“…ในที่ประชุมมีการซักถามถึงที่มาที่ไปตามนโยบายนี้ เนื่องจากไม่มีการเสนอเป็นโครงการให้คณะกรรมการองค์การคลังสินค้าเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เช่น โครงการอื่นที่เคยปฏิบัติมา ซึ่งจำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) โน้มน้าวชักจูงคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน โดยแจ้งว่า หากมีความเสียหาย ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง จนคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุนมีมติให้ถอนเงินรวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท…”
...............................................
จากกรณีที่ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 (ศาลชั้นต้น) มีคำพิพากษา ‘ยกฟ้อง’ คดีกล่าวหา พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง องค์การคลังสินค้า (อคส.) ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพวก รวม 21 คน กรณี อคส. จัดซื้อถุงมือยาง โดยจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท
ขณะที่ล่าสุดอัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 ยังอยู่ระหว่างการจัดทำคำอุทธรณ์ เพื่อยื่นต่อศาลฯ นั้น (อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม! ยกฟ้องคดี‘ถุงมือยาง’ ไม่ปรากฏใช้‘ดุลพินิจ’ทำเสียหาย-มัดจำ 2 พันล.ไม่เสียเปรียบ)
อย่างไรก็ดี ในการพิจารณาพิพากษาคดีนี้ (คดีหมายเลขดำที่ อท 77/2567 คดีหมายเลขดำที่ อท 44/2568) นายกำจัด พ่วงสวัสดิ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ได้ทำความเห็นแย้งในคดีดังกล่าว เป็นเอกสารความยาว 41 หน้ากระดาษ
โดยในสองตอนที่แล้ว สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเสนอความเห็นแย้งของนายกำจัด ในคดีนี้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับประโยชน์สาธารณะที่มี ‘ความเสียหายใหญ่หลวง’ และมีการกล่าวอ้างถึงข้อมูลของ ‘จำเลย’ ในคดีนี้ (อ่านประกอบ : ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(1) ‘อคส.’ส่ง‘รักษาการผอ.’ดีล‘การ์เดียนโกลฟส์’วางมัดจำ 2 พันล.)
รวมถึงพฤติการณ์การทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางที่มีกระทำอย่าง ‘เร่งร้อนรีบด่วนผิดปกติ’ (อ่านประกอบ : ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(2) พฤติการณ์‘รีบด่วนผิดปกติ’-อ้างนโยบาย‘รัฐมนตรี’เร่งทำสัญญา)
ในตอนที่ 3 นี้ สำนักข่าวอิศรา ขอนำเสนอความเห็นแย้งของนายกำจัด ซึ่งได้ไล่เรียงพฤติการณ์และ ‘ไทม์ไลน์’ ของข้อเท็จจริงในคดีจัดซื้อถุงมือยาง ตั้งแต่การเริ่มจัดตั้ง บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด คู่สัญญาซื้อขายถุงมือยางมูลค่ากว่า 1 แสนล้าน ไปจนกระทั่ง อคส. มีมติลงโทษ ‘พ.ต.อ.รุ่งโรจน์’ และเจ้าหน้าที่ อคส. ที่เกี่ยวข้อง มีรายละเอียด ดังนี้
@จดตั้ง‘การ์เดียนโกลฟส์’ 2 เดือน ก่อนได้รับติดต่อซื้อ‘ถุงมือยาง’
ความเห็นแย้งคดีหมายเลขดำที่ อท. 77/2567 ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 วันที่ 20 พ.ค.2568 (ตอนที่ 3)
โจทก์
อัยการสูงสุด โดยพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 1 โจทก์
จำเลย
พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ที่ 1
บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด ที่ 2
นายธณรัสย์ หัดศรี ที่ 3
นายสุชาติ เตชจักรเสมา ที่ 4
นายเกียรติขจร แซ่ไต่ ที่ 5
นายศรายุทธ สายคำมี ที่ 6
นางสาวปิยาภรณ์ รอดเจริญ ที่ 7
นางสาวพิชญศรส์ เศวตศุภวัฒณ์ ที่ 8
นางสาวกันตา สิงห์ศักติ ที่ 9
นายอัยวัฏฐ์ เศวตนริทร์ ที่ 10
นางสาวสุภาวดี เอกรัตนากุล หรือ จักรบดินร์ ที่ 11
นายชิเนนทรธรณ์ หรือ ชเนนทร เลิศพิพัฒน์ ที่ 12
นายก้องหล้า มฤคพิทักษ์ ที่ 13
นางเฟื่องฟ้า วงศ์สินศิริกุล ที่ 14
นายอับดุลลา ปาทาน ที่ 15
นายราชาทีปซิงห์ ยอน ที่ 16
นางฉันทิศา หวง ที่ 17
บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด ที่ 18
ร้อยตำรวจเอกนพฤทธิ์ หรือณรภัทร สุขแจ่ม ที่ 19
นางนรากร รมศรี ที่ 20
นางปณาลี บุรณศิริ ที่ 21
โดยพฤติการณ์ความรีบร้อนเร่งด่วนดังกล่าว ประจักษ์ได้จากความผิดพลาดคลาดเคลื่อนในสัญญาซื้อขายถุงมือยางเลขที่ อคส.ถม. 357/2563 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 ข้อ 10 (การขอขยายเวลาส่งมอบ) ที่มีข้อความทั้งถุงมือยางไนไตรและถุงมือยางลาเท็กซ์ ทั้งที่สัญญาซื้อขายถุงมือยางฉบับนี้ เป็นเรื่องสัญญาซื้อขายถุงมือยางไนไตรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
โดยข้อเท็จจริงทั้งหมดมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
องค์การคลังสินค้า จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 เป็นองค์การของรัฐบาล มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ พ.ศ.2561 มาตรา 4 สังกัดกระทรวงพาณิชย์ มีวัตถุประสงค์ในการทำกิจการทั้งปวงเกี่ยวกับสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค
พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 มาตรา 18 บัญญัติว่า ให้ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง อยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี แต่อาจรับแต่งตั้งอีก
เดิมระหว่างปี 2558 ถึงปี 2563 พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (เพื่อนร่วมรุ่นจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 39 กับจำเลยที่ 1) เป็นประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้ลาออกจากประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2563
จากนั้นวันที่ 29 เม.ย.2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จากพรรคประชาธิปัตย์ มีหนังสือเสนอรายชื่อจำเลยที่ 4 (นายสุชาติ เตชจักรเสมา) ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าคนใหม่พร้อมกับนายสกล กิตติ์นิธิ และนายสัมมา คีตสิน เป็นกรรมการ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.2563
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2563 จำเลยที่ 3 มอบอานาจให้ นางสาวณัฐธิดา ชูชีพ มายื่นคำขอจดทะเบียนจัดตั้งจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) เป็นนิติบุคคลต่อสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดนครปฐม ทุนจดทะเบียนกำหนดเป็นเงิน 5,000,000 บาท มีผู้ถือหุ้น 3 คน
คือ จำเลยที่ 3 (นายธณรัสย์ หัดศรี) ถือหุ้น 35,000 หุ้น นายพรรุ่ง วงษ์น้อย ถือหุ้น 7,500 หุ้น และนายจักริน กาญจนวิวิญ ถือหุ้น 7,500 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดยจำเลยที่ 3 นายพรรุ่ง และนายจักริน ร่วมเป็นกรรมการ แต่จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อ และประทับตราสำคัญของบริษัททำการผูกพันจำเลยที่ 2
ต่อมาวันที่ 23 ก.ค.2563 จำเลยที่ 2 โดยนางสาวณัฐธิดา ชูชีพ ผู้รับมอบอานาจมายื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทจำกัด แก้ไขกรรมการ โดยมีกรรมการออก 2 คน คือ นายพรรุ่งและนายจักริน ทำให้กรรมการของบริษัทมี 1 คน คือ จำเลยที่ 3 แล้วต่อมาจำเลยที่ 2 ยื่นบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นมีรายชื่อผู้ถือหุ้น 3 คน คือ จำเลยที่ 3 ถือหุ้น 35,000 หุ้น นางสาวอรัญรัชญ์ หัดศรี ถือหุ้น 7,500 หุ้น และนางสาวณัฐญา หัดศรี ถือหุ้น 7,500 หุ้น
ประมาณต้นเดือน ก.ค.2563 จำเลยที่ 4 ประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า เรียกให้จำเลยที่ 5 หัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิตอล รักษาการในตำแหน่งผู้อานวยการสำนักการขายและจัดจำหน่าย ไปพบที่ห้องทำงาน เมื่อจำเลยที่ 5 ขึ้นไปพบบุคคลสามคนในห้องทำงานของจำเลยที่ 4 เป็นชายหนึ่งคนและหญิงสองคน
จำเลยที่ 4 แนะนำให้จำเลยที่ 5 รู้จักกับบุคคลทั้งสาม โดยชายหนึ่งคนชื่อเต้ย และหญิงสองคนชื่อเอ็มกับบีม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริงของบุคคลทั้งสาม) จำเลยที่ 4 แจ้งจำเลยที่ 5 ว่า บุคคลทั้งสามดังกล่าว ประสงค์จะซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า รวมทั้งนำเอกสารเกี่ยวกับบริษัทผู้ผลิตถุงมือยางและสเปคที่ต้องการมอบให้แก่จำเลยที่ 5 เพื่อติดต่อสอบถาม
หลังจากนั้นจำเลยที่ 5 ไปยังห้องทำงานของจำเลยที่ 1 ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า จำเลยที่ 1 เพื่อรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าว
