‘ผู้ว่าฯกปภ.’เซ็นตั้ง‘คณะทำงาน’เตรียมความพร้อม ก่อนสัญญาร่วมทุน‘ประปาปทุมฯ’สิ้นสุด ต.ค.66

pwa 19 10 22 pic

‘ผู้ว่าฯ กปภ.’ ลงนามคำสั่งตั้ง ‘คณะทำงาน’ เตรียมความพร้อมการให้บริการน้ำประปาฯ ก่อนสัญญาร่วมทุนฯ ‘ประปาปทุมธานี-รังสิต’ สิ้นสุดในเดือน ต.ค.2566 เปิดทางคัดเลือก ‘เอกชนรายใหม่’ ร่วมทุน

....................................

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.2565 นายวิบูลย์ วงสกุล ผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ลงนามคำสั่งการประปาส่วนภูมิภาค ที่ 734/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อมการให้บริการน้ำประปากรณีสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาระหว่าง การประปาส่วนภูมิภาค กับ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด ครบกำหนดระยะเวลา โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.2565 เป็นต้นไป

สำหรับคำสั่งดังกล่าวระบุว่า เพื่อให้การบริการน้ำประปาในพื้นที่ตามสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาระหว่าง การประปาส่วนภูมิภาค กับ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด ซึ่งสัญญานั้น ครบกำหนดระยะเวลาในวันที่ 14 ต.ค.2566 มีความต่อเนื่อง ไม่ก่อเกิดผลกระทบกับผู้ใช้น้ำและประชาชนในพื้นที่บริการอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.การประปาส่วนภูมิภาค พ.ศ.2522

จึงมีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะทำงานเตรียมความพร้อมการให้บริการน้ำประปา กรณีสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาระหว่าง การประปาส่วนภูมิภาค กับ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด ครบกำหนดระยะเวลา ที่มีนายหลักชัย พัฒนเจริญ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 4) เป็นประธานคณะทำงาน และมีคณะทำงานอีก 6 คน ทั้งนี้ ให้คณะทำงานมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

1.ศึกษา วิเคราะห์ รวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และกำหนดรูปแบบ แนวทาง วิธีการดำเนินการ กรณีสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ระหว่างการประปาส่วนภูมิภาคกับ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535, พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556, พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ไม่เอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนรายใด มีความคุ้มค่าทางการเงิน และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด

2.ทบทวนผลการดำเนินงานของคณะทำงานเตรียมความพร้อมก่อนสิ้นสุดสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาระหว่าง การประปาส่วนภูมิภาค กับ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด และแผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อม หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ ให้เสนอคณะกรรมการ กปภ. พิจารณา

3.กำหนดแนวทางการปฏิบัติและขั้นตอนการตรวจรับทรัพย์สินที่เกิดขึ้นตามสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาระหว่าง การประปาส่วนภูมิภาค กับ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด เพื่อให้การตรวจรับถูกต้องตามสัญญา

4.กำกับ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการของคณะทำงานย่อยที่คณะทำงานเตรียมความพร้อมก่อนสิ้นสุดสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาระหว่างการประปาส่วนภูมิภาค กับ บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด กรณีจำเป็นให้มีอำนาจแต่งตั้งหรือเปลี่ยนแปลงคณะทำงานย่อยได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม

5.เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร งบประมาณ วิชาการ เทคโนโลยีสารสนเทศและอื่นๆ เพื่อรองรับการดำเนินงานภายหลังสิ้นสุดสัญญาให้สิทธิฯ

6.เพื่อให้การปฏิบัติงานหรือดำเนินการเป็นไปอย่างรอบคอบและถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมาย หากมีปัญหาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายให้หารือหน่วยงานภายนอก อาทิเช่น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด ฯลฯ ให้ครบถ้วน และไห้ประธานคณะทำงานฯ มีอำนาจลงนามในหนังสือหารือดังกล่าว

7.กำหนดให้มีการประชุมสัปดาห์ละครั้งแล้วรายงานผลการประชุมให้ผู้ว่าการเพื่อทราบ เป็นประจำทุกสัปดาห์

8.รายงานผลการดำเนินการให้คณะกรรมการ กปภ. ในการประชุมคณะกรรมการ กปภ. ทุกครั้ง

9.ดำเนินการเรื่องอื่นๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง

pwa 19 10 22 1

pwa 19 10 22 2

ก่อนหน้านี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2565 ว่า กระทรวงหมาดไทยไม่มีนโยบายให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) แก้ไขสัญญาโครงการเอกชนร่วมลงทุนปรับปรุงขยายการประปาปทุมธานี-รังสิต เพื่อต่ออายุสัญญาซื้อน้ำประปาจากคู่สัญญารายเดิม (บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด) ออกไปอีก 20 ปี หลังจากสัญญาปัจจุบันจะสิ้นสุดในวันที่ 14 ต.ค.2566

พร้อมทั้งระบุว่า หลังจากสัญญาโครงการเอกชนร่วมลงทุนปรับปรุงขยายการประปาปทุมธานี-รังสิต แล้ว กปภ. จะรับช่วงในการดำเนินการผลิตน้ำประปาในโครงการประปาปทุมธานี-รังสิต เองทั้งหมด เนื่องจากผลการศึกษาพบว่าเป็นแนวทางที่คุ้มค่ามากที่สุด

สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา นายธงชัย ไวยบุญญา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการประปาส่วนภูมิภาค (สร.กปภ.) ทำหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย โดย สร.กปภ.ขอให้ รมว.กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการสั่งการโดยเร่งด่วน ในการเตรียมความพร้อมเพื่อให้ กปภ. เข้ามารับช่วงการผลิตน้ำประปาแทน บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด หลังจากสัญญาปัจจุบันจะสิ้นสุดในวันที่ 14 ต.ค.2566

“ได้มีการประชุมคณะทำงานเตรียมความพร้อมโครงการเอกชนร่วมลงทุนปทุมธานี-รังสิต ครั้งที่ 4/2565 วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2565 ในการประชุมครั้งนี้ สร.กปภ. ได้เข้าร่วมประชุมและฟังการรายงานในคณะทำงานชุดต่างๆ รวมทั้งตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่างๆ ซึ่งจากการประชุมนั้น เห็นได้ว่าการดำเนินการตามมาตรา 49 ที่ให้การประปาส่วนภูมิภาคดำเนินการเอง มีการสั่งการที่ล่าช้าและไม่สอดคล้องกับห้วงเวลาที่กำหนด

มีการประวิงเวลา ไม่เร่งรีบดำเนินการ เช่น จัดตั้งหน่วยงานที่จะดูแลโครงการหลังสิ้นสุดสัญญา ไม่ดำเนินการขออัตรากำลังในส่วนของการทำงานก่อนสัญญาจะสิ้นสุด แต่กลับมีความพยายามที่จะดำเนินการที่จะจ้างบริษัทรายเดิมเข้ามาดำเนินการโดยอ้างเหตุผลต่างๆ นานา ซึ่งหากปล่อยให้ดำเนินในลักษณะนี้ อาจมีผลทำให้การประปาส่วนภูมิภาคเกิดความเสียหายได้หากสัญญาสิ้นสุดลงและอาจมองได้ว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนรายเดิม

สร กปภ. จึงขอเสนอว่าควรให้พนักงานและลูกจ้างของ การประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้ดำเนินงานเองเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และเป็นเครื่องมือของรัฐ ในการให้ความช่วยเหลือและบริการประชาชนต่อไปในอนาคต ส่วนในกรณีที่ทำให้การประปาส่วนภูมิภาคดำเนินการล่าช้าและไม่ดำเนินการตามความเห็นชอบของท่าน สร.กปภ. ขอสงวนสิทธิ์ในกรรดำเนินการยื่นหนังสือต่อองค์กรอิสระและขอให้ท่านดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อดำเนินการตามระเบียบข้อบังคับของ กปภ. หรือกระบวนการทางกฎหมายต่อไป” หนังสือ สร.กปภ. ลงวันที่ 4 ต.ค.2565 ระบุ

pwa 19 10 22 3