กางระเบียบ อคส.! ทางเดียว 'รุ่งโรจน์' ลาออกได้ ต้องเป็น 'ผู้บริสุทธิ์' คดีถุงมือยางแสนล.

picgsaikjkdsdsd9633sdsdssd24 7 64

"...กรณีที่ผู้ขอลาออกมีกรณีถูกกล่าวหาว่าทำผิดคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดที่เป็นลหุโทษหรือความผิดที่มีกำหนดโทษขั้นลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือมีกรณีต้องหาว่าทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ห้ามมีให้ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าสั่งอนุญาตการลาออก แต่เมื่อเรื่องถึงที่สุดแล้ว ผู้ขอลาออกไม่ถูกลงโทษไล่ออก หรือถูกสั่งให้ออก จะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเพราะเหตุนั้นอีกต่อไปไม่ได้..."

.........................

"ข้าพเจ้าได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อถุงมือยางนั้นเป็นไปตามนโยบายของประธานกรรมการ อคส. และได้รายงานคณะกรรมการองค์การคลังสินค้าพิจารณาในวาระอื่น ๆ ในคราวการประชุมครั้งที่ 5/2563 โดยที่ประชุมสรุปว่า ถ้าอยู่ในอำนาจผู้อำนวยการก็ไม่ต้องนำมาเสนอคณะกรรมการ แต่ในภายหลังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกลับปัดความรับผิดชอบ จึงขอแสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกจากการเป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า"

คือ สาระสำคัญที่ปรากฏอยู่ในหนังสือขอลาออกจากการเป็นพนักงาน อคส. ของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง องค์การคลังสินค้า (อคส.) ตัวแทน อคส.ที่เป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายถุงมือยาง กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด มูลค่ากว่า 112,500 ล้านบาท ที่กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบทั้งในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ที่มีตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงผู้เกี่ยวข้องแล้ว ยังได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบทางละเมิดเพื่อให้มีการดำเนินการชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ อคส.

อย่างไรก็ดี การลาออกดังกล่าวของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ไม่ได้รับการอนุมัติ

เนื่องจากสำนักทรัพยากรมนุษย์ อคส. ได้มีข้อพิจารณาเสนอผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น โดยมีข้อเสนอแนะว่า "กรณีที่ผู้ขอลาออกมีกรณีถูกกล่าวหาว่าทำผิดคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดที่เป็นลหุโทษหรือความผิดที่มีกำหนดโทษชั้นลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือมีกรณีต้องหาว่าทำผิดวินัยร้ายแรง ห้ามมิให้ผู้อำนวยการ อคส. สั่งอนุญาตการลาออก"

(อ่านประกอบ : พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ยื่นหนังสือลาออกแต่โดนเบรก - ขอแสดงความรับผิดชอบถุงมือยางแสนล.!)

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า กรณีข้อห้ามพนักงาน อคส. ที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดที่เป็นลหุโทษหรือความผิดที่มีกำหนดโทษชั้นลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือมีกรณีต้องหาว่าทำผิดวินัยร้ายแรงไม่ให้ลาออก

ปรากฏอยู่ใน ข้อบังคับว่าด้วยระเบียบพนักงานองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2516

ข้อ 20 ระบุชัดเจนว่า "พนักงานผู้ใดประสงค์จะออกจากงานก็ย่อมทำได้ โดยยื่นหนังสือขอลาออกต่อผู้บังคับบัญชาเหนือตนขึ้นไปชั้นหนึ่ง แล้วให้ผู้บังคับบัญชานั้นเสนอหนังสือลาออกไปตามลำดับจนถึงผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าเพื่อสั่ง

เมื่อผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าอนุญาตการลาออกแล้ว จึงให้ถือว่าออกจากงานตามคำสั่ง

ถ้าผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าเห็นว่าจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่งานองค์การคลังสินค้าให้ยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกไว้เป็นเวลาไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันยื่นหนังสือขอลาออกก็ได้

ในกรณีที่ผู้ขอลาออกมีเรื่องถูกกล่าวหาว่ากระทำผิวินัยและอยู่ในระหว่างการสอบสวนหรือการพิจารณาทางวินัย ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าจะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกไว้ เพื่อรอฟังผลของเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าทำผิดวินัยก็ได้

แต่กรณีที่ผู้ขอลาออกมีกรณีถูกกล่าวหาว่าทำผิดคดีอาญาซึ่งมิใช่ความผิดที่เป็นลหุโทษหรือความผิดที่มีกำหนดโทษขั้นลหุโทษ หรือความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือมีกรณีต้องหาว่าทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ห้ามมีให้ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้าสั่งอนุญาตการลาออก

แต่เมื่อเรื่องถึงที่สุดแล้ว ผู้ขอลาออกไม่ถูกลงโทษไล่ออก หรือถูกสั่งให้ออก จะยับยั้งการอนุญาตให้ลาออกเพราะเหตุนั้นอีกต่อไปไม่ได้ (ดูเอกสารประกอบท้ายเรื่อง)

จากข้อกำหนดในระเบียบดังกล่าว จะเห็นได้ว่า ทางเดียวที่ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ จะลาออกจากการเป็นพนักงาน อคส. ได้ก็คือ เมื่อคดีซื้อขายถุงมือยาง กับ บริษัท การ์เดียนโกลฟส์ จำกัด มูลค่ากว่า 112,500 ล้านบาท ถึงที่สุด

แล้ว พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ เป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ถูกลงโทษไล่ออกหรือถูกสั่งให้ออกเท่านั้น

picpppyhtgrfffaaaa27 7 67