วันที่ 6 ก.ค.2563 จำเลยที่ 5 ไปพบจำเลยที่ 4 ที่ห้องทำงาน เพื่อรายงานความคืบหน้าในการสอบถามไปยังบริษัทผู้ผลิตถุงมือยาง โดยบริษัทผู้ผลิตแจ้งว่า คิวการผลิตเต็ม จะส่งของอีกครั้งก็ในปี 2564 หลังจากนั้น จำเลยที่ 5 ไปยังห้องทำงานของจำเลยที่ 1 เพื่อรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าว
วันที่ 22 ก.ค.2563 จำเลยที่ 4 เรียกจำเลยที่ 5 ขึ้นไปพบที่ห้องทำงาน เมื่อจำเลยที่ 5 ขึ้นไปถึงพบจำเลยที่ 6 โดยจำเลยที่ 4 แจ้งจำเลยที่ 5 ว่า จำเลยที่ 6 ก็เป็นผู้ต้องการซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า เพื่อนำส่งไปยังต่างประเทศ และจำเลยที่ 6 แจ้งว่า ให้องค์การคลังสินค้าไปจ้างโรงงานขนาดเล็กผลิตถุงมือยางให้แก่องค์การคลังสินค้า เพื่อนำไปขายต่อ หลังจากนั้น จำเลยที่ 5 ไปยังห้องทำงานของจำเลยที่ 1 เพื่อรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าว
วันที่ 30 ก.ค.2563 จำเลยที่ 4 เรียกจำเลยที่ 5 ขึ้นไปพบที่ห้องทำงาน เมื่อจำเลยที่ 5 ขึ้นไปถึงพบจำเลยที่ 6 และผู้หญิงอีกหนึ่งคนชื่อบุ๋ม (ชื่อจริงสุกัญญา ไม่ทราบนามสกุล) โดยพูดคุยเกี่ยวกับการให้องค์การคลังสินค้าไปศึกษาว่า หากจะร่วมทุนกับบริษัทเอกชนในการผลิตถุงมือยาง จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยสั่งการให้จำเลยที่ 5 ไปศึกษาข้อมูลหลังจากนั้นจำเลยที่ 5 ก็ไปยังห้องทำงานของจำเลยที่ 1 เพื่อรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าว
ประมาณปลายเดือน ก.ค. ถึงต้นเดือน ส.ค.2563 จำเลยที่ 6 (นายศรายุทธ สายคำมี) หาโรงงานผู้ผลิตถุงมือยาง จึงพบจำเลยที่ 8 (นางสาวพิชญศรส์ เศวตศุภวัฒณ์) ซึ่งเป็นนายหน้า
จำเลยที่ 6 แจ้งจำเลยที่ 8 ว่า มีลูกค้าหลายคนต้องการซื้อถุงมือยาง รวมถึงองค์การคลังสินค้าด้วย จำเลยที่ 8 แนะนำว่า มีจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) เจ้าของบริษัท คือ จำเลยที่ 3 สามารถหาถุงมือยางให้ และบอกว่า หากมีเงินประมาณ 1,500-2,000 ล้านบาท มาร่วมทุน ก็จะมีสิทธิในการรับสินค้าก่อน
วันจันทร์ที่ 17 ส.ค.2563 จำเลยที่ 6 นำข้อเสนอของจำเลยที่ 8 ไปเสนอต่อจำเลยที่ 4 ซึ่งรับพิจารณา พร้อมเรียกจำเลยที่ 5 ขึ้นไปพบที่ห้องทำงาน เมื่อจำเลยที่ 5 ขึ้นไปถึง จำเลยที่ 6 แจ้งว่า มีบริษัทที่รู้จักกัน มีความสามารถจะหาสินค้าให้แก่องค์การคลังสินค้า
จำเลยที่ 4 สั่งการให้จำเลยที่ 5 และนางสาวครีม ศรีวะรมย์ หัวหน้าส่วนงานโครงการรัฐ สำนักข้าว ช่วยปฏิบัติงานที่หน้าห้องจำเลยที่ 4 เดินทางไปตรวจสอบที่ตั้งของจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 6 โดยจำเลยที่ 8 เป็นผู้ส่งตำแหน่งที่ตั้งจำเลยที่ 2 ให้แก่จำเลยที่ 6
เมื่อเดินทางไปถึงพบจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 7 จำเลยที่ 8 กับจำเลยที่ 9 ซึ่งบุคคลดังกล่าว พาจำเลยที่ 5 จำเลยที่ 6 และนางสาวครีม เดินเยี่ยมชมโกดัง ปรากฏว่าในโกดังมีกล่องถุงมือยางยี่ห้อโมโม่กับยี่ห้อซาโตรี่จานวนหนึ่ง แต่จำเลยที่ 3 ไม่อนุญาตให้เปิดดูว่าในกล่องมีถุงมือยางหรือไม่
หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายไปพูดคุยที่สำนักงานของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 3 แจ้งว่า ประกอบธุรกิจอยู่ 3 ลักษณะ คือ ซื้อมาขายไป จ้างผลิต และกำลังก่อสร้างโรงงานที่สุราษฎร์ธานี จำเลยที่ 5 นำข้อมูลดังกล่าวไปรายงานจำเลยที่ 4 ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน หลังจากนั้นจำเลยที่ 5 ไปยังห้องทำงานของจำเลยที่ 1 เพื่อรายงานข้อเท็จจริงดังกล่าว
@‘ประธาน อคส.’อ้าง‘ไม่ต้องห่วงเรื่องสัญญา ที่นี่มีมือกม.’
ระหว่างวันจันทร์ที่ 17 ส.ค.2563 ถึงวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 จำเลยที่ 6 ไปพบจำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 1 และเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้า แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นใครบ้าง ซึ่งจำเลยที่ 6 แจ้งว่า หากองค์การคลังสินค้าสนใจ ก็ต้องทำสัญญากับจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 4 (นายสุชาติ เตชจักรเสมา-ประธาน อคส.) จึงพูดในที่ประชุมว่า “ไม่ต้องห่วงเรื่องสัญญา ที่นี่มีมือกฎหมายทั้งนั้น”
โดยในช่วงเวลาดังกล่าว มีการนัดหมายกันเพื่อให้ผู้แทน KRENEK LAW OFFICES, PLLC ผู้แทน GALORE MANAGEMENT, LLC และกรรมการจำเลยที่ 18 เดินทางไปยังองค์การคลังสินค้าในวันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 เพื่อทำสัญญาซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า ดังนี้
กรณี KRENEK LAW OFFICES, PLLC จำเลยที่ 6 ติดต่อไปยังจำเลยที่ 12 เพื่อแจ้งให้จำเลยที่ 11 แจ้งต่อไปยังจำเลยที่ 13 และจำเลยที่ 14 ดำเนินการนัดหมายจำเลยที่ 15
กรณี GALORE MANAGEMENT, LLC จำเลยที่ 6 ติดต่อไปยังจำเลยที่ 12 เพื่อแจ้งให้จำเลยที่ 11 แจ้งต่อไปยังจำเลยที่ 19 จำเลยที่ 20 และจำเลยที่ 21 ดำเนินการนัดหมายจำเลยที่ 16
กรณีจำเลยที่ 18 จำเลยที่ 6 ติดต่อไปยังจำเลยที่ 12 เพื่อแจ้งให้จำเลยที่ 11 แจ้งต่อไปยังจำเลยที่ 19 ดำเนินการนัดหมายจำเลยที่ 17
นอกจากนี้ จำเลยที่ 6 แจ้งจำเลยที่ 8 เพื่อให้นัดหมายทีมฝ่ายขายของจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) ประกอบด้วย จำเลยที่ 8 จำเลยที่ 9 และจำเลยที่ 11 เข้าไปนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับถุงมือยางที่องค์การคลังสินค้าในวันดังกล่าวด้วย
วันอังคารที่ 25 ส.ค.2563 จำเลยที่ 4 เรียกจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 ขึ้นไปพบที่ห้องทำงาน เมื่อไปถึงห้องทำงานของจำเลยที่ 4 ก็มีจำเลยที่ 6 อยู่ร่วมด้วย จำเลยที่ 4 แจ้งว่า มีกลุ่มบุคคล ซึ่งเป็นผู้ต้องการซื้อถุงมือยางจากองค์การคลังสินค้า และให้จำเลยที่ 5 ไปถามว่าแต่ละคนต้องการซื้อจำนวนใด
เมื่อจำเลยที่ 5 ไปสอบถาม จำเลยที่ 17 (นางฉันทิศา หวง) แจ้งว่าจำเลยที่ 18 (บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด) ต้องการถุงมือยางไนไตร 52 ล้านกล่อง ในราคากล่องละ 225 บาท จำเลยที่ 16 (นายราชาทีปซิงห์ ยอน) แจ้งว่าบริษัท GALORE MANAGEMENT, LLC ต้องการถุงมือยางไนไตร 100 ล้านกล่อง ในราคากล่องละ 223 บาท
จำเลยที่ 15 (นายอับดุลลา ปาทาน) แจ้งว่า บริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLS ต้องการถุงมือยางไนไตร 500 ล้านกล่อง ในราคากล่องละ 230 บาท
จากนั้นทีมฝ่ายขายของจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) ประกอบด้วย จำเลยที่ 8 จำเลยที่ 9 และจำเลยที่ 10 นำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับถุงมือยางที่จะขายให้แก่ตัวแทนทั้ง 3 บริษัททราบ ประกอบด้วย จำเลยที่ 15 จำเลยที่ 16 และจำเลยที่ 17 นอกจากนี้ ผู้อยู่ในขณะมีการนำเสนอรายละเอียดด้วย คือ จำเลยที่ 11 จำเลยที่ 12 จำเลยที่ 13 จำเลยที่ 14 จำเลยที่ 19 จำเลยที่ 20 และจำเลยที่ 21
หลังจากนั้น จำเลยที่ 5 พิมพ์สัญญาซื้อขาย ที่นำตัวอย่างมาจากจำเลยที่ 6 ซึ่งเป็นตัวอย่างสัญญาของบริษัท เมดิน่า แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ที่จำเลยที่ 7 เป็นกรรมการบริษัท เพื่อเตรียมให้ผู้ซื้อผู้ขายลงนามสัญญา จนในช่วงเย็นจึงมีการลงนามสัญญาระหว่างองค์การคลังสินค้า โดยจำเลยที่ 1 กับผู้แทนของทั้ง 3 บริษัท ประกอบด้วย จำเลยที่ 15 จำเลยที่ 16 และจำเลยที่ 17 เสร็จแล้วมีการถ่ายรูปร่วมกันระหว่างผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
วันพุธที่ 26 ส.ค.2563 ช่วงเช้า จำเลยที่ 5 ขึ้นไปยังห้องทำงานของจำเลยที่ 4 พร้อมจำเลยที่ 1 เพื่อรายงานผลการลงนามสัญญาซื้อขายกับจำเลยที่ 18 (บริษัท ไทย สไมล์ เทรด จำกัด) บริษัท GALORE MANAGEMENT, LLC และบริษัท KRENEK LAW OFFICES, PLLS พร้อมถ่ายสาเนาสัญญาทั้ง 3 ฉบับ ให้แก่จำเลยที่ 4 กับจำเลยที่ 1 เก็บไว้เพื่อให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการในการซื้อของแต่ละบริษัท
ต่อมาในช่วงบ่ายมีการประชุมคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า ครั้งที่ 5/2563 วันพุธที่ 26 ส.ค.2563 ซึ่งเมื่อมีการประชุมไปจนถึงวาระอื่น ๆ ในช่วงหนึ่งมีการพูดคุยกันในที่ประชุม ดังนี้
จำเลยที่ 1 “เบื้องต้นนี่ เมื่อวานเซ็นสัญญากับผู้ซื้อถุงมือที่จะส่งออกนอกนะครับ ก็ทั้งหมด 3 สัญญา เป็นเงินหนึ่งหมื่นสามพันกว่าล้าน”
จำเลยที่ 4 “อ้าว ความลับก่อน ทำไมรีบเปิดเผย ให้เก็บ ไว้ก่อน”
จำเลยที่ 1 “เป็นผลงานของท่านประธาน ผมอยากโชว์ท่านประธาน คือ งานนี้ ถ้าไม่ท่านประธานนี่ก็ เพราะท่านประธานเป็นคนบริหารจัดการ และก็กำหนดโครงการไว้”
จำเลยที่ 4 “ผมจะเก็บไว้ให้ท่านรัฐมนตรี เก็บไว้ เก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่ง เอ้อ เดี๋ยวให้รัฐมนตรีมากดเปิด”
@แจง‘อคส.’ทำสัญญาขาย‘ถุงมือยาง’ให้ 3 บริษัท 1.49 แสนล.
