‘เครือข่ายแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูฯ’ เปิดแคมเปญรณรงค์ ให้มีการกำหนดโทษ ‘สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา’ ที่ไม่ปฏิบัติตาม ‘ระเบียบการหักเงินเดือน’ ปี 2551 ชี้เป็นต้นเหตุของปัญหา ‘หนี้สินครู’ 3 มิติ
.....................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครู ออกแคมเปญรณรงค์ผ่านเว็บไซต์รณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง www.change.org เรื่อง กำหนดโทษสำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่ไม่ดำเนินการตามระเบียบการหักเงินเดือน พ.ศ.2551 เนื่องจากทางเครือข่ายฯเห็นว่า การที่ สพท. ไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อเพื่อนครูทั่วประเทศ
ทั้งนี้ เครือข่ายฯให้ข้อมูลในเว็บไซต์ www.change.org ว่า การที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย การหักเงินเดือนเงินบําเหน็จบํานาญข้าราชการเพื่อชําระหนี้เงินกู้ให้แก่สวัสดิการภายในส่วนราชการและสหกรณ์ พ.ศ.2551 หรือระเบียบว่าด้วยการหักเงินเดือนปี พ.ศ.2551 และคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ส่งผลกระทบอย่างกว้างไกลต่อเพื่อนครูทั่วประเทศในอย่างน้อย 3 มิติ ได้แก่
(1) ครูไม่เหลือเงินเดือน 30% สำหรับใช้ดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรีในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาหนี้บัตรเครดิต และหนี้นอกระบบ
(2) ครูผู้กู้ผู้ค้ำประกันถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกว่า 5 หมื่นรายทั่วประเทศ เนื่องจากกระบวนไกล่เกลี่ยให้เจ้าหนี้ทุกรายแบ่งเงินเดือน 70% ไม่สามารถเกิดขึ้น สหกรณ์เป็นเจ้าหนี้รายเดียวที่มักได้เงินเดือน 70% ทำให้เจ้าหนี้รายอื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับครู
(3) ครูมีปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว เพราะการกู้ยืมที่เกินศักยภาพจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาไม่ได้คำนวณเงินเดือนสุทธิหลังหักชำระหนี้จากหนี้ที่เจ้าหนี้ทุกรายเรียกเก็บ ทำให้ครูกู้ยืมได้เกินความสามารถ
“เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครูเห็นว่า สาเหตุที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากล้าที่จะละเลยไม่ดำเนินการตามระเบียบเนื่องจาก การไม่ทำตามระเบียบนั้นไม่มีโทษใดๆ ซึ่งปกติแม้แต่เรื่องเล็กๆ อาทิ การตัดผมหรือลงโทษนักเรียนยังมีความผิดมีการตั้งกรรมการสอบสวน ในขณะที่การไม่ทำตามระเบียบปี 51 กระทบชีวิตความเป็นอยู่ของครูอย่างมีนัยสำคัญกลับไม่มีโทษเป็นอะไรที่ผิดปกติวิสัย
ในเรื่องนี้เครือข่ายเห็นว่า ถ้าสามารถที่จะแก้ปัญหาหนี้สินครูได้เพียงเรื่องเดียว จะต้องเลือกที่จะบังคับใช้ระเบียบว่าด้วยการหักเงินเดือนปี 51 อย่างเคร่งครัด เพราะเป็นหัวใจของกระบวนการจัดทำสินเชื่อสวัสดิการหักเงินเดือน ซึ่งหนี้สินของครูกว่า 95% คือ สินเชื่อสวัสดิการหักเงินเดือน การกำหนดโทษสำหรับสำนักงานเขตที่ไม่ทำตามระเบียบหักเงินเดือนปี 51 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการแก้ไขปัญหาหนี้ครู
ดังนั้น ถ้ากระทรวงศึกษาธิการ ตลอดจนรัฐบาล มีความจริงใจและตั้งใจจริงที่จะแก้ปัญหาหนี้สินครู จำเป็นต้องกำหนดโทษทั้งด้านวินัยและการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งสำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ไม่ดำเนินการตามระเบียบการหักเงินเดือนปี 2551 อย่างเคร่งครัด การกำหนดโทษให้ชัดเจนในครั้งนี้จะยุติมหากาพย์ครูกินครูที่เรื้อรังและทำร้ายครูมาหลายสิบปีให้ยุติลงได้”เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการแก้ไขปัญหาหนี้สินของครู ระบุ
อ่านเพิ่มเติม : แคมเปญรณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง เรื่อง กำหนดโทษสำหรับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ที่ไม่ดำเนินการตามระเบียบการหักเงินเดือน พ.ศ.2551
อ่านประกอบ :
เปิดรายงาน กมธ.(จบ) ข้อเสนอแก้‘หนี้ครู’ ชงรื้อกลไก‘สวัสดิการหักเงินเดือน’-คุมกู้เกินตัว
เปิดรายงานกมธ.(1) เจาะลึก 5 ปัญหาเชิงโครงสร้าง ‘หนี้ครู’ ต้นตอครูอาจต้องเป็นหนี้ไปจนตาย?
ขายบ้านจ่ายหนี้!ทุกข์‘ครู’ถูกสหกรณ์ฯหักเงินหน้าซองเหลือใช้ 900 บ.-จี้ศธ.บังคับใช้ระเบียบ
'ศธ.'จับมือพันธมิตรแก้หนี้ครู 1.4 ล้านล. เน้นปรับโครงสร้างฯ-หลังหักหนี้ต้องมีเงินใช้ 30%
ประโยชน์ทับซ้อน! ถ่วงแก้หนี้ครู จี้ลงโทษสหกรณ์ฯหักหนี้ผิดกม.-ลด'ดบ.เงินกู้สวัสดิการ'
จม.เปิดผนึกเครือข่ายแก้หนี้ครู (จบ) : คำเตือนถึงนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบละเลยปัญหา
จม.เปิดผนึกเครือข่ายแก้หนี้ครู (3) : พร้อมใจกันเปิดเผยสลิปเงินเดือนฟ้องสังคม
จม.เปิดผนึกเครือข่ายแก้หนี้ครู(2) : มหกรรมไกล่เกลี่ย’หนี้ครู’ผักชีโรยหน้า?
จม.เปิดผนึกเครือข่ายแก้หนี้ครู(1) : ต้องรื้อระบบการหักเงินเดือนของสวัสดิการ-สหกรณ์
‘เครือข่ายแก้หนี้ครูฯ’ จี้รัฐแก้ปมปล่อย‘เจ้าหนี้’หักเงินเดือน‘ครู’ จนเหลือเงินไม่พอใช้