“...นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ใช้สถานะการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและในฐานะกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ใช้อำนาจในตำแหน่งดังกล่าวในการจัดทำหรือให้ความเห็นชอบ โครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐ โดยมีเจตนาพิเศษส่งผลทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นและบริษัทที่บริจาคเงินให้กับพรรคภูมิใจไทยได้รับงานเข้าเป็นคู่สัญญากับกระทรวงคมนาคม ซึ่งอยู่ในหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จึงถือเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์และฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 144...”
จากกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านนำ โดย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ร่วมกันยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 หรือไม่ โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 144 วรรคสาม และ หรือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7 (7) เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2566 นั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยเอกสารคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตรวจสอบการกระทำของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 หรือไม่ เป็นทางการ จากแหล่งข่าวในพรรคร่วมฝ่ายค้าน
สามารถสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
@เปิดข้อเท็จจริงพฤติการณ์ ‘ศักดิ์สยาม’
คำร้องตอนหนึ่งระบุว่า หลังจากการพิจารณาร่างร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 จำนวน 40 มาตรา ระหว่างวันที่ 1-3 ก.ค. 2563 สภาผู้แทนราษฎร มีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ขึ้นมาคณะหนึ่งจำนวน 72 คน เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ
ต่อมาที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้มีมติเลือกตำแหน่งต่าง ๆ โดยเลือก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ส.ส. พรรคภูมิใจไทย เป็นรองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง ซึ่งพบการกระทำฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 144 วรรคสอง มีส่วนโดยทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ที่มีมูลน่าเชื่อว่านายศักดิ์สยาม ยังคงไว้ซึ่งหุ้นมากกว่าร้อยละ 99 ก่อนแจกแจงพฤติการณ์เพิ่มเติม ดังนี้
1.ก่อนเข้ารับตำแหน่งส.ส. เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2562 และก่อนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2562 นายศักดิ์สยามประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง จดทะเบียนเป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และมีอาชีพประกอบกิจการทำโรงโม่หิน ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็น บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด โดยเป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน ต่อมาได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2562
ส่วนห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น นายศักดิ์สยาม ทำการโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นให้กับ นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2561 จำนวน 119,500,000 บาท แต่พบข้อมูลที่สำคัญและมีหลักฐานที่ประจักษ์ชัดว่าการโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาลวง
จึงน่าเชื่อว่านายศักดิ์สยาม ยังคงไว้ซึ่งหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยไม่เปลี่ยนแปลง แต่อยู่ในความครอบครองหรือดูแลของบุคคลอื่นไม่ว่าโดยทางใด ๆ และข้อเท็จจริงชี้ให้เห็นว่านายศักดิ์สยามมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ทั้งทางตรงและทางอ้อมและส่งผลให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ได้รับประโยชน์
@ลาออกครั้งแรกรายได้ลด กลับมาใหม่ปี 58 รายได้เพิ่ม