วันพฤหัสบดีที่ 27 ส.ค.2563 จำเลยที่ 1 เรียกจำเลยที่ 5 ไปยังห้องประชุมชั้น 6 เมื่อไปถึงปรากฏว่า มีจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 6 จำเลยที่ 7 จำเลยที่ 8 จำเลยที่ 9 และจำเลยที่ 10 อยู่ในห้องประชุม โดยจำเลยที่ 1 แจ้งว่า จะจัดทำร่างสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) โดยให้จำเลยที่ 5 ไปนำสัญญาซื้อขายข้าวมาเป็นตัวอย่างในการร่างสัญญา
หลังจากนำตัวอย่างสัญญามาแล้ว จำเลยที่ 6 มอบหนังสือเสนอราคาของจำเลยที่ 2 ให้แก่จำเลยที่ 5 โดยหนังสือเสนอราคาระบุชนิดสินค้า Nitrile Gloves (Size S, M, L) 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 225 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 112,500 ล้านบาท ระบุเงื่อนไขการจ่ายเงินล่วงหน้า จำนวน 2,000 ล้านบาท
งวดที่ 1 วันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2563 จำนวน 300 ล้านบาท งวดที่ 2 วันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 จำนวน 1,000 ล้านบาท งวดที่ 3 วันพุธที่ 2 ก.ย.2563 จำนวน 700 ล้านบาท
จากนั้น มีการพิจารณาร่างสัญญาร่วมกันระหว่างบุคคลดังกล่าว โดยจำเลยที่ 5 เป็นผู้พิมพ์ตามคำบอกของจำเลยที่ 1
เมื่อจัดทำร่างสัญญาเสร็จแล้ว จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 ไปพบจำเลยที่ 4 ที่ห้องทำงาน โดยจำเลยที่ 1 แจ้งแก่จำเลยที่ 4 ว่า เงินที่ใช้หมุนเวียนขององค์การคลังสินค้ามีไม่เพียงพอ สำหรับการจ่ายเงินล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท จึงมีความจำเป็นต้องประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน เพื่อถอนเงินจากบัญชีฝากประจำมาสำรองหมุนเวียนในการดาเนินการโครงการนี้
ต่อมาเวลาประมาณ 17.30 จำเลยที่ 1 สั่งการทางแอปพลิเคชันไลน์ในกลุ่มผู้บริหารขององค์การคลังสินค้า ซึ่งมีผู้บริหารของสานักต่างๆ อยู่ในกลุ่มว่า
“เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนในการนำเงินลงทุนไปใช้ในการสร้างรายได้ตามนโยบายของคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า จึงเรียนมาเพื่อขอเชิญประชุมคณะกรรมการการนำเงินไปลงทุนในวันพรุ่งนี้ เวลา 9.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 9 ส่วนรายละเอียดอื่น รบกวนพี่มงช่วยดาเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วยครับ”
นางสาวมาลี พร้อมฤกษ์ ผู้อานวยการสานักบริหารการเงิน (ชื่อเล่น มง) จึงคัดลอกข้อความดังกล่าวส่งต่อไปยังไลน์ของนายมูรธาธร คาบุศย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนงานการเงินกับในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน เพื่อให้ทราบและเตรียมการประชุมโดยเร่งด่วนต่อไป
วันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2563 เวลาประมาณ 09.30 น. มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุนครั้งที่ 6/2563 ประกอบด้วย
1.จำเลยที่ 1 ประธานกรรมการ
2.นางวรรณี กีรติขจร รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า/ผู้อำนวยการสำนักการบัญชี กรรมการ
3.นางสาวมาลี พร้อมฤกษ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเงิน กรรมการ
4.นายสุทธินันต์ จิยะอมรเดช ผู้อำนวยการสานักพัฒนาผลิตภัณฑ์ กรรมการ
5.นายกฤษณรักษ์ ใจดี ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และงบประมาณ กรรมการ
6.จำเลยที่ 5 กรรมการ
7.นายมูรธาธร กรรมการและเลขานุการ
ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน นายมูรธาธร แจ้งต่อที่ประชุมว่า ไม่สามารถจัดเตรียมเอกสารในการประชุมทัน
จำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) จึงแจ้งต่อที่ประชุมว่า ให้ดำเนินประชุมกันไปตามรูปแบบการประชุมที่เคยประชุมกันมาก่อน และดำเนินการประชุม
โดยแจ้งว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมารับนโยบายและความกรุณาจากท่านประธาน ซึ่งมีพรรคพวกที่ทำถุงมือยาง ทั้งไนไตรและลาเท็กซ์ โดยตอนนี้องค์การคลังสินค้าทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางกับ 3 บริษัท คือ จำเลยที่ 18 KRENEX LAW OFFICES, PLLC และ GALORE MANAGEMENT, LLC ปริมาณ 625 ล้านกล่อง มูลค่า 149,000 ล้านบาท
@แจก‘สำเนาสัญญา’3 บริษัท-โน้มน้าวอนุมัติเงินเร่งด่วน 2 พันล.
จากนั้น จำเลยที่ 5 (นายเกียรติขจร แซ่ไต่) แจกสำเนาสัญญาที่ทำกับ 3 บริษัทดังกล่าว ให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม และจำเลยที่ 1 แจ้งว่า ในเบื้องต้นมีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนภายในวันพุธที่ 2 ก.ย.2563 จำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อสั่งผลิตและสั่งซื้อให้ทันต่อการส่งมอบสินค้าตามเงื่อนไขสัญญา
หากองค์การคลังสินค้า ไม่สามารถดำเนินการจากเหตุเงินหมุนเวียนไม่เพียงพอต่อการสั่งผลิตและสั่งซื้อ เพราะไม่สามารถถอนเงินฝากประจำที่ยังไม่ครบกาหนด องค์การคลังสินค้าอาจถูกฟ้องร้องคดี หรือชดใช้มูลค่าความเสียหายจากเหตุไม่ปฏิบัติตามสัญญาก็เป็นได้
นอกจากนี้ ในที่ประชุมมีการซักถามถึงที่มาที่ไปตามนโยบายนี้ เนื่องจากไม่มีการเสนอเป็นโครงการให้คณะกรรมการองค์การคลังสินค้าเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ เช่น โครงการอื่นที่เคยปฏิบัติมา ซึ่งจำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) โน้มน้าวชักจูงคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน
โดยแจ้งว่า หากมีความเสียหาย ตนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง จนคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุนมีมติให้ถอนเงินรวมทั้งสิ้น 2,000 ล้านบาท ดังนี้
1.ถอนเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ (ครบกำหนดวันอังคารที่ 15 ก.ย.2563) จำนวน 700 ล้านบาท
2.ถอนเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ (ครบกำหนดวันพุธที่ 16 ก.ย.2563) จำนวน 1,000 ล้านบาท
3.ถอนเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ (ครบกำหนดวันที่ 8 ต.ค.2563) จำนวน 300 ล้านบาท
โดยนำเงินฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ ออมทรัพย์ เลขบัญชี 3851013425 และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันอังคารที่ 1 ก.ย.2563
@ไม่ส่งร่างสัญญาซื้อ‘ถุงมือยาง’1.15 แสนล.ให้‘อัยการ’ตรวจ
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน หลังจากการประชุมคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุนแล้ว จำเลยที่ 5 ในฐานะหัวหน้าส่วนงานการตลาดดิจิตอล รักษาการผู้อำนวยการสำนักขายและจัดจำหน่าย จัดทำบันทึกที่ อคส.สขจ. 12000/186 ลงวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2563 เรื่อง ขออนุมัติจัดซื้อและจ่ายเงินค่าถุงมือยางไนไตร 500 ล้านกล่อง เพื่อจำหน่ายให้แก่บริษัท Krenek Law Offices, PLLC เสนอไปยังจำเลยที่ 1
โดยในหนังสือดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
ข้อ 2.1 เพื่อเป็นการขยายตลาดการจำหน่ายถุงมือยางของ อคส. จึงเห็นควรดำเนินการจัดซื้อถุงมือยางจากจำเลยที่ 2 เพื่อจำหน่ายให้แก่ Krenek Law Offices, PLLC โดยให้ส่งมอบ ณ คลังสินค้าจำเลยที่ 2 เลขที่ 131/45 หมู่ 11 ตำบลนราภิรมย์ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม เพื่อรอส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อ ซึ่งเป็นการจัดซื้อตามระเบียบองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการจัดซื้อสินค้าเพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2561 ลงวันที่ 11 มิ.ย.2561 ข้อ 8.4
“การจัดซื้อสินค้าที่มีลูกค้ารับรองซื้อต่อล่วงหน้าแล้ว ให้ส่วนงานที่ทำหน้าที่จัดซื้อสินค้าดำเนินการจัดซื้อโดยต่อรองราคากับผู้ขาย แล้วบันทึกชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลประกอบเสนอผู้มีอำนาจของหน่วยงานเพื่อพิจารณาสั่งซื้อ”
ข้อ 2.2 เนื่องจากการจัดซื้อครั้งนี้มีวงเงินในการจัดซื้อเกินกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งตามข้อบังคับองค์การคลังสินค้าว่าด้วยการค้าข้าว พืชผล และสินค้าต่างๆ เพื่อการค้าปกติ พ.ศ.2526 ข้อ 3 ให้ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า มีอำนาจจัดหาในวงเงินครั้งละไม่เกิน 25 ล้านบาท
และข้อ 4 ในกรณีเกินวงเงินที่ผู้อำนวยการจัดหาตามข้อ 3 แต่ไม่เกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอขออนุมัติต่อประธานกรรมการองค์การคลังสินค้า และถ้าวงเงินเกิน 50 ล้านบาท ให้เสนอขออนุมัติต่อคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า ซึ่งหากการเสนอต่อที่ประชุมตามวาระจะเป็นการล่าช้า ก็ให้เสนอโดยวิธีเวียนขอมติเป็นการเร่งด่วน ดังนั้น จึงเห็นควรนำเสนอคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าเพื่ออนุมัติจัดซื้อก่อนดำเนินการ
ข้อ 2.3 เพื่อความเรียบร้อย จึงเห็นควรแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการตรวจรับสินค้า การจ่ายสินค้าให้แก่ผู้ซื้อ และจัดทำรายงานการรับจ่ายสินค้าเพื่อให้ สขจ. ดำเนินการบันทึกบัญชีด้านซื้อและด้านขาย พร้อมนี้ สขจ. ดำเนินการจัดทำร่างสัญญาซื้อขายถุงมือยาง
โดยยกร่างจากสัญญาซื้อข้าวสารที่ผ่านการตรวจร่างจากสำนักงานอัยการสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ เพื่อให้การสัญญาเป็นไปด้วยถูกต้องและรัดกุม โดยไม่ให้ อคส. เสียผลประโยชน์ จึงเห็นควรให้ สนก. พิจารณาตรวจร่างสัญญาที่แนบ ก่อนดำเนินการเสนอให้ผู้อานวยการองค์การคลังสินค้าเพื่อโปรดพิจารณา ดังนี้
1) ให้ความเห็นชอบในการนำเสนอคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า เพื่ออนุมัติให้จัดซื้อและจ่ายเงินค่าถุงมือยาง จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 225 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 112,500 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขการชำระเงินล่วงหน้าเป็นเงิน จำนวน 2,000 ล้านบาท และทยอยชำระเงินค่าสินค้าตามที่รับมอบให้แก่จำเลยที่ 2
2) อนุมัติจำหน่ายถุงมือยาง จำนวน 500 ล้านกล่อง ให้แก่บริษัท Krenek Law Offices, PLLC ในราคากล่องละ 230 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 115,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขการชำระเงิน โดยการเปิด L/C ชนิดเพิกถอนไม่เต็มมูลค่าของสัญญา
3) อนุมัติร่างสัญญาซื้อขายถุงมือยาง โดย สขจ. ยกร่างจากสัญญาซื้อขายข้าวสารที่ผ่านการตรวจจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว
ซึ่งจำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) พิจารณาและมีความเห็นในบันทึกที่ อคส. สงกง. 12000/186 ลงวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2563 ดังนี้
1.ตามข้อ 2.2 พิจารณาแล้วเห็นว่า พ.ร.ฎ. จัดตั้ง อคส. มาตรา 26 วรรคแรก บัญญัติให้ ผอก. เป็นตัวแทนขององค์การในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอก
แต่ในกรณีที่มีข้อบังคับจำกัดอำนาจ ผอก. และประกาศในราชกิจจานุเบกษาตามมาตรา 17 วรรคท้ายแล้ว หาก ผอก. ทำขึ้น โดยมิรับความเห็นชอบดังกล่าว ย่อมไม่ผูกพันองค์กรตามมาตรา 26 วรรคสอง ซึ่งในส่วนนี้ ผอก. ตรวจสอบแล้วพบว่า ข้อบังคับที่อ้างถึงตามข้อ 2.2 ยังไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2.ตามข้อ 2.3 ในส่วนของการดำเนินการจัดทำร่างสัญญา ผอก. ทำหน้าที่เป็นผู้ยกร่างสัญญา โดยนำสัญญาซื้อข้าวสารที่ผ่านการตรวจร่างของสานักงานอัยการสูงสุด มาปรับใช้ในฐานะผู้ควบคุมดูแลการปฏิบัติของสานักคดีแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องส่งให้สำนักกฎหมายพิจารณาตรวจร่างอีก
3.ดังนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 26 วรรคแรก แห่ง พ.ร.ฎ.จัดตั้ง อคส. จึงอนุมัติให้จัดซื้อและจ่ายเงินค่าถุงมือยาง จำนวน 500 ล้านกล่อง ราคากล่องละ 225 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 112,500 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขตามที่ ผอ.สขจ. เสนอมาข้อ 1 รวมทั้งอนุมัติตามเสนอข้อ 2-3 ด้วย
4.เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อ อคส. ในอนาคต
หลังจากนั้น จำเลยที่ 6 (นายศรายุทธ สายคำมี) แจ้งจำเลยที่ 5 (นายเกียรติขจร แซ่ไต่) ว่า ประสานงานกับจำเลยที่ 4 (นายสุชาติ เตชจักรเสมา-ประธาน อคส.) เพื่อนัดหมายจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) ให้มาลงนามสัญญาในวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 ซึ่งจำเลยที่ 6 แจ้งจำเลยที่ 8 เพื่อให้นัดทีมฝ่ายขายและจำเลยที่ 3 เดินทางไปลงนามสัญญาในวันดังกล่าว
@‘อคส.’ถอนเงิน 3 บัญชีโอน จ่ายมัดจำ 2 พันล.‘การ์เดียนโกลฟส์’
วันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 จำเลยที่ 5 นำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายลงนามสัญญา โดยฝ่ายขององค์การคลังสินค้า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงนามในฐานะผู้ซื้อ ส่วนจำเลยที่ 2 ลงนามโดยจำเลยที่ 3 ในฐานะกรรมการบริษัทเป็นผู้ขาย โดยจำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 7 ลงนามเป็นพยานในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง ซึ่งในวันนี้มีบุคคลร่วมอยู่ในการลงนามด้วย คือ จำเลยที่ 6 จำเลยที่ 8 จำเลยที่ 9 และจำเลยที่ 10
โดยในวันนี้ จำเลยที่ 3 จัดส่งแบบคำขอรับเงินผ่านธนาคารให้แก่จำเลยที่ 5 โดยระบุว่า ให้องค์การคลังสินค้าโอนเงินค่าถุงมือยางล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบิ๊กซีนครปฐม ชื่อบัญชีบริษัทจำเลยที่ 2 เลขที่บัญชี 074-1-44301-5
ในวันเดียวกัน นายมูรธาธร มีบันทึกที่ อคส.สงกง. 5100/1250 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 เรื่อง การพิจารณาการนำเงินไปลงทุน ครั้งที่ 6/2563 วันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2563 ถึงหัวหน้าส่วนงานตรวจจ่าย เพื่อขอให้พิจารณาดำเนินการตามมติคณะกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน ดังนี้
1.ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-2-03326-8 จำนวน 700,000,000 (เจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) ซึ่งจะครบกำหนดในวันอังคารที่ 15 ก.ย.2563 เพื่อนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-1-0-01342-5
2.ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-2-03326-8 จำนวน 1,000,000,000 (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งจะครบกำหนดในวันพุธที่ 16 ก.ย.2563 เพื่อนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-1-01342-5
3.ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-2-03326-8 จำนวน 300,000,000 (สามร้อยล้านบาทถ้วน) ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 8 ต.ค.2563 เพื่อนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-1-01342-5
นางสนิทพิมพ์ วณิชย์วรนันต์ หัวหน้าส่วนงานตรวจจ่าย สั่งการในบันทึกที่ อคส.สงกง. 5100/1250 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 ให้นางสาวสุดารัตน์ ศุภวิทยาภินันท์ พนักงานการเงินและบัญชี ดำเนินการจัดทำใบเตรียมจ่าย ดังนี้
1.ใบเตรียมจ่ายบัญชี อคส. เลขที่ 6301010734 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 จำนวน 700 ล้านบาท
2.ใบเตรียมจ่ายบัญชี อคส. เลขที่ 6301010735 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 จำนวน 1,000 ล้านบาท
3.ใบเตรียมจ่ายบัญชี อคส. เลขที่ 6301010736 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 จำนวน 300 ล้านบาท
วันอังคารที่ 1 ก.ย.2563 นางสาวมาลี พร้อมฤกษ์ ผู้อำนวยการสานักบริหารเงิน มีบันทึกที่ อคส.สบง 5000/169เรื่อง ขออนุมัติถอนเงินเพื่อนำเงินไปลงทุน โดยนำเสนอตามสายงานผ่านนางวรรณี กีรติขจร รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เพื่อนำเสนอต่อผู้อานวยการองค์การคลังสินค้า เพื่อพิจารณาอนุมัติ ดังนี้
1.ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-2-03326-8 จำนวน 700,000,000 (เจ็ดร้อยล้านบาทถ้วน) ซึ่งจะครบกาหนดในวันอังคารที่ 15 ก.ย.2563 เพื่อนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-1-01342-5
2.ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-2-03326-8 จำนวน 1,000,000,000 (หนึ่งพันล้านบาทถ้วน) ซึ่งจะครบกาหนดในวันพุธที่ 16 ก.ย.2563 เพื่อนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-1-01342-5
3.ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประจำ 3 เดือน ที่ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-2-03326-8 จำนวน 300,000,000 (สามร้อยล้านบาทถ้วน) ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 8 ต.ค.2563 เพื่อนำฝากเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงพาณิชย์ บัญชีเลขที่ 358-1-01342-5
4.ลงนามในเอกสาร ใบเตรียมจ่าย และใบถอนเงิน
โดยในวันนี้ เวลาประมาณ 11.00 น. นายแอนเดล โยรก์ โดเกล สัญชาติสวิส กับนางสาวเพ็ญพักตร์ โดเกล กรรมการบริษัท 24 คลีนเอเนอร์จี้ จำกัด พร้อมชายชื่อเต้ย และหญิงสองคนชื่อเอ็มกับบีม (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ไปพบจำเลยที่ 5 ที่องค์การคลังสินค้า เพื่อส่งเอกสารคำสั่งซื้อถุงมือยางของบริษัท
จำเลยที่ 5 รายงานจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 สั่งการให้จำเลยที่ 5 นำข้อมูลการสั่งซื้อไปดำเนินการจัดทำสัญญา จากนั้นทั้งสองฝ่ายลงนามสัญญา โดยจำเลยที่ 1 กับผู้แทนของบริษัท 24 คลีนเอเนอร์จี้ จากัด
และในเวลาประมาณ 16.00 น. นายวิทวัส วิภากุล กรรมการบริษัท ควีน พาวเวอร์ จำกัด พร้อมนายเจษฎ์ ไม่ทราบนามสกุล ไปพบจำเลยที่ 5 ที่องค์การคลังสินค้า เพื่อส่งเอกสารคำสั่งซื้อถุงมือยางของบริษัท
จำเลยที่ 5 รายงานจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 สั่งการให้ จำเลยที่ 5 นำข้อมูลการสั่งซื้อไปดาเนินการจัดทำสัญญา จากนั้นทั้งสองฝ่ายลงนามสัญญา โดยจำเลยที่ 1 กับผู้แทนของบริษัท ควีน พาวเวอร์ จากัด
@เพิ่มเติม‘รายงานประชุม’อ้างซื้อขาย‘ถุงมือยาง’ช่วย‘อคส.’พ้นวิกฤติ
วันพุธที่ 2 ก.ย.2563 นายกฤษณรักษ์ ใจดี ผู้อำนวยการสำนักยุทธศาสตร์และงบประมาณ แจ้งไปยังนายมูรธาธร ในฐานะกรรมการ และเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาการนาเงินไปลงทุน ให้แก้ไขในร่างรายงานการประชุมครั้งที่ 6/2563 โดยขอเพิ่มในส่วนของคณะกรรมการ ว่า
“เงินในบัญชีของ อคส. จำนวน 3,100 ล้านบาท ที่นำไปลงทุนนั้น มีเงินในส่วนของกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรรรวมอยู่ด้วยประมาณ 1,320 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิของปีงบประมาณ 2557 และ 2558 ถ้าจะนำออกไปทำธุรกรรมอื่นใด นอกเหนือจากธนาคารของรัฐต้องรับอนุญาตจากกระทรวงการคลังก่อน”
นายมูรธาธร จึงนำเสนอความเห็นของนายกฤษณรักษ์ ให้จำเลยที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาการนำเงินไปลงทุน รับทราบความเห็นของนายกฤษณรักษ์ ซึ่งจำเลยที่ 1 ให้ฝ่ายเลขาฯ เพิ่มเติมข้อความในรายงานการประชุมว่า
“ประธานมีความเห็นแย้งว่า ด้วยความเคารพต่อความเห็นของนายกฤษณรักษ์ กรรมการ ที่เสนอมา ประธานมีความเห็นว่า หลักการตีความกฎหมายนั้น สามารถตีความทั้งในการตีความอย่างแคบและตีความอย่างกว้าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว การตีความอย่างแคบ จะใช้ในการตีความกฎหมายอาญา เพราะจะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน
แต่การตีความในกฎหมายอื่นนั้น สามารถตีความอย่างกว้าง แต่จะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของรัฐหรือขององค์การคลังสินค้าเป็นสำคัญ รวมทั้งจะต้องไม่ใช้ดุลพินิจที่บิดเบือนหรือส่อไปทางทุจริต เช่นเดียวกับการใช้ดุลพินิจตัดสินใจในการนำเงินไปลงทุนในครั้งนี้
ขอให้ร่วมกันพิจารณาโดยรอบคอบว่า เป็นไปตามหลักการตีความดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ ซึ่งในการดำเนินการครั้งนี้ ประธานเชื่อว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์การคลังสินค้าอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากจะตีความอย่างแคบ และต้องขออนุญาตจากกระทรวงการคลัง ตามที่นายกฤษณรักษ์ กรรมการ เสนอมา
ก็จะทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ในการนำเงินไปลงทุน ด้วยการนำเงินไปฝากธนาคารเพื่อรับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินฝากดังที่เคยปฏิบัติในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น จะต้องขออนุญาตจากกระทรวงการคลังก่อนด้วยหรือไม่ เพราะการนำเงินไปฝากธนาคารถือว่า เป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเช่นกัน
หากจะบอกว่า การนำเงินไปฝากกับธนาคารนั้น ไม่มีความเสี่ยง ประธานขอแจ้งข้อเท็จจริง ให้คณะกรรมการร่วมกันพิจารณาว่า การจำหน่ายถุงมือยางในครั้งนี้ ถือเป็นการดำเนินการทางธุรกิจที่องค์การคลังสินค้าปฏิบัติไปตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ที่กาหนดไว้ในมาตรา 6-7 แห่ง พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า พ.ศ.2498 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกรณีแตกต่างจากการดาเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา
เพราะในครั้งนี้ องค์การคลังสินค้ารับคำสั่งซื้อจากลูกค้ามาก่อน และคำสั่งซื้อดังกล่าวนี้มีปริมาณสูง (มีคำสั่งซื้อ 3 สัญญา ในวงเงิน 149,000 ล้านบาท) สูงจนสามารถที่จะทำให้องค์การคลังสินค้าพ้นวิกฤติจากการขาดทุนติดต่อกันมาเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการทางธุรกิจที่จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์การคลังสินค้า รวมทั้งรับผลตอบแทนมากกว่าการนาเงินไปลงทุนด้วยการนาเงินไปฝากกับธนาคาร
นอกจากนี้ แล้วในการดำเนินการดังกล่าวมีการวาง L/C จากผู้ซื้อเต็มตามคำสั่งซื้อ L/C นี้ เป็นหลักประกันว่าองค์การคลังสินค้า จะไม่ใด้รับความเสียหายจากผู้ซื้อสินค้าอย่างแน่นอน รวมทั้งในการทำสัญญาที่องค์การคลังสินค้าสั่งซื้อถุงมือยางจากโรงงานมาขายให้แก่ผู้ซื้อนั้น มีการวางเงินค้าประกันในอัตราสูงสุด คือ ร้อยละ 10 ซึ่งสูงกว่าการวางหลักประกันในสัญญาอื่นที่วางหลักประกันไว้เพียงร้อยละ 5 เท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้คณะกรรมการร่วมกันพิจารณา และลงมตินำเงินไปลงทุนในครั้งนี้อย่างอิสระ ด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงและผลประโยชน์สูงสุดขององค์การคลังสินค้าตามหลักการและเหตุผลรวมทั้งกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบคำสั่งที่เกี่ยวข้องดังที่มีการอภิปรายมา”
ในวันเดียวกัน จำเลยที่ 5 (นายเกียรติขจร แซ่ไต่) ส่งบันทึกที่ อคส.สขจ. 12000/186 ลงวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2563 ไปยังส่วนงานตรวจจ่าย สำนักบริหารการเงิน เพื่อดำเนินการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าถุงมือยางให้แก่จำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) จำนวน 2,000 ล้านบาท ตามอนุมัติของจำเลยที่ 1 ลงวันศุกร์ที่ 28 ส.ค.2563
ส่วนงานตรวจจ่ายจัดทำใบเตรียมจ่าย เลขที่ 6301010820 ลงวันพุธที่ 2 ก.ย.2563 โดยมีผู้ตรวจสอบ ดังนี้
1.นางสาวสุดารัตน์ ศุภวิทยาภินันท์ พนักงานการเงินและบัญชี 4 ลงนามในฐานะผู้ตรวจจ่าย
2.นางสาวศุภลักษณ์ แกล้วทะนง พนักงานการเงินและบัญชี 6 ลงนามในฐานะผู้ตรวจสอบ
3.นางสาววิไลวรรณ ตันตริก รักษาการแทนหัวหน้าส่วนงานตรวจจ่าย ลงนามในฐานะผู้จัดการส่วนงานตรวจจ่าย
ส่วนงานการเงินรับใบเตรียมจ่ายดังกล่าวจากส่วนงานตรวจจ่าย จึงดำเนินการออกเช็ค และลงนามในเอกสารตามสายงาน ดังนี้
1.นางฐิติมา รักเหลือ พนักงานบริหารทั่วไป 6 ลงนามในฐานะผู้ออกเช็ค/ใบถอน
2.นายมูรธาธร ลงนามในฐานะผู้จัดการส่วนงานการเงินรวมทั้งลงนามในเช็ค
จากนั้นนำเสนอนางสาวมาลี ผู้อำนวยการสำนักบริหารเงิน และนางวรรณี กีรติขจร รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ในฐานะผู้บังคับบัญชาตามสายงาน เพื่อเสนอต่อจำเลยที่ 1 อนุมัติและลงนามในเช็ค
ส่วนงานการเงินนำเช็คฉบับดังกล่าว ฝากเข้าบัญชีจำเลยที่ 2 ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กชี นครปฐม เลขที่บัญชี 074-1-44301-5 โดยจำเลยที่ 2 ออกใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี เลขที่ GRE6300003 ลงวันพุธที่ 2 ก.ย.2563 เป็นเงินมัดจาค่าสินค้า 2,000 ล้านบาท ให้แก่องค์การคลังสินค้า
วันอังคารที่ 8 ก.ย.2563 ในการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาสินทรัพย์ ครั้งที่ 3/2563 ซึ่งมีจำเลยที่ 4 (นายสุชาติ เตชจักรเสมา) เป็นประธานอนุกรรมการ จำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) เป็นอนุกรรมการ ในการพิจารณาในระเบียบวาระที่ 5 เรื่องอื่นๆ จำเลยที่ 4 สั่งการให้ฝ่ายเลขานุการฯ จัดเตรียมคลังสินค้าหลังที่ 1 คลังสินค้าราษฎร์บูรณะ 2,400 ตรม. ไว้รองรับโครงการถุงมือยาง โดยให้ประสานงานกับจำเลยที่ 5 ในเรื่องนี้
วันพุธที่ 9 ก.ย.2563 สำนักการขายและจัดจำหน่ายทำบันทึกที่ อคส.สงจร. 12200/216 ลงวันพุธที่ 9 ก.ย.2563 เรื่อง ขอให้ออกใบเสร็จรับเงิน แจ้งส่วนงานการเงินว่า ตามสัญญาซื้อขายถุงมือยางเลขที่ อคส.ถม. 357/2563 ลงวันจันทร์ที่ 31 ส.ค.2563 ข้อ 7 ระบุว่า
ผู้ขายจำต้องนำหลักประกันสัญญาเงิน 200,000,000 บาท มามอบให้แก่ผู้ซื้อภายใน 7 วัน ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ก.ย.2563 สำนักการขายและจัดจำหน่ายรับแจ้งจากจำเลยที่ 2 ว่า โอนเงินเข้าบัญชี อคส.เลขบัญชี 385-1-01342-5 จำนวนเงิน 200,000,000 บาท
ส่วนงานการเงิน จึงออกใบเสร็จรับเงินเลขที่ 6301003361 ลงวันอังคารที่ 8 ก.ย.2563 ระบุรายการเจ้าหนี้เงินมัดจำและเงินประกัน 200,000,000 บาท หลังจากที่ออกใบเสร็จรับเงินให้แก่จำเลยที่ 2 แล้ว ส่วนงานการเงินมอบใบเสร็จรับเงินให้สำนักการขายและจัดจำหน่ายเพื่อดำเนินการต่อไป
โดยในวันนี้เวลาประมาณ 09.30 น. นายวุฒิกร เสมาพิทักษ์ ผู้แทนของบริษัท เคเค.ออยล์ แอนด์แก๊ส จำกัด พร้อมคุณแอร์ ไปพบจำเลยที่ 5 ที่องค์การคลังสินค้า เพื่อส่งเอกสารคำสั่งซื้อถุงมือยางของบริษัท จำเลยที่ 5 รายงาน ซึ่งจำเลยที่ 1 สั่งการให้จำเลยที่ 5 นำข้อมูลการสั่งซื้อไปดำเนินการจัดทำสัญญา จากนั้น ทั้งสองฝ่ายลงนามสัญญา โดยจำเลยที่ 1 กับผู้แทนของบริษัท เคเค.ออยล์แอนด์แก๊ส จากัด
และในเวลาประมาณ 11.00 น. นางสาวกัญณัฏฐ์ พฤกฒิธานินทร์ กรรมการของบริษัท เอ แอเมทิสต์ จำกัด ไปพบจำเลยที่ 5 ที่องค์การคลังสินค้า เพื่อส่งเอกสารคำสั่งซื้อถุงมือยางของบริษัท จำเลยที่ 5 รายงานจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 สั่งการให้จำเลยที่ 5 นำข้อมูลการสั่งซื้อไปดำเนินการจัดทำสัญญา จากนั้นทั้งสองฝ่ายลงนามสัญญาโดยจำเลยที่ 1 กับผู้แทนของบริษัทบริษัท เอ แอเมทิสต์ จำกัด
@ส่งมอบ‘ถุงมือยาง’2.8 หมื่นกล่อง ก่อน‘อคส.’ระงับดำเนินการ
วันศุกร์ที่ 11 ก.ย.2563 ช่วงเย็น จำเลยที่ 4 เรียกจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 5 ขึ้นไปยังห้องประชุมชั้น 9 เมื่อไปถึงพบจำเลยที่ 6 อยู่ด้วย โดยจำเลยที่ 4 แจ้งว่า มีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนว่า มีการจ่ายเงินไปล่วงหน้า 2,000 ล้านบาท แต่ยังไม่มีสินค้ามาส่งให้แก่องค์การคลังสินค้า จะเป็นการโดนหลอกหรือไม่
จำเลยที่ 4 จึงสั่งให้จำเลยที่ 6 ประสานจำเลยที่ 2 ให้นำถุงมือยางไปส่งที่คลังราษฎร์บูรณะ ตั้งอยู่ที่เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร และให้จำเลยที่ 1 ประสานกับผู้อำนวยการสานักบริหารสินทรัพย์ เพื่อจัดเตรียมสถานที่รองรับ โดยจำเลยที่ 6 โทรประสานกับจำเลยที่ 2 และรับแจ้งว่า จะต้องตรวจดูคลังสินค้าก่อนว่า มีความสะอาดเพียงพอหรือไม่
จำเลยที่ 4 จึงสั่งการให้จำเลยที่ 5 เดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ของบริษัทจำเลยที่ 2 ที่คลังราษฎร์บูรณะในวันเสาร์ที่ 12 ก.ย.2563 เพื่อให้ตรวจดูว่า มีความสะอาดเพียงพอหรือไม่
เมื่อไปตรวจดูแล้วเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 (ไม่ทราบว่าใคร) แจ้งว่า จะต้องทำความสะอาดก่อนนำถุงมือยางเข้าไปเก็บไว้ จำเลยที่ 5 จึงรายงานจำเลยที่ 1 ทางโทรศัพท์ จากนั้นจำเลยที่ 1 สั่งการให้สำนักบริหารสินทรัพย์ทำความสะอาดคลังสินค้า
วันจันทร์ที่ 14 ก.ย.2563 จำเลยที่ 9 แจ้งจำเลยที่ 5 ว่า ในวันอังคารที่ 15 ก.ย.2563 จะนำถุงมือยางไปส่ง ปิดรับกี่โมง ขอทราบสถานที่ที่จะให้ไปส่ง จำเลยที่ 5 จึงส่งตำแหน่งที่ตั้งของคลังราษฎร์บูรณะให้แก่จำเลยที่ 9 และจำเลยที่ 5 รายงานจำเลยที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 แจ้งว่า จะไปสังเกตการณ์ด้วยตนเอง พร้อมสั่งให้จำเลยที่ 5 ไปด้วย
วันอังคารที่ 15 ก.ย.2563 เวลาประมาณบ่ายโมง จำเลยที่ 5 เดินทางไปถึงคลังสินค้าราษฎร์บูรณะ เพื่อพบจำเลยที่ 1 จากนั้นเวลาประมาณ 15.00 มีรถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน บรรทุกถุงมือยางมาส่ง เจ้าหน้าที่คลังสินค้านำถุงมือยางลงจากรถบรรทุกพร้อมทั้งจัดวางไว้ที่คลังหลังที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 5 รับแจ้งจากคนส่งสินค้าว่ามี 17,700 กล่อง
แต่เจ้าหน้าที่คลังสินค้าตรวจนับ 17,000 กล่อง จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 (ไม่ทราบว่าเป็นบุคคลใด) นำเอกสารไปแก้ไขให้ถูกต้อง รวมทั้งจำเลยที่ 5 เห็นว่า ถุงมือยางที่นำไปส่งเป็นถุงมือยางลาเท็กซ์ ซึ่งไม่ใช่ถุงมือยางไนไตรตามสัญญา จำเลยที่ 5 จึงแจ้งว่า ถุงมือยางไม่ตรงตามสัญญา
แต่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 (บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด) แจ้งว่า ถุงมือยางดังกล่าววางขวางที่หน้าโกดังของจำเลยที่ 2 จึงขนมาให้ก่อน และจำเลยที่ 1 ก็แจ้งจำเลยที่ 5 ว่า ให้วางสินค้าไว้ก่อนเผื่อมีบุคคลอื่นต้องการ แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่ขององค์การคลังสินค้าลงลายมือชื่อรับสินค้า
