 ปัจจุบันไม่มี การลงนามแต่งตั้งโจทก์ให้ดำรงตำแหน่งแต่อย่างใด ซึ่งเป็นระยะเวลาล่วงเลยมากว่า 3เดือนเศษ นับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.2566 อันเป็นวันที่คณะกรรมการ กสทช. มีมติจนถึงวันฟ้องคดีนี้ แต่จำเลย กลับมีคําสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงโจทก์

กรณีที่โจทก์ได้กระทำการตามหน้าที่ การกระทำของจําเลยเป็นการจงใจกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหายต่อหน้าที่ราชการ

ทั้งนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับคดีไว้เพื่อตรวจคำฟ้อง ให้นัดฟังคำสั่งหรือคําพิพากษา ในวันที 16 ต.ค. 66 เวลา 09.30 น.

สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ กรรมการ กสทช. 4 ราย ได้แก่ พล.อ.ท.ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ,รศ.ดร.พิรงรอง รามสูต ,รศ.ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย และ รศ.ดร.สมภพ ภูริวิกรัยพงศ์ (ผู้ฟ้องคดีที่ 1-4) ยื่นฟ้อง ศ.คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดี) ต่อศาลปกครองกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1764/2566 คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ

คดีนี้ พล.อ.ท.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กับพวกรวม 4 คน ฟ้องว่า ประธาน กสทช. กระทำการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ กรณีไม่ดำเนินการลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง ผศ.ภูมิศิษฐ์ มหาเวศน์ศิริ เป็นผู้รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ตามมติ กสทช. ในการประชุม ครั้งที่ 13/2566 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2566 ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ประธาน กสทช. ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้อง

อ่านประกอบ :

อ้างใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจ! 'สุรางคณา'ฟ้อง'ศาล ปค.'ขอเพิกถอนคำวินิจฉัยเลือกเลขาธิการ กสทช.

ไม่เคยมี'คลินิก'ทั้งในและตปท.! 'นพ.สรณ'แจงผู้บริหาร‘กสทช.’-บอกยินดีให้คำปรึกษา'โรคหัวใจ'

ส่อไม่ชอบด้วยกม.-เอื้อบางคน! เปิดบันทึก 4 กสทช.ค้าน‘นพ.สรณ’บรรจุวาระแต่งตั้ง‘เลขาธิการฯ’

ละเลยหน้าที่! ‘4 กสทช.’ฟ้อง‘นพ.สรณ’ ปมไม่เซ็นแต่งตั้ง‘ภูมิศิษฐ์’นั่งรักษาการเลขาธิการฯ

‘ไตรรัตน์’ฟ้อง'4 กสทช.-พวก’ ปมสอบค่าซื้อลิขสิทธิ์บอลโลก-เปลี่ยน‘รักษาการเลขาธิการฯ’มิชอบ

สส.อภิปรายถล่ม กสทช. หลากประเด็น ‘ปธ.บินนอกถี่-แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ควบ TRUE-DTAC’

4 กสทช.บันทึกจี้ประธานแจงปม เลือก ‘เลขาธิการ’ ให้สิ้นสงสัยก่อนลงมติ

สั่งปิดประชุม-อ้างบ่ายโมงแล้ว! ‘ปธ.กสทช.’ยังไม่เสนอชื่อ‘เลขาธิการฯ’คนใหม่ ให้‘บอร์ด’เคาะ

แคลงใจในความโปร่งใส-ส่อขัดกม.! 2 ผู้สมัครค้าน‘ปธ.กสทช.’แจ้งผลคัดเลือก‘เลขาธิการฯ’คนใหม่

จับตา'บอร์ด กสทช.'เคาะ'เลขาธิการฯ'คนใหม่ 23 ส.ค.นี้-'ปธ.'แจ้งผู้สมัครฯไม่ผ่านการคัดเลือก

ไม่เกิน 5 ล./ปี! เปิดระเบียบฯกสทช.เบิกงบปฏิบัติงานตปท. ก่อน'เลขา'แจงปม'ปธ.'บินนอก15ครั้ง