สำหรับห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น พบว่ามีการจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2539 โดยมีวัตถุประสงค์รับเหมาก่อสร้างทำถนน สะพาน เขื่อน อุโมงค์และงานก่อสร้างอย่างอื่นทุกชนิด รวมทั้งรับทำงานโยธาทุกประเภท ต่อมาเมื่อปี 2540 นายศักดิ์สยาม ลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการและออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น โดยให้บริวารเครือญาติ เช่น นายเอกราช ชิดชอบ เป็นตัวแทนในการถือหุ้นและบริหารงานในกิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นเรื่อยมา เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการและงบการเงินในช่วงปี 2540-2557 ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นอยู่ในสภาวะรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งเมื่อปี 2558 นายศักดิ์สยาม กลับเข้ามาบริหารกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นอีกครั้ง โดยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการไม่จำกัดความรับผิดของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น นายศักดิ์สยาม ได้แจ้งรายได้ดังกล่าวไว้กับสำนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน (ป.ป.ช.) ไว้ด้วยว่าได้รับเงินค่าที่ปรึกษาปีละ 400,000 บาท ซึ่งความเป็นจริงแล้วนายศักดิ์สยาม มีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
@เข้ามารอบ 2 เพิ่มทุนอีก 4 ครั้งรวม 119 ล้านบาท
การเข้ามาบริหารกิจการของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นในคราวนี้นายศักดิ์สยาม ระบุว่ามีลงทุนเพิ่มเติมโดยการนำเงินสดเข้ามาเพิ่มทุนจำนวน 4 ครั้ง เข้าบัญชี ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เลขที่ 4016051302 สาขาบุรีรัมย์ ชื่อบัญชี ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น
ครั้งที่ 1 วันที่ 26 มี.ค. 2558 จำนวน 1,000 บาท
ครั้งที่ 2 วันที่ 27 มี.ค. 2558 จำนวน 25,499,000 บาท
ครั้งที่ 3 วันที่ 30 มี.ค. 2558 จำนวน 40,000,000 บาท
ครั้งที่ 4 วันที่ 7 ต.ค. 2558 จำนวน 54,000,000 บาท
รวมเป็นจำนวนเงินเพิ่มทุนทั้งสิ้นจำนวน 119,500,000 บาท เป็นการเพิ่มทุนด้วยเงินสดเป็นจำนวนมากอย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมกันนี้ยังได้มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงที่ตั้งห้างหุ้นส่วนฯ จากเดิมเลขที่ 229 หมู่ 11 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ มายังบ้านเลขที่ 30/2 หมู่ 15 ตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับบ้านพักอาศัยของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยมีมติวินิจฉัยว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินการรถไฟให้การรถไฟดำเนินการฟ้องขับไล่
@ปี 59-61 รายได้ทะลุ 456 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในช่วงระยะเวลาที่มีการเพิ่มทุนห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นดังกล่าว ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น โดยการบริหารของนายศักดิ์สยาม รอบนี้ เริ่มเข้ามาประมูลงานในหน่วยงานราชการจนชนะการประมูลและได้ลงนามสัญญากับหน่วยงานของรัฐในสังกัดกระทรวงคมนาคมอย่างต่อเนื่อง
โดยใน ปี 2559 มีรายได้จากผลประกอบกิจการจำนวน 236,000,000 บาท ,ปี 2560 มีรายได้ 340,000,000 บาท และในปี 2561 มีรายได้ 456,000,000 บาท เมื่อปรากฏว่ากิจการของบุรีเจริญกำลังมีแนวโน้มผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการได้รับงานจากภาครัฐ กลับปรากฏข้อเท็จจริงว่าเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2561 นายศักดิ์สยาม ได้ลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด และโอนเงินลงหุ้นให้กับนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นจำนวนเงิน 119,499,000 บาท (หนึ่งร้อยสิบเก้าล้านสี่แสนเก้าหมื่นเก้าพันบาท) และให้นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เข้าเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการไม่จำกัดความรับผิด
กรณีดังกล่าวถือเป็นความผิดปกติวิสัยของวิญญูชนที่ประกอบธุรกิจ จึงเชื่อได้ว่าการโอนหุ้นดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนาลวงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 154 ไม่มีนิติกรรมการโอนหุ้นดังกล่าวกันจริง โดยข้อเท็จจริงข้างต้นขัดกับเหตุผล 12 ประการ เช่น
@พิรุธโอนหุ้นให้ 'ศุภวัฒน์'
1.ธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นเป็นกิจการภายในครอบครัวของนายศักดิ์สยาม และเครือญาติที่ได้ประกอบกิจการมาตั้งแต่ปี 2539-2561 การโอนหุ้นให้กับนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ซึ่งมิใช่เครือญาติและเป็นบุคคลภายนอกจึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยที่นายศักดิ์สยาม ยินยอมโอนหุ้นทั้งหมดจำนวน 99 % และให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการด้วย
2.การที่นายศักดิ์สยาม เพิ่งจะเข้ามาเพิ่มทุนด้วยจำนวนเงินสด 119,500,000 บาทและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 99 % และช่วงระยะเวลาขณะโอนหุ้นให้กับนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ห้างฯมีผลประกอบการที่กำลังมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างมากและมีกำไรเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมา แต่เหตุใดนายศักดิ์สยาม จึงโอนหุ้นในราคาพาร์หรือเท่ากับที่ตนเองได้เพิ่มทุนจำนวน 119,500,000 บาท ให้กับนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ โดยไม่คิดถึงผลกำไร หรือมูลค่าสินทรัพย์ของห้างฯ ตลอดจนผลประกอบการที่มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่องย่อมผิดวิสัยของการประกอบธุรกิจที่มุ่งประสงค์ผลกำไรจากการลงทุนประกอบกิจการ
3.ไม่พบหลักฐานการโอนเงินชำระค่าหุ้นของนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ให้กับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ให้สอดคล้องต้องกันกับช่วงระยะเวลาที่ซื้อขายหรือโอนหุ้น ไม่ปรากฏหลักฐานการทำธุรกรรมทางการเงินและไม่พบการแจ้งการเบิกถอนเงินต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามระเบียบของธนาคารและตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 2542
4.ในงบการเงินของบริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด ปี 2561-2564 ปรากฎชื่อนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ เป็นผู้ให้เงินกู้ระยะยาวจำนวน 221,500,000 บาทและจำนวน 143,200,000 บาทและจำนวน 152,200,000 บาท และจำนวน 250,000,000 บาทตามลำดับ
แต่เมื่อ ปี 2558-2562 ปรากฏข้อเท็จจริงว่านายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ยื่นแบบการเสียภาษีแสดงรายได้ต่อกรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ระบุว่ามีรายได้จำนวนเพียง 108,000 บาทต่อ/ปี หรือเฉลี่ยเดือนละ 9,000 บาทต่อ/เดือนเท่านั้น และรายได้ดังกล่าวเป็นรายได้ที่นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ มีสถานะเป็นลูกจ้างพนักงานบริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ 1991 จำกัด ที่มีนายศักดิ์สยาม เป็นกรรมการบริษัทหรือในฐานะนายจ้าง รายได้ดังกล่าวของนายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ จึงไม่อยู่ในเกณฑ์การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับกรมสรรพากร
ข้อมูลดังกล่าวน่าเชื่อว่านายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ ไม่มีเงินเพียงพอต่อการซื้อหุ้นและชำระค่าหุ้นจำนวน 119,500,000 บาท ให้กับนายศักดิ์สยาม เพราะปรากฏว่านายศุภวัฒน์ มีรายได้เพียงเดือนละ 9,000 บาท จากการเป็นพนักงานบริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด
เท่านั้นไม่พอยังพบว่าในช่วงเวลาเดียวกันกับการทำนิติกรรมลวงโอนหุ้นดังกล่าว บริษัท ศิลาชัยบุรีรัมย์ (1991) จำกัด ได้ลงรายการในงบการเงินระบุว่าเป็นลูกหนี้กู้ยืมเงินนายศุภวัฒน์ ในช่วงที่นายศุภวัฒน์ยังคงมีสถานะเป็นพนักงานลูกจ้าง จำนวนรวมกว่า 240 ล้านบาท จึงทำให้เห็นได้อย่างประจักษ์ชัดแจ้งว่าจำนวนเงินดังที่ปรากฏตามงบการเงินของบริษัทที่ปรากฏ รายได้ของนายศุภวัฒน์ มีไม่เพียงพออย่างแน่นอน เชื่อได้ว่าธุรกรรมการเงินที่ปรากฏตามงบการเงิน หรือตามสัญญาโอนหุ้นไม่ได้มีเกิดขึ้นจริง นิติกรรมการโอนหุ้นจึงเป็นเพียงนิติกรรมการแสดงเจตนาลวงเท่านั้น หุ้นจำนวนมากกว่า 99% ในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ยังคงเป็นของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ โดยปราศจากสงสัย
5.ยินยอมอนุญาตให้นายศุภวัฒน์ เกษมสุทธิ์ และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นใช้สถานที่พักอาศัยของนายศักดิ์สยาม ประกอบกิจการอย่างต่อเนื่อง แม้นายศักดิ์สยามจะขายหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญฯ ไปแล้ว จนกระทั่งต่อมาได้แจ้งย้ายสถานประกอบการก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพียง 23 วัน ย่อมแสดงให้เห็นได้ว่าการที่นายศักดิ์สยาม อ้างว่าได้ขายหุ้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นจึงขัดแย้งต่อข้อเท็จจริง
6.นายศักดิ์สยาม ได้รับผลตอบแทนจากห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น เป็นจำนวนมากถึง 400,000 บาทต่อปี แม้จะออกจากห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญฯไปแล้วก็ตาม และจากการระบุรายได้การเป็นที่ปรึกษาของห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นนั้น ได้สอดคล้องกับการยื่นแบบรายการเสียภาษีบุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากรและเจือสมกับการแสดงรายการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.
แต่ในทางกลับกันนายศุภวัฒน์ ซึ่งมีสถานะเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดและเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการหรือเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้นใหญ่ กลับไม่ได้รับเงินหรือค่าตอบแทนใดๆจากห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่นแต่ประการใด จึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยการทำธุรกิจอย่างยิ่ง
7.ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ได้รับงานจากกรมทางหลวง ทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กำกับดูแลของนายศักดิ์สยาม ซึ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีส่วนเป็นผู้เสนองบประมาณตามกฎหมายในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรผู้พิจารณางบประมาณ ประกอบกับเป็นรองประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เป็นผู้มีส่วนทั้งทางตรงและทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย
จากข้อมูลและหลักฐานทำให้ห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ได้รับงานเป็นคู่สัญญาใช้งบประมาณรายจ่ายกับหน่วยงานกระทรวงคมนาคมจำนวนมูลค่าหลายพันล้านบาท การกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 144 วรรคสอง อย่างประจักษ์ชัด เป็นต้น
ที่มาภาพ: กระทรวงคมนาคม
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับกรณีข้อกล่าวหาการถือหุ้น ใน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น นั้น นายศักดิ์สยาม เคยชี้แจงต่อสาธารณชนหลายครั้งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเอกชนรายนี้แล้ว โดยได้โอนหุ้นให้บุคคลอื่นไปแล้ว เจตนาของพรรคฝ่ายค้านที่ยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้เป็นไปเพื่อกลั่นแกล้งตนเอง
ขณะที่ปัจจุบันศาลรัฐธรรมนูญ ยังมิได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาดในข้อกล่าวหานี้ว่ามีความผิดแต่อย่างใด นายศักดิ์สยาม และผู้เกี่ยวข้องจึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อ่านประกอบ:
- ‘ศาลรัฐธรรมนูญ’ เห็นชอบขยายเวลาอีก 30 วัน ‘ศักดิ์สยาม’ ทำคำชี้แจงปมถือหุ้นรับเหมา
- ศาล รธน.สั่ง ‘ศักดิ์สยาม’ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ปมถือหุ้นรับเหมา
- ย้อนไทม์ไลน์ ปมถือหุ้นรับเหมา‘ศักดิ์สยาม’ ก่อนศาล รธน.สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่
- ยื่นศาล รธน. สอบ ‘ศักดิ์สยาม’ เข้าข่ายผิด ม.144 ปมเป็นกมธ.งบฯ ทำให้ได้ผลประโยชน์
- ‘ชูวิทย์’ ยื่น ป.ป.ช. 4 ปมสอบ ‘คมนาคม - ส.ป.ก.’ ขยายผลยุบ ‘ภูมิใจไทย’
- ‘ชูวิทย์’ ยื่น ‘คมนาคม’ สอบ 4 ปมยุค ‘ศักดิ์สยาม’ เลขาฯครม.แนะสายสีส้มให้รอ รบ.หน้า
- อภิปรายไม่ไว้วางใจ : 'ศักดิ์สยาม'งัดหลักฐานเงิน 119 ล.ยันซื้อขายหุ้น หจก.บุรีเจริญฯจริง
- เอื้องบบุรีรัมย์-เอี่ยวผู้รับเหมา! พรรคร่วมฝ่ายค้าน ลุยยื่นคำร้องถอดถอน 'ศักดิ์สยาม'
- คลี่12ปมส่อขายหุ้นให้นอมินี! เปิดคำร้องส่ง'ศาล รธน.'วินิจฉัย'ศักดิ์สยาม'พ้น‘รมต.’หรือไม่
- ภูมิใจไทย อัดฝ่ายค้าน ถอดถอน ‘ศักดิ์สยาม’ ใช้สิทธิไม่สุจริต - เป็นเกมการเมือง
- ยื่น ป.ป.ช.ฟัน'ศักดิ์สยาม' 3 เรื่อง! 'ทวี'แนะปมเขากระโดง ส่งศาลฎีกาสอบจริยธรรมทันที
- หจก.บุรีเจริญฯ สินทรัพย์ 205 ล้าน ไฉน!‘ศักดิ์สยาม’ ขายให้เพื่อน 119 ล.
- ย้อนดูข้อมูลอิศรา คุ้ย 'หจก.บุรีเจริญฯ' ก่อน ก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ 'ศักดิ์สยาม'
- คุ้ยทรัพย์สิน ส.ส.‘ศักดิ์สยาม’! ใช้ที่อยู่เดียว หจก.บุรีเจริญฯ 25 วันก่อนเปลี่ยน?
- เจาะ 4 โครงการทำถนน คค.-หจก.รับเหมาฯคดีเขากระโดงคว้างาน 122 ล.คู่เทียบเดิม?
- โชว์สัญญาจัดจ้าง! หจก.รับเหมาฯคดีเขากระโดง ใช้ที่อยู่‘ศักดิ์สยาม’คว้างานรัฐ 1.2 พันล.
- หจก.บุรีเจริญฯใช้บ้าน‘ศักดิ์สยาม’เป็นที่ตั้ง-แจ้งเปลี่ยนก่อนนั่ง รมว.คมนาคม 23 วัน
- โชว์สัญญาโอนหุ้น หจก.บุรีเจริญฯ‘ศักดิ์สยาม-ศุภวัฒน์’ 119.4 ล.-ไม่ระบุจ่ายเงินหรือไม่?
- ปี 58‘ศักดิ์สยาม’คัมแบ็กหุ้นใหญ่ หจก.บุรีเจริญฯ เพิ่มทุน 119.5 ล.-โอนเกลี้ยงปี 61
- เจาะ หจก.บุรีเจริญฯ‘ศักดิ์สยาม-เพิ่มพูน’ ร่วมก่อตั้ง-ลงหุ้นปี 39 ก่อนไขก๊อกปี 40
- เปิดละเอียด! ข้อกล่าวหา’ศักดิ์สยาม-อนุพงษ์’ เอื้อพวกพ้อง-ไม่ถอนโฉนดรุก ‘เขากระโดง’
- ฝ่ายค้านยื่น ป.ป.ช.สอบอีก 2 รมต. ที่ดินเขากระโดง ‘ศักดิ์สยาม’-‘นิพนธ์’โดนนิคมฯจะนะ
- ออกไปนานแล้ว! 'ศักดิ์สยาม' แจงสัมพันธ์ หจก.บุรีเจริญฯ ปมที่ดิน ‘เขากระโดง’
- ‘ศุภวัฒน์-หจก.บุรีเจริญฯ’ 2 ตัวละครมหากาพย์ ‘เขากระโดง’ บริจาค ภท. ปี 62 รวม 7.5 ล.
- คำพิพากษาศาลฎีกาชี้ชัด! ‘เขากระโดง’ที่ดินรถไฟ สะเทือน‘ช้างอารีน่า-บุรีรัมย์คาสเซิล’
- 23 ปียังไม่เพิกถอนโฉนด! เปิดบันทึกกฤษฎีกาชี้ชัด ‘เขากระโดง’ 5 พันไร่ ที่ดินรถไฟ
- พลิกแฟ้มป.ป.ช.! สั่งถอนโฉนดตระกูล ‘ชิดชอบ’ ทับที่ดินรถไฟ ‘เขากระโดง’
- ได้งาน คค.7 ปีหลังสุด 1.9 พันล.! หจก.บุรีเจริญฯของ‘ตัวละครสำคัญ’มหากาพย์‘เขากระโดง’
- เปิดตัว ‘ศุภวัฒน์’ คู่พิพาทที่รถไฟ ‘เขากระโดง’-บริจาค ภท.-‘ศักดิ์สยาม’ เคยเป็นกุนซือ
- ควันหลงซักฟอก! 'ประเสริฐ'ร้อง ป.ป.ช.10 มี.ค.เอาผิด'บิ๊กตู่-จุรินทร์'คดีถุงมือยาง
- มหากาพย์ที่ดิน ‘เขากระโดง’ โยง ‘ศักดิ์สยาม-ญาติ’ มีบ้านพักบน ‘ที่หลวง’