นอกจากนี้ ในวันพุธที่ 16 ก.ย.2563 นายชวนากร ลอยเจริญ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารสินทรัพย์แจ้งจำเลยที่ 5 ว่า จำเลยที่ 2 นำถุงมือยางไปส่งอีก ซึ่งจำเลยที่ 5 รายงานจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 สั่งการให้นำสินค้าวางไว้ในคลังสินค้าหลังที่ 1 เพิ่มเติม
จำเลยที่ 5 ทราบในภายหลังจากนางสาวเสาวลักษณ์ มายา หัวหน้าส่วนงานคลังสินค้าส่วนกลาง ซึ่งปฏิบัติงานประจำอยู่ที่คลังราษฎร์บูรณะ ว่า จำเลยที่ 2 ส่งถุงมือยางเพิ่มเติมประมาณ 11,000 กล่อง เป็นทั้งถุงมือยางลาเท็กซ์และไนไตร
วันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ย.2563 คณะกรรมการองค์การคลังสินค้าประชุมครั้งที่ 6/2563 โดยมีมติให้ระงับการดำเนินงานทั้งปวงที่เกี่ยวกับการซื้อขายถุงมือยาง และมอบหมายให้ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยด่วน
@‘อคส.’ตั้งคกก.สอบสวนปม‘ถุงมือยาง’ก่อนไล่ออก‘พ.ต.อ.รุ่งโรจน์’
องค์การคลังสินค้ามีคาสั่งที่ 211/2563 ลงวันอังคารที่ 15 ก.ย.2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง คำสั่งองค์การคลังสินค้าที่ 17/2564 ลงวันที่ 19 ม.ค.2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง และคำสั่งองค์การคลังสินค้า ลับ ที่ 72/2564 ลงวันที่ 22 มี.ค.2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง
ผลการสอบสวนสรุปว่า จำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) จำเลยที่ 5 (นายเกียรติขจร แซ่ไต่) และนายมูรธาธร ร่วมกันกระทาโดยมิชอบ โดยแบ่งหน้าที่ และเจตนาหรือจงใจไม่รักษาและไม่ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามข้อ 28 วรรคแรก (4) และวรรคสอง (8) ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อาศัยตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม แสวงหาประโยชน์มิควรแก่ตนเองหรือแก่ผู้อื่นตามข้อ 28 วรรคสอง (2)
และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่การงานโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นรับประโยชน์ที่มิควร (ฐานทุจริต) ตามข้อ 28 วรรคสอง (4) แห่งข้อบังคับว่าด้วยระเบียบพนักงานองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2516 และการกระทำดังกล่าว ยังเข้าข่ายไม่รักษาชื่อเสียงขององค์การคลังสินค้า
และเป็นผู้ประพฤติชั่วตามข้อ 28 วรรคแรก (3) อีกฐานหนึ่งด้วย อันเป็นการกระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการนั้น
คณะรัฐมนตรี มีมติตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0205/ว 234 ลงวันที่ 24 ธ.ค.2536 ว่า
การลงโทษผู้กระทำความผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งควรลงโทษเป็นไล่ออกจากราชการ การนำเงินที่ทุจริตไปแล้วมาคืนหรือมีเหตุอันควรปรานีอื่นใด ไม่เป็นเหตุลดหย่อนโทษลงเป็นปลดออกจากราชการ
จึงมีมติให้ลงโทษไล่ออกจำเลยที่ 1 (พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์) จำเลยที่ 5 (นายเกียรติขจร แซ่ไต่) และนายมูรธาธรจากการเป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า
นอกจากนี้ องค์การคลังสินค้ามีคำสั่งที่ 106/2564 ลงวันที่ 11 พ.ค.2564 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด โดยผลการสอบสวนสรุปว่า มีพนักงานองค์การคลังสินค้าต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทั้งสิ้น 7 ราย คือ จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 จำเลยที่ 5 นายมูรธาธร
นางวรรณี กีรติขจร เมื่อครั้งดารงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการบัญชี รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า นางสาวมาลี พร้อมฤกษ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักบริหารการเงิน องค์การคลังสินค้า และนายสุทธินันต์ จิยะอมรเดช เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักพัฒนาผลิตภัณฑ์ องค์การคลังสินค้า
องค์การคลังสินค้า ส่งรายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ให้กระทรวงการคลังดาเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย 6 ราย เนื่องจากผู้มีอำนาจที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดของจำเลยที่ 4 คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
องค์การคลังสินค้า เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดกรณีการทุจริตจัดซื้อและจำหน่ายถุงมือยาง (ไนไตร) โดยมีเหตุอันควรเชื่อว่าประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า มีพฤติการณ์ในการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันถือว่าเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเป็นเหตุให้องค์การคลังสินค้ารับความเสียหายตามคาสั่งองค์การคลังสินค้าที่ 86.01/2565 ลงวันที่ 31 พ.ค.2565
เหล่านี้เป็นความเห็นแย้งของ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ไล่เลียง ‘ไทม์ไลน์-พฤติการณ์’ คดีจัดซื้อ ‘ถุงมือยางแสนล้าน’ โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า หลังจาก ‘อคส.’ จ่ายเงินมัดจำให้ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เป็นเงิน 2 พันล้านบาทแล้ว อคส. กลับได้รับถุงมือยาง จาก บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด เพียง 28,000 กล่องเท่านั้น!
อ่านประกอบ :
- ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(2) พฤติการณ์‘รีบด่วนผิดปกติ’-อ้างนโยบาย‘รัฐมนตรี’เร่งทำสัญญา
- ความเห็นแย้งคดี‘ถุงมือยาง’(1) ‘อคส.’ส่ง‘รักษาการผอ.’ดีล‘การ์เดียนโกลฟส์’วางมัดจำ 2 พันล.
- ฉบับเต็ม! ยกฟ้องคดี‘ถุงมือยาง’ ไม่ปรากฏใช้‘ดุลพินิจ’ทำเสียหาย-มัดจำ 2 พันล.ไม่เสียเปรียบ
- ฉบับเต็ม! อธิบดีผู้พิพากษาเห็นแย้งยกฟ้อง! 'รุ่งโรจน์-พวก 21 คน' คดีซื้อถุงมือยาง 2 พันล.
- ยกฟ้อง! 'รุ่งโรจน์-พวก 21 คน' คดีซื้อถุงมือยางอคส. 2 พันล.-อธิบดีผู้พิพากษา เห็นแย้ง
- เพิ่งจัดตั้ง 2 ด.เศษ! เปิดตัว บ.คู่สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล.-พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยันทำถูกต้อง
- โชว์ครบ 4 หน้า! สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล้าน-ข้อสังเกตหลักประกัน 200 ล.-ลูกค้าปริศนา?
- แกะรอยเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียนโกลฟส์ งวดแรก อยู่ที่ไหน?
- โพรไฟล์ชีวิต ‘พ.ต.อ.รุ่งโรจน์’ ผู้ลงนามสัญญาซื้อขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- แฉเหตุ 'รุ่งโรจน์' กล้าทำสัญญาขายถุงมือยางแสนล.! มีบอร์ดอคส.-นักการเมือง ปชป.ดีลลูกค้าให้
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' เบื้องลึก บ.ขายถุงมือยาง อคส.แสนล.-1 ในผู้บริหารเคยโดนแจ้งความคดีฉ้อโกง?
- พบเป็นโกดังเก็บสินค้าย่านนครปฐม! เผยโฉม บ.การ์เดียนโกลฟส์ฯ คู่สัญญาถุงมือยาง อคส.แสนล.
- เปิดตัว คุณเอ็ม 'ธณรัสย์ หัดศรี' เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- ภาพชุด 2! เปิดตัว 'คุณเอ็ม' เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส.แสนล.
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ': เปิด 7 เอกชน จองซื้อถุงมือยาง อคส.แสนล.-บ.K สั่งล็อตใหญ่ 500 ล้านกล่อง
- MR.Abdullah Pathan ตัวแทนลอว์เฟิร์มในสหรัฐฯ สั่งซื้อถุงมือยางแสนล.มีตัวตนจริงหรือไม่?
- บ้าน 2 ชั้นย่านอุดมสุข! เปิดตัวบ.เคเค.ออยล์ ลูกค้ารายที่ 2 สั่งซื้อถุงมือยาง 1.1 หมื่นล.
- คนชื่อแอร์แนะนำ! ผู้บริหารบ.เคเคออยล์ฯ แจงทำสัญญาซื้อถุงมือยาง 1.1หมื่นล.-มีลูกค้าจริง
- รุ่นพี่ชื่อ'จ๋า'แนะนำ! เปิดตัวบ.ถนอมผลไม้ ลูกค้าอคส.รายที่ 3 ซื้อถุงมือยาง 1.1 หมื่นล.
- รายที่4! เปิดตัว Galore ลูกค้า อคส. ซื้อถุงมือยาง2.2หมื่นล.-อยู่ฟลอริดา โชว์รายได้ 2 ล.
- เจอแล้ว! บ.รายที่ 5 ซื้อถุงมือยาง2.1 หมื่นล.-แจ้งงบฯขาดทุน1.2 หมื่น-ยันมีลูกค้าตปท.จริง
- ตามไปดู บ.รายที่ 6 ซื้อถุงมือยาง อคส.2.5 พันล. พบเป็นที่ตั้งลอว์เฟิร์มย่านรัชดา
- ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง! ตัวแทน บ.ควีนฯ แจงเหตุสั่งซื้อถุงมือยาง 2.5 พันล.-คนใน.อคส.ชักชวน
- เปิดตัว บ.รายที่ 7 ซื้อถุงมือยาง 2.5 พันล.-โอดเดือดร้อน ส่งของ รบ.ท้องถิ่นแคนาดาไม่ทัน
- ล็อกเป้า 3 บ.จุดเริ่มต้นคดีถุงมือยางแสนล.! อคส.รอ DSI สอบปากคำจบตามเงินคืน 1.8 พันล.
- โชว์ใบฝากเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียนฯ-เข้าบช.กสิกรไทย บิ๊กซีนครปฐม
- เปิดเส้นทางเงิน 2 พันล.! อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง บ.การ์เดียน- ณ 15 ก.ย. เหลือยอดแค่ 858 ล.
- เผยโฉมบัญชี บ.การ์เดียนฯ รับเงิน อคส.จ่ายค่าถุงมือยาง 2 พันล.-ก่อน ป.ป.ช.สั่งอายัด
- แฉบ.การ์เดียนฯ ชิงถอนเงินเกือบหมด! หลังสื่อตีข่าว ป.ป.ช. สั่งอายัดบัญชีถุงมือยาง 2 พันล.
- ไม่เคยให้เงินใต้โต๊ะกับใคร! เปิดคำชี้แจง เจ้าของบ.การ์เดียนโกลฟส์ ปมขายถุงมือยางแสนล้าน
- ต้องเอาเงินคืน!'จุรินทร์'ตอบปม อคส.ซื้อถุงมือยางแสนล้าน-ป.ป.ช.ระงับบัญชีแล้วบางส่วน
- เบื้องลึก 'จุรินทร์' สั่งตามเงินคืน 2 พันล.! อคส.คุ้ยหลักฐานตปท.พิสูจน์MOUซื้อถุงมือยางแสนล.
- ขมวดปม (1) ข้อสังเกตสร้างนิติกรรมสัญญา? เปิดโอกาสจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน
- โชว์ครบ 3 หน้า แปลไทยแล้ว! สัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล. 'อคส.-ลอว์เฟิร์มสหรัฐฯ'
- ผู้บริหารโดนคดีฉ้อโกงค่าอาหารที่พัก! ขมวดปม (2) ข้อมูลลับ 'การ์เดียนโกลฟส์'ในมือ อคส.
- ขมวดปม (3) ข้อสังเกตสัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล. 'อคส.-การ์เดียนโกลฟส์' เอื้อปย.เอกชน
- เปิดที่มาเงิน 2 พันล. อคส. จ่ายค่าถุงมือยาง 'ถอนจากบัญชีฝากประจำ' ไม่ขออนุญาตก.คลัง?
- เปิดคำให้การ! เบื้องหลังมติถอนเงินบัญชีฝากประจำจ่ายถุงมือยาง 2 พันล.-ไม่ผ่านบอร์ด อคส.?
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' : 9 เงื่อนปม ป.ป.ช.ลุยสอบ อคส. ทำสัญญาจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน
- สภาระอุ! หลักฐาน-คำชี้แจง'ประเสริฐ-จุรินทร์' ปมจัดซื้อถุงมือยาง
- รอ ป.ป.ช.ชี้ขาดดีกว่า! 'รุ่งโรจน์' เมิน อคส.ชงผลสอบถุงมือยางแสนล.ให้ 'จุรินทร์'
- ยังเปิดกิจการอยู่! โชว์ภาพล่าสุด บ.การ์เดียนโกลฟส์ คู่สัญญาขายถุงมือยาง อคส. แสนล.
- ให้ปากคำ ป.ป.ช.แล้ว! ความเคลื่อนไหวล่าสุด บ.การ์เดียนฯ ขายถุงมือยางแสนล.
- แฟ้มลับคดีถุงมือยางแสนล.(1) เปิดคำให้การ บ.การ์เดียนฯ จนท. 'ก.' มาดีลงานถึงที่
- โวย อคส.ชวนมาซื้อแต่โดนคดีทุจริต! อนุฯ ป.ป.ช.แจ้งข้อหา จนท.รัฐ-เอกชนปมถุงมือยางแสนล.
- ลับสุดยอด! ภาพชุด จนท.อคส. เปิดคลังรับสินค้า บ.การ์เดียนฯ จุดเริ่มต้นคดีถุงมือยางแสนล.
- รีวิวครั้งแรก! เผยโฉมถุงมือยางแสนล้าน อคส.ทำสัญญาซื้อ บ.การ์เดียนฯ - ใครผลิต?
- เบื้องหลัง! ภาพชุดเปิดคลังรับสินค้าถุงมือยางแสนล.- บิ๊ก อคส. สั่งจัดฉากโชว์ของตัวอย่าง?
- คู่สัญญาถุงมือยางแสนล. 'อคส.' เปลี่ยนชื่อใหม่ - ออกสื่อPR.ข่าวแผนธุรกิจงานหมื่นตำแหน่ง
- อคส. หัก บ.การ์เดียนฯ สั่งคืนถุงมือยางแสนล.! ‘อิศรา’ บุกคลังสินค้าขอดูของ จนท.ไม่ให้
- ขอริบเงิน 2,000 ล.! บ.การ์เดียนฯ โต้กลับ อคส. ชิงบอกเลิกสัญญาถุงมือยางแสนล้าน
- หลักฐานใหม่ 'ศรีตรัง-ซันไทย' ไม่รู้เรื่องถูกใช้เอกสารแนบทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางแสนล.
- เจาะผลสอบถุงมือยางแสนล.(1) เริ่มต้นห้อง บิ๊ก อคส.-นาย อ.จัดให้คำสั่งซื้อลอว์เฟิร์มสหรัฐ
- เจาะผลสอบถุงมือยางแสนล.(2) บทบาทผู้บริหาร อคส.ปริศนา สั่งหาช่องทำสัญญา-จ่ายเงินสองพันล.
- ถ้าบอกทุจริตจะสู้หัวชนฝา! ป.ป.ช. เรียก รุ่งโรจน์ แจ้งข้อกล่าวหาถุงมือยางแสนล. 28 พ.ค.
- เผยหนังสือลับคดีถุงมือยางแสนล.! อนุฯ ไต่สวน ป.ป.ช. แจ้งขอหลักฐานแต่งตั้ง ปธ.บอร์ด อคส.
- กลับไปใช้ชื่อเก่า! บ.การ์เดียนฯ ถุงมือแสนล. อคส.แจ้งเปลี่ยนรอบ2-ยังไม่โชว์งบการเงิน
- พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยื่นหนังสือลาออกแต่โดนเบรก - ขอแสดงความรับผิดชอบถุงมือยางแสนล.!
- กางระเบียบ อคส.! ทางเดียว 'รุ่งโรจน์' ลาออกได้ ต้องเป็น 'ผู้บริสุทธิ์' คดีถุงมือยางแสนล.
- ขีดเส้น 'รุ่งโรจน์' ให้ปากคำสอบวินัยร้ายแรงถุงมือยาง-ถ้าโดนไล่ออกเจอฟ้องคืนเงินด.หลักล้าน!
- ระทึก! บอร์ด อคส. ทั้งคณะ จ่อโดนสอบความรับผิดทางละเมิดคดีถุงมือยางแสนล้าน
- สรุปผลสอบคดีละเมิดถุงมือยาง โดนชี้ 7 ราย 'สุชาติ-รุ่งโรจน์-เกียรติขจร-มูรธาธร-จนท.อีก 3'
- พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ : The Last Dance ท่าที-แนวทางต่อสู้ คดีถุงมือยางแสนล.
- 'จุรินทร์'เผยผลสอบ กก.ลงโทษทางวินัยร้ายแรงไล่ออกราชการ 3 คนเอี่ยวคดีถุงมือยาง
- เป็นทางการ! บอร์ด อคส. ลงมติไล่ออก 'รุ่งโรจน์-เกียรติขจร -มูรธาธร' คดีถุงมือยางแสนล.
- 'เอ็กซ์คลูซีฟ' เปิดสำนวน คกก.วินัยร้ายแรง มติเอกฉันท์ไล่ออก 'รุ่งโรจน์-พวก' คดีถุงมือยาง
- โชว์คำสั่งไล่ออก จนท.อคส.คดีถุงมือยางแสนล.-กรณี 'รุ่งโรจน์' แจ้งปลัดสำนักนายกฯ แล้ว
- ไต่สวนคดีถุงมือยาง อคส. แสน ล.เสร็จแล้ว! เตรียมส่ง กก.ป.ป.ช.ชี้ขาด
- มีชื่อบิ๊กในบอร์ด อคส.ด้วย! ป.ป.ช.ขีดเส้นสรุปสำนวนไต่สวนคดีถุงมือยางแสนล.ก่อนสิ้นปีนี้
- รัฐมนตรีไม่โดน! ป.ป.ช.ชี้มูลคดีจัดซื้อถุงมือยางแสนล้าน อคส.-มีผู้ถูกกล่าวหา 21 คน
- โดนจริง 22 คน! เจาะมติป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยางอคส.-'มูรธาธร' มือจ่ายเช็ค2พันล.รอดอาญา
- ได้มาแล้ว! เปิดครบ 22 ชื่อผู้ถูกกล่าวหา คดีถุงมือยาง 'รุ่งโรจน์-สุชาติ-ธณรัสย์' โดนหมด
- ยังไม่เลิกกิจการ! ข้อมูลล่าสุด บ.ถนอมผลไม้ถูกชี้มูลคดีถุงมือยาง เจ้าของออเดอร์1.1หมื่นล.
- พร้อมสู้! 'รุ่งโรจน์-ธณรัสย์' แจงถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยาง ว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม
- ข้อมูลใหม่! มติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีถุงมือยาง อคส. ขอให้ริบทรัพย์เงิน 550 ล.-ที่ดิน 33 ไร่
