โดนจริง 22 คน! เจาะมติป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยางอคส.-'มูรธาธร' มือจ่ายเช็ค2พันล.รอดอาญา

picpppclhhsaassasaas3 23 6 66

เจาะมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน อคส. โดนจริง 22 ราย เฉพาะ 'มูรธาธร คำบุศย์' หน.การเงินอคส. ผู้เกี่ยวข้องลงนามสั่งจ่ายเช็คโอนเงิน 2,000 ล้าน ให้ บ.การ์เดียนโกลฟส์ รอดอาญา โดนผิดวินัยร้ายแรง แต่ถูกไล่ออกไปแล้ว ไม่มีผลต้องรับโทษ แต่ยังเหลือลุ้นความรับผิดทางละเมิด

สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอข่าวว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด ผู้ถูกกล่าวหาในคดีจัดซื้อขายถุงมือยางระหว่างองค์การคลังสินค้า (อคส.) กับบริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด มูลค่ากว่าแสนล้านบาท เป็นทางการแล้ว โดยผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ที่ถูกชี้มูลความผิด มีจำนวน 21 ราย ประกอบไปด้วย 3 กลุ่มหลัก คือ 1. กลุ่มผู้บริหารเจ้าหน้าที่ใน อคส.ที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง 2. กลุ่มผู้บริหารในคณะกรรมการ (บอร์ด) อคส. และ 3. กลุ่มเอกชนที่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ ในระหว่างการพิจารณาสำนวนการไต่สวนคดีนี้ มีกรรมการ ป.ป.ช. บางราย ตั้งข้อสังเกตว่าควรจะมีการขยายผลสอบสวนไปถึงนักการเมืองระดับรัฐมนตรีด้วย เพราะในสำนวนมีการพาดพิงถึง แต่เนื่องในขั้นตอนการไต่สวนไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาตั้งแต่ต้น จึงไม่สามารถทำอะไรได้

picpkkdsdsdsdsdsdsdssdsdsdsdsdsd3 24 66

รัฐมนตรีไม่โดน! ป.ป.ช.ชี้มูลคดีจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน อคส.-มีผู้ถูกกล่าวหา 21 คน

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า ในข้อเท็จจริงผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ มีทั้งหมด 22 ราย ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทั้ง 22 ราย

ในจำนวนผู้ถูกกล่าวหา 22 ราย นี้ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ถูกชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง จำนวน 3 ราย 2. กลุ่มที่ถูกชี้มูลเฉพาะความผิดทางอาญา 18 ราย และ 3. กลุ่มที่ถูกชี้มูลเฉพาะความผิดทางวินัยร้ายแรง 1 ราย

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาในกลุ่มที่ถูกชี้มูลเฉพาะความผิดทางวินัยร้ายแรง 1 ราย นั้น คือ นายมูรธาธร คำบุศย์ หัวหน้าส่วนงานการเงิน สำนักบริหารการเงิน อคส. ที่เกี่ยวข้องในขั้นตอนการอนุมัติสั่งจ่ายเช็คเงินค่าสินค้าถุงมือยางงวดแรก จำนวน 2,000 ล้านบาท ให้กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด คู่สัญญา

โดยถูกกล่าวหาว่า มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามข้อบังคับว่าด้วยระเบียบพนักงานองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2516 ข้อ 28 วรรคสอง (7) เป็นกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงข้อ 28 วรรคสอง (8) ประกอบวรรคแรก (4) ไม่รักษาและปฏิบัติตามกฎหมายอันเกี่ยวกับองค์การคลังสินค้าข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง คู่มือการปฏิบัติงานขององค์การคลังสินค้า และมติคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าอันเป็นเหตุให้เสียหายอย่างร้ายแรงแก่องค์การคลังสินค้า

แต่เนื่องจาก นายมูรธาธร ถูก อคส.มีคำสั่งลงโทษไล่ออกจากการเป็นพนักงาน อคส.แล้ว หลังการชี้มูลความผิดดังกล่าว ป.ป.ช.จึงไม่มีเหตุต้องส่งเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการทางวินัยอีก

ซึ่งผลจากการที่ นายมูรธาธร ไม่ได้ถูกชี้มูลทางอาญาและถูกลงโทษไล่ออกไปแล้ว จึงทำให้นายมูรธาธร รอดพ้นไม่ต้องรับโทษอะไรจากผลการชี้มูลของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งนี้ และทำให้จำนวนผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้ ที่ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา และวินัยร้ายแรงในคดีนี้ ที่อาจจะต้องรับโทษในอนาคต หากศาลฯ ตัดสินชี้ขาดว่ามีการกระทำความผิดทางกฎหมาย เหลือเพียงแค่ 21 รายเท่านั้น

อย่างไรก็ดี นายมูรธาธร ยังปรากฏชื่อเป็น 1 ใน 7 กลุ่มผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ อคส. ที่ถูกกระทรวงพาณิชย์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดชอบทางละเมิดจากการถอนเงินในบัญชีของอคส.มาจ่ายค่าสินค้าล่วงหน้า วงเงิน 2,000 ล้านบาท และค่าทำให้เสียโอกาสจากดอกเบี้ยเงินฝากที่ควรจะต้องได้รับ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันเป็นทางการว่า มีการสรุปผลการสอบสวนข้อมูลตัวเลขความเสียหาย ที่ นายมูรธาธร ต้องชดใช้อยู่ที่วงเงินเท่าไหร่

ขณะที่ในช่วงที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า นายมูรธาธร ได้มีการยืนยันร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อเรื่องนี้ โดยยืนยันว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ปฏิบัติงานตามระเบียบขั้นตอนของ อคส.

ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป

อ่านประกอบ :

#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage