"...สัญญาซื้อขายถุงมือยางดังกล่าว ระหว่าง อคส. กับบริษัท การเดียนโกลฟส์ จำกัด ทำขึ้นเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 ซื้อขายถุงมือยางไนไตร บรรจุกล่อง (กล่องละ 100 ชิ้น) จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 225 บาท เป็นราคาทั้งสิ้น 112,500 ล้านบาท เป็นราคาที่รวมค่าขนส่งถึงท่าเรือต้นทาง (Free On Board) จำนวนการสั่งซื้อจะแบ่งออกเป็นหลายครั้งตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปี และต้องเป็นของแท้ ของไม่เคยใช้งานมาก่อน และมีคุณภาพ..."
..................................
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้ออกคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 31/2563 ให้ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง องค์การคลังสินค้า มาปฏิบัติหน้าที่ในกรอบอัตรากำลังชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษในสำนักนายกรัฐมนตรี โดยบรรจุและแต่งตั้งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือน ค่าจ้าง เงินอื่น และสิทธิประโยชน์เดิมที่ได้รับอยู่ จนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น สั่ง ณ วันที่ 14 ก.ย.2563
ทั้งนี้ คำสั่งย้ายดังกล่าว คาดว่ามีสาเหตุมาจากกรณีที่พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ในช่วงที่อยู่ในตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ อคส. ได้นำเงินของ อคส. ไปซื้อถุงมือยางมูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยที่ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ อคส. (บอร์ด อคส.)
คือ ข้อมูลข่าวที่ถูกนำเสนอจากสื่อมวลชนหลายสำนักในช่วงบ่ายวันที่ 17 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า ในวันเดียวกัน นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส. ได้ประชุมบอร์ดเป็นการเร่งด่วน เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว และมีมติให้ระงับการจัดซื้อถุงมือยาง และยกเลิกสัญญา เพราะสัญญาเป็นโมฆะ เนื่องจากรักษาการ ผอ. อคส. ไม่มีอำนาจอนุมัติงงบประมาณเกินกว่า 25 ล้านบาท โดยข้อบังคับของ อคส. ผู้อำนวยการสามารถจัดหาวงเงินได้เพียงครั้งละไม่เกิน 25 ล้านบาท หากเกินกว่านั้น แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ต้องเสนอให้ประธานบอร์ด อคส. พิจารณา และหากเกินกว่า 50 ล้านบาท ต้องเสนอให้บอร์ดพิจารณา แต่ครั้งนี้ ต้องจัดหาเงินมากถึง 2,000 ล้านบาท และไม่ได้เสนอให้บอร์ดพิจารณา และบอร์ดยังได้มอบอำนาจให้นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผอ.อคส.คนใหม่ แจ้งความต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้อายัดเงินในบัญชีที่ อคส. ได้โอนให้กับบริษัทผู้ผลิตถุงมือยาง และให้ตรวจสอบเส้นทางเงิน เพราะการดำเนินการของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ เป็นการกระทำการลุแก่อำนาจโดยพลการ ไม่ผ่านที่ประชุมบอร์ด และไม่รายงานให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ รับทราบ และยังสั่งการให้ผู้อำนวยการ อคส. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงด้วย ซึ่งได้แต่งตั้งแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ย.2563ด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาซื้อขายถุงมือยางดังกล่าว ระหว่าง อคส. กับบริษัท การเดียนโกลฟส์ จำกัด พบว่าทำขึ้นเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 ซื้อขายถุงมือยางไนไตร บรรจุกล่อง (กล่องละ 100 ชิ้น) จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 225 บาท เป็นราคาทั้งสิ้น 112,500 ล้านบาท เป็นราคาที่รวมค่าขนส่งถึงท่าเรือต้นทาง (Free On Board) จำนวนการสั่งซื้อจะแบ่งออกเป็นหลายครั้งตลอดช่วงระยะเวลา 2 ปี และต้องเป็นของแท้ ของไม่เคยใช้งานมาก่อน และมีคุณภาพ ซึ่งมีคุณสมบัติที่ผ่านการรับรองตามมาตฐานที่สามารถส่ออกไปยังกลุ่มประเทศยุโปและประเทศอเมริกาได้ และภายใต้สัญญา ได้กำหนดให้ อคส. ต้องจ่ายเงินส่วงหน้า จำนวน 2,000 ล้านบาท ให้กับผู้ขายภายใน 3 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา ส่วนเงินที่เหลือจำนวน 110,500 ล้านบาท จะจ่ายให้เมื่อผู้ซื้อได้รับมอบสิ่งของเป็นงวดๆ ตามมูลค่าสินค้า (ดูสัญญาท้ายเรื่อง)
ขณะที่จากสืบค้นข้อมูลการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด คู่สัญญาซื้อขายถุงมือยางดังกล่าว กับ อคส. พบว่า เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้ง 22 มิถุนายน 2563 ทุน 5,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 131/45 หมู่ที่ 11 ตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
แจ้งประกอบธุรกิจ ผลิต ซื้อขาย นำเข้าและส่งออก ถุงมือ ยางพารา และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ฯลฯซื้อขาย แลกเปลี่ยน ขนส่ง ทำธุรกิจชิปปิ้ง และเป็นตัวแทนจำหน่ายซึ่งสินค้าอุปโภคและบริโภค
ปรากฎชื่อ นายธณรัสย์ หัดศรี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2563 นาย ธณรัสย์ หัดศรี ถือหุ้นใหญ่สุด 70% มูลค่า 3,500,000 บาท หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นางสาว ณัฐญา หัดศรี และ นางสาว อรัญรัชญ์ หัดศรี คนละ 15% มูลค่าหุ้นที่ถืออยู่คนละ 750,000 บาท
เป็นที่น่าสังเกตว่า บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท วันที่ 22 มิถุนายน 2563 ก่อนหน้าที่จะลงนามสัญญาซื้อขายกับ อคส. เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563
ห่างกันประมาณ 2 เดือนเศษเท่านั้น?
ขณะที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศรา ว่า ได้รับทราบข่าวแล้ว และกำลังรอคำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้ไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกฯ เป็นทางการ ถ้าคำสั่งมาถึงเมื่อไร ก็พร้อมปฏิบัติตามเข้าไปรายงานตัวทันที ส่วนบอร์ด อคส. จะมีมติสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอะไรกับตนนั้น ก็พร้อมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะมั่นใจว่าทำเรื่องถูกต้อง
"ที่ผ่านมา อคส. ขาดทุนต่อเนื่องมา 5 ปี เงินขาดทุนสะสมกว่า 1.1 หมื่นล้าน ซึ่งการทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางครั้งนี้ จะทำให้ได้กำไรวงเงินที่สูงมาก สามารถช่วยกู้วิกฤตปัญหาการขาดทุนได้ ซึ่งเป็นความตั้งใจที่จะทำให้เกิดขึ้นในยุคของผมให้ได้"
เมื่อถามว่า บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เพิ่งจดทะเบียนจัดตั้ง 2 เดือนเศษ ก่อนทำสัญญา ทราบข้อมูลนี้หรือไม่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ตอบว่า "ก็รับทราบ แต่บริษัทเขามีคุณภาพ และลูกค้าที่มาติดต่อซื้อขายถุงมือยางกับอคส.ก็เป็นผู้นำแนะมาว่า ต้องเป็นบริษัทนี้ ซึ่งผมก็โอเค เพราะการทำธุรกิจครั้งนี้ จะไปทำกับบริษัทรายใหญ่ก็ไม่ได้ เราไม่มีเงินไปวางมัดจำให้ได้จำนวนมากขนาดนั้น"
" หลังจากทำสัญญาเมื่อวันที่ 31 ส.ค.2563 สัญญาเริ่มเดินไปแล้ว มีการนำสินค้ามาส่งแล้ว เราก็จ่ายเงินให้เขาไป 2 พันล้าน เมื่อวันที่ 2 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา แต่ถ้าบอร์ดอคส.ไปยกเลิกสัญญา โดยที่เอกชนเขาไม่ได้ทำผิดอะไรก็ต้องระวังตัวกันให้ดี เหมือนกับกรณีของผม ถ้าโดนทำอะไรที่ไม่ถูกต้องก็พร้อมที่จะใช้ช่องทางศาลปกครองต่อสู้เหมือนกัน"
เมื่อถามว่า การทำสัญญาซื้อขายครั้งนี้ ผ่านมติบอร์ดอคส.หรือยัง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ตอบว่า "ผมได้ปรึกษากับคณะกรรมการจัดสรรเงินลงทุนแล้ว แต่ที่ไม่ได้นำเรื่องผ่านบอร์ด เพราะว่าการดำเนินงานมีความเร่งรีบ และก็เห็นว่าการดำเนินงานโครงการนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อ อคส. อยู่แล้ว "
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage